สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมารีวิว Keyboard ที่ว่ากันว่าสัมผัสการพิมพ์ของ Switch ชนิดนี้เทพที่สุด เงียบที่สุด พิมพ์มันที่สุด ราคาที่แพงอย่างที่สุด และหายากสุดๆ ครับ
ตัวที่รีวิวก็คือ Ducky 104UB DK45S (หรือ Realforce Taiwan Edition) ครับ
(พยายามถ่ายเลียนแบบเพจ Ducky แต่กล้องกับฉากหลังเน่าไปหน่อย อิอิ)
**
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เรื่องยี่ห้อตัวนี้อย่าถามผมครับ ว่าตรงๆ ผมยังไม่กล้าพูดเต็มปากว่าเจ้าตัวนี้มัน Ducky หรือ Realforce **
เริ่มจากความหมายรหัสก่อนครับ
104UB เป็นรหัสที่มีใน Realforce อันนี้หมายถึงคีย์บอร์ด 104 ปุ่ม บอดี้สีดำ (ตัวอักษรหลัง U แทนสีของบอดี้ครับ)
DK45S เป็นรหัสของทาง Ducky หมายถึงตัวนี้ใช้แรงกด 45g เป็นสวิตซ์ silent คือเสียงกดจะเงียบกว่าปรกติ
** ณ ตอนนี้ Realforce ไม่เคยใส่สวิตซ์ silent ในตัว 104 ปุ่มมาก่อนครับ ตัวนี้เป็นตัวแรกที่ใส่สวิตซ์ตัวนี้ครับ **
เรื่มจากพัสดุที่รับมา สภาพก็โดนแม่ไม้ไปรษณีย์ไทยอัดซะน่วมเลย
เปิดกล่องมาก็เจอกล่องสีดำๆ จากที่ดูแพจเก็จของ Realforce มาก็มีแค่รุ่นนี้แหละที่เป็นกล่องสี สวยดี...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แต่ถ้าเป็นกล่องกากๆ แล้วขายถูกๆ จะดีกว่าอะ
เปิดกล่องมาจะเจอเจ้าคีย์บอร์ดครับ ข้างในจะมีของแถมเล็กๆ น้อยๆ น่ารักดี
ตัวนี้เป็นคีย์บอร์ดที่บริษัท Ducky ได้ co-band กับ Realforce เป็นรุ่น Limited Edition เดาว่าผลิตไม่น่าเกิน 500 ตัว ที่สิงคโปรมีเหลือราวๆ 6 ตัว จัดว่าหายากใช้ได้ครับ
เริ่มจากสภาพเจ้าตัวก่อน อิอิ
ดูจากภาพนอกจะเหมือนกับ Keyboard บ้านๆ แต่จริงๆ แล้วเจ้านี่มีงานประกอบและวัสดุที่ดีมากๆ ดีกว่า CM Novatouch ซะอีก
เรื่องของการดีไซน์ ผมไม่ชอบตรงขอบที่มันมนๆ กับขอบด้านบนที่โคตรหนาครับ ดูไม่ค่อยสวยเท่าไรเลย ส่วนเรื่องการใช้สีอันนี้ชอบมากครับ บอดี้สีเทาเกือบดำตัดกับ Keycap สีขาว ดูสะอาดตา ดูมีราคา และเด่นเป็นสง่ามาก แทบไม่ต้องแต่งเพิ่มเลย ส่วนตัวผมว่ามันดูดีกว่า Realforce ซีรี่ย์อื่นพอสมควรเลย (อย่างเจ้า 104UG Hi Pro การใช้สีมันดูสกปรก เน่าๆ แปลกๆ วางข้างถังขยะ อย่างกับขยะเชียงก๊งตามสลัมอะ - -*)
**โปรดใช้วิจารณญานส่วนบุคคลในการอ่านครับ**
เจ้าตัวนี้หนักประมาณ 1.4 กิโล เทียบกับDucky หนักพอๆ กับ Shine 3 แต่เบากว่า YOS, THJ ครับ (รายนั้นหนักเกือบ 2 กิโลครับ)
