สืบเนื่องมาจากผมและแฟนพึ่งได้ว่างพักผ่อนจากการทำงานหนักติดต่อมาตั้งแต่ปลายปี 58 จนถึงต้นปี 59 ครับ ช่วงเค้าท์ดาวน์เลยไม่ได้ไปเที่ยวไหน พอเสร็จงานแล้วจึงรีบคิดทริปไปเที่ยวกันปุบปับ ว่าช่วงหน้าหนาวจะไปไหนกันดี ยากขึ้นตรงที่ช่วงนี้รถผมเข้าศูนย์เอารถไปเคลมก่อนต่อประกันพอดี ทำให้คิดกันหนักมากขึ้นว่าจะเดินทางกันยังไง ที่ไหนดี สรุปคือต้องเดินทางโดยเครื่องบิน โดยจุดหมายปลายทางที่เราจะไปคือภาคเหนือ ดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่เราจึงเริ่มหาข้อมูลการเดินทางทันที และที่พักในครั้งนี้คือดอยชัวร์ญ่าครับ
โดยเรามีกำหนดไปกัน 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 13-16 มกราคม ด้วยความที่วันจองตั๋วกระชั้นชิด ทำให้ตั๋วเครื่องบินก็แพงพอควรเลย (ได้ที่นั่ง hot seat กันเลยทีเดียว) วันแรกวางแผนไว้ว่าไปถึงเชียงใหม่ตอนบ่าย 3 โมง กะไปพักเดินเล่นที่นิมมานก่อน 1 คืน แล้วค่อยขึ้นเขาไปบนดอยเช้าอีกวัน แต่เราหาที่พักไม่ได้เลยเต็มทุกที่ ไล่เซิร์ชหาที่ต่างๆ หางบที่ไม่เกิน 1,000 บาท/คืน ก็เต็มทุกที่ ผมเลยตัดสินใจเปลี่ยนแผนขึ้นดอยเลยดีกว่า แล้วจึงหาข้อมูลบนดอยว่ามีที่พักที่ไหนบ้าง โทรไปถามเจ้าหน้าที่อุทยานก็บอกช่วงนี้ไม่รับจองเหมือนปรับปรุงอะไรซักอย่าง เค้าเลยให้เบอร์แนะนำที่ดอยชัวร์ญ่ามาครับ ได้เบอร์มาก็รีบโทรจองห้องพักเลย โทรหลายรอบมากๆ กว่าจะติด แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีครับ ห้องพักที่ดอยชัวร์ญ่าว่าง 2 คืนคือคืนวันที่ 13 กับ 14 พอดี แต่ด้วยความที่ไม่ค่อยแน่ใจว่าห้องพักจะเป็นแบบไหน จะโอเคมั้ย จะไปไหนต่อรึเปล่า เลยจองไปแค่คืนเดียวคือคืนที่ 13 ส่วนวันต่อมาถ้าไม่มีที่พักก็กะว่าจะนอนเต๊นท์ครับ พอจองทุกอย่างเสร็จปั๊บ ก็ไม่ได้คิดอะไรต่อแล้วครับ หาข้อมูลภาพบรรยากาศสวยๆ มันอยากไปแล้ว ไม่ได้สนใจเรื่องอื่นว่าเราจะไปจากดอยอะไรยังไง พอได้วันเดินทาง และที่พักเสร็จแล้ว ก็จัดเตรียมเสื้อผ้าทุกอย่างใส่กระเป๋าลากเรียบร้อย แต่จู่ๆ ก็เกิดเอะใจกันขึ้นมาว่า กระเป๋าลากขึ้นดอยคงลำบากน่าดู ควรหาเป็นกระเป๋าแบ็คแพ็คดีกว่า ว่าแล้วก็ออกตามล่าหากระเป๋าแบ็คแพ็คที่ถูกใจ และอุปกรณ์ที่จะไปนอนบนเขากัน ในชีวิตไม่เคยคิดเรื่องการแบ็คแพ็คเลย และอีกวันนึงต้องออกเดินทางแล้ว ก็วิ่งเข้าไปสิครับ หาข้อมูล หาแหล่งซื้อ ขนาดกระเป๋า สุดท้ายก็ได้กระเป๋าขนาด 60 ลิตรมาครับ หลังจากเตรียมทุกสิ่งเสร็จแล้วก็ปาเข้าไปคืนวันที่ 12 ก่อนออกเดินทางอีกวันเลยครับ เหนื่อยกันยันวันสุดท้ายจริงๆ
