Note : แฟนฟิกชั่นเรื่องนี้เขียนขึ้นมาด้วยความพีคคู่บอสออย ใน Ep.สุดท้าย ทำให้เขียนแฟนฟิกชั่นขนาดสั้นออกมาได้เรื่องหนึ่ง แล้วก็พัฒนาต่อเป็นฟิกยาวตามความพีคที่ไม่จบไม่สิ้นของคนเขียนค่ะ
Ep.0 Never Too Late
http://ppantip.com/topic/34594113
Ep.1 Forget the Past
http://ppantip.com/topic/34604193
Ep.2: Start the New
http://ppantip.com/topic/34614576
Ep.3: Don’t Worry
http://ppantip.com/topic/34633163
หายไปร่วมครึ่งเดือน เพราะเมื่อสัปดาห์ก่อนพาลูกสาวไปเที่ยวมาค่ะ กลับถึงไทยนี่แทบจะประจำการหน้าคอมปั่นฟิกเลยทีเดียว ค้างคาใจ 555 ยังไงต้องขอโทษเพื่อนๆ ที่รออ่านด้วยนะคะ รอบนี้จัดไปรวดเดียว 7 หน้า A4 ค่า หวังว่าจะชอบกันนะคะ
..............................................................................
ผมเงยหน้าจากสมุดจดงานเมื่อเสียงกริ่งพักเที่ยงดังขึ้น ครูนันทิยาอาจารย์สอนภาษาอังกฤษสุดเคร่งประจำชั้น ม.5 ย้ำเรื่องการบ้านอีกครั้งก่อนจะสั่งเลิกเรียนแล้วเดินหน้าเข้มออกจากห้องไป ผมจึงรีบเก็บข้าวแล้วลุกจากโต๊ะบ้าง คาบสามวันนี้ห้อง ม.5/1 เรียนเคมีอยู่ที่ห้องแล็ป (ไม่ต้องสงสัยว่า ผมจำตารางเรียนห้องอื่นได้ยังไง ก็แค่เรื่องง่ายๆ น่ะ) เธอน่าจะเลิกเรียนช้ากว่าผมนิดหน่อย
ผมเดินขึ้นบันไดไปทันตอนที่ออยกำลังจะเดินลงมาเพื่อกลับห้องพอดี เธอเดินก้มหน้าแบบหงอยๆ ตามหลังคนอื่นมาเหมือนเดิม ดูเหมือนจะกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ด้วย กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่ผมเรียกนั่นแหละ “ออย ไปกินข้าวกัน”
ออยเงยหน้าขึ้นมา พอเห็นผมเธอก็ยิ้มนิดหนึ่ง “อื้อ”
ผมเคยบอกรึยังว่า เวลาที่เธอยิ้มทีไร ผมรู้สึกว่าใบหน้าเหงาๆ นั้นสว่างสดใสขึ้นมาอีกหลายเท่า เสียแต่เธอไม่ค่อยจะยิ้มบ่อยนัก (แน่ละ ก็เธอไม่ค่อยมีเรื่องที่ทำให้ยิ้มได้เลย) เมื่อก่อนเวลาอยู่กับขนมปังหรือเฟิร์สท เท่าที่มองเห็นจากไกลๆ เธอก็มักจะยิ้มแบบฝืนๆ เสียมากกว่า
ผมยิ้มตอบ พอใจที่อย่างน้อยตอนอยู่กับผม เธอยิ้มออกมาได้โดยไม่ต้องฝืน ส่วนคนอื่นจะสังเกตเห็นรอยยิ้มเล็กๆ ที่แสนสว่างนี้รึเปล่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ จริงๆ ถ้าจะไม่มีใครได้เห็นเลยนอกจากผม ผมก็ไม่ว่าอะไรนะ (ผมไม่ใช่คนขี้หวงอย่างที่แม่ว่าหรอกน่า แค่ ‘บางอย่าง’ ก็ไม่ใช่ของที่จะแบ่งให้ใครง่ายๆ จริงไหม?)