งานวัสดุเป็นพลาสติกขัดด้านสีดำอย่างดีมากๆ งานเนียน แน่นหนามาก อารมณ์เหมือนพลาสติกตันๆ งานพลาสติกดีกว่า Keyboard cherry MX แทบทุกรุ่น จะมี Corsair Strafe ที่งานพลาสติกยังพอสู้ได้ แต่งานประกอบ Ducky (รึเปล่าหว่า 55) ตัวนี้กินขาดครับ จับปุ๊บรู้ทันที
วัสดุที่ทำกรอบเป็น ABS ครับ
ส่วนของ Keycap เป็น Thin PBT สีขาว (ฝั่งซ้ายเป็น Thick PBT) ปุ่ม Spacebar เป็น ABS มุมองศาจัดว่ารับกับมือดีมากๆ ปริ้นแบบ Dye subliminate น่าจะทนมือพอสมควร (จากประสบการณ์ Dye sub ผ่านมือผมยังลอกได้ครับ แต่กับคนอื่นไม่น่าไม่ลอกครับ จะมี Double Shot ที่ตอนนี้ผมยังพังด้วยการกดไม่ได้ 555)
และตรงแถบสถานะมุมขวาบนนี่ไม่ได้เอาสติกเกอร์มาแปะครับ เป็นพลาสติกอย่างดีมากๆ เมื่อก่อนเคยเข้าใจผิดด้วยเพราะสีในรูปมันหลอกตา (ถ้ามันเป็นสติกเกอร์จริงๆ คงปล่อยทิ้งไปสอย HHKB แทน)
งานขาตั้งดูแข็งแรง แน่นหนาดีมากๆ ไม่เหมือนเจ้า Filco, Ducky Shine 3 ที่ก็องแก๊งไปไหนก็ไม่รู้ เจ้า Filco เคยตู้ม! (หัวร้อนอะ - -) ไปทีนึงขาหักเลยครับ แต่ส่วนตัวผมชอบงานขาตั้งของ HHKB มากกว่า ใหญ่อย่างกับตอหม้อ รถทับไม่น่าพัง STRONG!!
ต่อไปก็ในส่วนของที่ให้มาครับ
ข้างในกล่องจะมีคีย์บอร์ด, Keycap W, A, S, D, Esc สีแดง ที่ดึง Keycap แบบ Ducky และก็ใบรับประกัน (แถมเยอะดี)
และทีเด็ดตัวนี้คือ "
Hybrid Capasitive Switch" หรือ Topre switch ครับ
โดยฟิลลิ้งคล้าย Cherry MX Brown แต่สัมผัสการพิมพ์ของมันนั้นดีสุดๆ ครับ การตอบสนองไวมากๆ ไม่กระด่างเหมือน Cherry MX มันมีความนุ่มนวล เด้งดึ๋ง พร้อมกับความแน่น แข็งแรงมากๆ อธิบายยากจริงๆ -*- STRONG.. STRONG... STRONG!!!!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ส่วนฟิลลิ้งที่คุณ Prime Time แห่ง OCZ บอกว่าเหมือนการกดนมสาว อันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ไว้ใครมีแฟน ขอยืมมากดนมเทียบฟิลลิ้งหน่อย -..-
และที่พิเศษคือ ตัวนี้ใช้สวิตซ์ Topre
Silent ซึ่งเสียงเงียบมากครับ กดปรกติเสียงแทบไม่ออกมาเลย เบากว่า Cherry Silent นิดหน่อยครับ หลายคนคิดว่า Cherry Red, Black เบาแล้ว Topre ตัวนี้เบากว่า 150% ครับ
เสียงคร่าวๆ ประมาณนี้ครับ (อันนี้ผมกดแรงมากๆ ครับ เสียงมันลั่นไปหน่อย)
และฟิลลิ้งตัวนี้จัดว่าดีมากๆ ครับ ส่วนตัวเคยกด HHKB, Type Heaven, CM Novatouch (ยืมเพื่อนมากด *-*) ในความคิดผม HHKB, Realforce ฟิลลิ้งมาสุดแต่คนละแนว ส่วนตัวชอบสไตล์ของ Realforce มากกว่า
อธิบายให้คนธรรมดาจะเข้าถึงยากมากๆ งั้นขออธิบายสไตล์เป็นแนวเพลงครับ
คือสไตล์ของเจ้า Realforce จะเป็น Metal เด่นชัด กดอารมณ์แบบ ตู้ม ตู้ม ตู้ม ๆ ๆ ๆ อารมณ์เร้าใจมาก 555 ถ้าตัวที่ใช้สวิตซ์ Cherry มาสไตล์นี้ก็มี Ducky ครับ
