สวัสดีเพื่อนๆชาวกระทู้พันทิพทุกท่าน วันนี้ขอมารีวิว สถาบันสอนพิเศษ ที่จะติวแอร์-สจ๊วต และก็ภาษา อยู่แถวอารีย์ ชื่อ ATDI เรามีโอกาสเข้าไปเรียนตั้งแต่ประมาณปลายปีที่แล้ว คือจะบอกว่า เป็นสถาบันที่เหมือนครอบครัวมากอ่ะ
ขอบอกก่อนเลยนะครับ ว่าเรามารีวิวตามความรู้สึก และสิ่งที่เราได้รับมาจากสถาบัน คือถ้าจะมีใครดราม่า ก็เชิญเลยนะ #จะด่าก็ด่าเลยแต่อย่าด่าแรง เดี๋ยวโดนด่ากลับ 555+ ล้อเล่นนะครับ เราใสๆ ยิ้มง่าย คุยเก่ง และเป็นมิตรกับทุกคน
พูดถึงสถาบันกันก่อน ขอเรียงเป็นหัวข้อไปเลยละกัน เผื่อจะเอาไปเปรียบเทียบกับที่อื่นๆ (สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจ)
1. การเดินทาง
ขอบอกเลยว่า เดินทางสะดวก และง่ายที่สุดในสามโลก แล้วมั้ง! คือถ้าเกิดหลง นี่ก็....นะ คือการเดินทางไปATDI ก็แค่ใช้ BTS และก็ลงอารีย์ จากนั้นก็ลงฝั่งประตู 3 อ่ะ พอลงปุ๊ป เดินไปไม่ถึงสิบเก้า ก็ถึงตึก! ชื่อตึกปิยวรรณ (ตึกสรรพากร) แล้วพอไปถึงหน้าตึกไม่ใช่เดินเข้าตรงสรรพากรนะ เดินไปข้างๆจ้ะ จะมีลิฟท์ ก็ขึ้นไปชั้น 6 ถึงเลย ส่วนชั้น 3 กับ 23 เป็นชั้นเรียน
2. ขั้นตอนการสมัครเรียน
บางสถาบันที่เราเคยไป เค้าก็คัดเฉพาะคนที่มีแววจริงๆ ที่จะเป็นแอร์ เป็นสจ๊วตได้ และค่าเรียนก็แพงหูฉี่สำหรับเราอ่ะ แต่ก็มีหลายสถาบันนะ ที่ให้โอกาสทุกคนเข้าเรียน คือเราชอบตรงที่ตอนเราสัมภาษณ์ และพี่เค้าบอกว่า "ทุกคนสามารถที่จะพัฒนาตัวเองได้ เปลี่ยนแปลงตัวเองได้" ตรงนี้ล่ะ มันกินใจมาก เราก็เลยสมัครเรียนกับทาง ATDI
ก็เข้าเลยละกัน คือ เราเข้ามาเรียนที่นี่ได้ เพราะมีวันนึงที่มหาวิทยาลัยของเราเค้าจัดบูธ งานJob Fairประมาณนี้ และพี่ๆจาก ATDI ก็เข้าไปจัดบูธ และก็แนะนำคอร์สต่างๆ คือคอร์สที่มีก็จะมี ติวแอร์-สจ๊วต กับ ภาษาอังกฤษ แบบหลักๆ หรือที่เรียกกันว่า