ทริปนี้ผมใช้กล้อง dslr กับ iphone ผสมกัน และอีกอย่างคือผมไม่ใช่คนถนัดแนวแลนด์สเคปเลย อยากมาแชร์ประสบการณ์สนุกๆ ครับ ผิดพลาดอะไรต้องขออภัยด้วยนะครับ
วันแรกเริ่มผจญภัย (13 มกราคม)
เราเดินทางไปถึงสนามบินดอนเมืองเช็คอินตั้งแต่เที่ยง พร้อมออกเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชีย ไปถึงตอนบ่าย 3 เป๊ะ พร้อมมุ่งสู่ดอยชัวร์ญ่า เคยอ่านจากรีวิวหนึ่งเค้าบอกว่า เมื่อลงเครื่องแล้ว ให้เดินไปขึ้นรถตรงฝั่งโรบินสันได้ แต่พอออกจากสนามบินเราก็ไม่รู้จักทางอะไรเลย พอถามคนแถวสนามบินเค้าก็บอกให้นั่งแท๊กซี่เหมาขึ้นดอยเลย (เหมา 3,500 แพงใช้ได้เลยฮะ) หรือนั่งรถแดงเข้าไปประตูเมือง (บอกเค้าไปลงท่ารถไปจอมทอง) แน่นอนว่าเราเลือกอันหลัง 555 ก็นั่งรถแดงจากสนามบินไปครับ ก่อนขึ้นต้องต่อรองราคาตามธรรมเนียมก่อน สรุปโดนไปคนละ 50 บาท พี่รถแดงก็พาไปส่งที่ท่ารถไปจอมทองผู้คนมานั่งรอกันก่อนอยู่แล้วเกือบเต็มคัน
รถออกเดินทางประมาณบ่าย 3 โมง 40 ได้ ตอนแรกพี่โชว์เฟอร์บอกใช้เวลาเดินทางไปจอมทอง(ตีนดอย) ประมาณ 1 ชม.นิดๆ เอาเข้าจริงเกือบ 2 ชม.เลย (มาดูแผนที่ทีหลังเห็นระยะทางประมาณ 45 กิโลจากตรงจุดนี้ไปจอมทอง) ซึ่งรถคันสุดท้ายที่จะขึ้นไปที่ดอยชัวร์ญ่าคือ 5 โมงครึ่ง ไปถึงท่ารถก็ประมาณ 5 โมง 15 คือบอกตามตรงว่าลุ้นเหมือนกัน กลัวคนเต็มแล้วรถออกก่อนต้องเหมารถขึ้นดอยอย่างเดียว
อ้อ ที่นี่หลายคนเค้าจะไม่ค่อยรู้จักคำว่า ดอยชัวร์ญ่านะครับ ต้องบอกไปกม.ที่ 31 (ตรงตีนเขาก่อนถึงท่ารถจอมทอง จะมีรถไปดอยอินทนนท์ด้วย แต่อันนี้ไม่ทราบราคา เพราะเป้าหมายคือต้องไปให้ถึงดอยชัวร์ญ่าให้ได้ก่อน) และที่สำคัญถ้าจะไปดอยชัวร์ญ่านี่ รถเหลืองคือที่จะขึ้นไป คือ รถแม่แจ่มนะครับ บรรยากาศท่ารถจอมทอง
ดอยชัวร์ญ่าจะไม่ใช่จุดที่รถผ่านโดยตรง ตอนแรกเค้าบอก 70 บาท แต่ถ้าให้เค้าไปส่งถึงดอยชัวร์ญ่าเลยจะเพิ่มเป็นคนละ 100 บาทครับ (อ่านรีวิวมาแล้วแม้จะไม่ไกลมาก แต่ทางเป็นภูเขาชันพอควรเลย) ก่อนขึ้นรถมาผมก็ไม่ลืมถามว่าการเดินทางขึ้นมาตรงกม.ที่ 31 นี่ใช้เวลากี่นาที เค้าก็บอกแค่ชม.เดียว เอาจริงๆ ก็ชม.ครึ่งกว่าๆ เลย (แอบสงสัยที่นี่อาจใช้หน่วยเวลาเป็นชม.แม้วก็เป็นได้) ตลอดทางพอเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็เริ่มมืดขึ้นๆ ครับ เข้าใจแล้วว่าทำไมรถคันสุดท้ายถึงมีแค่ห้าโมงครึ่ง..