อารมณ์ราวๆ นี้เลย
ส่วน HHKB จะเป็นแนว Pop จ๋ามากๆ คือมันออกแนวนุ่มนวล หนักแน่น มีเสน่ห์ที่มันน่าตึงดูด สาวกรี๊ตต!! ต้องลองไปฟังพวกเพลง Michael Jackson, J-POP อะ ถ้าในฝั่ง Cherry ก็ Filco, CM Quickfire Ultimate (อันนี้ไม่ค่อยชัดเท่าไร) ประมาณนี้ครับ
ซึ่งคนส่วนใหญ่จะชอบ Pop มากกว่า Metal ครับ และก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่คนส่วนใหญ่ชอบ HHKB (ในสวิตซ์ Topre) หรือ Filco (สวิตซ์ Cherry) มากที่สุดครับ (จากที่อ่าน Forum ต่างๆ มามากกว่า 30 ที่ครับ)
ปล. ในความคิดผม
ตัวที่คิดว่าฟิลลิ้งมาสุดเท่าที่เคยจับก็มีแบรน Filco, Ducky (Year of the บลาๆๆ, shine 3 ลงมา), DAS, Vortex และ Leopold สำหรับ Cherry
และ HHKB, Realforce สำหรับ Topre ครับ (Leopold ที่ใช้ Topre ยังไม่เคยลอง ขอไม่ออกความเห็นดีกว่าครับ)
กลับมาต่อเจ้า Topre ต่อ นอกจากฟิลลิ้งการกดที่ดีมากอยู่แล้ว เจ้าสวิตซ์ขึ้นชื่อเรื่องของความทนทานต่อสภาพอากาศเป็นอย่างมาก
โดยโครงสร้างประกอบด้วย rubber dome หุ้ม spring ทรงกรวย ทำงานโดยตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของสนามไฟฟ้า โดยไม่มีหน้าสัมผัส ไม่มีการบัคกรีใดๆ เลย
ซึ่งจากโครงสร้าง rubber dome จะช่วยกันฝุ่น ความชื้นได้เป็นอย่างดีครับ ถ้าใช้งานอย่างสะบุสมบัน Topre ทนกว่า Cherry เป็น 10 เท่าครับ
ซึ่งก็พิสูจน์มาแล้วจาก HHKB คีย์บอร์ดของเพื่อนผมเอง โดยเพื่อนผมแล้วได้ทำน้ำหกใส่เต็มๆ แผง ซึ่งผมเห็นคาตาคือเพื่อนกูรีบย้ายของแทบทุกอย่างยกเว้นเจ้าคีย์บอร์ดนี่แหละ ถามไปก็ตอบว่า "คีย์บอร์ดตัวนี้แค่สะบัดๆ เช็ดๆ ก็ใช้ต่อได้แล้ว แต่ของอย่างอื่นโดนน้ำก็เจ็งสิ" แล้วที่อึ้งคือระหว่างที่สะบัดน้ำออกยังไม่ถอดสาย USB เลย แถมหกใส่มา 4-5 รอบแล้ว ไม่มีอาการรวน เอ๋อเลยครับ - -*
ถ้าเป็น Cherry แค่น้ำเข้าหยดเดียวก็เจ๊งแล้วครับ ถ้าหกทั้งแผงแกะล้างสถานเดียว "Mechanical ส่วนใหญ่ทนกระแทกแต่กลัวน้ำครับ"
*** ขอไม่จุ่มน้ำโชว์ครับ ***
ต่อมาในส่วนของการตอบสนอง
เจ้า Topre ไวกว่าสวิตซ์ Mechanical ทั่วไปมากๆ ครับ
มีหลายค่ายที่ได้เคลมว่าสวิตซ์กูไวสุดอย่างเช่น Romer G, QS1 บลาๆๆ ว่ากันตรงๆ จากที่กดไม่ต่างจาก Cherry เท่าไรครับ
Romer G, QS1 ไวกว่า Cherry MX ราวๆ 25% ที่ไวกว่าก็แค่ระยะการกดสั้นกว่าเดิม
...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เจ้า Cherry ยังมีแบบ ML ด้วยนะ แน่นอนว่าแทบไม่มีใครรู้จัก 555
.