“แกต้องเอาของไปเก็บที่ห้องก่อนป่าว”
ผมถามเมื่อหมุนตัวมาเดินข้างๆ เธอ แว่บหนึ่งรู้สึกเหมือนเห็นสายตาของใครบางคนมองมาจากทางด้านหลัง พอหันไปดูก็เห็นว่า ขนมปังกำลังมองมาด้วยสายตาครุ่นคิด
ผมเลิกคิ้ว สบตาอดีตเพื่อนรักของออยด้วยสีหน้าเฉยๆ ก่อนจะหันกลับไปคุยกับคนที่เดินอยู่ข้างกันโดยไม่สนใจสายตานั้นอีก
.............................................................................
“ถ้างบประมาณนี้ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรนะ เณอแตม เดี๋ยวแกทำใบสรุปรายละเอียดมาแล้วกัน”
ผมเดินออกจากห้องชมรมวารสารพร้อมหัวหน้าชมรมสาวแว่น ที่ถึงจะอยู่ ม.5 แล้วก็ยังถักเปียคู่ผูกโบ ท่าทางโก๊ะๆ ช่างฝันเหมือนเดิม แต่เห็นแบบนี้ เจ้าตัวก็ทำงานเก่งพอใช้ เป็นคนส่วนน้อยในโรงเรียนที่ผมพอจะคุยด้วยได้โดยไม่ขัดหู ส่วนเรื่องการแต่งตัวก็รสนิยมใครรสนิยมมันละนะ
“เออ เรื่องเพื่อนแกที่อยากฝากเข้าชมรมอ่ะ เราลองดูแล้ว พอมีคอลัมน์เล็กๆ ฉบับปิดท้ายปีว่างอยู่”
เณอแตมพูดถึงเรื่องที่ผมเพิ่งเกริ่นกับเธอไปเมื่อวันก่อน “...เป็นคอลัมน์สัมภาษณ์พวกอาจารย์ ไม่ต้องไปคุยกับพวกนักเรียนมาก น่าจะเหมาะกับเขา” ประธานชมรมวารสารเอ่ยถึงปัญหาของออยโดยไม่เห็นว่าเป็นเรื่องผิดปกติอะไร ผมถึงได้บอกว่า พวกชมรมวารสารน่ะคบง่ายที่สุดแล้ว คงเพราะส่วนใหญ่เป็นพวกทุ่มเทแต่เรื่องที่ตัวเองสนใจเป็นหลัก ไม่ได้อยากเด่นอยากดังด้วยละมั้ง
“ขอบใจนะ เดี๋ยวเราไปบอกให้” ผมว่าแล้วนึกขึ้นมาได้ “หรือแกจะไปคุยกับเจ้าตัวเขาเลยก็ได้นะ นั่งอยู่ตรงโต๊ะไม้ใต้ตึกน่ะ” ผมบอกพิกัดได้อย่างชัดเจนเพราะเป็นคนบอกให้เธอไปรอตรงนั้นเอง
“โอเค เดี๋ยวส่งรุ่นน้องไปบอกรายละเอียดละกัน เราขอทำงบตรงนี้ให้เสร็จก่อน”
ผมโบกมือลาหัวหน้าชมรมวารสาร พร้อมๆ กับที่ร่างเล็กของรุ่นพี่ ม.6 คนหนึ่งเดินสวนมาพอดี “อ้าว บอส วันนี้กลับมาชมรมได้เหรอเนี่ย” ใบหน้ากลมๆ เสียงใสๆ เหมือนเด็กทักขึ้น
“สวัสดีครับ พี่ดาว”
ผมก้มหัวทักรุ่นพี่ชมรมวารสารที่เคยสนิทกันช่วงสมัยผมอยู่ ม.4 ก่อนพี่ดาวจะมีปัญหาใหญ่กับยัยดิว รุ่นพี่ปลอมเปลือกที่ทำผมระเบิดตูมช่วงกีฬาสี หลังจากนั้นก็เลยเอาแต่เรียน ไม่ยอมทำกิจกรรมชมรมอะไรอีกเลย (จะว่าไป ยัยเจ๊ดิวนี่เที่ยวทะเลาะกับคนไปทุกปีแฮะ ใครกันแน่ที่มีปัญหา?)
