ผมออกจาก กทม ด้วย รถไฟ หัวลำโพงชั้น 3 รอบ 4 ทุ่ม
ราคา 270 บาทครับ
การขึ้นรถไฟ สายไปเชียงใหม่ อากาศหนาวมาก ขนาดว่าไปชั้น 3 พัดลม แต่หนาวยิ่งกว่าแอร์ เพราะมันขึ้นเหนือ ล่องเขา เลยเย็น
วายวอด คนอื่นมีเสื้อหนาวหมด เราเสื้อยืดบางๆ มือสั่น
วิวสวยมาก ช่วงภูเขาภาคเหนือ ถ้านั่งรถรอบ 22.00 ช่วงเช้าจะเข้า้เขตภูเขาภาคเหนือพอดี วิวเช้าจนถึงเชียงใหม่ตอนเที่ยงจะสวย เหมิอนได้เที่ยวไปในตัว จิบกาแฟด้วย กับของกินแจ่มมาก ดูบรรยากาศภูเขา นา บ้านกระท่อม หมอก
แต่ถ้านั่งรถที่ออกรอบบ่าย รอบเย็น จะเฟล เพราะรถถึงเชียงใหม่ 6.00 ตอนเช้า นั่นหมายถึงภูเขาภาคเหนืองามๆ จะกลายเป็นความมืดไปแทน อดดูวิว
ข้อเสีย ไม่เหมาะกับคนรีบแหละนะ จริง
และเราจองที่นั่งชั้น 2 ไม่ทัน ต้องมานั่งชั้น 3
เมื่อยมากหน่อยๆ เลยเดินเล่นบ่อย และไม่มีสัญญานเน็ทบางพื้นที่นะ ขึ้นเขา
แต่คุ้มค่าสุดๆแล้ว 270 บาท (ชั้น 3) แพงกว่าตั๋วหนังพารากอนหน่อยนึง มาสัมผัสธรรมชาติระดับ begin ขำขำ และถึงที่หมายปลายทางได้
----------
ผมมาพักที่ รร. ท่าแพอินน์ 2 คืนครับ ใกล้ท่าแพ แหล่งนักท่องเที่ยวแบ็คแพ็ค
ห้องพักดีมาก วินเทจ สะอาด ราคาคืองงมาก 280 บาท พัดลม (แต่เย็นอยู่แล้วอากาศ) แอร์ 380 บาท มีน้ำอุ่น มีทีวี เป็นไปได้ไง
โรงแรมแต่งสไตล์วินเทจ เต็มไปด้วยของเก่า และโปสเตอร์เก่า มีไวไฟด้วย
ตอนแรกเอางบมาเที่ยวน้อยมาก กะว่าคงนอน รร.จิ้งหรีด ไม่ก็ ดอร์มนอนรวม แต่นี่ถูกกว่า แถมดีเกินคาด
ได้ห้องก็ออกไปเดินเล่นครับ
ด้วยความที่ต้องการประหยัดงบโคตรๆ ผมจึงไม่ใช้แม้แต่รถแดงครับ
เดินล้วนๆ ผมเดินตลอดทริป ไม่ว่าจะไปไหน เดินเข้าซอกซอย หมดเลย เดินมั่วไปเลย เปิด GPS บ้าง
โชว์หนังหน้า่ครับ
หิวแล้ว ก็เลยต้องกินฮะ ด้วยความที่งบน้อย รถแดงก็ไม่ขึ้น เลยจะกินอะไรที่เบสิค แนวๆสตรีทฟู้ดครับ
เลยเดินมาถึง กาดช้างเผือก เย็นๆกลางคืนนี่ มีของกินบ้านๆ เยอะครับ เลยจัด กระเพราไก่ไข่ดาว มีวิวดอยสุเทพเกร๋ๆครับ
แถวกาดช้างเผือก และประตูช้างเผือก มีร้านดนตรีแนว JAZZ ดีๆครับ ชื่อ North Gate เห็นเพื่อนบอกว่าร้านนี้ Jazz ร้านเดียวของเชียงใหม่ ระดับโลก ไม่รู้จริงไหม ก็ลองมานั่งดู เบียร์ช้างขวดละ 60 ครับ เพื่อนที่เชียงใหม่ ถือว่าราคานี้ สำหรับคนที่นี่ถือว่าแพง (ขวดเล็ก)
หลังจากนั้น เพื่อนที่เชียงใหม่ นัดจากเฟซบุค ก็พาไปนั่งร้านที่ชื่อ NABE
ร้านนี้จะฝรั่งน้อยลงหน่อย อารมเด็กเชียงใหม่ เล่นดนตรีสด แนวๆ ร็อคแอนด์โรล
วันนั้นเดวิด โบวี่ เสียพอดี เลยมีการเล่นสดุดีอยู่หลายเพลง