.
แต่เจ้า Topre ไวกว่า Cherry ประมาณ 3 เท่าครับ คิดเป็น % ก็ 300 เอง...
เรื่องความไว Topre ผมพอรับรู้ได้ว่าไวกว่า Cherry ครับ
เนื่องจากการตอบสนองที่ไวสุดขั้วสิ่งที่ตามมาคือ "
ช่วงแรกๆ เวลาเล่นเกมดนตรี จะกดแป๊กบ่อยมาก"
เพราะปรกติเวลาผมกดมักจะเผื่อในส่วนของเวลาที่ดีเลย์ก่อนที่โน๊ตจะลงมานิดนึง กดก่อนล่วงหน้าแล้วพอสวิตซ์ตอบสนองโน๊ตไหลลงช่องพอดี แต่กับ Topre กดปุ๊บ ไปเลย แป๊กเลย!! ต้องปรับตัวพอสมควรครับ ที่ยืมเพื่อนคือไม่เคยเอามาใช้เล่นเกมเลย - -
ในส่วนของฟังก์ชั้นบ้าง
- ไม่มีลูกเล่นอะไรเป็นพิเศษครับ คีย์บอร์ด 199 ก็แบบนี้เลย
- 6 Key Rollover กดพร้อมกันได้แค่ 6 ปุ่ม พวกเกมดนตรีที่ต้องกดมากกว่า 6 ปุ่มอย่าง O2 Mania อาจไม่เหมาะครับ
- มีที่เบนสายไปทางซ้ายและขวา (แต่ทำไมไม่มีตรงกลางเนี่ย...กรูไม่เข้าใจ)
- ในส่วน Spacebar จะมีสปริงสวมตรงแกนเพื่อชดเชยน้ำหนักจาก Keycap ที่หนักกว่าส่วนอื่น (ชอบมาก)
ค่าเสียหาย...รวมทุกอย่างก็ประมาณ 12,000 นิดๆ เอง .__.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คีย์บอร์ด 9,200 + ค่าส่ง 2,000 + ภาษี 800
สรุปข้อดี ข้อเสียกันบ้าง
ข้อดี
- ฟิลลิ่งการพิมพ์จัดว่าเป็นที่สุดของคีย์บอร์ด
- งานประกอบและวัสดุจัดว่าดีมากๆ
- การตอบสนองน่าจะไวที่สุดในโลก
- มุมองศาของ Keycap รับมือดีมาก
- ทนทานต่อสภาพแวดล้อมอย่างมาก
- แกะ ทำความสะอาดง่ายมากๆ เปิดกรอบไม่ต้องใช้ไขควง ไม่มีการบัคกรีใดๆ (จะรีวิวช่วงต่อไปครับ)
ข้อเสีย
- ไม่มี N Key Rollover (จริงๆ ขอแค่เกิน 10 ปุ่มก็พอครับ เล่น O2 Mania เพลงยากๆ ไม่ได้เลย)
- สายหลบไม่มีช่องตรงกลาง อันนี้เฟลสุดๆ -*-
- ไม่เชิงข้อเสีย แต่น่าจะมีฟังก์ชั้นมัลติมีเดียร์ตามสไตล์ Ducky หน่อย
- หาความเป็น Ducky ไม่เจอจริงๆ จากแฟนตัวยงเลย
- Keycap Spacebar เป็น ABS (อันนี้พอรับได้)
- น่าจะมีหลายตัวเลือกเรื่องน้ำหนักสัก 55g, 80g, 120g (มือผมหนักมากๆ ครับ)
- ราคาจัดว่าอ่วมครับ ซื้อ Mechanical สวิตซ์ Cherry ดีๆ ได้ 3-4 ตัวครับ
ในส่วนของคะแนน
- งานประกอบ 8 เต็ม 10 (งานยังสู้พวกเป็ด YOS, YOTH, THJ ไม่ได้ครับ)
- ฟิลลิ่งเอาไป 10 เลยครับ
- ดีไซน์ผมให้ 8 ครับ (อานิสสงเจ้ามุมองศาของ Keycap ล้วนๆ ถ้าแบบบ้านๆ เอาไป 3 ก็พอ)
- ฟังก์ชั้น 0..... เพราะไม่มีเลย *-*
*** สุดท้ายนี้จะบอกว่าไม่มีคีย์บอร์ดไหนที่ดีที่สุดในโลกหรอกครับ จะมีก็คีย์บอร์ดที่เหมาะมือคนใช้มากสุดก็เท่านั้นแหละครับ
***
[CR] รีวิว Keyboard ราคาหลักหมื่น!!! กับ Ducky 104UB DK45S
สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมารีวิว Keyboard ที่ว่ากันว่าสัมผัสการพิมพ์ของ Switch ชนิดนี้เทพที่สุด เงียบที่สุด พิมพ์มันที่สุด ราคาที่แพงอย่างที่สุด และหายากสุดๆ ครับ
ตัวที่รีวิวก็คือ Ducky 104UB DK45S (หรือ Realforce Taiwan Edition) ครับ
(พยายามถ่ายเลียนแบบเพจ Ducky แต่กล้องกับฉากหลังเน่าไปหน่อย อิอิ)
** [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ **
เริ่มจากความหมายรหัสก่อนครับ
104UB เป็นรหัสที่มีใน Realforce อันนี้หมายถึงคีย์บอร์ด 104 ปุ่ม บอดี้สีดำ (ตัวอักษรหลัง U แทนสีของบอดี้ครับ)
DK45S เป็นรหัสของทาง Ducky หมายถึงตัวนี้ใช้แรงกด 45g เป็นสวิตซ์ silent คือเสียงกดจะเงียบกว่าปรกติ
** ณ ตอนนี้ Realforce ไม่เคยใส่สวิตซ์ silent ในตัว 104 ปุ่มมาก่อนครับ ตัวนี้เป็นตัวแรกที่ใส่สวิตซ์ตัวนี้ครับ **
เรื่มจากพัสดุที่รับมา สภาพก็โดนแม่ไม้ไปรษณีย์ไทยอัดซะน่วมเลย
เปิดกล่องมาก็เจอกล่องสีดำๆ จากที่ดูแพจเก็จของ Realforce มาก็มีแค่รุ่นนี้แหละที่เป็นกล่องสี สวยดี... [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เปิดกล่องมาจะเจอเจ้าคีย์บอร์ดครับ ข้างในจะมีของแถมเล็กๆ น้อยๆ น่ารักดี
ตัวนี้เป็นคีย์บอร์ดที่บริษัท Ducky ได้ co-band กับ Realforce เป็นรุ่น Limited Edition เดาว่าผลิตไม่น่าเกิน 500 ตัว ที่สิงคโปรมีเหลือราวๆ 6 ตัว จัดว่าหายากใช้ได้ครับ
เริ่มจากสภาพเจ้าตัวก่อน อิอิ
ดูจากภาพนอกจะเหมือนกับ Keyboard บ้านๆ แต่จริงๆ แล้วเจ้านี่มีงานประกอบและวัสดุที่ดีมากๆ ดีกว่า CM Novatouch ซะอีก
เรื่องของการดีไซน์ ผมไม่ชอบตรงขอบที่มันมนๆ กับขอบด้านบนที่โคตรหนาครับ ดูไม่ค่อยสวยเท่าไรเลย ส่วนเรื่องการใช้สีอันนี้ชอบมากครับ บอดี้สีเทาเกือบดำตัดกับ Keycap สีขาว ดูสะอาดตา ดูมีราคา และเด่นเป็นสง่ามาก แทบไม่ต้องแต่งเพิ่มเลย ส่วนตัวผมว่ามันดูดีกว่า Realforce ซีรี่ย์อื่นพอสมควรเลย (อย่างเจ้า 104UG Hi Pro การใช้สีมันดูสกปรก เน่าๆ แปลกๆ วางข้างถังขยะ อย่างกับขยะเชียงก๊งตามสลัมอะ - -*)
**โปรดใช้วิจารณญานส่วนบุคคลในการอ่านครับ**
เจ้าตัวนี้หนักประมาณ 1.4 กิโล เทียบกับDucky หนักพอๆ กับ Shine 3 แต่เบากว่า YOS, THJ ครับ (รายนั้นหนักเกือบ 2 กิโลครับ)