“มาอธิบายเรื่องใบงบประมาณของปีหน้าน่ะครับ แล้วพี่ดาวมาทำอะไรเหรอ?” ผมถาม
อีกฝ่ายยิ้ม “เอาขนมมาให้เฌอแตมกับพวกน้องๆ ชมรมน่ะ วันก่อนยืมห้องชมรมไปใช้ส่วนตัวนิดหน่อย” ท่าทางเขินๆ แบบนี้ สงสัยเรื่อง ‘ส่วนตัว’ ที่ว่า คงไม่พ้นเรื่องแฟนแน่ๆ “บอสรีบไปไหนป่าว เดี๋ยวพี่เดินลงตึกไปด้วยดิ่ ไม่ได้คุยกันตั้งนานแล้ว”
ผมพยักหน้าแล้วยืนรอจนพี่ดาวเดินเข้าไปส่งขนมให้พวกคนในชมรม ก่อนจะเดินกลับออกมา แล้วเราก็เดินลงบันไดไปพร้อมกัน
.
.
“ไหน...ได้ข่าวว่า ช่วงนี้ตามเฝ้าสาว เช้า-กลางวัน-เย็นเลยเหรอ” พี่ดาวเปิดประเด็นทันที
ผมเลิกคิ้ว “นี่ลือกันไปถึงม.6 เลยเหรอครับ” ก็รู้หรอกนะว่าคงมีข่าวลือบ้าง แต่ผมไม่คิดว่า เรื่องของผมกับออยจะมีคนพูดถึงมากนัก ถ้าเป็นข่าวไอ้นนคบกับขนมปังก็ว่าไปอย่าง นั่นน่ะฮือฮากันตั้งแต่เปิดเรียนตอนปีใหม่แล้ว
“จะไม่มีคนเมาท์ได้ไง อย่าลืมสิว่า บอสเคยมีเรื่องกับเจ้ากรมข่าวลือประจำโรงเรียนนะ” พี่ดาวว่าแล้วทำหน้าหมันไส้นิดหน่อยเมื่อพาดพิงถึง ‘คู่อริ’ ของผม ซึ่งก็เคยเป็นคู่อริของเธอเหมือนกัน
“ถ้ายัยเจ๊ดิวเมาท์ ผมว่าคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่มั้ง” ผมเอามือล้วงกระเป๋าแล้วยักไหล่อย่างไม่แคร์ จะสนอะไรกับลมปากเหม็นๆ ของคนพรรค์นั้น แค่อย่าให้ออยรู้เรื่องข่าวลือนี้ก็พอ
“อือ อย่าไปสนเลย” พี่ดาวบอกหน้าตาเฉย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มพร้อมกับทำตาวิบวับ
“ว่าแต่...จริงจังขนาดเฝ้าเช้ากลางวันเย็นแบบนี้..เป็นแฟนกันรึยัง?” ถามด้วยท่าทางตื่นเต้นอยากรู้ทีเดียว ผมชักจะพอมองออกแล้วว่า เฌอแตมไปติดท่าทางสาวช่างเพ้อมาจากใคร
“ยังครับ” ผมยิ้มก่อนจะส่ายหน้า “เอาไว้ก่อนดีกว่า พี่ดาว เขาเพิ่งเจอเรื่องหนักๆ มา ให้เวลาเขาปรับตัวได้อีกหน่อย” ผมอยากรักษาความสัมพันธ์แบบเพื่อนกับออยไว้ก่อน เพราะตัวเธอเองคงยังไม่พร้อมจะเริ่มต้นใหม่ ตอนนี้แค่ได้อยู่ใกล้ๆ แบบนี้ก็พอแล้ว ไว้จิตใจของเธอสงบลงเมื่อไหร่ค่อยขยับฐานะก็ยังไม่สาย
“ปากหนักเหมือนเดิมเลยนะ นี่แสดงว่า...ยังไม่ได้บอกชอบเขาเลยด้วยสิเนี่ย”
