หลังจากที่ “ปราสาทสายฟ้า” สร้างความฮือฮาตกเป็นข่าวจ่อได้ตัว เคียร์ริสัน อดีตกองหน้าดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งวงการลูกหนังบราซิลผู้เคยผ่านการเซ็นสัญญากับ บาร์เซโลนา มาร่วมทัพ
...วันนี้ FFT TH จะพาไปพบกับ 10 เรื่องราวชีวิตการค้าแข้งเขาที่ผ่านมา เป๊ป กวาร์ดิโอลา เคยพูดถึงเขาว่าอย่างไร, อินเตอร์ มิลาน ในยุคใครที่โดนเขาพังประตูมาแล้ว ติดตามไปพร้อมๆ กันได้เลยที่นี่!
1. สโมสรแรกที่ เคียร์ริสัน ค้าแข้งด้วยคือ คอริติบา ในปี 2007 โดยตอนนั้นทีมของเขายังคงเล่นอยู่ในลีกพระรองอย่าง เซเรีย บี บราซิล แต่เพียงแค่ปีแรกที่เขาในวัย 17 ปีถูกดันขึ้นชุดใหญ่ กองหน้าบราซิเลียนคนนี้ก็สามารถพาทีมคว้าแชมป์และซิวตั๋วเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้ทันที พร้อมกันนั้นเจ้าตัวยังได้ชื่อเป็นดาวซัลโวสูงสุดของสโมสรในปีนั้นด้วยหลังยิงไป 12 ประตู
2. จากนั้นปี 2008 ซึ่งถือเป็นการค้าแข้งบนเวทีลูกหนังสูงสุดครั้งแรกของ เคียร์ริสัน มันกลายเป็นเวทีแจ้งเกิดของเขาอย่างแท้จริง เมื่อปีนั้นแม้ คอริติบา จะไม่ได้แชมป์ใดๆ ติดมือและในลีกก็จบเพียงอันดับ 9 ทว่าในแง่ผลงานส่วนตัว ดาวรุ่งแซมบ้าคนนี้กลับทำได้ถึง 23 ประตูจากการลงสนาม 30 นัดในลีก พร้อมกับจารึกชื่อเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ เซเรีย อา บราซิล ที่คว้ารางวัลดาวซัลโว
3. หลังจากจบฤดูกาล 2008 ที่ เคียร์ริสัน ทำผลงานได้อย่างเอกอุกับ คอริติบา เขาถูก Placar หนึ่งในสื่อฟุตบอลชื่อดังของบราซิลยกย่องให้เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งปี ซึ่งเป็นรางวัลเดียวกับที่ เวลลิงตัน เนม และ แบร์นาร์ด สองแข้งบราซิลที่ปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับ ชัคตาร์ โดเนตส์ค เคยได้รับ ก่อนที่หลังจากนั้นชื่อของเขาจะได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะแข้งพรสวรรค์สูงที่สุดคนหนึ่งของวงการลูกหนังบราซิล ณ เวลานั้น
4. ฤดูกาลต่อมา (2009) เคียร์ริสัน ในวัย 19 ปีถูก พัลไมรัส หนึ่งในสโมสรยักษ์ใหญ่ของวงการลูกหนังบราซิลเซ็นสัญญาไปร่วมทีม โดยปีนั้นลงเล่นรวมทุกรายการ 36 นัด ทำได้ 24 ประตู โดยส่วนมากมักได้โอกาสในรายการ คัมปิโอนาโต้ เปาลิสต้า ลีกสูงสุดรัฐ เซา เปาโล โดยลงเล่นไป 16 นัดทำได้ถึง 13 ประตู ส่วนใน เซเรีย อา บราซิล ลงเล่นไป 7 นัด ทำได้ 5 ประตูด้วยกัน