Core business เลยอ่ะนะ และก็มีคอร์สย่อยลงไปอีก ทั้งติวคอร์สสั้น คอร์สยาว คอร์สปีก อินเทนซีฟ อะไรนี้ล่ะ แต่ของเรา เราเลือกเรียนแต่ คอร์สติวแอร์-สจ๊วต แบบเต็มคอร์สเลย และก็โชคดีที่ภาษาอังกฤษเราได้สูงอยู่ ก็ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนเรียนเพิ่ม 555+ ประหยัดได้อีก แต่ก็ต้องหมั่นหาความรู้พัฒนาไปเรื่อยๆ พูดถึงคอร์สเรียนภาษา บางคนอาจบอก ไม่เรียนคือคิดว่าแน่หรออะไรหรอ เราว่าก็แล้วแต่แต่ละคนจะคิดนะ เราเปิดกว้างมากสำหรับเรื่องนี้ แต่ละคนก็จะมีความเห็นที่แตกต่างกันนะครับ แต่ของเราถ้าประหยัดเงินได้ก็ประหยัดดีกว่าเนอะ ตรงนี้เองเพื่อนเราที่เรียนกับสถาบันอื่นก็มีบอกเหมือนกันนะ ว่าเค้าจะยัดคอร์สภาษาให้! เราว่าไม่โอมากอ่ะ บางคน TOEIC 700-900 แต่ก็...ยังต้องลงเรียนอีก และไม่ใช่ฟรีนะจ๊ะ ก็ต้องเสียเงินนะ 555
หลังจากที่เราเลือกคอร์สที่จะลงเรียนแล้ว คราวนี้ล่ะ เค้าก็บอกว่า ถ้าวันไหนว่างก็ให้เข้าไป Pre-Screen (พรี-สกรีน) พระเจ้า! เกิดมานี่ไม่เคยพรีมาก่อน และคือถามว่าเป็นแบบไหน เค้าก็บอกว่า ก็เหมือนน้องไปพรีตอนสมัครแอร์ล่ะค่ะ คือ....หน้ายังไม่มั่น ภาษาก็โอนะแต่ก็ไม่เคยสัมภาษณ์มาก่อน และถ้าเกิดตกล่ะ ทำไง ไม่ได้เรียนหรือเปล่า?
พี่เค้าก็ยิ้มสวยๆแบบนางงามเลยจ้า และก็บอกว่า "ไม่ค่ะ ทุกคนได้เรียนนะ แต่พี่ๆแค่อยากรู้จัก อยากพูดคุยกันก่อน จะได้รู้ว่าน้องเป็นคนแบบไหน ควรเสริมอะไรด้านไหนบ้าง ประมาณนี้อ่ะค่ะ"
พอได้ยินดังนั้นแล้ว เราก็โอเคเลย ก็จำไม่ได้กี่วันต่อมา ก็เข้าไปพรีเนอะ เค้าก็ถามคำถามประมาณนี้ (จดไว้ก็ได้นะ เหมือนคำถามเวลาพรีกับสายการบินประมาณนี้ล่ะ อันนี้จำได้แต่คำถามหลักๆนะ)
1. ลองแนะนำตัวเองให้ฟังหน่อยสิ
2. ทำไมถึงอยากเป็น แอร์/สจ๊วต ?
3. เราอยากทำงานกับสายการบินไหน ?
