สวัสดีค่ะ มารีวิวการใช้ชีวิตรอดในโตเกียวคนเดียว 6 วัน 5 คืน

ถ้าไปดูกระทู้เก่า ก็จะเห็นว่าเราได้วางแผนไว้อย่างจริงจังมาก ว่าจะไปนู่นนี่นั่น
พอถึงเวลาจริงเหรอ? แผนคืออะไร ฉันอยากไปไหนก็ไหน บ้าบอที่สุด 55555555


การรีวิวครั้งนี้เลยขอรีวิวการเที่ยวก่อน
ส่วนสายการบินที่นั่ง(เวียดนามแอร์ไลน์) กับที่พัก (อาซากุสะ ฟุกุดายะ)
จะมีรีวิวต่ออีกรอบนะคะ พิมพ์ไปเรื่อยๆก็เหนื่อยจริงๆ 5555



โดยทริปนี้เราจองตั๋วเครื่องบิน+ที่พัก 5 คืนผ่าน expedia ราคา 16,550 บาท
เดินทาง 26 ธ.ค. 58 กลับ 1 ม.ค. 59



เอาล่ะ ว่าแล้วก็ออกเดินทางกัน  ทริปนี้ไปโตเกียวล้วนๆ
ออกเดินทางจากสุวรรณภูมิวันที่ 26 ธ.ค. ถึงโตเกียว 7 โมงกว่าวันที่ 27 ค่ะ (แวะต่อเครื่องทีโฮจิมินห์ประมาณ 2 ชม.)

ไปถึงก็ไปรับกระเป๋า ลากไปตามทาง หาทางไป subway
ก่อนอื่นก็แวะซื้อบัตร passmo จากตู้ 2000 เยน จะใช้ได้ 1500 เยนอีก 500 เยนเป็นค่าประกันบัตรค่ะ (ได้คืนตอนคืนบัตร)

เราจะเข้าเมืองด้วย keisei main line  เราพักแถวอาซากุสะ แต่จะไปลงที่อุเอโนะก่อน
ถ้าซื้อตั๋วที่เคาท์เตอร์ keisei จะราคา 1030 เยน แต่เราจ่ายผ่านบัตร passmo จะได้ลดเหลือ 1025 เยน (แค่นี้ก็เอานะ 5555)



>> จริงๆตั้งใจจะขั้น keisei access line เพราะราคาต่างกันแค่ 210 เยน ซึ่งถึงเร็วกว่าเพราะจอดน้อยสถานีกว่า
แต่เราขึ้นผิดฝั่งเองค่ะ แต่ก็ไม่ได้รีบอะไร เลยไปเรื่อยๆ นั่งรถไฟชมนกชมไม้ไป
อีกเหตุผลที่ไม่ได้ซื้อตั๋ว เพราะถ้าซื้อตั๋วมันจะกำหนดเวลาว่าต้องขึ้นขบวนไหนเวลาไหน กลัวไม่ทันค่ะ passmo โล้ด



เมื่อมาถึงอุเอโนะ เราก็จัดการฝากกระเป๋าที่ล็อคเกอร์เลยค่ะ 500 เยน
และที่อเมซิ่ง(สำหรับเรา)คือมีแบบกดรหัส หลังจากใส่กระเป๋าแล้วก็กดตรงจอว่าเราฝากช่องที่เท่าไหร่
จะจ่ายด้วยเงินสดหรือบัตร passmo ก็ได้ เสร็จแล้วจะได้ pin ไว้กดตอนจะเอากระเป๋าออกค่ะ
หมดปัญหากลัวกุญแจหายไปเลย เพียงแค่เก็บรหัสไว้ดีๆ ถ่ายรูปเก็บไว้กันเหนียวด้วย 5555
  
(ในรูปนี่เป็นตอนฝากวันที่ 1 ขากลับนะคะ)


อ่ะ หมดภาระกระเป๋าแล้ว จะได้ไม่ต้องไปโรงแรมก่อนแล้วย้อนออกมาเที่ยว
เราก็ไปเตร็ดเตร่แถวตลาดอาเมโยโกะ อันนี้คงไม่ต้องรีวิวอะไรมาก หลายคนคงรู้จักแล้ว

เดินวน 2 รอบ ไม่ได้ซื้ออะไรสักอย่าง เลยแวะกินมื้อเที่ยงร้านคัทสึยะ ธรรมด๊าธรรมดา
แล้วข้ามกลับมาฝั่งสถานี keisei และเดินไป ueno park  
คือมันกว้างมากกกกก หลายคนบอกว่าไม่มีอะไรน่าเดิน แต่เราชอบ!