5. วันที่ 23 กรกฏาคม 2009 จุดสูงสุดในอาชีพการค้าแข้งของ เคียร์ริสัน ก็มาถึงเมื่อ บาร์เซโลนา ยักษ์ใหญ่แห่งกาตาลุนญาประกาศผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสรว่าได้เซ็นสัญญาแข้งวัย 20 ปีรายนี้ร่วมทีมแล้วด้วยค่าตัว 14 ล้านยูโรและออพชั่นเพิ่มอีก 2 ล้านยูโร โดยที่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ก้ได้พูดถึงดีลซื้อขายในครั้งนี้ว่า “เขายังเด็กมาก แต่ดูจากสถิติการเล่นของเขาในปีที่ผ่านมา เคียร์ริสันก็มีสถิติการยิงประตูที่ยอดเยี่ยมจริงๆ สโมสรแห่งนี้ตัดสินใจซื้อเขาเข้ามาและผมก็หวังว่าหลังจากกลับมาจากยืมตัวในปีหน้า เขาจะเข้ามาเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมได้”
6. ท่ามกลางความสนใจจากทีมดังๆ อย่าง โรมา, โมนาโก และ อาแย็กซ์ สุดท้าย เคียร์ริสัน เลือกที่จะย้ายแบบยืมตัวไปค้าแข้งในลีกสูงสุดโปรตุเกสกับ เบนฟิก้า ...อย่างไรก็ตามชีวิตในเมืองฝอยทองกลับไม่เป็นไปตามที่เขาคาดหวังมากนักเมื่อล้มเหลวกับการเบียดตำแหน่งตัวจริงกับเหล่าคู่แข่งในตำแหน่งศูนย์หน้าอย่าง ออสการ์ การ์โดโซ, นูโน โกเมส และ ฮาเวียร์ ซาวิโอลา ทำให้ทั้งฤดูกาลนั้น เคียร์ริสัน ได้ลงเล่นไปเพียงแค่ 5 นัดในลีกและทำประตูไม่ได้เลย ซึ่งถึงแม้ว่าทีมของเขาจะคว้าแชมป์ลีกมาครองได้แต่ดาวรุ่งเลือดซามบ้ารายนี้กลับได้ลงสนามไปทั้งสิ้นแค่ 199 นาทีเท่านั้น
7. หลังจากล้มเหลวกับ เบนฟิก้า เขายังคงไม่ได้รับโอกาสจาก บาร์เซโลนา และได้ย้ายทีมแบบยืมตัวอีกครั้งกับ ฟิออเรนตินา ในกัลโช เซเรีย อา อิตาลี ฤดูกาล 2009-2010 ที่มี เชซาเร ปรันเดลลี เป็นเฮดโค้ช และประกอบด้วยเหล่าแข้งดังอย่าง สเตฟาน โยเวติช, มานูเอล ปาสกวาล และ ริคาร์โด มอนเตลิโว โดยเจ้าตัวได้รับโอกาสลงเล่นไปทั้งหมด 10 นัดในลีกและทำได้ทั้งหมด 2 ประตู ลูกแรกกับ ลาซิโอ ที่มี สเตฟาน ลิชต์สไตเนอร์ กับ อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ เป็นตัวหลักในแนวรักบ และอีกหนึ่งลูกกับ อินเตอร์ มิลาน ชุดเทรเบิลแชมป์ยุคกุนซือโปรตุกีสอย่าง โชเซ มูรินโญ ที่มี มาร์โก มาเตราซซี่, ฮูลิโอ เซซาร์, ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ, เอสเตบัน กัมบิอัสโซ, เวสลีย์ ชไนเดอร์, ดีเอโก้ มิลิโต้ และ ซามูเอล เอโต้ เป็นขุนพลชุดหลัก