และก็เปลี่ยนโหมดทันทีเป็นภาษาอังกฤษเลยจ้า
1. Can you tell me about yourself ?
2. Why do you want to be a cabin crew ? (Cabin crew = ลูกเรือ ก็คือแอร์/สจ๊วต เหมือนกัน)
3. What are your strengths and weaknesses ?
คำถามหลักๆก็ประมาณนี้นะ ก็พูดคุยเป็นกันเองมาก สบายๆ ไม่รู้สึกแบบว่าพี่เค้าดุ หรือแบบเราแย่อะไรประมาณนี้ คือจะบอกว่าก็เป็นตัวของตัวเองอ่ะ มั่นใจ พูดจาฉะฉาน และมันก็จะออกมาเต็มที่เองเนอะ ระยะเวลาคุยก็ประมาณ 30 นาทีอ่ะพอเสร็จแล้ว เค้าก็ให้นั่งรอผลการพรีสกรีนสักพัก คือนี่ก็ตื่นเต้นไง แบบครั้งแรกอ่ะทั้งๆที่รู้ว่ายังไงก็ได้เรียน แต่ก็เป็นประสบการณ์เนอะ พอเรียบร้อยแล้วพี่เค้าก็เชิญเราเข้าไปฟังผลพรีสกรีน ก็เล่าให้ฟังว่า เราดูเป็นยังไง ควรพัฒนาอะไร คอร์สที่เลือกไว้โอเคไหม และก็มาถึงเรื่องราคาคอร์สกันละครับ
เรื่องราคา ต้องบอกเลยว่า ไม่ได้ขี้ๆนะ คือไม่ใช่ถูกเว่อร์ จนเหมือนแจกฟรี แต่ก็มีจุดขายตรงที่ เรียนฟรี ตลอดชีวิต!!! คือประมาณว่าจ่ายครั้งเดียว และก็เข้ามาเรียนได้เรื่อยๆ สำหรับคอร์สที่ตัวเองลงเรียนไว้อ่ะ ก็ไม่ใช่ว่าจำกัดชั่วโมงอะไรนะ ถ้าจบคอร์สแล้ว หรือไปติดปีกมาแล้ว และอยากทบทวนอีก เผื่อจะย้ายสายหรือเรียนซ้ำ ก็ทำได้ฟรีจ้า ก็จะได้ความรู้แน่น และได้เพื่อนเพิ่มอีก รู้สึกดีมาก ราคานี่เราขออุบไว้ก่อนนะ คือหลังไมค์มาถามได้ แต่ประกาศไปไม่น่าจะดีมั้ง แต่ที่เราชอบก็ตรงที่เรียน คอร์ส Intensive ฟรี!!! ทุกสายนี่ล่ะ คือสายไหนที่เราสมัคร ทุกสายที่เปิดเลย ทางATDI เค้าจะจ้างอาจารย์มาสอน โดยอาจารย์จะต้องเคยทำหรือทำงานที่สายการบินนั้นอยู่ มีตั้งแต่ลูกเรือโชกโชนประสบการณ์ ยัน Purser อ่ะ(หัวหน้าทีมลูกเรือ) ซึ่งต้องขอบคุณมากๆ ผมนี่ทุกครั้งที่สมัครก็ต้องมาเรียนตบความรู้ให้แน่นกันก่อน
วันนี้ก็ขอรีวิวไปเรื่อง การเดินทาง และขั้นตอนการสมัครเรียนก่อนเนอะ เดี๋ยวเรามีเวลาและจะมารีวิวต่อเรื่อง เพื่อนในคลาส เรื่องอาจารย์สอน และก็เรื่องอื่นๆ จะบอกว่า จะลากเรื่องไปแบบดราม่าก็ได้นะ 555+ คือเรื่องเมาท์ก็ไม่ใช่น้อยเหมือนกัน อย่างเช่น! พี่คนหนึ่งเค้าเพิ่งเข้ามาเรียนนะ คลาสเดียว แต่หลังจากวันนั้น ติดไป2สายติดๆ คือทุกคนต่างอิจฉามาก ที่รู้สึกว่า นาง Born to be จริงๆ เดี๋ยวไงเดี๋ยวมาลงลึกต่อ คือเรื่องมันแซ่บมากจริงๆ 555+ แล้วเจอกัน....
