1 1 d a y s o n A m t r a k : C a l i f o r n i a Z e p h y r
ทุ ก ค รั้ ง ที่ เ ก็ บ ก ร ะ เ ป๋ า เ ดิ น ท า ง ฉั น รู้ สึ ก ว่ า เ รื่ อ ง ตื่ น เ ต้ น ก ำ ลั ง จ ะ เ ริ่ ม ต้ น อี ก ค รั้ ง แ ล้ ว "
ก า ร เ ดิ น ท า ง ค รั้ ง นี้ ถื อ ว่ า เ ป็ น ค รั้ ง ที่ ย า ว น า น ห น า ว แ ล ะ ส ว ย ม า ก จ ริ ง ๆ เ ร า เ ลื อ ก เ ดิ น ท า ง ใ น
ช่ ว ง W i n t e r เ พ ร า ะ มั น จ ะ ไ ด้ บ ร ร ย า ก า ศ อี ก แ บ บ แ บ บ ที่ ช่ ว ง S u m m e r ใ ห้ ไ ม่ ไ ด้
แ ล ะ ที่ ส ำ คั ญ คื อ ค น น้ อ ย ก ว่ า ที่ คิ ด แ ต่ ก็ ล ำ บ า ก ก ว่ า ที่ คิ ด เ ช่ น กั น
ครั้งนี้เป็นการเดินทางครั้งใหม่ของเราอีกครั้ง หลังจากครั้งที่แล้ว ไปผจญภัยที่
> > ' 9 6 4 M i l e s ' t o ' D e a t h V a l l e y N a t i o n a l P a r k ' < <
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ http://ppantip.com/topic/34132861
1 3 d a y s i n N e w Z e a l a n d <N o r t h + S o u t h >
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://ppantip.com/topic/34091428
เราไปอยู่ที่ San francisco มา 2 ปี จุดประสงค์หลังคือเพื่อมาเรียนภาษา ซึ่งปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้วที่จะอยู่ที่นี่ เราจึงอยากจะเก็บเมืองในสหรัฐอเมริกาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ครั้งนี้จึงเป็นการเดินทางที่ยาวนานและอยู่บนรถไฟ Amtrak ยาวนานที่สุด
การเตรียมตัว :
- เสื้อผ้ากันหนาว ถุงมือ ผ้าพันคอ ถุงร้อนสำหรับอากาศ -6องศา ถึง 7องศา อันนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละเมือง เอาที่จำเป็นก็พอ
- ยาประจำตัว แก้หวัด แก้ไอ แก้น้ำมูก แก้แพ้(เพราะบางครั้งอากาศทำให้ผื่นขึ้นได้ง่ายๆ) ยานอนหลับ(สำหรับคนที่นอนยากหน่อย เพราะบางครั้งเราต้องนอนบนรถไฟและอีกวันก็เที่ยวเลย ทำให้ไม่มีแรงในวันต่อไป) และที่สำคัญ วาสลีน สำหรับเรามันสำคัญนะ เพราะอากาศหน้าหนาว ทาปิโตเลียมและช่วยได้เยอะจริงๆ พกไปตัวเดียวอยู่ได้ทั้งทริป
- กล้องถ่ายรูป เอาที่สะดวก ง่ายๆ
- Transit Application : แอฟนี้สามารถบอกสายรถเมล์ทุกเมืองที่เราจะไปได้ มันง่ายและไม่จำเป็นต้องมีรถก็ได้
การเดินทาง :
- Amtrak สาย California Zephyr ที่วิ่งจาก Chicago - San Francisco Bay Area นี่คือการเดินทางหลักๆ ของทริปนี้เลยก็ว่าได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Website : www.amtrak.com/ccurl/692/258/Amtrak-California-Zephyr-Train-Route-Guide-2014.pdf
ปล. ข้อดีคือ ที่ชมวิวสวยมากๆ ข้อเสียคือ ไม่มี Wifi บนรถไฟ