งานวัสดุเป็นพลาสติกขัดด้านสีดำอย่างดีมากๆ งานเนียน แน่นหนามาก อารมณ์เหมือนพลาสติกตันๆ งานพลาสติกดีกว่า Keyboard cherry MX แทบทุกรุ่น จะมี Corsair Strafe ที่งานพลาสติกยังพอสู้ได้ แต่งานประกอบ Ducky (รึเปล่าหว่า 55) ตัวนี้กินขาดครับ จับปุ๊บรู้ทันที
วัสดุที่ทำกรอบเป็น ABS ครับ
ส่วนของ Keycap เป็น Thin PBT สีขาว (ฝั่งซ้ายเป็น Thick PBT) ปุ่ม Spacebar เป็น ABS มุมองศาจัดว่ารับกับมือดีมากๆ ปริ้นแบบ Dye subliminate น่าจะทนมือพอสมควร (จากประสบการณ์ Dye sub ผ่านมือผมยังลอกได้ครับ แต่กับคนอื่นไม่น่าไม่ลอกครับ จะมี Double Shot ที่ตอนนี้ผมยังพังด้วยการกดไม่ได้ 555)
และตรงแถบสถานะมุมขวาบนนี่ไม่ได้เอาสติกเกอร์มาแปะครับ เป็นพลาสติกอย่างดีมากๆ เมื่อก่อนเคยเข้าใจผิดด้วยเพราะสีในรูปมันหลอกตา (ถ้ามันเป็นสติกเกอร์จริงๆ คงปล่อยทิ้งไปสอย HHKB แทน)
งานขาตั้งดูแข็งแรง แน่นหนาดีมากๆ ไม่เหมือนเจ้า Filco, Ducky Shine 3 ที่ก็องแก๊งไปไหนก็ไม่รู้ เจ้า Filco เคยตู้ม! (หัวร้อนอะ - -) ไปทีนึงขาหักเลยครับ แต่ส่วนตัวผมชอบงานขาตั้งของ HHKB มากกว่า ใหญ่อย่างกับตอหม้อ รถทับไม่น่าพัง STRONG!!
ต่อไปก็ในส่วนของที่ให้มาครับ
ข้างในกล่องจะมีคีย์บอร์ด, Keycap W, A, S, D, Esc สีแดง ที่ดึง Keycap แบบ Ducky และก็ใบรับประกัน (แถมเยอะดี)
และทีเด็ดตัวนี้คือ "Hybrid Capasitive Switch" หรือ Topre switch ครับ
โดยฟิลลิ้งคล้าย Cherry MX Brown แต่สัมผัสการพิมพ์ของมันนั้นดีสุดๆ ครับ การตอบสนองไวมากๆ ไม่กระด่างเหมือน Cherry MX มันมีความนุ่มนวล เด้งดึ๋ง พร้อมกับความแน่น แข็งแรงมากๆ อธิบายยากจริงๆ -*- STRONG.. STRONG... STRONG!!!!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และที่พิเศษคือ ตัวนี้ใช้สวิตซ์ Topre Silent ซึ่งเสียงเงียบมากครับ กดปรกติเสียงแทบไม่ออกมาเลย เบากว่า Cherry Silent นิดหน่อยครับ หลายคนคิดว่า Cherry Red, Black เบาแล้ว Topre ตัวนี้เบากว่า 150% ครับ
เสียงคร่าวๆ ประมาณนี้ครับ (อันนี้ผมกดแรงมากๆ ครับ เสียงมันลั่นไปหน่อย)
และฟิลลิ้งตัวนี้จัดว่าดีมากๆ ครับ ส่วนตัวเคยกด HHKB, Type Heaven, CM Novatouch (ยืมเพื่อนมากด *-*) ในความคิดผม HHKB, Realforce ฟิลลิ้งมาสุดแต่คนละแนว ส่วนตัวชอบสไตล์ของ Realforce มากกว่า
อธิบายให้คนธรรมดาจะเข้าถึงยากมากๆ งั้นขออธิบายสไตล์เป็นแนวเพลงครับ
คือสไตล์ของเจ้า Realforce จะเป็น Metal เด่นชัด กดอารมณ์แบบ ตู้ม ตู้ม ตู้ม ๆ ๆ ๆ อารมณ์เร้าใจมาก 555 ถ้าตัวที่ใช้สวิตซ์ Cherry มาสไตล์นี้ก็มี Ducky ครับ
อารมณ์ราวๆ นี้เลย