พี่ดาวเดาได้ทันทีเมื่อเห็นว่าผมส่ายหน้า “มัวแต่ทำตัวเป็นเพื่อน เคยติ คอยจิกกัดเขาแบบนี้ เขาดูไม่ออกหรอกนะว่าบอสชอบ เหมือนตอนน้องเมย์ สมัย ม.3 ไง สุดท้ายเขาก็คิดว่าบอสไปจู้จี้กับเขาเพราะไม่ชอบเขา จนเขาย้ายโรงเรียนไปก็ยังไม่ได้แก้ความเข้าใจผิดเลยไม่ใช่เหรอ”
“โอ้ย...พี่ดาว นั่นมันเรื่องเก่า”
ผมรีบปฏิเสธ พี่ดาวแซวใม่พอ ยังพาดพิงถึงเรื่องเก่าสมัยผมยังทำตัวเด็กๆ อีก “ผมไม่ทำแบบเดิมหรอก” ถึงจุดเริ่มต้นกับออยจะไม่ต่างจากตอนม.ต้นเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยตอนนี้ผมก็โตพอจะเปลี่ยนวิธีปฏิบัติตัวกับคนพิเศษบ้างแล้ว อีกอย่าง ผมว่าออยเป็นคนละเอียดอ่อนและช่างสังเกตปฏิกิริยาของคนรอบข้าง ฝ่ายนั้นน่าจะพอมองเจตนาผมออกบ้างละน่า
เราเดินลงมาถึงชั้นหนึ่งพอดี พี่ดาวหันไปโบกมือให้รุ่นพี่ม.6 ร่างเพรียวมัดผมหางม้าที่ยืนรออยู่ พอทางนั้นเห็นเธอเข้าก็รีบยิ้มกว้างออกมาทีเดียว พี่ดาวยิ้มตอบ แล้วก็หันมาย้ำกับผมว่า
“ดูๆ ไปน้องออยเขาก็หน้าตาน่ารักดีนะ มัวแต่ใจเย็น ระวังน้า....เดี๋ยวจะมีคู่แข่งมาโฉบไปเสียก่อน” พูดแล้วก็โบกมือลา วิ่งไปหาคนรักของตัวเอง
ผมมองดูเด็กผู้หญิงสองคนที่เดินจูงมือกันออกจากโรงเรียนไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะส่ายหน้าแบบอ่อนใจ
พี่ดาวนี่ยุจริงๆ...พวกคนมีความรักชอบเห็นคนอื่นมีคู่ตามไปด้วยเหมือนกันหมดเลยรึไงนะ
........................................................................
Cure Ep.4: I’ll be with you (Boss/Oil) Hormones the Final Season’s Fanfiction
Ep.0 Never Too Late
http://ppantip.com/topic/34594113
Ep.1 Forget the Past
http://ppantip.com/topic/34604193
Ep.2: Start the New
http://ppantip.com/topic/34614576
Ep.3: Don’t Worry
http://ppantip.com/topic/34633163
หายไปร่วมครึ่งเดือน เพราะเมื่อสัปดาห์ก่อนพาลูกสาวไปเที่ยวมาค่ะ กลับถึงไทยนี่แทบจะประจำการหน้าคอมปั่นฟิกเลยทีเดียว ค้างคาใจ 555 ยังไงต้องขอโทษเพื่อนๆ ที่รออ่านด้วยนะคะ รอบนี้จัดไปรวดเดียว 7 หน้า A4 ค่า หวังว่าจะชอบกันนะคะ
..............................................................................
