Blessthefall คืออีกวงที่ติดมากับกระแสPosthardcoreยุค2000 ที่ตอนนี้ยังคงมีผลงานต่อเนื่องตามวาระโอกาส2ปีเป้ะ ไม่ขาดตอนและTo Those Left Behind คืออัลบัมเต็มๆชุดที่ 5ที่ยังคงอยู่ กับบ้าน ไร้ความกลัว Fearless Recordsอยู่
โดยการทำงานในอัลบัมนี้ ยังคงได้พ่อแว่นอัจฉริยะอย่าง Joey Sturgis ที่เข้ามาโปรดิวซ์และดูแลทางด้าน ซาวนด์อีเล็คทรอนิกส์,สังเคราะห์และเปียนโนรวมไปถึงคุมการร้องให้แก่สมาชิกทั้ง4ด้วย
แลดูเหมือนTo Those Left Behind จะเป็น ภาคต่อของ Hollow Bodies จริงๆนะถ้าพูดถึงส่วนผสมของอัลบัมนี้เรียกได้ว่าแทบจะเหมือนกับ เป้ะๆ คือยังคงเป็นPosthardcoreที่มีริฟฟ์กีตาร์ และ เมโลดีกีตาร์เท่ห์ๆ ผสานท่อนฮุคสวยๆติดหู พร้อมเสียงอิเล็คทรอนิกส์และเปียนโนจางๆเข้ามาผสานในบางเพลงจนบางเพลงถ้าไม่ได้อ่านชื่ออัลบัมยังเผลอคิดไปเองเลยว่ามันคือ B-side ของHollow Bodies จริงๆ
ส่วนทางด้านกีตาร์คู่ขุนขวานอย่างEricและElliotที่โตวันโตคืน โดยทั้งสองยังคงคิดไลน์กีตาร์ที่บ่งบอกถึงความคิดสร้างสรรค์ที่แตกแขนงออกไปได้ไม่หยุดอยู่กับที่ และกล้าบอกได้เลยว่า Blessthefallเป็นไม่กี่วงมีกีตาร์คู่ที่ทรงพลังได้อย่างเต็มปาก
To Those Left Behind คือครั้งแรกที่Beauเลือกที่จะเขียนเนื้อเพลงให้เชื่อมโยงเข้าหากันโดยอัลบัมนี้เป็นคอนเซปต์อัลบัมครั้งแรกจริงๆ เพราะเนื้อเพลงในทุกๆเพลงสามารถเป็น การระลึกถึงเรื่องราวเก่าๆ โดยใช้อารมณ์ หลากหลาย แต่จะเน้นทางด้านลบเช่น โกรธ โศกเศร้า ผิดหวัง และเสียใจ
อีกอย่างสังเกตุได้จากเนื้อเพลงในหลายๆเพลงในอัลบัมนี้ที่ดูเหมือนจะเน้นถึงความโกรธ เกลียดชังแบบสุดๆ
โดยใช้คำกึ่ง ก่นด่าแรงๆ ได้สอดแทรกลงไปในเพลงในอัลบัมอยู่แทบจะทุกเพลงเลยราวกับว่าความเกลียดชังช่วยหล่อเลี้ยงให้มีชีวิตก้าวเดินต่อไป
เรียกได้ว่านี่คือการเปลี่ยนแปลงแต่จะเป็นการเดินหน้าหรือถอยหลังอันนี้ต้องอยู่ที่คนฟังจริงๆแหละครับว่าจะชอบ เนื้อเพลงอารมณ์นี้หรือเปล่า
เสียดายอีกอย่างเนื่องด้วยการอยู่กับที่มากไปของวง จนทำให้คิดว่าควรจะเว้นช่วงการทำอัลบัมมั่ง เสียดายฝีมือดีๆของสมาชิกในวงที่ทำให้เพลงในอัลบัมนีไม่เป็นที่น่าจดจำเท่าที่ควร และนี่ขอสารภาพตรงๆเลยว่า นี่คืออัลบัมที่ชอบน้อยที่สุดใน 5ชุดเต็มๆของวงเลยครับ
TRACK BY TRACK
Decayer
"I'm calling you out Just to watch you choke"
อีกอย่างที่อดนึกถึงHollow Bodiesไม่ได้จริงๆ คือการตัดแทรคที่เป็นอินโทรออกไปและเริ่มด้วยแทรคเต็มๆ
โดย Decayerนั้นก็เหมือนกับ Exodusเพลงแรกในอัลบัมที่แล้วเช่นกันที่ใช้แค่อินโทรสั้นๆแค่20กว่าวิ และก็ไส่เบรคดาวน์กันเลย
เพลงนี้พูดถึงความสัมพันธ์แง่ลบที่จบออกมาไม่สวยนัก
Walk On Water
"Son of God, can you hear my cry?"