ราคาอึ้งมาก เบียร์ช้าง 189 บาท 3 ขวดใหญ่ เลยสั่งมา 2 ชุดครับ บวกจากเมาจากร้านที่แล้วด้วย
ร้านทุกร้านที่ไปเป็นโอเพ่นแอร์ แต่เย็นแน่นอน
หลังเมาอย่างหนัก เช้าวันต่อมา ก็หามื้อเช้าครับ
ร้านที่ไปคือ BB ฺBurger เมื่อก่อนร้านนี้ชื่อ Mike's burger เคยกิน อร่อย
แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็น BB burger แล้ว
สรุปหมดไป 200 ชุดนี้ ตอนแรกตั้งใจกะกินสตรีทฟู้ด แต่จ่ายระดับนี้ได้ไง ยัง งงๆ
กินเสร็จกะรอไปขึ้นรถแดง ไปดอยสุเทพ
แต่เขาบอกว่า ถ้าไม่เหมา ต้องรอคนให้เต็ม 8-9 คน จะได้จ่ายแค่ 50
ถ้าเหมาก็ 600 เรามองว่า 600 เราคนเดียวไม่คุ้มแน่ๆ เลยรอ แต่รอนานเป็นชั่วโมงเลยไม่รอละ กลับไปหลับในห้อง
ตื่นมาอีกทีเย็นๆ ก็พึ่งเห็นป้ายท่องเที่ยว สำหรับขายฝรั่ง แบบไปดอยสุเทพคนละ 190 เลยเซ็งมาก ไม่ทันละ เราน่าจะซื้อทัวร์นี้ 190 ยังไงก็ดีกว่า 600
คือไม่เคยขึ้นดอยสุเทพไง
ด้วยความเฟลมาก เลยตื่นมาเดินเล่นไปถึง ประตูเชียงใหม่ และกินอีกตามเคย
มีแต่ของกิน ทุกรูปแบบแห่ง street food รงมตัวกระจุกนี้นี่เอง
แวะมาเดินถนนไนท์บาซ่า ของส่วนใหญ่เป็นของที่ชาวบ้านทำเอง บ้างก็พวกของก๊อบ หรือของบางอย่างก็มีในกรุงเทพ
แต่มีอย่างนึงที่น่าสนใจ คือเพลินฤดี night market
ข้างในไม่ได้ขายของ แต่เน้นขายอาหารและเครื่องดื่ม มีโต๊ะกลางลาน นั่งตรงไหนนั่งไปเลย จะกินอะไรก็เดินสั่งตามร้านรอบๆ มีอาหารแทบทุกอย่าง และดูน่ากินมากๆ ใครไม่ดื่มเหล้าก็มีนมปั่น หนมปังปิ้ง และก็มีเบียร์ขาย เหมือนลานเบียร์ดีๆนี่เอง ที่เป็นลานนมด้วย
หน้าเวทีก็มีดนตรีอคูสติกเล่นสด ที่นี่เลยกลายเป็นแหล่งนั่งกินดื่มที่ดูป็อบมากๆ ในถนนนี้
อาหารมีทั้งตามสั่ง ซีฟู้ด ผัดไท สเต็ก เบอเกอร์โรตี เคบับ เครื่องดื่มมีนม ผลไม้ปั่น ยันเบียร์ เหล้า ค็อกเทล
ด้วยความที่ปวดขี้มาก จะราดแล้ว เดินกลับห้องไม่ทันแน่ๆ เลยต้องแวะมาร้านนี้ LOCO ELVIS ตรงใกล้ๆท่าแพ ร้านนี้เป็น คาราโอเกะบาร์ สนุกมาก จำได้ว่าเคยมาปีนึง
สั่งเบียร์ขวดนึงชิวๆ และได้ขี้สบายตูด
แต่ไหนๆก็ไหนๆ ขอพูดถึงร้านนี้หน่อย เพราะเคยมาครั้งนึงเมื่อปีก่อน เป็นร้านที่บรรยากาศดีมาก อยู่ตรงแยกพอดี ทำให้วิวน่าสนใจ นอกจากเบียร์ เหล้า ก็มีอาหารที่อร่อยด้วย และมีอาหารเม็กซิกันที่สุดยอด
จุดเด่นของร้านจุดนึง ที่รับรองว่าไม่เคยเจอที่ กทม แน่นอน คือเป็นคาราโอเกะบาร์ แบบที่มีเวทีให้ลูกค้าขึ้นไปร้องโชว์ได้ ถ้ามากับเพื่อนหลายๆคน ร้านนี้จะสนุกมาก สนุก