ผมเงยหน้าจากสมุดจดงานเมื่อเสียงกริ่งพักเที่ยงดังขึ้น ครูนันทิยาอาจารย์สอนภาษาอังกฤษสุดเคร่งประจำชั้น ม.5 ย้ำเรื่องการบ้านอีกครั้งก่อนจะสั่งเลิกเรียนแล้วเดินหน้าเข้มออกจากห้องไป ผมจึงรีบเก็บข้าวแล้วลุกจากโต๊ะบ้าง คาบสามวันนี้ห้อง ม.5/1 เรียนเคมีอยู่ที่ห้องแล็ป (ไม่ต้องสงสัยว่า ผมจำตารางเรียนห้องอื่นได้ยังไง ก็แค่เรื่องง่ายๆ น่ะ) เธอน่าจะเลิกเรียนช้ากว่าผมนิดหน่อย
ผมเดินขึ้นบันไดไปทันตอนที่ออยกำลังจะเดินลงมาเพื่อกลับห้องพอดี เธอเดินก้มหน้าแบบหงอยๆ ตามหลังคนอื่นมาเหมือนเดิม ดูเหมือนจะกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ด้วย กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่ผมเรียกนั่นแหละ “ออย ไปกินข้าวกัน”
ออยเงยหน้าขึ้นมา พอเห็นผมเธอก็ยิ้มนิดหนึ่ง “อื้อ”
ผมเคยบอกรึยังว่า เวลาที่เธอยิ้มทีไร ผมรู้สึกว่าใบหน้าเหงาๆ นั้นสว่างสดใสขึ้นมาอีกหลายเท่า เสียแต่เธอไม่ค่อยจะยิ้มบ่อยนัก (แน่ละ ก็เธอไม่ค่อยมีเรื่องที่ทำให้ยิ้มได้เลย) เมื่อก่อนเวลาอยู่กับขนมปังหรือเฟิร์สท เท่าที่มองเห็นจากไกลๆ เธอก็มักจะยิ้มแบบฝืนๆ เสียมากกว่า
ผมยิ้มตอบ พอใจที่อย่างน้อยตอนอยู่กับผม เธอยิ้มออกมาได้โดยไม่ต้องฝืน ส่วนคนอื่นจะสังเกตเห็นรอยยิ้มเล็กๆ ที่แสนสว่างนี้รึเปล่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ จริงๆ ถ้าจะไม่มีใครได้เห็นเลยนอกจากผม ผมก็ไม่ว่าอะไรนะ (ผมไม่ใช่คนขี้หวงอย่างที่แม่ว่าหรอกน่า แค่ ‘บางอย่าง’ ก็ไม่ใช่ของที่จะแบ่งให้ใครง่ายๆ จริงไหม?)
“แกต้องเอาของไปเก็บที่ห้องก่อนป่าว”
ผมถามเมื่อหมุนตัวมาเดินข้างๆ เธอ แว่บหนึ่งรู้สึกเหมือนเห็นสายตาของใครบางคนมองมาจากทางด้านหลัง พอหันไปดูก็เห็นว่า ขนมปังกำลังมองมาด้วยสายตาครุ่นคิด
ผมเลิกคิ้ว สบตาอดีตเพื่อนรักของออยด้วยสีหน้าเฉยๆ ก่อนจะหันกลับไปคุยกับคนที่เดินอยู่ข้างกันโดยไม่สนใจสายตานั้นอีก
“ถ้างบประมาณนี้ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรนะ เณอแตม เดี๋ยวแกทำใบสรุปรายละเอียดมาแล้วกัน”
ผมเดินออกจากห้องชมรมวารสารพร้อมหัวหน้าชมรมสาวแว่น ที่ถึงจะอยู่ ม.5 แล้วก็ยังถักเปียคู่ผูกโบ ท่าทางโก๊ะๆ ช่างฝันเหมือนเดิม แต่เห็นแบบนี้ เจ้าตัวก็ทำงานเก่งพอใช้ เป็นคนส่วนน้อยในโรงเรียนที่ผมพอจะคุยด้วยได้โดยไม่ขัดหู ส่วนเรื่องการแต่งตัวก็รสนิยมใครรสนิยมมันละนะ