- Uber คือ Taxi ชนิดหนึ่งที่นิยมใช้ในอเมริกา หลายคนคงรู้จักแล้ว โหลด Application และใส่เลขบัตรเครดิตก็สามารถเรียกใช้ได้แล้ว บางครั้งถูกกว่าเรียก Shuttle Bus หรือใช้ Transportation อีก ถ้ามาอย่างน้อย2คนขึ้นไป
- Rent Car เราเลือก Bid ราคารถที่เช่าใน Priceline ซึ่งก่อนที่จะเลือกรถของแต่ละยี่ห้อก็ควรดูว่าบริษัทไหนใกล้ที่พักเรา จะได้สะดวกในการเดินทาง ซึ่งข้อดีของการ Bid ในเว็บนี้ บางครั้งเราจะได้รถดีๆ แต่ในราคาถูกแล้วแต่ดวงอีกด้วย
- Transportation ของแต่ละเมือง เดี๋ยวอธิบายใน Trip นะค่ะ
แผนการเดินทาง
Chicago ,Illinois
Denver ,Colorado
Salt Lake City ,Utah
Reno ,Nevada
San Francisco ,California
ที่จริงแล้วดูจาก Route Map จะเห็นได้ว่ารถไฟแวะหลายสถานีมากๆ แต่เราเลือกลงที่เด่นๆ และไปเที่ยวสถานที่สำคัญในเมืองนั้นแทน ใช้เวลา2-3วันในแต่ละที่ แล้วแต่เมือง แต่อยากแนะนำอีก 2 เมืองที่ควรแวะ คือ Glenwood Spring ,Colorado (สำหรับคนที่ชอบเล่นสกีและสโนบอร์ดเป็นเมืองน่ารักเล็กๆ ที่คนนิยมไปเล่นกัน และสังเกตได้จากคนจะลงเยอะมากสถานีนี้) , Sacramento (หลายคนอาจจะไม่คุ้นชื่อกับเมืองนี้ แต่เมืองนี้คือเมืองหลวงของรัฐ California เลยนะเป็นเมืองธุรกิจที่ยังมีสิ่งสวยงามให้ดูกัน อย่างเช่น Old Sacramento และ City hall )
CHICAGO
สิ่งที่ต้องทำและควรรู้
- เช็คอากาศทุกวัน เพื่อที่จะได้รู้ว่าเราควรไป Skydeck วันไหน มันเป้นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่ไป Chicago ควรไป บางคนขึ้นไปวันที่หมอกลงก็จะมองไม่เห็นเมือง ซึ่งน่าเสียดาย วันไหนที่พยากรณ์บอกว่าหมอกลง เราก็ไปเข้า Aquarium และ Museum แทน
- City Pass Chicago : 98$ เป็นสิ่งที่ควรซื้อและต้องซื้อที่สุด เพราะทุกอย่างที่เข้าจะเป็นแบบ Fast Pass และ VIP ไม่ต้องต่อคิวนานและประหยัดเวลาได้เกือบ2ชั่วโมงสำหรับขึ้นตึก Willis Tower และเข้าได้ทั้งหมด 5สถานที่ ซึ่งรวมที่สำคัญไว้หมดแล้ว เรียกว่าคุ้มมากๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Website : www.citypass.com/chicago
ปล. วิธีเอาตั๋วง่ายๆ คือ ไปสถานที่ที่มีอยู่ในบัตร ต่อคิว Fast pass และยื่น e-mail ที่เราจ่ายเงินไว้ให้พนักงาน พนักงานจะให้สมุดเล่มนึงเขียนว่า City pass และที่สำคัญ เวลาจะเข้าแต่ละที่ ห้ามฉีกตั๋วเอง ต้องให้พนักงานฉีกเท่านั้น ไม่งั้นจะถือว่าตั๋วหมดอายุ
- Ventra : บัตรรถ transportation ในเมืองนี้ เนื่องจากเราไม่เช่ารถเพราะหาที่จอดยาก และต้องมาเสียค่าที่จอดอีก การซื้อบัตรต้องซื้อใน Walgreen หรือ CVS ไปบอกพนักงานว่าอยากได้บัตร Ventra ค่าบัตรราคา 5$ และต้องเติมเงินในบัตรอย่างน้อย1$ จะเสียทั้งหมด6$ แต่ก็สามารถใช้เงินนี้ขึ้นรถเมล์ได้ จากนั้นโหลด App Ventra มาซื้อบัตร 3-Day CTA Pass for $20 จากนั้นต้องโทรไป Activate บัตรตามเบอร์ที่ขึ้นใน Application ถึงจะใช้ 3-Day CTA Pass ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Website : www.transitchicago.com