ปิดท้าย....ความรู้ลูกนก ก็จะขอใส่ความรู้เล็กๆน้อยๆ ถ้าอยากรู้เพิ่มถามอากู๋ได้เลยนะครับ
รูปภาพลูกเรือ (แอร์โฮสเตส) จากสายการบินต่างๆ แบบแบ่งกลุ่มนะ คือทั่วโลกนี่เค้าจะจัดเป็นกลุ่มอ่ะ ก็จะมีดังนี้ (ข้อมูลอ้างอิง มาจาก Wikipedia จ้า)
1. Star Alliance (สตาร์อัลไลแอนซ์): สำหรับกลุ่มนี้ก็มีสายการบินไทยเป็นสมาชิกด้วยนะครับ ลองหาดูว่าอยู่ตรงไหน เด่นมาก และที่สำคัญสายการบินแห่งชาติของไทยเรา ก็เป็นหนึ่งในห้าผู้ร่วมก่อตั้งด้วยนะ ภูมิใจเป็นอย่างมาก เพราะตอนนี้ Star Alliance ถือว่าเป็นพันธมิตรสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย... Star Alliance เป็น เครือข่ายพันธมิตรสายการบินขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ก่อตั้งเมื่อ14 พฤษภาคม ค.ศ. 1997 โดยมีสายการบินก่อตั้ง 5 สายการบินคือ แอร์แคนาดา ลุฟต์ฮันซา ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ สแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ซิสเต็ม และการบินไทย ปัจจุบันมีสายการบินเข้าร่วมจำนวน 28 สายการบิน มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองฟรังค์ฟูร์ทอัมไมน์ ประเทศเยอรมนี โดยสายการบินทั้งหมดที่ร่วมด้วยจะมีความร่วมมือกันดังนี้
1. ผู้เดินทางเปลี่ยนเครื่องจะได้รับความสะดวกมากขึ้น สามารถใช้บัตรโดยสารใบเดียวตลอดเส้นทางได้
2. สามารถนำแต้มสะสมที่ได้จากสายการบินในเครือข่ายไปสะสมหรือใช้แต้มกับรายการสะสมแต้มของสายการบินอื่นๆในเครือข่ายได้
3. ผู้ใช้บริการในชั้นธุรกิจและชั้นหนึ่งของสายการบินในเครือข่ายสามารถใช้บริการห้องรับรองของสายการบินอื่นๆในเครือข่ายได้
4. มีการพัฒนาระบบสารสนเทศร่วมกัน
ปัจจุบันเครือข่ายมีการให้บริการเที่ยวบินวันละ 21,555 เที่ยวต่อวัน ในท่าอากาศยาน 1,329 แห่ง ใน 195 ประเทศ มีอากาศยานรวมกันกว่า 4,570 ลำ มีปริมาณผู้โดยสารกว่า 678.5 ล้านคน ทั่วโลก[
2. SkyTeam (สกาย ทีม): เป็นเครือข่ายพันธมิตรสายการบินขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ก่อตั้งเมื่อวันที่ 22 มิถุนายนพ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) ปัจจุบันมีสายการบินเข้าร่วมเป็นสมาชิกจำนวน 15 สายการบิน และกำลังจะเข้าร่วมเพิ่มอีก 4 สายการบิน