ๆ ยิ่งเรื้อนยิ่งมัน แต่เพลงส่วนใหญ่เป็นสากลนะ
หากนึกภาพไม่ออก ก็แบบฉากบาร์คาราโอเกะ แบบหนังเรื่อง 500 days of Summer
ซึ่งทุกวันนี้ เรายังหาอารมณ์ร้านแบบนี้ืที่ กทม ยังไม่ได้เลย คาราโอเกะที่ กทม มีแต่แยกห้องไปเลย ไม่ก็
กลายเป็นร้านเด็กดริ้ง
มารู้อีกที เชียงใหม่
------
วันนี้ ตื่นมา คงต้องลาเชียงใหม่แล้ว รู้สึกเสียใจนะ ที่อยู่เมืองวันที่ 2 ไม่ได้ไปดอยสุเทพตามที่แพลนไว้ วันที่ 3 ก็ต้องไป ฝางต่อ เสียแล้ว
ฃเพราะตั้งใจไปเยี่ยมแม่ด้วย (แม่อยู่ฝาง)
แต่ตื่นมา ก่อนเช็คเอาท์ก็หาของกินตามสูตร เลยเดินเล่นๆ จนได้ค้นพบแหล่งของดีอีกแห่งจากการพยายามหามื้อเช้าบ้าน นั่นคือ ถนนกำแพงดิน
ระหว่างแหล่งเจริญอย่างท่าแพ กับไนท์ซ่า มีถนนเล็กๆเส้นหนึ่งตรงกลาง ที่ดูเผินๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่พอได้บังเอิญเข้ามาแล้วผิดคาด
เจอร้านอาหาร ทั้งโจ๊ก ตามสั่ง บะหมี่ ก๋วยเตี๋ยว แบบง่ายๆจากชาวบ้านบ้านๆ แถวนี้มากมาย แต่ละร้านเหมือนเป็นเพิงหมาแหงน อารมณ์ลูกทุ่งๆหน่อย
ซึ่งแต่ละร้าน จะตั้งอยู่ระหว่างกำแพงดินสูง ริมถนน และหลังเนินดินพวกนั้น ก็เป็นบ่านของชาวบ้านเหล่านี้แหละ ที่อยู่ท่ามกลางความเจริญ ตึกสูง บาร์ ร้านแฟรนไชส์ ซึ่งมันเจ๋งนะที่เหล่าชาวบ้านเหล่านี้ อยู่ตรงนี้ได้
ไหนๆเราก็มาเชียงใหม่ เลยกินข่าวซอยเสียหน่อย ร้านก็ลูกทุ่งๆมีเพลงลูกทุ่งคลอๆ หลังร้านก็บ้านแนวๆกระต้อบของเจ้าของร้าน
ซึ่งคนพวกนี้เป็นชาวบ่านจริงๆ ไม่ใช่คนชิคๆมาเปิดร้านอะไร
ทั้งหมดก็ 40 บาท เนื้อวัวเยอะแบบเยอะมากกกก แบบอยู่กรุงเทพต้องจานละเกือบร้อยแน่ๆ รสชาติดี ไม่เหนียวเลย น้ำเปล่าฟรี เจอแหล่งราคาถูกๆของดีอีกแล้ว เสียดายอิ่มเลย เลยไม่ได้ลองร้านอื่น
แต่ก็แวะมานั่งร้านกาแฟชิคๆในซอย มาใช้ wifi จากตอนแรกกะจะไม่นั่งร้านชิคๆหรอก แต่เหนราคาแก้วละ 30-35 บาท รวมถึงบรรยากาศร้านโอเค เลยยอมชิค อิอิ (Doi chaang coffee)
ผมนั่งรถแดง (ยอมนั่งละ เหนื่อย) จากท่าแพ มาท่ารถช้างเผือก 30 บาท
และต่อรถบัสส้ม ไปฝาง 3 ชั่วโมง ข้ามเขา ผ่าน อ.เชียงดาว (กะไปรอบหน้าซักวัน) มาลง ฝาง ก็ 80 บาท
บ้านแม่ อยู่ที่นั่นฮะ แม่ก็มารับ ได้เจอแม่ ที่นานๆเจอกันที
มาเยี่ยมแม่ที่ฝาง อากาศหนาวกว่าที่เชียงใหม่มาก ตอนดึกๆหายใจออกเป็นควันจางๆหน่อยๆ
แม่ตั้งแต่ย้ายไปอยู่ฝาง ซึ่งเป็นบนเขา ตั้งแต่ปี 2004 แม่เราไม่เคยเล่นเน็ทอีกเลย ไม่มีเฟซบุค ไม่มีไลน์ ไม่มีอีเมล์ มีแค่เบอร์มือถือ ทำให้แม่ค่อนข้างห่าง เพราะไกล จะคุยได้แค่โทรกัน