ปล. ต้องซื้อบัตรนี้เพราะว่าเมืองนี้เสียค่าขึ้นครั้งละ 2.65$ Tranfer เสียเพิ่มครั้งละ 50cent ภายใน3ชั่วโมง แต่ก็ต้องมีบัตร Ventra อยู่ดี ถ้าไม่มีก็ต้องเสียใหม่ทุกครั้ง ซึ่งไม่คุ้ม
- เมืองนี้ห้องน้ำจะไม่มีกระดาษรองนั่งเตรียมให้ หลายๆห้องน้ำที่สังเกตแทบไม่มี ,คนท้องถิ่นจะไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไร ซึ่งต่างจากแทบ California ที่ทุกครั้งจะถามว่าเป็นยังไง ทักทายกันเสมอ และเวลาเข้าห้องหรือไปบ้านเพื่อน เรางงมากที่ไม่ต้องถอดรองเท้า แต่ก็ไม่ใช่ทุกบ้าน
12.31.15. Landing CHICAGO
วันสิ้นปีของปี 2015 เราเรียก Uber ให้มาส่งที่พักในราคา 22$ สำหรับสองคน ใช้เวลา 45 นาที เพราะรถติดตอนเข้าเมือง
เมื่อเก็บของเสร็จ เราก็เดินไป The Cloud Gate or The Bean สัญลักษณ์ของเมือง บน Millenium Park Millenium Park เดิมเป็นพื้นที่รกร้างทางตอนเหนือของ Grant park ใช้เป็นสุสานรถไฟและที่จอดรถ ต่อมาในปี 1997 เมืองชิคาโกจึงได้ริเริ่มที่จะพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นสวนสาธารณะ แต่กว่าจะเสร็จจริงๆ ก็เข้าปี 2004 แล้ว ใช้งบประมาณมหาศาลกว่า 475 ล้านเหรียญ จากที่พักเดินแค่ 10 นาที
เดินมาเรื่อยก็จะเจอ Crown Fountain ซึ่งประกอบไปด้วยน้ำตกและจอ Video ซึ่งแสดงหน้าตาของคนที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
แวะกิน พิซซ่าชิคาโก้ ที่ไม่เหมือนพิซซ่าทั่วไปที่เรากินกัน ร้านชื่อดังๆนั้นคือ Giordano's Pizza มีหลายสาขา หลายที่ให้กิน ราคาไม่แพงมาก อิ่มแบบเลี่ยนไปเลย และสุดท้ายนั่งรถไป Navy Pier เพื่อฉลองปีใหม่ที่ริมทะเล
01.01.16 ความรู้ก็มาเต็ม
เช้าวันนี้เรากิน Breakfast กันที่ร้าน Yolk เอาจริงๆ มีหลายสาขาอยู่นะ อร่อยแบบเรียบง่ายๆ และเร็วด้วย จากนั้นไป Shedd Aquarium เช็ครอบดูปลาโลมาดีๆ เพราะถ้าเราไปรอบที่เพิ่งผ่านไปต้องรออีกทีสองชั่วโมง และ The Field Museum (อย่าลืมเข้า extibition เพราะเสียเงิน VIP แล้วและพนักงาน require ticket เท่านั้น มันคูลมากๆ) สองสถานที่นี้อยู่ติดกัน เราสามารถเดินก็ได้
เมื่อท้องอิ่ม เราก็ออกเดินทางกันต่อ ไปที่ Michigan Ave. แม่น้ำกลางเมืองที่คนชอบถ่ายรูปกัน มากลางคืนก็สวยไปอีกแบบ แต่เขาไม่เปิดให้เดินริมแม่น้ำ เพราะหิมะตกหนัก แป่ว เลยจำเป็นต้องเดินกลับมาถ่ายรูปกับป้าย Chicago Theater ใน Downtown ใกล้ Macy แทน
[CR] W h e n . I . a m . a . B A C K P A C K E R.
