เราอยู่หอกับน้องสาว น้องเป็นนักศึกษามหาลัย แต่มีนิสัยซกมก
>>> กินข้าวแล้วไม่ล้างชาม ตั้งกองไว้ในห้องน้ำทั้งวันทั้งคืน เราบอกให้ล้างก็ไม่ล้าง และพอเราพูดบ่อยๆ น้องก็ไม่พอใจ หาว่าเรายุ่ง เราคิดว่าควรจะล้างชามทันทีที่กินข้าวเสร็จ เพราะถ้าตั้งทิ้งไว้นานๆ มันก็จะเป็นแหล่งหมักหมมของเชื้อโรค แต่เราก็ไม่อยากล้างให้น้อง เพราะเราถือว่า ใครใช้ก็ต้องรับผิดชอบ
>>> ไม่เคยเก็บกวาดห้องให้สะอาด ห้องน้ำก็ไม่เคยล้าง บนพื้นเต็มไปด้วยฝุ่นและเส้นผม และส่วนใหญ่จะเป็นเส้นผมของน้อง(เพราะน้องผมร่วง) เราไม่ได้กวาดหรือล้างห้องทุกวัน แต่เราเป็นคนกวาดและล้างตลอด เพราะทนดูไม่ได้กับความสกปรก พอเราบอกให้น้องกวาดและล้างบ้าง น้องก็ไม่ทำ แถมบอกว่าเราพูดมากบ่นมากอีก ยิ่งถ้าเราไม่อยู่ห้อง(มีบางช่วงที่เราไปพักที่อื่น) ห้องจะรกมาก น้องจะเอาสมบัติมาวางบนเตียงเรา
>>> ซักเสื้อผ้าสัปดาห์ละ 1 ครั้ง อันนี้เราไม่ว่าอะไร เพราะมันเป็นของส่วนตัว เราไม่อยากยุ่ง แต่เราเริ่มมาฉุนเฉียวก็ตอนที่แม่โทรมาบอกให้เราซักเสื้อผ้าให้น้องด้วย แม่บอกว่าน้องเราต้องไปเรียน แต่เราไม่ได้ทำงาน อยู่หอว่างๆ ก็ช่วยซักให้น้องด้วย ซึ่งเราไม่เห็นด้วยเลยกับที่แม่พูด เพราะเราไม่ได้อยู่ว่างๆ และอีกอย่างคนเราควรซักเสื้อผ้าด้วยตัวเอง โตๆกันแล้ว ปกติน้องจะซักเสื้อผ้าน้องด้วยเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ส่วนเราจะซักเสื้อผ้าเราด้วยมือ(แบบว่างก) และเรายอมรับว่าเราก็เป็นคนค่อนข้างขี้เกียจเรื่องงานบ้านงานเรือน แค่ซักเสื้อผ้าตัวเองเราก็รู้สึกขี้เกียจหน่อยๆแล้ว ไม่อยากซักเสื้อผ้าให้คนอื่นด้วยหรอก(เขายังมีแรง ไม่ได้เป็นง่อย ก็ควรจะซักเอง)
เวลาเราพูดแล้วน้องไม่เชื่อฟัง เราก็จะพูดจี้ใจดำประมาณว่า "มีเวลาโทรคุยกับผู้ชายทั้งวันทั้งคืน แต่ไม่มีเวลาล้างชามและกวาดห้องของตัวเอง" น้องเราก็จะโมโห แต่สุดท้ายก็ไม่เชื่อฟังเราอยู่ดี บางทีน้องก็จะอ้างว่า "นี่เป็นห้องของน้อง น้องจะทำอะไรก็ได้" แต่เราก็โต้กลับไปว่า "อย่ามาอ้างว่าเป็นห้องของตัวเอง ทั้งที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนจ่ายค่าห้อง ถ้าเธอเป็นเจ้าของห้อง พี่ก็เป็นเจ้าของห้องเหมือนกัน เพราะในสัญญาเช่าห้องมีชื่อของเราทั้งคู่ เธอไม่ได้อยู่ในห้องคนเดียว ก็อย่าทำอะไรเอาแต่ใจเหมือนอยู่ห้องคนเดียว" (ตอนพูดกันจริงๆ หยาบกว่านี้ ภาษาสมัยพ่อขุนรามเลย)
พอเราเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาพ่อ พ่อตอบแค่ว่า "ช่างน้องเถอะ ก็ไม่รู้จะทำยังไง ทะเลาะกันไปก็ไม่มีประโยชน์" บางทีเราก็น้อยใจที่พ่อดูเหมือนจะปล่อยๆน้อง ไม่เข้มงวดหรือจ้ำจี้จ้ำไช ทั้งๆที่น้องเป็นคนดื้อรั้น แต่กับเรานี่ต่างกันมาก เราเป็นคนไม่ดื้อรั้น ไม่มีเรื่องให้พ่อแม่ต้องระแวง แต่กลับโดนจ้ำจี้จ้ำไช เวลาเราทำอะไรหรือไปไหน พ่อต้องรู้ตลอด ทั้งๆที่เราไม่ได้บอกพ่อด้วยซ้ำ แต่พ่อก็รู้จากคนอื่นจนได้ แต่เรื่องนี้ช่างมันเถอะ เราตั้งใจจะบ่นเรื่องน้องมากกว่า ไม่รู้จะทำยังไง พูดอะไรน้องก็ไม่เชื่อฟัง เราอยากให้น้องมีความรับผิดชอบ