ปัจจุบันเครือข่ายมีการให้บริการเที่ยวบินวันละกว่า 14,000 เที่ยว ในท่าอากาศยาน 926 แห่ง ใน 173 ประเทศ
3. One World (วัน เวิลด์): เวิลด์ (อังกฤษ: Oneworld) เป็นเครือข่ายพันธมิตรสายการบินลำดับ 3 ของโลก ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) ปัจจุบันมีสายการบินเข้าร่วมจำนวน 15 สายการบิน
ปัจจุบันเครือข่ายมีการให้บริการเที่ยวบินวันละกว่า 9,300 เที่ยวต่อวัน กว่า 870 จุดหมายปลายทาง ใน 146 ประเทศทั่วโลก
และ........ถ้าฝันแล้ว มันก็ต้องไปให้สุดเหมือนกับหนังเรื่องหนึ่งที่บอกว่า Don't stop till you reach the top!!! จาก View from the top
(หนังที่จุดประกายความฝัน และคอยผลักดันให้ทุกคนไม่ยอมแพ้ สู้ๆนะ เรารู้ว่าแต่ละคนเหนื่อยขนาดไหน ก็จะไปอยู่ที่สูงเหนือพื้นโลก 30,000 ฟุตได้)
ปล. ก่อนไปเราอยากรู้ว่าแต่ละคนอยากเข้าสายไหนบ้าง เรามีความฝัน ตั้งแต่ครั้งแรกที่อยากเป็นสจ๊วต ก็อยากเป็นให้สายการบินแม่เราเลยจ้า การบินไทยนี่ล่ะ สุดยอดเลย ตรงที่เกียรติและความภูมิใจนี่ล่ะ รอลุ้นกันเนอะ ไม่เปิดมาหลายปีแล้ว ตอนนี้ก็อัพเกรดสกิลกันไปนะครับ สู้ๆ #NeverGiveUp
[SR] [SR] รีวิว สถาบันติวแอร์-สจ๊วต ATDI (อารีย์) เผื่อเอาไปเลือกเรียนกันนะ
ขอบอกก่อนเลยนะครับ ว่าเรามารีวิวตามความรู้สึก และสิ่งที่เราได้รับมาจากสถาบัน คือถ้าจะมีใครดราม่า ก็เชิญเลยนะ #จะด่าก็ด่าเลยแต่อย่าด่าแรง เดี๋ยวโดนด่ากลับ 555+ ล้อเล่นนะครับ เราใสๆ ยิ้มง่าย คุยเก่ง และเป็นมิตรกับทุกคน
พูดถึงสถาบันกันก่อน ขอเรียงเป็นหัวข้อไปเลยละกัน เผื่อจะเอาไปเปรียบเทียบกับที่อื่นๆ (สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจ)
1. การเดินทาง
ขอบอกเลยว่า เดินทางสะดวก และง่ายที่สุดในสามโลก แล้วมั้ง! คือถ้าเกิดหลง นี่ก็....นะ คือการเดินทางไปATDI ก็แค่ใช้ BTS และก็ลงอารีย์ จากนั้นก็ลงฝั่งประตู 3 อ่ะ พอลงปุ๊ป เดินไปไม่ถึงสิบเก้า ก็ถึงตึก! ชื่อตึกปิยวรรณ (ตึกสรรพากร) แล้วพอไปถึงหน้าตึกไม่ใช่เดินเข้าตรงสรรพากรนะ เดินไปข้างๆจ้ะ จะมีลิฟท์ ก็ขึ้นไปชั้น 6 ถึงเลย ส่วนชั้น 3 กับ 23 เป็นชั้นเรียน
2. ขั้นตอนการสมัครเรียน