"We put our faith into you"
"How could you just watch them die?"
ด้วยความที่วงเป็นพวกChristianดังนั้นจึงต้องมีเพลงที่พูดถึงพระเจ้า เพียงแต่การพูดถึงครั้งนี้ไม่ได้พูดถึง ในเชิงสรรเสริญอย่างที่เคยเป็นมา
สานต่อความเดือดจากDecayerด้วยความเดือดกว่า เป็นอีกเพลงที่มีจังหวะบีทเร็วๆ และริฟฟ์กีตาร์ที่ถือว่าเล่นยากที่สุดเพลงนึงในอัลบัม
เพลงนี้ได้ทำเป็น MVที่ออกมาให้ชมกันในช่วงโปรโมตอัลบัม หลังจากนี้ก็ไม่เห็นมีข่าวว่าจะทำMVตัวต่อไปอีกเลย
Dead Air
"So long, this is harder than you know
But we'll remember everything
It's tough to let it go"
การเดินทางกว่า 12ปีเต็มๆถือว่านานได้เอาเรื่องเกือบจะครึ่งชีวิตของสมาชิกบางคนในวงเลยก็ว่าได้
หลายๆครั้งฟังเพลงนี้และนึกถึงBones Crew ในอัลบัมAwekeningไม่ได้โดยทั้งจังหวะบีทเร็วๆของกลองในเพลงที่ผ่อนลงในท่อนคอรัส และความหมายของเพลงที่หวนระลึกถึงการออกเดินทาง พร้อมทั้งอุดมไปด้วยเมโลดีล้วนๆโดยไม่มีเสียงสครีมบาดหูมากวนใจ เรียกได้ว่าเป็นภาคต่อของ Bones Crew เลยก็ว่าได้
ความพิเศษอีกอย่างของเพลงนี้ คือJaredได้ร่วมร้องผสานเสียงคลีนจางๆในอัลบัม
Up In Flames
"You're not the victim, you're my parasite"
ภาคดนตรียังเป็นPostกึ่งMetalcoreที่เน้นจังหวะเร็วๆเอามันส์ โดยJaredได้ถ่ายทอดอารมณ์ของเพลงผ่านเสียงสครีมได้อย่างสะใจจริงๆ
เพลงนี้เป็นอีกเพลงที่พูดถึงความเกลียดชังต่อการถูกตัดสินแต่เพียงเปลือกกาย
Against the Waves
"I refuse to be misled All the
I've been fed You're worthless to me"
ไม่มีการหยุดพักไม่มีการผ่อนปรน เพลงที่5ของอัลบัมยังคงใช้จังหวะเร็วๆ
แต่ Against the Wavesคือเพลงที่มีลูกเล่นหลายอย่าง โดยภาคดนตรี กีตาร์คู่เบสกลองได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่
โดยมีการใช้เสียงGang Vocal ดังๆเข้ามาสร้างสีสันและการใช้เสียงอีเล็คทรอนิกส์มันส์ๆในท่อนเบรคดาวน์ที่เหมาะกับการเล่นสดเป็นอย่างยิ่ง
เพลงนี้ยังคงใช้เนื้อหาแฝงความเกลียดชังเหมือนกันหลายๆเพลงที่ผ่านมา แต่ภาคดนตรีเร้าๆทำให้ดูผ่อนคลาย ไม่ได้ดูจริงจังซีเรียสเท่าไร สมควรแก่การฟังมอมเมาตัวเองและเป็นเพลงปลุกใจจริงๆ
แทรคนี้คือเพลงที่ผู้เขียนชอบที่สุดในอัลบัม
Looking Down from the Edge
"Would I trade the world that I know now
For a day that I don't miss you"
กว่าจะได้ผ่อนจังหวะลงจากความเดือดในเพลงที่แล้วมาก็ปาเข้าไปครึ่งอัลบัมเสียแล้ว
เพลงนี้เป็นเพลงที่มีเมโลดีสวยๆผสานกับริฟฟ์กีตาร์กระตุกๆพร้อมซาวนด์อีเล็คทรอนิกส์ตามแบบถนัดของ Sturgis
การหวนระลึกถึงสิ่งที่ผิดพลาดไป และความต้องการที่จะแลกเปลี่ยนอะไรที่ยิ่งใหญ่ เพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ มันถูกต้องแล้วหรือ?