“เออ เรื่องเพื่อนแกที่อยากฝากเข้าชมรมอ่ะ เราลองดูแล้ว พอมีคอลัมน์เล็กๆ ฉบับปิดท้ายปีว่างอยู่”
เณอแตมพูดถึงเรื่องที่ผมเพิ่งเกริ่นกับเธอไปเมื่อวันก่อน “...เป็นคอลัมน์สัมภาษณ์พวกอาจารย์ ไม่ต้องไปคุยกับพวกนักเรียนมาก น่าจะเหมาะกับเขา” ประธานชมรมวารสารเอ่ยถึงปัญหาของออยโดยไม่เห็นว่าเป็นเรื่องผิดปกติอะไร ผมถึงได้บอกว่า พวกชมรมวารสารน่ะคบง่ายที่สุดแล้ว คงเพราะส่วนใหญ่เป็นพวกทุ่มเทแต่เรื่องที่ตัวเองสนใจเป็นหลัก ไม่ได้อยากเด่นอยากดังด้วยละมั้ง
“ขอบใจนะ เดี๋ยวเราไปบอกให้” ผมว่าแล้วนึกขึ้นมาได้ “หรือแกจะไปคุยกับเจ้าตัวเขาเลยก็ได้นะ นั่งอยู่ตรงโต๊ะไม้ใต้ตึกน่ะ” ผมบอกพิกัดได้อย่างชัดเจนเพราะเป็นคนบอกให้เธอไปรอตรงนั้นเอง
“โอเค เดี๋ยวส่งรุ่นน้องไปบอกรายละเอียดละกัน เราขอทำงบตรงนี้ให้เสร็จก่อน”
ผมโบกมือลาหัวหน้าชมรมวารสาร พร้อมๆ กับที่ร่างเล็กของรุ่นพี่ ม.6 คนหนึ่งเดินสวนมาพอดี “อ้าว บอส วันนี้กลับมาชมรมได้เหรอเนี่ย” ใบหน้ากลมๆ เสียงใสๆ เหมือนเด็กทักขึ้น
“สวัสดีครับ พี่ดาว”
ผมก้มหัวทักรุ่นพี่ชมรมวารสารที่เคยสนิทกันช่วงสมัยผมอยู่ ม.4 ก่อนพี่ดาวจะมีปัญหาใหญ่กับยัยดิว รุ่นพี่ปลอมเปลือกที่ทำผมระเบิดตูมช่วงกีฬาสี หลังจากนั้นก็เลยเอาแต่เรียน ไม่ยอมทำกิจกรรมชมรมอะไรอีกเลย (จะว่าไป ยัยเจ๊ดิวนี่เที่ยวทะเลาะกับคนไปทุกปีแฮะ ใครกันแน่ที่มีปัญหา?)
“มาอธิบายเรื่องใบงบประมาณของปีหน้าน่ะครับ แล้วพี่ดาวมาทำอะไรเหรอ?” ผมถาม
อีกฝ่ายยิ้ม “เอาขนมมาให้เฌอแตมกับพวกน้องๆ ชมรมน่ะ วันก่อนยืมห้องชมรมไปใช้ส่วนตัวนิดหน่อย” ท่าทางเขินๆ แบบนี้ สงสัยเรื่อง ‘ส่วนตัว’ ที่ว่า คงไม่พ้นเรื่องแฟนแน่ๆ “บอสรีบไปไหนป่าว เดี๋ยวพี่เดินลงตึกไปด้วยดิ่ ไม่ได้คุยกันตั้งนานแล้ว”
ผมพยักหน้าแล้วยืนรอจนพี่ดาวเดินเข้าไปส่งขนมให้พวกคนในชมรม ก่อนจะเดินกลับออกมา แล้วเราก็เดินลงบันไดไปพร้อมกัน
.
.
“ไหน...ได้ข่าวว่า ช่วงนี้ตามเฝ้าสาว เช้า-กลางวัน-เย็นเลยเหรอ” พี่ดาวเปิดประเด็นทันที
ผมเลิกคิ้ว “นี่ลือกันไปถึงม.6 เลยเหรอครับ” ก็รู้หรอกนะว่าคงมีข่าวลือบ้าง แต่ผมไม่คิดว่า เรื่องของผมกับออยจะมีคนพูดถึงมากนัก ถ้าเป็นข่าวไอ้นนคบกับขนมปังก็ว่าไปอย่าง นั่นน่ะฮือฮากันตั้งแต่เปิดเรียนตอนปีใหม่แล้ว
“จะไม่มีคนเมาท์ได้ไง อย่าลืมสิว่า บอสเคยมีเรื่องกับเจ้ากรมข่าวลือประจำโรงเรียนนะ” พี่ดาวว่าแล้วทำหน้าหมันไส้นิดหน่อยเมื่อพาดพิงถึง ‘คู่อริ’ ของผม ซึ่งก็เคยเป็นคู่อริของเธอเหมือนกัน