บางสถาบันที่เราเคยไป เค้าก็คัดเฉพาะคนที่มีแววจริงๆ ที่จะเป็นแอร์ เป็นสจ๊วตได้ และค่าเรียนก็แพงหูฉี่สำหรับเราอ่ะ แต่ก็มีหลายสถาบันนะ ที่ให้โอกาสทุกคนเข้าเรียน คือเราชอบตรงที่ตอนเราสัมภาษณ์ และพี่เค้าบอกว่า "ทุกคนสามารถที่จะพัฒนาตัวเองได้ เปลี่ยนแปลงตัวเองได้" ตรงนี้ล่ะ มันกินใจมาก เราก็เลยสมัครเรียนกับทาง ATDI
ก็เข้าเลยละกัน คือ เราเข้ามาเรียนที่นี่ได้ เพราะมีวันนึงที่มหาวิทยาลัยของเราเค้าจัดบูธ งานJob Fairประมาณนี้ และพี่ๆจาก ATDI ก็เข้าไปจัดบูธ และก็แนะนำคอร์สต่างๆ คือคอร์สที่มีก็จะมี ติวแอร์-สจ๊วต กับ ภาษาอังกฤษ แบบหลักๆ หรือที่เรียกกันว่า Core business เลยอ่ะนะ และก็มีคอร์สย่อยลงไปอีก ทั้งติวคอร์สสั้น คอร์สยาว คอร์สปีก อินเทนซีฟ อะไรนี้ล่ะ แต่ของเรา เราเลือกเรียนแต่ คอร์สติวแอร์-สจ๊วต แบบเต็มคอร์สเลย และก็โชคดีที่ภาษาอังกฤษเราได้สูงอยู่ ก็ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนเรียนเพิ่ม 555+ ประหยัดได้อีก แต่ก็ต้องหมั่นหาความรู้พัฒนาไปเรื่อยๆ พูดถึงคอร์สเรียนภาษา บางคนอาจบอก ไม่เรียนคือคิดว่าแน่หรออะไรหรอ เราว่าก็แล้วแต่แต่ละคนจะคิดนะ เราเปิดกว้างมากสำหรับเรื่องนี้ แต่ละคนก็จะมีความเห็นที่แตกต่างกันนะครับ แต่ของเราถ้าประหยัดเงินได้ก็ประหยัดดีกว่าเนอะ ตรงนี้เองเพื่อนเราที่เรียนกับสถาบันอื่นก็มีบอกเหมือนกันนะ ว่าเค้าจะยัดคอร์สภาษาให้! เราว่าไม่โอมากอ่ะ บางคน TOEIC 700-900 แต่ก็...ยังต้องลงเรียนอีก และไม่ใช่ฟรีนะจ๊ะ ก็ต้องเสียเงินนะ 555
หลังจากที่เราเลือกคอร์สที่จะลงเรียนแล้ว คราวนี้ล่ะ เค้าก็บอกว่า ถ้าวันไหนว่างก็ให้เข้าไป Pre-Screen (พรี-สกรีน) พระเจ้า! เกิดมานี่ไม่เคยพรีมาก่อน และคือถามว่าเป็นแบบไหน เค้าก็บอกว่า ก็เหมือนน้องไปพรีตอนสมัครแอร์ล่ะค่ะ คือ....หน้ายังไม่มั่น ภาษาก็โอนะแต่ก็ไม่เคยสัมภาษณ์มาก่อน และถ้าเกิดตกล่ะ ทำไง ไม่ได้เรียนหรือเปล่า?
พี่เค้าก็ยิ้มสวยๆแบบนางงามเลยจ้า และก็บอกว่า "ไม่ค่ะ ทุกคนได้เรียนนะ แต่พี่ๆแค่อยากรู้จัก อยากพูดคุยกันก่อน จะได้รู้ว่าน้องเป็นคนแบบไหน ควรเสริมอะไรด้านไหนบ้าง ประมาณนี้อ่ะค่ะ"
พอได้ยินดังนั้นแล้ว เราก็โอเคเลย ก็จำไม่ได้กี่วันต่อมา ก็เข้าไปพรีเนอะ เค้าก็ถามคำถามประมาณนี้ (จดไว้ก็ได้นะ เหมือนคำถามเวลาพรีกับสายการบินประมาณนี้ล่ะ อันนี้จำได้แต่คำถามหลักๆนะ)
1. ลองแนะนำตัวเองให้ฟังหน่อยสิ
2. ทำไมถึงอยากเป็น แอร์/สจ๊วต ?
3. เราอยากทำงานกับสายการบินไหน ?