Keep What We Love & Burn the Rest
"So I lie awake Waiting for the day You'll need me"
ได้เวลาสำรับเพลงช้าบัลลาดเอื่อยๆ ใช้จังหวะHip HopและR&Bเข้ามาแทรกเพลงนี้ประกอบด้วยเสียงคลีนล้วนๆผสานกับซาวนด์ซินธิไซเซอร์รองพื้นบางๆ
โดยเนื้อหาพูดถึงบุคคลที่ยังคงอยู่ในใจแม้จะไม่ได้พบเจออีกแล้วก็ตาม
Condition//Comatose
"Comatose concrete Stole my hopes and dreams"
Beauเริ่มเขียนเพลงนี้ขึ้นมาเป็นเพลงแรกในอัลบัมในช่วงระหว่างทัวร์ในท้ายตารางของHollow
โดยเพลงนี้จะใช้อารมร์คล้ายๆกับเพลงที่แล้ว โดยการใช้เสียงคลีนล้วนๆผสานๆกับเสียงเปียนโนของ Joey Sturgis ที่ยังคงมีความเศร้าหมองอยู่
น่าเสียดายที่เสียงคลีนยังคงหน้าเป็นห่วง โดยไม่สามารถดึงเสียงออกมาได้เต็มที่ผิดกับฝีมือภาคดนตรีของ เพื่อนร่วมวงที่พัฒนาไปไกลมากๆแล้ว
โดยเนื้อหาพูดถึงความเจ็บปวดความผิดหวังความหวาดระแวงความกลัว ของตัวเองล้วนๆ
Oatbreaker
"Your face hasn't changed, but you' ve become what we hated"
ริฟฟ์กีตาร์ ดุๆพร้อมท่อนคอรัสเท่ห์ๆผสานกับเบรคดาวน์
โดยเน้นทางด้านการหักหลัง การแปลเปลี่ยนจากมิตรเป็นศัตรูความเกลียดชังที่ไม่ลดหรือเลือนหายไปตามกาลเวลา
To Those Left Behind
"You're like a cancer living inside of me"
มาถึงเพลงที่เป็นไฮไลท์ของอัลบัม To Those Left Behind คือเพลงที่ถูกนำไปใช้เป็นชื่ออัลบัม ที่มาพร้อมกับ Metalcore ที่มาพร้อมริฟฟ์กีตาร์ลุยๆจังหวะเร็วๆและถือได้ว่าเป็นเพลงที่หนักที่สุดในอัลบัมจริงๆ
เ
พลงนี้เป็นอีกเพลงที่พูดถึงความโกรธ ความเกลียดชัง ดังประโยคดังต่อไปนี้
You're like a cancer living inside of me The past should stay dead
ดังนั้น"To Those Left Behind" จึงไม่ใข่การรำลึกหวนถึงอดีตอันแสนหวาน
แต่เป็นการฝังอดีตที่แสนโหดร้ายให้ลึกลงไป ในที่ๆมันควรอยู่โดยไม่ต้องขุดขึ้นมานั่งเอง
Departures
"It's time to say goodbye,At least you have to try For me"
เพลงนี้ถือได้ว่าเป็น"To Those Left Behind"อีกแง่มุมที่มี่ความหมายจะแตกต่างจาก "To Those Left Behind" ในหลายๆเพลงที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง
หลายคนอาจจะนึกถึงใครที่คิดถึง Meet Me at the Gatesที่พูดถึงการจากไปของปู่และย่าของBeau
โดยDepartures Beau ได้เขียนถึงพ่อของเขาที่เสียชีวิตไปและเพลงนี้เป็นเพลงที่มีอารมณ์โศกเศร้าที่สุดในอัลบัมจริงๆ
[CR] [REVIEW] Blessthefall - To Those Left Behind (2015)