8. แต่เล่นไปได้ไม่ถึงครึ่งปีเต็ม เคียร์ริสัน ที่โชว์ฟอร์มได้น่าผิดหวังก็ถูก “ม่วงมหากาฬ” ยกเลิกสัญญายืมตัว และย้ายกลับไปค้าแข้งในประเทศบ้านเกิดกับ ซานโตส ด้วยสัญญายืมตัว โดยอยู่ร่วมทีมยุคเดียวกับ กานโซ่ และ เนย์มาร์ สองดาวรุ่งพุ่งแรงที่สุดในช่วงนั้นของวงการลูกหนังบราซิล และใช้เวลาส่วนใหญ่ในฐานะตัวสำรองของทีมที่คว้าแชมป์ โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส ได้ในปี 2011 ก่อนที่ครึ่งฤดูกาลหลังจะย้ายแบบยืมตัวอีกครั้งไปอยู่กับ ครูไซโร จบจนฤดูกาลและย้ายกลับบ้านเก่าอย่าง คอริติบา ด้วยสัญญายืมตัวช่วงต้นปี 2012
9. จากนั้นในปี 2014 หลังจากสัญญา 5 ปีของเขากับ บาร์เซโลน่า หมดลง เคียร์ริสัน ก็ได้เซ็นสัญญาถาวรกับ คอริติบา โดยไม่ได้ลงเล่นให้ “เจ้าบุญทุ่ม” เลยแม้แต่เกมเดียวและกลายเป็นดีลที่สื่อต่างประเทศหลายๆ สำนักยกให้เป็นหนึ่งในดีลซื้อขายที่แย่ที่สุดตลอดกาลของสโมสรจากกาตาลุนลา
10. หลังจากจบ เซเรีย อา บราซิล ฤดูกาล 2015 คอริติบา ตัดสินใจยกเลิกสัญญาของ เคียร์ริสัน ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นนักเตะไร้สังกัก่อนที่ล่าสุดจะมีข่าวว่าได้เซ็นสัญญาเป็นแข้งคนใหม่ของ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เจ้าของ 5 แชมป์ในฤดูกาลที่แล้วจากประเทศไทย
...และทั้งหมดนี้ก็คือ 10 เรื่องที่ต้องรู้ของ เคียร์ริสัน กองหน้าบราซิเลียนที่ครั้งหนึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่สุดของวงการลูกหนังเมืองแซมบ้า วันนี้เขากำลังจะเริ่มต้นการผจญภัยบทใหม่กับ “ปราสาทสายฟ้า” ในไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2016
...และน่าสนใจว่าแนวรุกวัย 27 กะรัตคนนี้จะผนึกกำลังกับเหล่าแข้งบราซิลในทีมอย่าง ดิโอโก หลุยส์ ซานโต, ดานิโล และ อังเดร โมริตซ์ พา บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยิ่งใหญ่เกรียงไกรได้มากน้อยแค่ไหนในไทยลีกซีซั่นใหม่ที่กำลังจะมาถึง!
ที่มา :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.fourfourtwo.com/th/features/10-eruuengthiitngruukhng-ekhiiyrrisan-waathiihkkhnaihmburiiramy#:cIgjEwv4YaRhdA
10 เรื่องที่ต้องรู้ของ "เคียร์ริสัน" ว่าที่หอกคนใหม่บุรีรัมย์
หลังจากที่ “ปราสาทสายฟ้า” สร้างความฮือฮาตกเป็นข่าวจ่อได้ตัว เคียร์ริสัน อดีตกองหน้าดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งวงการลูกหนังบราซิลผู้เคยผ่านการเซ็นสัญญากับ บาร์เซโลนา มาร่วมทัพ
...วันนี้ FFT TH จะพาไปพบกับ 10 เรื่องราวชีวิตการค้าแข้งเขาที่ผ่านมา เป๊ป กวาร์ดิโอลา เคยพูดถึงเขาว่าอย่างไร, อินเตอร์ มิลาน ในยุคใครที่โดนเขาพังประตูมาแล้ว ติดตามไปพร้อมๆ กันได้เลยที่นี่!