และก็เปลี่ยนโหมดทันทีเป็นภาษาอังกฤษเลยจ้า
1. Can you tell me about yourself ?
2. Why do you want to be a cabin crew ? (Cabin crew = ลูกเรือ ก็คือแอร์/สจ๊วต เหมือนกัน)
3. What are your strengths and weaknesses ?
คำถามหลักๆก็ประมาณนี้นะ ก็พูดคุยเป็นกันเองมาก สบายๆ ไม่รู้สึกแบบว่าพี่เค้าดุ หรือแบบเราแย่อะไรประมาณนี้ คือจะบอกว่าก็เป็นตัวของตัวเองอ่ะ มั่นใจ พูดจาฉะฉาน และมันก็จะออกมาเต็มที่เองเนอะ ระยะเวลาคุยก็ประมาณ 30 นาทีอ่ะพอเสร็จแล้ว เค้าก็ให้นั่งรอผลการพรีสกรีนสักพัก คือนี่ก็ตื่นเต้นไง แบบครั้งแรกอ่ะทั้งๆที่รู้ว่ายังไงก็ได้เรียน แต่ก็เป็นประสบการณ์เนอะ พอเรียบร้อยแล้วพี่เค้าก็เชิญเราเข้าไปฟังผลพรีสกรีน ก็เล่าให้ฟังว่า เราดูเป็นยังไง ควรพัฒนาอะไร คอร์สที่เลือกไว้โอเคไหม และก็มาถึงเรื่องราคาคอร์สกันละครับ
เรื่องราคา ต้องบอกเลยว่า ไม่ได้ขี้ๆนะ คือไม่ใช่ถูกเว่อร์ จนเหมือนแจกฟรี แต่ก็มีจุดขายตรงที่ เรียนฟรี ตลอดชีวิต!!! คือประมาณว่าจ่ายครั้งเดียว และก็เข้ามาเรียนได้เรื่อยๆ สำหรับคอร์สที่ตัวเองลงเรียนไว้อ่ะ ก็ไม่ใช่ว่าจำกัดชั่วโมงอะไรนะ ถ้าจบคอร์สแล้ว หรือไปติดปีกมาแล้ว และอยากทบทวนอีก เผื่อจะย้ายสายหรือเรียนซ้ำ ก็ทำได้ฟรีจ้า ก็จะได้ความรู้แน่น และได้เพื่อนเพิ่มอีก รู้สึกดีมาก ราคานี่เราขออุบไว้ก่อนนะ คือหลังไมค์มาถามได้ แต่ประกาศไปไม่น่าจะดีมั้ง แต่ที่เราชอบก็ตรงที่เรียน คอร์ส Intensive ฟรี!!! ทุกสายนี่ล่ะ คือสายไหนที่เราสมัคร ทุกสายที่เปิดเลย ทางATDI เค้าจะจ้างอาจารย์มาสอน โดยอาจารย์จะต้องเคยทำหรือทำงานที่สายการบินนั้นอยู่ มีตั้งแต่ลูกเรือโชกโชนประสบการณ์ ยัน Purser อ่ะ(หัวหน้าทีมลูกเรือ) ซึ่งต้องขอบคุณมากๆ ผมนี่ทุกครั้งที่สมัครก็ต้องมาเรียนตบความรู้ให้แน่นกันก่อน
วันนี้ก็ขอรีวิวไปเรื่อง การเดินทาง และขั้นตอนการสมัครเรียนก่อนเนอะ เดี๋ยวเรามีเวลาและจะมารีวิวต่อเรื่อง เพื่อนในคลาส เรื่องอาจารย์สอน และก็เรื่องอื่นๆ จะบอกว่า จะลากเรื่องไปแบบดราม่าก็ได้นะ 555+ คือเรื่องเมาท์ก็ไม่ใช่น้อยเหมือนกัน อย่างเช่น! พี่คนหนึ่งเค้าเพิ่งเข้ามาเรียนนะ คลาสเดียว แต่หลังจากวันนั้น ติดไป2สายติดๆ คือทุกคนต่างอิจฉามาก ที่รู้สึกว่า นาง Born to be จริงๆ เดี๋ยวไงเดี๋ยวมาลงลึกต่อ คือเรื่องมันแซ่บมากจริงๆ 555+ แล้วเจอกัน....