โดยการทำงานในอัลบัมนี้ ยังคงได้พ่อแว่นอัจฉริยะอย่าง Joey Sturgis ที่เข้ามาโปรดิวซ์และดูแลทางด้าน ซาวนด์อีเล็คทรอนิกส์,สังเคราะห์และเปียนโนรวมไปถึงคุมการร้องให้แก่สมาชิกทั้ง4ด้วย
แลดูเหมือนTo Those Left Behind จะเป็น ภาคต่อของ Hollow Bodies จริงๆนะถ้าพูดถึงส่วนผสมของอัลบัมนี้เรียกได้ว่าแทบจะเหมือนกับ เป้ะๆ คือยังคงเป็นPosthardcoreที่มีริฟฟ์กีตาร์ และ เมโลดีกีตาร์เท่ห์ๆ ผสานท่อนฮุคสวยๆติดหู พร้อมเสียงอิเล็คทรอนิกส์และเปียนโนจางๆเข้ามาผสานในบางเพลงจนบางเพลงถ้าไม่ได้อ่านชื่ออัลบัมยังเผลอคิดไปเองเลยว่ามันคือ B-side ของHollow Bodies จริงๆ
ส่วนทางด้านกีตาร์คู่ขุนขวานอย่างEricและElliotที่โตวันโตคืน โดยทั้งสองยังคงคิดไลน์กีตาร์ที่บ่งบอกถึงความคิดสร้างสรรค์ที่แตกแขนงออกไปได้ไม่หยุดอยู่กับที่ และกล้าบอกได้เลยว่า Blessthefallเป็นไม่กี่วงมีกีตาร์คู่ที่ทรงพลังได้อย่างเต็มปาก
To Those Left Behind คือครั้งแรกที่Beauเลือกที่จะเขียนเนื้อเพลงให้เชื่อมโยงเข้าหากันโดยอัลบัมนี้เป็นคอนเซปต์อัลบัมครั้งแรกจริงๆ เพราะเนื้อเพลงในทุกๆเพลงสามารถเป็น การระลึกถึงเรื่องราวเก่าๆ โดยใช้อารมณ์ หลากหลาย แต่จะเน้นทางด้านลบเช่น โกรธ โศกเศร้า ผิดหวัง และเสียใจ
อีกอย่างสังเกตุได้จากเนื้อเพลงในหลายๆเพลงในอัลบัมนี้ที่ดูเหมือนจะเน้นถึงความโกรธ เกลียดชังแบบสุดๆ
โดยใช้คำกึ่ง ก่นด่าแรงๆ ได้สอดแทรกลงไปในเพลงในอัลบัมอยู่แทบจะทุกเพลงเลยราวกับว่าความเกลียดชังช่วยหล่อเลี้ยงให้มีชีวิตก้าวเดินต่อไป
เรียกได้ว่านี่คือการเปลี่ยนแปลงแต่จะเป็นการเดินหน้าหรือถอยหลังอันนี้ต้องอยู่ที่คนฟังจริงๆแหละครับว่าจะชอบ เนื้อเพลงอารมณ์นี้หรือเปล่า
เสียดายอีกอย่างเนื่องด้วยการอยู่กับที่มากไปของวง จนทำให้คิดว่าควรจะเว้นช่วงการทำอัลบัมมั่ง เสียดายฝีมือดีๆของสมาชิกในวงที่ทำให้เพลงในอัลบัมนีไม่เป็นที่น่าจดจำเท่าที่ควร และนี่ขอสารภาพตรงๆเลยว่า นี่คืออัลบัมที่ชอบน้อยที่สุดใน 5ชุดเต็มๆของวงเลยครับ
TRACK BY TRACK
Decayer
"I'm calling you out Just to watch you choke"
อีกอย่างที่อดนึกถึงHollow Bodiesไม่ได้จริงๆ คือการตัดแทรคที่เป็นอินโทรออกไปและเริ่มด้วยแทรคเต็มๆ
โดย Decayerนั้นก็เหมือนกับ Exodusเพลงแรกในอัลบัมที่แล้วเช่นกันที่ใช้แค่อินโทรสั้นๆแค่20กว่าวิ และก็ไส่เบรคดาวน์กันเลย
เพลงนี้พูดถึงความสัมพันธ์แง่ลบที่จบออกมาไม่สวยนัก
Walk On Water
"Son of God, can you hear my cry?"