น้องเป็นคนซกมก เราจะจัดการยังไงดี
>>> กินข้าวแล้วไม่ล้างชาม ตั้งกองไว้ในห้องน้ำทั้งวันทั้งคืน เราบอกให้ล้างก็ไม่ล้าง และพอเราพูดบ่อยๆ น้องก็ไม่พอใจ หาว่าเรายุ่ง เราคิดว่าควรจะล้างชามทันทีที่กินข้าวเสร็จ เพราะถ้าตั้งทิ้งไว้นานๆ มันก็จะเป็นแหล่งหมักหมมของเชื้อโรค แต่เราก็ไม่อยากล้างให้น้อง เพราะเราถือว่า ใครใช้ก็ต้องรับผิดชอบ
>>> ไม่เคยเก็บกวาดห้องให้สะอาด ห้องน้ำก็ไม่เคยล้าง บนพื้นเต็มไปด้วยฝุ่นและเส้นผม และส่วนใหญ่จะเป็นเส้นผมของน้อง(เพราะน้องผมร่วง) เราไม่ได้กวาดหรือล้างห้องทุกวัน แต่เราเป็นคนกวาดและล้างตลอด เพราะทนดูไม่ได้กับความสกปรก พอเราบอกให้น้องกวาดและล้างบ้าง น้องก็ไม่ทำ แถมบอกว่าเราพูดมากบ่นมากอีก ยิ่งถ้าเราไม่อยู่ห้อง(มีบางช่วงที่เราไปพักที่อื่น) ห้องจะรกมาก น้องจะเอาสมบัติมาวางบนเตียงเรา
>>> ซักเสื้อผ้าสัปดาห์ละ 1 ครั้ง อันนี้เราไม่ว่าอะไร เพราะมันเป็นของส่วนตัว เราไม่อยากยุ่ง แต่เราเริ่มมาฉุนเฉียวก็ตอนที่แม่โทรมาบอกให้เราซักเสื้อผ้าให้น้องด้วย แม่บอกว่าน้องเราต้องไปเรียน แต่เราไม่ได้ทำงาน อยู่หอว่างๆ ก็ช่วยซักให้น้องด้วย ซึ่งเราไม่เห็นด้วยเลยกับที่แม่พูด เพราะเราไม่ได้อยู่ว่างๆ และอีกอย่างคนเราควรซักเสื้อผ้าด้วยตัวเอง โตๆกันแล้ว ปกติน้องจะซักเสื้อผ้าน้องด้วยเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ส่วนเราจะซักเสื้อผ้าเราด้วยมือ(แบบว่างก) และเรายอมรับว่าเราก็เป็นคนค่อนข้างขี้เกียจเรื่องงานบ้านงานเรือน แค่ซักเสื้อผ้าตัวเองเราก็รู้สึกขี้เกียจหน่อยๆแล้ว ไม่อยากซักเสื้อผ้าให้คนอื่นด้วยหรอก(เขายังมีแรง ไม่ได้เป็นง่อย ก็ควรจะซักเอง)
เวลาเราพูดแล้วน้องไม่เชื่อฟัง เราก็จะพูดจี้ใจดำประมาณว่า "มีเวลาโทรคุยกับผู้ชายทั้งวันทั้งคืน แต่ไม่มีเวลาล้างชามและกวาดห้องของตัวเอง" น้องเราก็จะโมโห แต่สุดท้ายก็ไม่เชื่อฟังเราอยู่ดี บางทีน้องก็จะอ้างว่า "นี่เป็นห้องของน้อง น้องจะทำอะไรก็ได้" แต่เราก็โต้กลับไปว่า "อย่ามาอ้างว่าเป็นห้องของตัวเอง ทั้งที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนจ่ายค่าห้อง ถ้าเธอเป็นเจ้าของห้อง พี่ก็เป็นเจ้าของห้องเหมือนกัน เพราะในสัญญาเช่าห้องมีชื่อของเราทั้งคู่ เธอไม่ได้อยู่ในห้องคนเดียว ก็อย่าทำอะไรเอาแต่ใจเหมือนอยู่ห้องคนเดียว" (ตอนพูดกันจริงๆ หยาบกว่านี้ ภาษาสมัยพ่อขุนรามเลย)
พอเราเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาพ่อ พ่อตอบแค่ว่า "ช่างน้องเถอะ ก็ไม่รู้จะทำยังไง ทะเลาะกันไปก็ไม่มีประโยชน์" บางทีเราก็น้อยใจที่พ่อดูเหมือนจะปล่อยๆน้อง ไม่เข้มงวดหรือจ้ำจี้จ้ำไช ทั้งๆที่น้องเป็นคนดื้อรั้น แต่กับเรานี่ต่างกันมาก เราเป็นคนไม่ดื้อรั้น ไม่มีเรื่องให้พ่อแม่ต้องระแวง แต่กลับโดนจ้ำจี้จ้ำไช เวลาเราทำอะไรหรือไปไหน พ่อต้องรู้ตลอด ทั้งๆที่เราไม่ได้บอกพ่อด้วยซ้ำ แต่พ่อก็รู้จากคนอื่นจนได้ แต่เรื่องนี้ช่างมันเถอะ เราตั้งใจจะบ่นเรื่องน้องมากกว่า ไม่รู้จะทำยังไง พูดอะไรน้องก็ไม่เชื่อฟัง เราอยากให้น้องมีความรับผิดชอบ