ถ่ายภาพมาแบบกากๆ แต่ของแบบนี้ต้องลองไปเองค่ะ 55555


ก็เดินวนรอบสวนจนเย็น ประมาณ 4 โมงก็กลับมาเอากระเป๋าแล้วขึ้นบัสไปที่พักค่ะ
(ในส่วนนี้เดี๋ยวจะมีรีวิวตอนท้ายอีกทีว่าโรงแรมนี้มันเดินทางไปได้ยังไงบ้าง)

เข้าที่พักเช็คอินเสร็จก็ออกมาซื้อของกินที่ Lawson ยังชีพค่ะ กินเรียบร้อยก็อาบน้ำ
เวิ่นเว้อไปเรื่อย แล้วก็เตรียมตัวนอน เพราะพรุ่งนี้จะไปคาวากุจิโกะ และไปขึ้นเจดีย์แดง เลยต้องออมแรงนิดนึง




วันที่ 28 ตั้งใจจะไปคาวากุจิโกะที่เดียวเลย เอาล่ะ ก็ขึ้นบัสจากโรงแรมมาอุเอโนะ
แล้วก็กดแอพหาทางไปชินจูกุ แนะนำแอพ Tokyo Subway Nevigation ค่ะ
สำหรับรถไฟใต้ดินโตเกียวเมโทร ถ้าใครใช้ JR pass ก็ขึ้น JR ไปนะคะ

  

มาถึงชินจูกุ เอาล่ะสิ ปกติเค้ามา JR กัน สถานีบัสจะหาง่ายมาก อยู่แถวๆห้างเคโอ
แล้วเรามาโตเกียวเมโทร จะรอช้าอะไร วิ่งสู้ฟัดมาก เพราะจะไปบัสรอบ 9:10 น.
เหม่อมองรอบตัว แล้วก็ถามทางไปเรื่อย เน้นถามคนในเครื่องแบบ จะพนง.เคาท์เตอร์อะไรเราถามหมด
มาถึงสถานี ความซวยก็มาเยือน เมื่อใบที่เราจองนั้น.... เราจองจากคาวากุจิโกะมาชินจูกุ!
โอ๊ยยยย อะไรจะโง่ขนาดนี้ 55555555 เลยต้องรอเรียกคิว โชคดีที่ทันรอบนั้นพอดี

ตั๋วเที่ยวละ 1750 เยนค่ะ นั่งประมาณ 2 ชม. ชมนมชมไม้อีกแล้ว ชิลๆ (ตอนลงจากรถเค้าจะเก็บตั๋วคืนนะคะ)


บัสจะแวะสวนสนุกฟูจิคิวก่อนนะคะ เห็นฟูจิซังลิบๆแล้ว ตื่นเต้นนนนน




ถึงแล้ว!!!



ก่อนอื่นต้องแวะกินมื้อกลางวันซะหน่อย เราฝากท้องไว้กับร้าน นี้ค่ะ อยู่ตรงข้ามสถานีเลย

ร้านอยู่ชั้น 2 นั่งริมกระจกจะมองเห็นวิวฟูจิซังด้วย ราเมงก็อร่อย ราคาไม่แพงค่ะ



กินเสร็จก็เตรียมขึ้นรถไฟไปเจดีย์แดง มาลงที่สถานี Shimoyoshida นะคะ


จะมีป้ายบอกทางไปเรื่อย ก็เดินตามป้ายไปค่ะเดินขึ้นไปเรื่อยๆ เล่นเอาหอบเลย


แต่อย่างที่บอก เรามาเพื่อเป็นเซอร์ไวเวอร์! เราต้องรอด! ฮึบบบบบ



แท่นแท๊นนนนนนนนน


แล้วก็เดินขึ้นไปอีกนิด เพื่อจุดชมวิวยอดฮิต นั่นคือจุดที่จะมองเห็นฟูจิซัง!

ชะอ่าว.... เมฆบังค่ะ เห็นแต่ยอดลิบๆ *พยายามชี้ให้ดู*  แถมย้อนแสงอีก เพราะเป็นตอนบ่าย
โอ้วโน้วววววว  นั่งพักเหนื่อยแป๊บ




หายเหนื่อยแล้วก็เดินชมวิว กลับมาสถานี นั่งกลับมาสถานีคาวากุจิโกะ
ก็เดินถ่ายรูปไปเรื่อยค่ะ จนบ่าย 2 ก็เดินไปซื้อตั๋วขากลับ จริงๆจะกลับสักรอบ 4 โมง
แต่เพราะตื่นเต้น พนง.บอกว่ามีรอบ 14.40 น. จะไปมั้ย นี่ก็สตั๊นแล้วก็ซื้อรอบนั้นเลย เอ๋อมาก
สรุปว่าไม่ได้ซื้อของฝาก เดินมึนๆไปขึ้นบัสกลับชินจูกุเลย 55555 ไว้มาแก้ตัวใหม่ละกัน!