และแล้วก็มาถึงที่พักของเรา...ตอนหกโมงครึ่ง ฟ้ามืดสนิท อากาศเย็นมากมายครับ พอเช็คอินเข้าถึงห้องพัก (แต่จริงๆ มันคือบ้านพักเลย) เราได้บ้านเบอร์ B6 สิ่งแรกที่ทำคือนอนเลยจ้าาาาา...เพลียมาก เพราะก่อนออกเดินทางคืนก่อนก็นอนกันตี 4 แล้ว ตอนเช้าก็ตื่นตั้งแต่ 8 โมง ต้องรีบเคลียร์งานส่งลูกค้าแต่เช้า ออกจากบ้านไปสนามบินตอนเที่ยง มาถึงเชียงใหม่ตอนบ่าย 3 แล้วแบ็คแพ็คขึ้นรถวิ่งยาวมาถึงที่พัก 6 โมงครึ่ง สลบครับ ตื่นมาอีกทีตอน 5 ทุ่ม (ตื่นมาทำไม) ก็ลองออกเดินหาของกินดูปิดทุกร้านครับ เห็นพนักงานในร้านนั่งดูบอลไทยเชียร์สนุกมากมาย 5555
ที่ดอยจะมีอาหารยอดฮิตอยู่ 1 อย่าง นั่นคือ...หมา..ไม่ใช่หมาธรรมดาแต่เป็น..หมา..กะ..ทุ๊......หมูกะทะ (จะเอาฮาไปไหน) ตอนแรกก็คาใจว่าทำไมถึงนิยมกินจัง แต่พอมาอยู่กับอากาศแบบนี้แล้ว เข้าใจเลยครับ หมูกะทะร้อนๆ กับอากาศหนาวๆ แบบนี้ โคตรเข้ากันเลยจริงๆ แต่คืนแรกเราดันพลาดไปซะแล้ว ไม่เป็นไรๆๆ ไว้แก้ตัวคืนพรุ่งนี้ละกัน
เดินเซอร์เวย์เสร็จแล้วก็เข้านอนต่อเลยละกัน อากาศคืนนี้ก็อุ่นขึ้นนิดนึงครับ (คนแถวนั้นบอก) แค่ 14 องศา...เบาๆ...(เหรออออ) เรื่องอาบน้ำค่อยว่ากันพรุ่งนี้เนอะ
เดี๋ยวมีเวลาจะรีบมาเล่าเรื่องต่อนะครับ ขอตัวไปทำงานก่อนครับ
[CR] แบ๊คแพ๊คขึ้นดอยอินทนนท์ครั้งแรก
โดยเรามีกำหนดไปกัน 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 13-16 มกราคม ด้วยความที่วันจองตั๋วกระชั้นชิด ทำให้ตั๋วเครื่องบินก็แพงพอควรเลย (ได้ที่นั่ง hot seat กันเลยทีเดียว) วันแรกวางแผนไว้ว่าไปถึงเชียงใหม่ตอนบ่าย 3 โมง กะไปพักเดินเล่นที่นิมมานก่อน 1 คืน แล้วค่อยขึ้นเขาไปบนดอยเช้าอีกวัน แต่เราหาที่พักไม่ได้เลยเต็มทุกที่ ไล่เซิร์ชหาที่ต่างๆ หางบที่ไม่เกิน 1,000 บาท/คืน ก็เต็มทุกที่ ผมเลยตัดสินใจเปลี่ยนแผนขึ้นดอยเลยดีกว่า แล้วจึงหาข้อมูลบนดอยว่ามีที่พักที่ไหนบ้าง โทรไปถามเจ้าหน้าที่อุทยานก็บอกช่วงนี้ไม่รับจองเหมือนปรับปรุงอะไรซักอย่าง เค้าเลยให้เบอร์แนะนำที่ดอยชัวร์ญ่ามาครับ ได้เบอร์มาก็รีบโทรจองห้องพักเลย โทรหลายรอบมากๆ กว่าจะติด แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีครับ ห้องพักที่ดอยชัวร์ญ่าว่าง 2 คืนคือคืนวันที่ 13 กับ 14 พอดี แต่ด้วยความที่ไม่ค่อยแน่ใจว่าห้องพักจะเป็นแบบไหน