"We put our faith into you"
"How could you just watch them die?"
ด้วยความที่วงเป็นพวกChristianดังนั้นจึงต้องมีเพลงที่พูดถึงพระเจ้า เพียงแต่การพูดถึงครั้งนี้ไม่ได้พูดถึง ในเชิงสรรเสริญอย่างที่เคยเป็นมา
สานต่อความเดือดจากDecayerด้วยความเดือดกว่า เป็นอีกเพลงที่มีจังหวะบีทเร็วๆ และริฟฟ์กีตาร์ที่ถือว่าเล่นยากที่สุดเพลงนึงในอัลบัม
เพลงนี้ได้ทำเป็น MVที่ออกมาให้ชมกันในช่วงโปรโมตอัลบัม หลังจากนี้ก็ไม่เห็นมีข่าวว่าจะทำMVตัวต่อไปอีกเลย
Dead Air
"So long, this is harder than you know
But we'll remember everything
It's tough to let it go"
การเดินทางกว่า 12ปีเต็มๆถือว่านานได้เอาเรื่องเกือบจะครึ่งชีวิตของสมาชิกบางคนในวงเลยก็ว่าได้
หลายๆครั้งฟังเพลงนี้และนึกถึงBones Crew ในอัลบัมAwekeningไม่ได้โดยทั้งจังหวะบีทเร็วๆของกลองในเพลงที่ผ่อนลงในท่อนคอรัส และความหมายของเพลงที่หวนระลึกถึงการออกเดินทาง พร้อมทั้งอุดมไปด้วยเมโลดีล้วนๆโดยไม่มีเสียงสครีมบาดหูมากวนใจ เรียกได้ว่าเป็นภาคต่อของ Bones Crew เลยก็ว่าได้
ความพิเศษอีกอย่างของเพลงนี้ คือJaredได้ร่วมร้องผสานเสียงคลีนจางๆในอัลบัม
Up In Flames
"You're not the victim, you're my parasite"
ภาคดนตรียังเป็นPostกึ่งMetalcoreที่เน้นจังหวะเร็วๆเอามันส์ โดยJaredได้ถ่ายทอดอารมณ์ของเพลงผ่านเสียงสครีมได้อย่างสะใจจริงๆ
เพลงนี้เป็นอีกเพลงที่พูดถึงความเกลียดชังต่อการถูกตัดสินแต่เพียงเปลือกกาย
Against the Waves
"I refuse to be misled All the I've been fed You're worthless to me"
ไม่มีการหยุดพักไม่มีการผ่อนปรน เพลงที่5ของอัลบัมยังคงใช้จังหวะเร็วๆ
แต่ Against the Wavesคือเพลงที่มีลูกเล่นหลายอย่าง โดยภาคดนตรี กีตาร์คู่เบสกลองได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่
โดยมีการใช้เสียงGang Vocal ดังๆเข้ามาสร้างสีสันและการใช้เสียงอีเล็คทรอนิกส์มันส์ๆในท่อนเบรคดาวน์ที่เหมาะกับการเล่นสดเป็นอย่างยิ่ง
เพลงนี้ยังคงใช้เนื้อหาแฝงความเกลียดชังเหมือนกันหลายๆเพลงที่ผ่านมา แต่ภาคดนตรีเร้าๆทำให้ดูผ่อนคลาย ไม่ได้ดูจริงจังซีเรียสเท่าไร สมควรแก่การฟังมอมเมาตัวเองและเป็นเพลงปลุกใจจริงๆ
แทรคนี้คือเพลงที่ผู้เขียนชอบที่สุดในอัลบัม
Looking Down from the Edge
"Would I trade the world that I know now
For a day that I don't miss you"
กว่าจะได้ผ่อนจังหวะลงจากความเดือดในเพลงที่แล้วมาก็ปาเข้าไปครึ่งอัลบัมเสียแล้ว
เพลงนี้เป็นเพลงที่มีเมโลดีสวยๆผสานกับริฟฟ์กีตาร์กระตุกๆพร้อมซาวนด์อีเล็คทรอนิกส์ตามแบบถนัดของ Sturgis
การหวนระลึกถึงสิ่งที่ผิดพลาดไป และความต้องการที่จะแลกเปลี่ยนอะไรที่ยิ่งใหญ่ เพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ มันถูกต้องแล้วหรือ?