1. สโมสรแรกที่ เคียร์ริสัน ค้าแข้งด้วยคือ คอริติบา ในปี 2007 โดยตอนนั้นทีมของเขายังคงเล่นอยู่ในลีกพระรองอย่าง เซเรีย บี บราซิล แต่เพียงแค่ปีแรกที่เขาในวัย 17 ปีถูกดันขึ้นชุดใหญ่ กองหน้าบราซิเลียนคนนี้ก็สามารถพาทีมคว้าแชมป์และซิวตั๋วเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้ทันที พร้อมกันนั้นเจ้าตัวยังได้ชื่อเป็นดาวซัลโวสูงสุดของสโมสรในปีนั้นด้วยหลังยิงไป 12 ประตู
2. จากนั้นปี 2008 ซึ่งถือเป็นการค้าแข้งบนเวทีลูกหนังสูงสุดครั้งแรกของ เคียร์ริสัน มันกลายเป็นเวทีแจ้งเกิดของเขาอย่างแท้จริง เมื่อปีนั้นแม้ คอริติบา จะไม่ได้แชมป์ใดๆ ติดมือและในลีกก็จบเพียงอันดับ 9 ทว่าในแง่ผลงานส่วนตัว ดาวรุ่งแซมบ้าคนนี้กลับทำได้ถึง 23 ประตูจากการลงสนาม 30 นัดในลีก พร้อมกับจารึกชื่อเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ เซเรีย อา บราซิล ที่คว้ารางวัลดาวซัลโว
3. หลังจากจบฤดูกาล 2008 ที่ เคียร์ริสัน ทำผลงานได้อย่างเอกอุกับ คอริติบา เขาถูก Placar หนึ่งในสื่อฟุตบอลชื่อดังของบราซิลยกย่องให้เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งปี ซึ่งเป็นรางวัลเดียวกับที่ เวลลิงตัน เนม และ แบร์นาร์ด สองแข้งบราซิลที่ปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับ ชัคตาร์ โดเนตส์ค เคยได้รับ ก่อนที่หลังจากนั้นชื่อของเขาจะได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะแข้งพรสวรรค์สูงที่สุดคนหนึ่งของวงการลูกหนังบราซิล ณ เวลานั้น
4. ฤดูกาลต่อมา (2009) เคียร์ริสัน ในวัย 19 ปีถูก พัลไมรัส หนึ่งในสโมสรยักษ์ใหญ่ของวงการลูกหนังบราซิลเซ็นสัญญาไปร่วมทีม โดยปีนั้นลงเล่นรวมทุกรายการ 36 นัด ทำได้ 24 ประตู โดยส่วนมากมักได้โอกาสในรายการ คัมปิโอนาโต้ เปาลิสต้า ลีกสูงสุดรัฐ เซา เปาโล โดยลงเล่นไป 16 นัดทำได้ถึง 13 ประตู ส่วนใน เซเรีย อา บราซิล ลงเล่นไป 7 นัด ทำได้ 5 ประตูด้วยกัน
5. วันที่ 23 กรกฏาคม 2009 จุดสูงสุดในอาชีพการค้าแข้งของ เคียร์ริสัน ก็มาถึงเมื่อ บาร์เซโลนา ยักษ์ใหญ่แห่งกาตาลุนญาประกาศผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสรว่าได้เซ็นสัญญาแข้งวัย 20 ปีรายนี้ร่วมทีมแล้วด้วยค่าตัว 14 ล้านยูโรและออพชั่นเพิ่มอีก 2 ล้านยูโร โดยที่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ก้ได้พูดถึงดีลซื้อขายในครั้งนี้ว่า “เขายังเด็กมาก แต่ดูจากสถิติการเล่นของเขาในปีที่ผ่านมา เคียร์ริสันก็มีสถิติการยิงประตูที่ยอดเยี่ยมจริงๆ สโมสรแห่งนี้ตัดสินใจซื้อเขาเข้ามาและผมก็หวังว่าหลังจากกลับมาจากยืมตัวในปีหน้า เขาจะเข้ามาเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมได้”
6. ท่ามกลางความสนใจจากทีมดังๆ อย่าง โรมา, โมนาโก และ อาแย็กซ์ สุดท้าย เคียร์ริสัน เลือกที่จะย้ายแบบยืมตัวไปค้าแข้งในลีกสูงสุดโปรตุเกสกับ เบนฟิก้า ...อย่างไรก็ตามชีวิตในเมืองฝอยทองกลับไม่เป็นไปตามที่เขาคาดหวังมากนักเมื่อล้มเหลวกับการเบียดตำแหน่งตัวจริงกับเหล่าคู่แข่งในตำแหน่งศูนย์หน้าอย่าง ออสการ์ การ์โดโซ, นูโน โกเมส และ ฮาเวียร์ ซาวิโอลา ทำให้ทั้งฤดูกาลนั้น เคียร์ริสัน ได้ลงเล่นไปเพียงแค่ 5 นัดในลีกและทำประตูไม่ได้เลย ซึ่งถึงแม้ว่าทีมของเขาจะคว้าแชมป์ลีกมาครองได้แต่ดาวรุ่งเลือดซามบ้ารายนี้กลับได้ลงสนามไปทั้งสิ้นแค่ 199 นาทีเท่านั้น