จะโอเคมั้ย จะไปไหนต่อรึเปล่า เลยจองไปแค่คืนเดียวคือคืนที่ 13 ส่วนวันต่อมาถ้าไม่มีที่พักก็กะว่าจะนอนเต๊นท์ครับ พอจองทุกอย่างเสร็จปั๊บ ก็ไม่ได้คิดอะไรต่อแล้วครับ หาข้อมูลภาพบรรยากาศสวยๆ มันอยากไปแล้ว ไม่ได้สนใจเรื่องอื่นว่าเราจะไปจากดอยอะไรยังไง พอได้วันเดินทาง และที่พักเสร็จแล้ว ก็จัดเตรียมเสื้อผ้าทุกอย่างใส่กระเป๋าลากเรียบร้อย แต่จู่ๆ ก็เกิดเอะใจกันขึ้นมาว่า กระเป๋าลากขึ้นดอยคงลำบากน่าดู ควรหาเป็นกระเป๋าแบ็คแพ็คดีกว่า ว่าแล้วก็ออกตามล่าหากระเป๋าแบ็คแพ็คที่ถูกใจ และอุปกรณ์ที่จะไปนอนบนเขากัน ในชีวิตไม่เคยคิดเรื่องการแบ็คแพ็คเลย และอีกวันนึงต้องออกเดินทางแล้ว ก็วิ่งเข้าไปสิครับ หาข้อมูล หาแหล่งซื้อ ขนาดกระเป๋า สุดท้ายก็ได้กระเป๋าขนาด 60 ลิตรมาครับ หลังจากเตรียมทุกสิ่งเสร็จแล้วก็ปาเข้าไปคืนวันที่ 12 ก่อนออกเดินทางอีกวันเลยครับ เหนื่อยกันยันวันสุดท้ายจริงๆ
ทริปนี้ผมใช้กล้อง dslr กับ iphone ผสมกัน และอีกอย่างคือผมไม่ใช่คนถนัดแนวแลนด์สเคปเลย อยากมาแชร์ประสบการณ์สนุกๆ ครับ ผิดพลาดอะไรต้องขออภัยด้วยนะครับ
วันแรกเริ่มผจญภัย (13 มกราคม)
เราเดินทางไปถึงสนามบินดอนเมืองเช็คอินตั้งแต่เที่ยง พร้อมออกเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชีย ไปถึงตอนบ่าย 3 เป๊ะ พร้อมมุ่งสู่ดอยชัวร์ญ่า เคยอ่านจากรีวิวหนึ่งเค้าบอกว่า เมื่อลงเครื่องแล้ว ให้เดินไปขึ้นรถตรงฝั่งโรบินสันได้ แต่พอออกจากสนามบินเราก็ไม่รู้จักทางอะไรเลย พอถามคนแถวสนามบินเค้าก็บอกให้นั่งแท๊กซี่เหมาขึ้นดอยเลย (เหมา 3,500 แพงใช้ได้เลยฮะ) หรือนั่งรถแดงเข้าไปประตูเมือง (บอกเค้าไปลงท่ารถไปจอมทอง) แน่นอนว่าเราเลือกอันหลัง 555 ก็นั่งรถแดงจากสนามบินไปครับ ก่อนขึ้นต้องต่อรองราคาตามธรรมเนียมก่อน สรุปโดนไปคนละ 50 บาท พี่รถแดงก็พาไปส่งที่ท่ารถไปจอมทองผู้คนมานั่งรอกันก่อนอยู่แล้วเกือบเต็มคัน
รถออกเดินทางประมาณบ่าย 3 โมง 40 ได้ ตอนแรกพี่โชว์เฟอร์บอกใช้เวลาเดินทางไปจอมทอง(ตีนดอย) ประมาณ 1 ชม.นิดๆ เอาเข้าจริงเกือบ 2 ชม.เลย (มาดูแผนที่ทีหลังเห็นระยะทางประมาณ 45 กิโลจากตรงจุดนี้ไปจอมทอง) ซึ่งรถคันสุดท้ายที่จะขึ้นไปที่ดอยชัวร์ญ่าคือ 5 โมงครึ่ง ไปถึงท่ารถก็ประมาณ 5 โมง 15 คือบอกตามตรงว่าลุ้นเหมือนกัน กลัวคนเต็มแล้วรถออกก่อนต้องเหมารถขึ้นดอยอย่างเดียว