มาถึงชินจูกุก็ไม่ได้จะเที่ยวอะไร ก็เดินชมเมืองสักพักแล้วขึ้นรถไฟกลับ
ขากลับนี่มาแวะเปลี่ยนสถานีที่อากิฮาบาระ ติ่งอย่างเราก็ไม่พลาด เดินเล่นซะหน่อย
แล้วแวะหา Sofmap เพื่อซื้อตั๋ว Tokyo metro 3 day pass ราคา 1500 เยน


เดินจนสาแก่ใจ ได้ของติดไม้ติดมือมาพอสมควรก็กลับโรงแรมค่ะ





วันที่ 29 ในเมื่อแผนเปลี่ยนหมดแล้ว จะรอช้าอยู่ใย อยากไปไหนก็ไปสิ มี pass อยู่ในมือ
มีน้องคนไทยอยู่ที่โตเกียวบอกว่าบ่ายๆจะพาทัวร์อิเคบุคุโระ ตอนเช้าเลยตัดสินใจไปชิบูย่าซะหน่อย


คนมากมายมหาศาลจริงๆ  แว๊บไปหาฮาจิโกะหน่อยซิ

วันนั้นมีน้องแมวมานั่งเป็นเพื่อนด้วย คนไปมุงถ่ายรูปเต็มเลย ในรูปนั่นไม่ใช่เรานะ 555555

และแน่นอน หาอะไรกินรองท้องเสร็จแล้วก็ดั้นด้นไปอนิเมท เสียทรัพย์ซะหน่อย



เสร็จแล้วก็ไปแสวงบุญต่อที่อิเคบุคุโระ ไม่ต้องรีวิวอะไรมาก แต่ขอแนะนำ J-WORLD

เสียค่าเข้าน่าจะ 800 เยน? ถ้ามีพาสปอร์ตต่างชาติจะได้ลดราคาอีก 100 เยน
ด้านในก็จะมีโซนแสดงธีมของการ์ตูนในจัมพ์ มีโซนขายของที่จะขายเฉพาะในนี้ด้วย
แล้วก็ โซนร้านอาหาร ที่จะมีอาหารธีมตามเรื่องต่างๆให้เลือก หรรษามากค่ะ 5555


วันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก มาเพื่อติ่งจริงๆ เสียทรัพย์จนตัวซีดเลย




วันที่ 30 เมื่อวานเสียเงินไปเยอะ วันนี้ไปแนวชิลๆ เข้าวัดเข้าวาบ้างดีกว่า
ไปค่ะ ไปอาซากุสะ แวะเดินเล่นตรงแม่น้ำซุมิดะชมโตเกียวสกายทรีก่อน


แล้วก็ไปวัดเซนโซจิ นี่คือคนใช่มั้ย! ทำไมมันมากมายขนาดนี้!!


ก็เดินชิลๆ ซื้อเมลอนปังลองชิมแบบออริจินอล ซื้อซาลาเปาทอดเจ้าเด็ด ใครใคร่ลองก็ไปลอง
เดินจนเมื่อยก็คิดว่าจะไปไหนต่อดี แลนด์มาร์คสำคัญๆ....?

โตเกียวทาวเวอร์! ไปค่ะ ไปลงสถานี Kamiyacho แล้วเดินตามป้าย จะเห็นโตเกียวทาวเวอร์ลิบๆ


ใครจะขึ้นไป จะแบ่งเป็น main observatory สูง 150 m. ค่าขึ้น 900 เยน
กับ special observatory สูง 250 m. ค่าขึ้น ต้องขึ้นชั้น main ก่อน แล้วจ่ายอีก 700 เยน (หรือซื้อ 1600 เยนทีเดียว)

แต่! เรามีบัตรเครดิต JCB เอาไปยื่นตรงช่องขายตั๋วเลย จะได้ใบขึ้นชั้น main observatory ฟรี!!!