ปิดท้าย....ความรู้ลูกนก ก็จะขอใส่ความรู้เล็กๆน้อยๆ ถ้าอยากรู้เพิ่มถามอากู๋ได้เลยนะครับ
รูปภาพลูกเรือ (แอร์โฮสเตส) จากสายการบินต่างๆ แบบแบ่งกลุ่มนะ คือทั่วโลกนี่เค้าจะจัดเป็นกลุ่มอ่ะ ก็จะมีดังนี้ (ข้อมูลอ้างอิง มาจาก Wikipedia จ้า)
1. Star Alliance (สตาร์อัลไลแอนซ์): สำหรับกลุ่มนี้ก็มีสายการบินไทยเป็นสมาชิกด้วยนะครับ ลองหาดูว่าอยู่ตรงไหน เด่นมาก และที่สำคัญสายการบินแห่งชาติของไทยเรา ก็เป็นหนึ่งในห้าผู้ร่วมก่อตั้งด้วยนะ ภูมิใจเป็นอย่างมาก เพราะตอนนี้ Star Alliance ถือว่าเป็นพันธมิตรสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย... Star Alliance เป็น เครือข่ายพันธมิตรสายการบินขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ก่อตั้งเมื่อ14 พฤษภาคม ค.ศ. 1997 โดยมีสายการบินก่อตั้ง 5 สายการบินคือ แอร์แคนาดา ลุฟต์ฮันซา ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ สแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ซิสเต็ม และการบินไทย ปัจจุบันมีสายการบินเข้าร่วมจำนวน 28 สายการบิน มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองฟรังค์ฟูร์ทอัมไมน์ ประเทศเยอรมนี โดยสายการบินทั้งหมดที่ร่วมด้วยจะมีความร่วมมือกันดังนี้
1. ผู้เดินทางเปลี่ยนเครื่องจะได้รับความสะดวกมากขึ้น สามารถใช้บัตรโดยสารใบเดียวตลอดเส้นทางได้
2. สามารถนำแต้มสะสมที่ได้จากสายการบินในเครือข่ายไปสะสมหรือใช้แต้มกับรายการสะสมแต้มของสายการบินอื่นๆในเครือข่ายได้
3. ผู้ใช้บริการในชั้นธุรกิจและชั้นหนึ่งของสายการบินในเครือข่ายสามารถใช้บริการห้องรับรองของสายการบินอื่นๆในเครือข่ายได้
4. มีการพัฒนาระบบสารสนเทศร่วมกัน
ปัจจุบันเครือข่ายมีการให้บริการเที่ยวบินวันละ 21,555 เที่ยวต่อวัน ในท่าอากาศยาน 1,329 แห่ง ใน 195 ประเทศ มีอากาศยานรวมกันกว่า 4,570 ลำ มีปริมาณผู้โดยสารกว่า 678.5 ล้านคน ทั่วโลก[
2. SkyTeam (สกาย ทีม): เป็นเครือข่ายพันธมิตรสายการบินขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ก่อตั้งเมื่อวันที่ 22 มิถุนายนพ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) ปัจจุบันมีสายการบินเข้าร่วมเป็นสมาชิกจำนวน 15 สายการบิน และกำลังจะเข้าร่วมเพิ่มอีก 4 สายการบิน
ปัจจุบันเครือข่ายมีการให้บริการเที่ยวบินวันละกว่า 14,000 เที่ยว ในท่าอากาศยาน 926 แห่ง ใน 173 ประเทศ
3. One World (วัน เวิลด์): เวิลด์ (อังกฤษ: Oneworld) เป็นเครือข่ายพันธมิตรสายการบินลำดับ 3 ของโลก ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) ปัจจุบันมีสายการบินเข้าร่วมจำนวน 15 สายการบิน
ปัจจุบันเครือข่ายมีการให้บริการเที่ยวบินวันละกว่า 9,300 เที่ยวต่อวัน กว่า 870 จุดหมายปลายทาง ใน 146 ประเทศทั่วโลก
และ........ถ้าฝันแล้ว มันก็ต้องไปให้สุดเหมือนกับหนังเรื่องหนึ่งที่บอกว่า Don't stop till you reach the top!!! จาก View from the top
(หนังที่จุดประกายความฝัน และคอยผลักดันให้ทุกคนไม่ยอมแพ้ สู้ๆนะ เรารู้ว่าแต่ละคนเหนื่อยขนาดไหน ก็จะไปอยู่ที่สูงเหนือพื้นโลก 30,000 ฟุตได้)
ปล. ก่อนไปเราอยากรู้ว่าแต่ละคนอยากเข้าสายไหนบ้าง เรามีความฝัน ตั้งแต่ครั้งแรกที่อยากเป็นสจ๊วต ก็อยากเป็นให้สายการบินแม่เราเลยจ้า การบินไทยนี่ล่ะ สุดยอดเลย ตรงที่เกียรติและความภูมิใจนี่ล่ะ รอลุ้นกันเนอะ ไม่เปิดมาหลายปีแล้ว ตอนนี้ก็อัพเกรดสกิลกันไปนะครับ สู้ๆ #NeverGiveUp
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น