7. หลังจากล้มเหลวกับ เบนฟิก้า เขายังคงไม่ได้รับโอกาสจาก บาร์เซโลนา และได้ย้ายทีมแบบยืมตัวอีกครั้งกับ ฟิออเรนตินา ในกัลโช เซเรีย อา อิตาลี ฤดูกาล 2009-2010 ที่มี เชซาเร ปรันเดลลี เป็นเฮดโค้ช และประกอบด้วยเหล่าแข้งดังอย่าง สเตฟาน โยเวติช, มานูเอล ปาสกวาล และ ริคาร์โด มอนเตลิโว โดยเจ้าตัวได้รับโอกาสลงเล่นไปทั้งหมด 10 นัดในลีกและทำได้ทั้งหมด 2 ประตู ลูกแรกกับ ลาซิโอ ที่มี สเตฟาน ลิชต์สไตเนอร์ กับ อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ เป็นตัวหลักในแนวรักบ และอีกหนึ่งลูกกับ อินเตอร์ มิลาน ชุดเทรเบิลแชมป์ยุคกุนซือโปรตุกีสอย่าง โชเซ มูรินโญ ที่มี มาร์โก มาเตราซซี่, ฮูลิโอ เซซาร์, ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ, เอสเตบัน กัมบิอัสโซ, เวสลีย์ ชไนเดอร์, ดีเอโก้ มิลิโต้ และ ซามูเอล เอโต้ เป็นขุนพลชุดหลัก
8. แต่เล่นไปได้ไม่ถึงครึ่งปีเต็ม เคียร์ริสัน ที่โชว์ฟอร์มได้น่าผิดหวังก็ถูก “ม่วงมหากาฬ” ยกเลิกสัญญายืมตัว และย้ายกลับไปค้าแข้งในประเทศบ้านเกิดกับ ซานโตส ด้วยสัญญายืมตัว โดยอยู่ร่วมทีมยุคเดียวกับ กานโซ่ และ เนย์มาร์ สองดาวรุ่งพุ่งแรงที่สุดในช่วงนั้นของวงการลูกหนังบราซิล และใช้เวลาส่วนใหญ่ในฐานะตัวสำรองของทีมที่คว้าแชมป์ โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส ได้ในปี 2011 ก่อนที่ครึ่งฤดูกาลหลังจะย้ายแบบยืมตัวอีกครั้งไปอยู่กับ ครูไซโร จบจนฤดูกาลและย้ายกลับบ้านเก่าอย่าง คอริติบา ด้วยสัญญายืมตัวช่วงต้นปี 2012
9. จากนั้นในปี 2014 หลังจากสัญญา 5 ปีของเขากับ บาร์เซโลน่า หมดลง เคียร์ริสัน ก็ได้เซ็นสัญญาถาวรกับ คอริติบา โดยไม่ได้ลงเล่นให้ “เจ้าบุญทุ่ม” เลยแม้แต่เกมเดียวและกลายเป็นดีลที่สื่อต่างประเทศหลายๆ สำนักยกให้เป็นหนึ่งในดีลซื้อขายที่แย่ที่สุดตลอดกาลของสโมสรจากกาตาลุนลา
10. หลังจากจบ เซเรีย อา บราซิล ฤดูกาล 2015 คอริติบา ตัดสินใจยกเลิกสัญญาของ เคียร์ริสัน ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นนักเตะไร้สังกัก่อนที่ล่าสุดจะมีข่าวว่าได้เซ็นสัญญาเป็นแข้งคนใหม่ของ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เจ้าของ 5 แชมป์ในฤดูกาลที่แล้วจากประเทศไทย
...และทั้งหมดนี้ก็คือ 10 เรื่องที่ต้องรู้ของ เคียร์ริสัน กองหน้าบราซิเลียนที่ครั้งหนึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่สุดของวงการลูกหนังเมืองแซมบ้า วันนี้เขากำลังจะเริ่มต้นการผจญภัยบทใหม่กับ “ปราสาทสายฟ้า” ในไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2016
...และน่าสนใจว่าแนวรุกวัย 27 กะรัตคนนี้จะผนึกกำลังกับเหล่าแข้งบราซิลในทีมอย่าง ดิโอโก หลุยส์ ซานโต, ดานิโล และ อังเดร โมริตซ์ พา บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยิ่งใหญ่เกรียงไกรได้มากน้อยแค่ไหนในไทยลีกซีซั่นใหม่ที่กำลังจะมาถึง!
ที่มา : [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้