ก า ร เ ดิ น ท า ง ค รั้ ง นี้ ถื อ ว่ า เ ป็ น ค รั้ ง ที่ ย า ว น า น ห น า ว แ ล ะ ส ว ย ม า ก จ ริ ง ๆ เ ร า เ ลื อ ก เ ดิ น ท า ง ใ น
ช่ ว ง W i n t e r เ พ ร า ะ มั น จ ะ ไ ด้ บ ร ร ย า ก า ศ อี ก แ บ บ แ บ บ ที่ ช่ ว ง S u m m e r ใ ห้ ไ ม่ ไ ด้
แ ล ะ ที่ ส ำ คั ญ คื อ ค น น้ อ ย ก ว่ า ที่ คิ ด แ ต่ ก็ ล ำ บ า ก ก ว่ า ที่ คิ ด เ ช่ น กั น
ครั้งนี้เป็นการเดินทางครั้งใหม่ของเราอีกครั้ง หลังจากครั้งที่แล้ว ไปผจญภัยที่
> > ' 9 6 4 M i l e s ' t o ' D e a t h V a l l e y N a t i o n a l P a r k ' < <[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
1 3 d a y s i n N e w Z e a l a n d <N o r t h + S o u t h >[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราไปอยู่ที่ San francisco มา 2 ปี จุดประสงค์หลังคือเพื่อมาเรียนภาษา ซึ่งปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้วที่จะอยู่ที่นี่ เราจึงอยากจะเก็บเมืองในสหรัฐอเมริกาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ครั้งนี้จึงเป็นการเดินทางที่ยาวนานและอยู่บนรถไฟ Amtrak ยาวนานที่สุด
การเตรียมตัว :
- เสื้อผ้ากันหนาว ถุงมือ ผ้าพันคอ ถุงร้อนสำหรับอากาศ -6องศา ถึง 7องศา อันนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละเมือง เอาที่จำเป็นก็พอ
- ยาประจำตัว แก้หวัด แก้ไอ แก้น้ำมูก แก้แพ้(เพราะบางครั้งอากาศทำให้ผื่นขึ้นได้ง่ายๆ) ยานอนหลับ(สำหรับคนที่นอนยากหน่อย เพราะบางครั้งเราต้องนอนบนรถไฟและอีกวันก็เที่ยวเลย ทำให้ไม่มีแรงในวันต่อไป) และที่สำคัญ วาสลีน สำหรับเรามันสำคัญนะ เพราะอากาศหน้าหนาว ทาปิโตเลียมและช่วยได้เยอะจริงๆ พกไปตัวเดียวอยู่ได้ทั้งทริป
- กล้องถ่ายรูป เอาที่สะดวก ง่ายๆ
- Transit Application : แอฟนี้สามารถบอกสายรถเมล์ทุกเมืองที่เราจะไปได้ มันง่ายและไม่จำเป็นต้องมีรถก็ได้
การเดินทาง :
- Amtrak สาย California Zephyr ที่วิ่งจาก Chicago - San Francisco Bay Area นี่คือการเดินทางหลักๆ ของทริปนี้เลยก็ว่าได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปล. ข้อดีคือ ที่ชมวิวสวยมากๆ ข้อเสียคือ ไม่มี Wifi บนรถไฟ
- Uber คือ Taxi ชนิดหนึ่งที่นิยมใช้ในอเมริกา หลายคนคงรู้จักแล้ว โหลด Application และใส่เลขบัตรเครดิตก็สามารถเรียกใช้ได้แล้ว บางครั้งถูกกว่าเรียก Shuttle Bus หรือใช้ Transportation อีก ถ้ามาอย่างน้อย2คนขึ้นไป