ส่วน HHKB จะเป็นแนว Pop จ๋ามากๆ คือมันออกแนวนุ่มนวล หนักแน่น มีเสน่ห์ที่มันน่าตึงดูด สาวกรี๊ตต!! ต้องลองไปฟังพวกเพลง Michael Jackson, J-POP อะ ถ้าในฝั่ง Cherry ก็ Filco, CM Quickfire Ultimate (อันนี้ไม่ค่อยชัดเท่าไร) ประมาณนี้ครับ
ซึ่งคนส่วนใหญ่จะชอบ Pop มากกว่า Metal ครับ และก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่คนส่วนใหญ่ชอบ HHKB (ในสวิตซ์ Topre) หรือ Filco (สวิตซ์ Cherry) มากที่สุดครับ (จากที่อ่าน Forum ต่างๆ มามากกว่า 30 ที่ครับ)
ปล. ในความคิดผม
ตัวที่คิดว่าฟิลลิ้งมาสุดเท่าที่เคยจับก็มีแบรน Filco, Ducky (Year of the บลาๆๆ, shine 3 ลงมา), DAS, Vortex และ Leopold สำหรับ Cherry
และ HHKB, Realforce สำหรับ Topre ครับ (Leopold ที่ใช้ Topre ยังไม่เคยลอง ขอไม่ออกความเห็นดีกว่าครับ)
กลับมาต่อเจ้า Topre ต่อ นอกจากฟิลลิ้งการกดที่ดีมากอยู่แล้ว เจ้าสวิตซ์ขึ้นชื่อเรื่องของความทนทานต่อสภาพอากาศเป็นอย่างมาก
โดยโครงสร้างประกอบด้วย rubber dome หุ้ม spring ทรงกรวย ทำงานโดยตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของสนามไฟฟ้า โดยไม่มีหน้าสัมผัส ไม่มีการบัคกรีใดๆ เลย
ซึ่งจากโครงสร้าง rubber dome จะช่วยกันฝุ่น ความชื้นได้เป็นอย่างดีครับ ถ้าใช้งานอย่างสะบุสมบัน Topre ทนกว่า Cherry เป็น 10 เท่าครับ
ซึ่งก็พิสูจน์มาแล้วจาก HHKB คีย์บอร์ดของเพื่อนผมเอง โดยเพื่อนผมแล้วได้ทำน้ำหกใส่เต็มๆ แผง ซึ่งผมเห็นคาตาคือเพื่อนกูรีบย้ายของแทบทุกอย่างยกเว้นเจ้าคีย์บอร์ดนี่แหละ ถามไปก็ตอบว่า "คีย์บอร์ดตัวนี้แค่สะบัดๆ เช็ดๆ ก็ใช้ต่อได้แล้ว แต่ของอย่างอื่นโดนน้ำก็เจ็งสิ" แล้วที่อึ้งคือระหว่างที่สะบัดน้ำออกยังไม่ถอดสาย USB เลย แถมหกใส่มา 4-5 รอบแล้ว ไม่มีอาการรวน เอ๋อเลยครับ - -*
ถ้าเป็น Cherry แค่น้ำเข้าหยดเดียวก็เจ๊งแล้วครับ ถ้าหกทั้งแผงแกะล้างสถานเดียว "Mechanical ส่วนใหญ่ทนกระแทกแต่กลัวน้ำครับ"
*** ขอไม่จุ่มน้ำโชว์ครับ ***
ต่อมาในส่วนของการตอบสนอง
เจ้า Topre ไวกว่าสวิตซ์ Mechanical ทั่วไปมากๆ ครับ
มีหลายค่ายที่ได้เคลมว่าสวิตซ์กูไวสุดอย่างเช่น Romer G, QS1 บลาๆๆ ว่ากันตรงๆ จากที่กดไม่ต่างจาก Cherry เท่าไรครับ
Romer G, QS1 ไวกว่า Cherry MX ราวๆ 25% ที่ไวกว่าก็แค่ระยะการกดสั้นกว่าเดิม
...[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.
.
แต่เจ้า Topre ไวกว่า Cherry ประมาณ 3 เท่าครับ คิดเป็น % ก็ 300 เอง...