อ้อ ที่นี่หลายคนเค้าจะไม่ค่อยรู้จักคำว่า ดอยชัวร์ญ่านะครับ ต้องบอกไปกม.ที่ 31 (ตรงตีนเขาก่อนถึงท่ารถจอมทอง จะมีรถไปดอยอินทนนท์ด้วย แต่อันนี้ไม่ทราบราคา เพราะเป้าหมายคือต้องไปให้ถึงดอยชัวร์ญ่าให้ได้ก่อน) และที่สำคัญถ้าจะไปดอยชัวร์ญ่านี่ รถเหลืองคือที่จะขึ้นไป คือ รถแม่แจ่มนะครับ บรรยากาศท่ารถจอมทอง
ดอยชัวร์ญ่าจะไม่ใช่จุดที่รถผ่านโดยตรง ตอนแรกเค้าบอก 70 บาท แต่ถ้าให้เค้าไปส่งถึงดอยชัวร์ญ่าเลยจะเพิ่มเป็นคนละ 100 บาทครับ (อ่านรีวิวมาแล้วแม้จะไม่ไกลมาก แต่ทางเป็นภูเขาชันพอควรเลย) ก่อนขึ้นรถมาผมก็ไม่ลืมถามว่าการเดินทางขึ้นมาตรงกม.ที่ 31 นี่ใช้เวลากี่นาที เค้าก็บอกแค่ชม.เดียว เอาจริงๆ ก็ชม.ครึ่งกว่าๆ เลย (แอบสงสัยที่นี่อาจใช้หน่วยเวลาเป็นชม.แม้วก็เป็นได้) ตลอดทางพอเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็เริ่มมืดขึ้นๆ ครับ เข้าใจแล้วว่าทำไมรถคันสุดท้ายถึงมีแค่ห้าโมงครึ่ง..
และแล้วก็มาถึงที่พักของเรา...ตอนหกโมงครึ่ง ฟ้ามืดสนิท อากาศเย็นมากมายครับ พอเช็คอินเข้าถึงห้องพัก (แต่จริงๆ มันคือบ้านพักเลย) เราได้บ้านเบอร์ B6 สิ่งแรกที่ทำคือนอนเลยจ้าาาาา...เพลียมาก เพราะก่อนออกเดินทางคืนก่อนก็นอนกันตี 4 แล้ว ตอนเช้าก็ตื่นตั้งแต่ 8 โมง ต้องรีบเคลียร์งานส่งลูกค้าแต่เช้า ออกจากบ้านไปสนามบินตอนเที่ยง มาถึงเชียงใหม่ตอนบ่าย 3 แล้วแบ็คแพ็คขึ้นรถวิ่งยาวมาถึงที่พัก 6 โมงครึ่ง สลบครับ ตื่นมาอีกทีตอน 5 ทุ่ม (ตื่นมาทำไม) ก็ลองออกเดินหาของกินดูปิดทุกร้านครับ เห็นพนักงานในร้านนั่งดูบอลไทยเชียร์สนุกมากมาย 5555
ที่ดอยจะมีอาหารยอดฮิตอยู่ 1 อย่าง นั่นคือ...หมา..ไม่ใช่หมาธรรมดาแต่เป็น..หมา..กะ..ทุ๊......หมูกะทะ (จะเอาฮาไปไหน) ตอนแรกก็คาใจว่าทำไมถึงนิยมกินจัง แต่พอมาอยู่กับอากาศแบบนี้แล้ว เข้าใจเลยครับ หมูกะทะร้อนๆ กับอากาศหนาวๆ แบบนี้ โคตรเข้ากันเลยจริงๆ แต่คืนแรกเราดันพลาดไปซะแล้ว ไม่เป็นไรๆๆ ไว้แก้ตัวคืนพรุ่งนี้ละกัน
เดินเซอร์เวย์เสร็จแล้วก็เข้านอนต่อเลยละกัน อากาศคืนนี้ก็อุ่นขึ้นนิดนึงครับ (คนแถวนั้นบอก) แค่ 14 องศา...เบาๆ...(เหรออออ) เรื่องอาบน้ำค่อยว่ากันพรุ่งนี้เนอะ
เดี๋ยวมีเวลาจะรีบมาเล่าเรื่องต่อนะครับ ขอตัวไปทำงานก่อนครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น