- Rent Car เราเลือก Bid ราคารถที่เช่าใน Priceline ซึ่งก่อนที่จะเลือกรถของแต่ละยี่ห้อก็ควรดูว่าบริษัทไหนใกล้ที่พักเรา จะได้สะดวกในการเดินทาง ซึ่งข้อดีของการ Bid ในเว็บนี้ บางครั้งเราจะได้รถดีๆ แต่ในราคาถูกแล้วแต่ดวงอีกด้วย
- Transportation ของแต่ละเมือง เดี๋ยวอธิบายใน Trip นะค่ะ
Denver ,Colorado
Salt Lake City ,Utah
Reno ,Nevada
San Francisco ,California
ที่จริงแล้วดูจาก Route Map จะเห็นได้ว่ารถไฟแวะหลายสถานีมากๆ แต่เราเลือกลงที่เด่นๆ และไปเที่ยวสถานที่สำคัญในเมืองนั้นแทน ใช้เวลา2-3วันในแต่ละที่ แล้วแต่เมือง แต่อยากแนะนำอีก 2 เมืองที่ควรแวะ คือ Glenwood Spring ,Colorado (สำหรับคนที่ชอบเล่นสกีและสโนบอร์ดเป็นเมืองน่ารักเล็กๆ ที่คนนิยมไปเล่นกัน และสังเกตได้จากคนจะลงเยอะมากสถานีนี้) , Sacramento (หลายคนอาจจะไม่คุ้นชื่อกับเมืองนี้ แต่เมืองนี้คือเมืองหลวงของรัฐ California เลยนะเป็นเมืองธุรกิจที่ยังมีสิ่งสวยงามให้ดูกัน อย่างเช่น Old Sacramento และ City hall )
CHICAGO
สิ่งที่ต้องทำและควรรู้
- เช็คอากาศทุกวัน เพื่อที่จะได้รู้ว่าเราควรไป Skydeck วันไหน มันเป้นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่ไป Chicago ควรไป บางคนขึ้นไปวันที่หมอกลงก็จะมองไม่เห็นเมือง ซึ่งน่าเสียดาย วันไหนที่พยากรณ์บอกว่าหมอกลง เราก็ไปเข้า Aquarium และ Museum แทน
- City Pass Chicago : 98$ เป็นสิ่งที่ควรซื้อและต้องซื้อที่สุด เพราะทุกอย่างที่เข้าจะเป็นแบบ Fast Pass และ VIP ไม่ต้องต่อคิวนานและประหยัดเวลาได้เกือบ2ชั่วโมงสำหรับขึ้นตึก Willis Tower และเข้าได้ทั้งหมด 5สถานที่ ซึ่งรวมที่สำคัญไว้หมดแล้ว เรียกว่าคุ้มมากๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปล. วิธีเอาตั๋วง่ายๆ คือ ไปสถานที่ที่มีอยู่ในบัตร ต่อคิว Fast pass และยื่น e-mail ที่เราจ่ายเงินไว้ให้พนักงาน พนักงานจะให้สมุดเล่มนึงเขียนว่า City pass และที่สำคัญ เวลาจะเข้าแต่ละที่ ห้ามฉีกตั๋วเอง ต้องให้พนักงานฉีกเท่านั้น ไม่งั้นจะถือว่าตั๋วหมดอายุ
- Ventra : บัตรรถ transportation ในเมืองนี้ เนื่องจากเราไม่เช่ารถเพราะหาที่จอดยาก และต้องมาเสียค่าที่จอดอีก การซื้อบัตรต้องซื้อใน Walgreen หรือ CVS ไปบอกพนักงานว่าอยากได้บัตร Ventra ค่าบัตรราคา 5$ และต้องเติมเงินในบัตรอย่างน้อย1$ จะเสียทั้งหมด6$ แต่ก็สามารถใช้เงินนี้ขึ้นรถเมล์ได้ จากนั้นโหลด App Ventra มาซื้อบัตร 