เรื่องความไว Topre ผมพอรับรู้ได้ว่าไวกว่า Cherry ครับ
เนื่องจากการตอบสนองที่ไวสุดขั้วสิ่งที่ตามมาคือ "ช่วงแรกๆ เวลาเล่นเกมดนตรี จะกดแป๊กบ่อยมาก"
เพราะปรกติเวลาผมกดมักจะเผื่อในส่วนของเวลาที่ดีเลย์ก่อนที่โน๊ตจะลงมานิดนึง กดก่อนล่วงหน้าแล้วพอสวิตซ์ตอบสนองโน๊ตไหลลงช่องพอดี แต่กับ Topre กดปุ๊บ ไปเลย แป๊กเลย!! ต้องปรับตัวพอสมควรครับ ที่ยืมเพื่อนคือไม่เคยเอามาใช้เล่นเกมเลย - -
ในส่วนของฟังก์ชั้นบ้าง
- ไม่มีลูกเล่นอะไรเป็นพิเศษครับ คีย์บอร์ด 199 ก็แบบนี้เลย
- 6 Key Rollover กดพร้อมกันได้แค่ 6 ปุ่ม พวกเกมดนตรีที่ต้องกดมากกว่า 6 ปุ่มอย่าง O2 Mania อาจไม่เหมาะครับ
- มีที่เบนสายไปทางซ้ายและขวา (แต่ทำไมไม่มีตรงกลางเนี่ย...กรูไม่เข้าใจ)
- ในส่วน Spacebar จะมีสปริงสวมตรงแกนเพื่อชดเชยน้ำหนักจาก Keycap ที่หนักกว่าส่วนอื่น (ชอบมาก)
ค่าเสียหาย...รวมทุกอย่างก็ประมาณ 12,000 นิดๆ เอง .__.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สรุปข้อดี ข้อเสียกันบ้าง
ข้อดี
- ฟิลลิ่งการพิมพ์จัดว่าเป็นที่สุดของคีย์บอร์ด
- งานประกอบและวัสดุจัดว่าดีมากๆ
- การตอบสนองน่าจะไวที่สุดในโลก
- มุมองศาของ Keycap รับมือดีมาก
- ทนทานต่อสภาพแวดล้อมอย่างมาก
- แกะ ทำความสะอาดง่ายมากๆ เปิดกรอบไม่ต้องใช้ไขควง ไม่มีการบัคกรีใดๆ (จะรีวิวช่วงต่อไปครับ)
ข้อเสีย
- ไม่มี N Key Rollover (จริงๆ ขอแค่เกิน 10 ปุ่มก็พอครับ เล่น O2 Mania เพลงยากๆ ไม่ได้เลย)
- สายหลบไม่มีช่องตรงกลาง อันนี้เฟลสุดๆ -*-
- ไม่เชิงข้อเสีย แต่น่าจะมีฟังก์ชั้นมัลติมีเดียร์ตามสไตล์ Ducky หน่อย
- หาความเป็น Ducky ไม่เจอจริงๆ จากแฟนตัวยงเลย
- Keycap Spacebar เป็น ABS (อันนี้พอรับได้)
- น่าจะมีหลายตัวเลือกเรื่องน้ำหนักสัก 55g, 80g, 120g (มือผมหนักมากๆ ครับ)
- ราคาจัดว่าอ่วมครับ ซื้อ Mechanical สวิตซ์ Cherry ดีๆ ได้ 3-4 ตัวครับ
ในส่วนของคะแนน
- งานประกอบ 8 เต็ม 10 (งานยังสู้พวกเป็ด YOS, YOTH, THJ ไม่ได้ครับ)
- ฟิลลิ่งเอาไป 10 เลยครับ
- ดีไซน์ผมให้ 8 ครับ (อานิสสงเจ้ามุมองศาของ Keycap ล้วนๆ ถ้าแบบบ้านๆ เอาไป 3 ก็พอ)
- ฟังก์ชั้น 0..... เพราะไม่มีเลย *-*
*** สุดท้ายนี้จะบอกว่าไม่มีคีย์บอร์ดไหนที่ดีที่สุดในโลกหรอกครับ จะมีก็คีย์บอร์ดที่เหมาะมือคนใช้มากสุดก็เท่านั้นแหละครับ ***