ก็ขึ้นไปชมวิวโตเกียวจากมุมสูง


ด้านล่างก็จะมีโซนขายของฝากเยอะแยะเลยค่ะ แต่ไม่ได้ซื้อมา ออกมาชมบรรยากาศตอนมืดซะหน่อย


มืดแล้ว กลับโรงแรมเหอะ




วันที่ 31 เตรียมเคาท์ดาวน์! ติ่งอย่างเรา แวะโตเกียวโดมก่อนสิคะ!!!
แล้ววันนี้มีคอนเสิร์ตจอห์นนี่เคาท์ดาวน์ด้วย แอบไปต่อแถวซื้อพัดมาเหมือนกัน 55555

ติ่งญี่ปุ่นนี่ไม่ใช่เล่นๆนะคะ แต่ละคนลากกระเป๋าเดินทางกันมาเลย มาซื้อของหน้าคอนกันจริงจังมาก

เดินวนจนทั่ว ก็หันไปเห็นสวนสนุกใกล้ๆโตเกียวโดม ไม่เสียค่าเข้าด้วย
รถไฟเหาะก็น่าเล่นดี เกิดมาไม่เคยเล่นเลย(จริงๆนะ) เอาวะ มาทั้งที เล่นซะหน่อย ค่าเล่น 1030 เยนค่ะ

นางมีนามว่า Thunder Dolphin  โอ้โหวววววววว แม่จ๋า นึกว่าจะตายคารถไฟเหาะแล้ว
รอบเดียวพอ ชีวิตนี้ได้ลิ้มรสแล้ว กรี๊ดจนเจ็บคอ 555555555

เสร็จแล้วเราก็ไปอิเคบุคุโระอีกรอบ ไปเก็บตกซื้อของที่อยากได้และตามล่าของแรร์ต่างๆ


อ้อ ส่วนตอนกลางคืน ไม่ได้ออกไปเคาท์ดาวน์ที่ไหนค่ะ
นอนดูถ่ายทอดสดคอนเสิร์ตโคฮาคุกับจอห์นนี่เคาท์ดาวน์อยู่ที่โรงแรม 55555
แบบว่า สารร่างไม่อำนวยแล้วจริงๆ



วันที่ 1 เก็บของออกมาเช็คเอาท์ก่อน 10 โมง ขึ้นบัสมาอุเอโนะ ฝากกระเป๋าที่เดิม ไปเดินเที่ยวอาเมโยโกะ
หาซื้อของฝาก ของฝากซื้อ และของที่เห็นแล้วน่าซื้อ พอบ่าย 3 ก็ขึ้นรถไฟไปนาริตะค่ะ


เป็นอันว่าจบทริปไปได้ด้วยดี จากทริปนี้สิ่งที่เจอคือ

- คนไทยเยอะมากกกกกก เจอแทบทุกที่เลย แต่ไม่ได้เข้าไปทักนะ
- เนื่องจากไปคนเดียว เลยไม่ได้พูดภาษาไทยเลย ต้องสปีคอิงลิชแอนด์เจแปนนิสงูๆปลาๆตลอด
- อ้อ ได้พูดไทยตอนนัดเจอน้องคนไทยที่อิเคะ
- ถ้าซื้อ JR pass และที่ๆไปมีสถานี JR ก็จะสะดวกกว่า
- tokyo metro สถานีเยอะมวากกกกก แอบงง แต่ไปตามแอพก็โอเค มีชื่อสถานีบอกตลอด ไม่หลง
- ร้านอาหารที่มีสาขาเยอะๆ (ในไทยก็มี) เช่น คัทสึยะ โยชิโนยะ รสชาติโอเคนะ ราคาไม่แพงด้วย
- ร้านราเมงที่มีตู้ให้หยอดเมนูหน้าร้าน ส่วนใหญ่ พนักงานหล่อมาก (หืม???)
- ไปเที่ยวคนเดียวอาจจะมีเหงาบ้าง แต่ก็ได้ฟีลลิ่งอิสระเสรี แฮปปี้ อยากไปไหนก็ไป

ตอนนี้นึกออกแค่นี้ ทริปนี้แลกเงินไป 60,000 เยน ก็... มีรูปบัตรด้วยเพราะมีของฝากซื้อ
กับเสียสติซื้อพวกฟิกเกอร์อะไรงี้มา =///= ถ้าไปเที่ยวปกติคิดว่า 50,000 เยนก็เอาอยู่ค่ะ

เดี๋ยวไว้มารีวิวสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ กับโรงแรมราคาสุดประหยัดในเม้นต่อๆไปนะคะ อะเฮื้อะะะ