Keep What We Love & Burn the Rest
"So I lie awake Waiting for the day You'll need me"
ได้เวลาสำรับเพลงช้าบัลลาดเอื่อยๆ ใช้จังหวะHip HopและR&Bเข้ามาแทรกเพลงนี้ประกอบด้วยเสียงคลีนล้วนๆผสานกับซาวนด์ซินธิไซเซอร์รองพื้นบางๆ
โดยเนื้อหาพูดถึงบุคคลที่ยังคงอยู่ในใจแม้จะไม่ได้พบเจออีกแล้วก็ตาม
Condition//Comatose
"Comatose concrete Stole my hopes and dreams"
Beauเริ่มเขียนเพลงนี้ขึ้นมาเป็นเพลงแรกในอัลบัมในช่วงระหว่างทัวร์ในท้ายตารางของHollow
โดยเพลงนี้จะใช้อารมร์คล้ายๆกับเพลงที่แล้ว โดยการใช้เสียงคลีนล้วนๆผสานๆกับเสียงเปียนโนของ Joey Sturgis ที่ยังคงมีความเศร้าหมองอยู่
น่าเสียดายที่เสียงคลีนยังคงหน้าเป็นห่วง โดยไม่สามารถดึงเสียงออกมาได้เต็มที่ผิดกับฝีมือภาคดนตรีของ เพื่อนร่วมวงที่พัฒนาไปไกลมากๆแล้ว
โดยเนื้อหาพูดถึงความเจ็บปวดความผิดหวังความหวาดระแวงความกลัว ของตัวเองล้วนๆ
Oatbreaker
"Your face hasn't changed, but you' ve become what we hated"
ริฟฟ์กีตาร์ ดุๆพร้อมท่อนคอรัสเท่ห์ๆผสานกับเบรคดาวน์
โดยเน้นทางด้านการหักหลัง การแปลเปลี่ยนจากมิตรเป็นศัตรูความเกลียดชังที่ไม่ลดหรือเลือนหายไปตามกาลเวลา
To Those Left Behind
"You're like a cancer living inside of me"
มาถึงเพลงที่เป็นไฮไลท์ของอัลบัม To Those Left Behind คือเพลงที่ถูกนำไปใช้เป็นชื่ออัลบัม ที่มาพร้อมกับ Metalcore ที่มาพร้อมริฟฟ์กีตาร์ลุยๆจังหวะเร็วๆและถือได้ว่าเป็นเพลงที่หนักที่สุดในอัลบัมจริงๆ
เ
พลงนี้เป็นอีกเพลงที่พูดถึงความโกรธ ความเกลียดชัง ดังประโยคดังต่อไปนี้
You're like a cancer living inside of me The past should stay dead
ดังนั้น"To Those Left Behind" จึงไม่ใข่การรำลึกหวนถึงอดีตอันแสนหวาน
แต่เป็นการฝังอดีตที่แสนโหดร้ายให้ลึกลงไป ในที่ๆมันควรอยู่โดยไม่ต้องขุดขึ้นมานั่งเอง
Departures
"It's time to say goodbye,At least you have to try For me"
เพลงนี้ถือได้ว่าเป็น"To Those Left Behind"อีกแง่มุมที่มี่ความหมายจะแตกต่างจาก "To Those Left Behind" ในหลายๆเพลงที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง
หลายคนอาจจะนึกถึงใครที่คิดถึง Meet Me at the Gatesที่พูดถึงการจากไปของปู่และย่าของBeau
โดยDepartures Beau ได้เขียนถึงพ่อของเขาที่เสียชีวิตไปและเพลงนี้เป็นเพลงที่มีอารมณ์โศกเศร้าที่สุดในอัลบัมจริงๆ