“ถ้ายัยเจ๊ดิวเมาท์ ผมว่าคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่มั้ง” ผมเอามือล้วงกระเป๋าแล้วยักไหล่อย่างไม่แคร์ จะสนอะไรกับลมปากเหม็นๆ ของคนพรรค์นั้น แค่อย่าให้ออยรู้เรื่องข่าวลือนี้ก็พอ
“อือ อย่าไปสนเลย” พี่ดาวบอกหน้าตาเฉย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มพร้อมกับทำตาวิบวับ
“ว่าแต่...จริงจังขนาดเฝ้าเช้ากลางวันเย็นแบบนี้..เป็นแฟนกันรึยัง?” ถามด้วยท่าทางตื่นเต้นอยากรู้ทีเดียว ผมชักจะพอมองออกแล้วว่า เฌอแตมไปติดท่าทางสาวช่างเพ้อมาจากใคร
“ยังครับ” ผมยิ้มก่อนจะส่ายหน้า “เอาไว้ก่อนดีกว่า พี่ดาว เขาเพิ่งเจอเรื่องหนักๆ มา ให้เวลาเขาปรับตัวได้อีกหน่อย” ผมอยากรักษาความสัมพันธ์แบบเพื่อนกับออยไว้ก่อน เพราะตัวเธอเองคงยังไม่พร้อมจะเริ่มต้นใหม่ ตอนนี้แค่ได้อยู่ใกล้ๆ แบบนี้ก็พอแล้ว ไว้จิตใจของเธอสงบลงเมื่อไหร่ค่อยขยับฐานะก็ยังไม่สาย
“ปากหนักเหมือนเดิมเลยนะ นี่แสดงว่า...ยังไม่ได้บอกชอบเขาเลยด้วยสิเนี่ย”
พี่ดาวเดาได้ทันทีเมื่อเห็นว่าผมส่ายหน้า “มัวแต่ทำตัวเป็นเพื่อน เคยติ คอยจิกกัดเขาแบบนี้ เขาดูไม่ออกหรอกนะว่าบอสชอบ เหมือนตอนน้องเมย์ สมัย ม.3 ไง สุดท้ายเขาก็คิดว่าบอสไปจู้จี้กับเขาเพราะไม่ชอบเขา จนเขาย้ายโรงเรียนไปก็ยังไม่ได้แก้ความเข้าใจผิดเลยไม่ใช่เหรอ”
“โอ้ย...พี่ดาว นั่นมันเรื่องเก่า”
ผมรีบปฏิเสธ พี่ดาวแซวใม่พอ ยังพาดพิงถึงเรื่องเก่าสมัยผมยังทำตัวเด็กๆ อีก “ผมไม่ทำแบบเดิมหรอก” ถึงจุดเริ่มต้นกับออยจะไม่ต่างจากตอนม.ต้นเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยตอนนี้ผมก็โตพอจะเปลี่ยนวิธีปฏิบัติตัวกับคนพิเศษบ้างแล้ว อีกอย่าง ผมว่าออยเป็นคนละเอียดอ่อนและช่างสังเกตปฏิกิริยาของคนรอบข้าง ฝ่ายนั้นน่าจะพอมองเจตนาผมออกบ้างละน่า
เราเดินลงมาถึงชั้นหนึ่งพอดี พี่ดาวหันไปโบกมือให้รุ่นพี่ม.6 ร่างเพรียวมัดผมหางม้าที่ยืนรออยู่ พอทางนั้นเห็นเธอเข้าก็รีบยิ้มกว้างออกมาทีเดียว พี่ดาวยิ้มตอบ แล้วก็หันมาย้ำกับผมว่า
“ดูๆ ไปน้องออยเขาก็หน้าตาน่ารักดีนะ มัวแต่ใจเย็น ระวังน้า....เดี๋ยวจะมีคู่แข่งมาโฉบไปเสียก่อน” พูดแล้วก็โบกมือลา วิ่งไปหาคนรักของตัวเอง
ผมมองดูเด็กผู้หญิงสองคนที่เดินจูงมือกันออกจากโรงเรียนไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะส่ายหน้าแบบอ่อนใจ
พี่ดาวนี่ยุจริงๆ...พวกคนมีความรักชอบเห็นคนอื่นมีคู่ตามไปด้วยเหมือนกันหมดเลยรึไงนะ