3-Day CTA Pass for $20 จากนั้นต้องโทรไป Activate บัตรตามเบอร์ที่ขึ้นใน Application ถึงจะใช้ 3-Day CTA Pass ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปล. ต้องซื้อบัตรนี้เพราะว่าเมืองนี้เสียค่าขึ้นครั้งละ 2.65$ Tranfer เสียเพิ่มครั้งละ 50cent ภายใน3ชั่วโมง แต่ก็ต้องมีบัตร Ventra อยู่ดี ถ้าไม่มีก็ต้องเสียใหม่ทุกครั้ง ซึ่งไม่คุ้ม
- เมืองนี้ห้องน้ำจะไม่มีกระดาษรองนั่งเตรียมให้ หลายๆห้องน้ำที่สังเกตแทบไม่มี ,คนท้องถิ่นจะไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไร ซึ่งต่างจากแทบ California ที่ทุกครั้งจะถามว่าเป็นยังไง ทักทายกันเสมอ และเวลาเข้าห้องหรือไปบ้านเพื่อน เรางงมากที่ไม่ต้องถอดรองเท้า แต่ก็ไม่ใช่ทุกบ้าน
เมื่อเก็บของเสร็จ เราก็เดินไป The Cloud Gate or The Bean สัญลักษณ์ของเมือง บน Millenium Park Millenium Park เดิมเป็นพื้นที่รกร้างทางตอนเหนือของ Grant park ใช้เป็นสุสานรถไฟและที่จอดรถ ต่อมาในปี 1997 เมืองชิคาโกจึงได้ริเริ่มที่จะพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นสวนสาธารณะ แต่กว่าจะเสร็จจริงๆ ก็เข้าปี 2004 แล้ว ใช้งบประมาณมหาศาลกว่า 475 ล้านเหรียญ จากที่พักเดินแค่ 10 นาที
เดินมาเรื่อยก็จะเจอ Crown Fountain ซึ่งประกอบไปด้วยน้ำตกและจอ Video ซึ่งแสดงหน้าตาของคนที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
แวะกิน พิซซ่าชิคาโก้ ที่ไม่เหมือนพิซซ่าทั่วไปที่เรากินกัน ร้านชื่อดังๆนั้นคือ Giordano's Pizza มีหลายสาขา หลายที่ให้กิน ราคาไม่แพงมาก อิ่มแบบเลี่ยนไปเลย และสุดท้ายนั่งรถไป Navy Pier เพื่อฉลองปีใหม่ที่ริมทะเล
เช้าวันนี้เรากิน Breakfast กันที่ร้าน Yolk เอาจริงๆ มีหลายสาขาอยู่นะ อร่อยแบบเรียบง่ายๆ และเร็วด้วย จากนั้นไป Shedd Aquarium เช็ครอบดูปลาโลมาดีๆ เพราะถ้าเราไปรอบที่เพิ่งผ่านไปต้องรออีกทีสองชั่วโมง และ The Field Museum (อย่าลืมเข้า extibition เพราะเสียเงิน VIP แล้วและพนักงาน require ticket เท่านั้น มันคูลมากๆ) สองสถานที่นี้อยู่ติดกัน เราสามารถเดินก็ได้
เมื่อท้องอิ่ม เราก็ออกเดินทางกันต่อ ไปที่ Michigan Ave. แม่น้ำกลางเมืองที่คนชอบถ่ายรูปกัน มากลางคืนก็สวยไปอีกแบบ แต่เขาไม่เปิดให้เดินริมแม่น้ำ เพราะหิมะตกหนัก แป่ว เลยจำเป็นต้องเดินกลับมาถ่ายรูปกับป้าย Chicago Theater ใน Downtown ใกล้ Macy แทน
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น