วันนี้ น้องสาว ฝากเอามือถือแอนดรอยด์มาให้ ฝากเอาให้แม่ และให้ข้าพเจ้าสอน ลงเน็ท ลงอะไรให้แก แกพึ่งมีเฟซบุค พึ่งลองเล่นไลน์ เผลอซิงค์กับเพื่อนในมือถือสมัยเรียนมัธยม
พอเพื่อนแม่ เห็นไลน์แม่เด้งมา ก็ทักทายกัน และดึงแม่ไปเข้ากลุ่มเพื่อนสมัยมัธยมทั้งหมด ทุกคนคุยเล่นกัน เหมือนสมัยเรียน มีการลงรูปเก่าๆแฉ
แม้แม่เราจะเก็ก แต่เรารู้ว่าแม่น้ำตาไหล ร้องไห้ สั่งขี้มูกทำเป็นอากาศหนาว เช็ดน้ำตา ถึงจะแอ็คคุยปกติก็เถอะ
ไปเที่ยวเชียงใหม่คนเดียว เงิน 2500 บาท 5 วัน / 4 คืน
ราคา 270 บาทครับ
การขึ้นรถไฟ สายไปเชียงใหม่ อากาศหนาวมาก ขนาดว่าไปชั้น 3 พัดลม แต่หนาวยิ่งกว่าแอร์ เพราะมันขึ้นเหนือ ล่องเขา เลยเย็นวายวอด คนอื่นมีเสื้อหนาวหมด เราเสื้อยืดบางๆ มือสั่น
วิวสวยมาก ช่วงภูเขาภาคเหนือ ถ้านั่งรถรอบ 22.00 ช่วงเช้าจะเข้า้เขตภูเขาภาคเหนือพอดี วิวเช้าจนถึงเชียงใหม่ตอนเที่ยงจะสวย เหมิอนได้เที่ยวไปในตัว จิบกาแฟด้วย กับของกินแจ่มมาก ดูบรรยากาศภูเขา นา บ้านกระท่อม หมอก
แต่ถ้านั่งรถที่ออกรอบบ่าย รอบเย็น จะเฟล เพราะรถถึงเชียงใหม่ 6.00 ตอนเช้า นั่นหมายถึงภูเขาภาคเหนืองามๆ จะกลายเป็นความมืดไปแทน อดดูวิว
ข้อเสีย ไม่เหมาะกับคนรีบแหละนะ จริง
และเราจองที่นั่งชั้น 2 ไม่ทัน ต้องมานั่งชั้น 3 เมื่อยมากหน่อยๆ เลยเดินเล่นบ่อย และไม่มีสัญญานเน็ทบางพื้นที่นะ ขึ้นเขา
แต่คุ้มค่าสุดๆแล้ว 270 บาท (ชั้น 3) แพงกว่าตั๋วหนังพารากอนหน่อยนึง มาสัมผัสธรรมชาติระดับ begin ขำขำ และถึงที่หมายปลายทางได้
----------
ผมมาพักที่ รร. ท่าแพอินน์ 2 คืนครับ ใกล้ท่าแพ แหล่งนักท่องเที่ยวแบ็คแพ็ค
ห้องพักดีมาก วินเทจ สะอาด ราคาคืองงมาก 280 บาท พัดลม (แต่เย็นอยู่แล้วอากาศ) แอร์ 380 บาท มีน้ำอุ่น มีทีวี เป็นไปได้ไง
โรงแรมแต่งสไตล์วินเทจ เต็มไปด้วยของเก่า และโปสเตอร์เก่า มีไวไฟด้วย
ตอนแรกเอางบมาเที่ยวน้อยมาก กะว่าคงนอน รร.จิ้งหรีด ไม่ก็ ดอร์มนอนรวม แต่นี่ถูกกว่า แถมดีเกินคาด
ได้ห้องก็ออกไปเดินเล่นครับ
ด้วยความที่ต้องการประหยัดงบโคตรๆ ผมจึงไม่ใช้แม้แต่รถแดงครับ
เดินล้วนๆ ผมเดินตลอดทริป ไม่ว่าจะไปไหน เดินเข้าซอกซอย หมดเลย เดินมั่วไปเลย เปิด GPS บ้าง
โชว์หนังหน้า่ครับ
หิวแล้ว ก็เลยต้องกินฮะ ด้วยความที่งบน้อย รถแดงก็ไม่ขึ้น เลยจะกินอะไรที่เบสิค แนวๆสตรีทฟู้ดครับ
เลยเดินมาถึง กาดช้างเผือก เย็นๆกลางคืนนี่ มีของกินบ้านๆ เยอะครับ เลยจัด กระเพราไก่ไข่ดาว มีวิวดอยสุเทพเกร๋ๆครับ
แถวกาดช้างเผือก และประตูช้างเผือก มีร้านดนตรีแนว JAZZ ดีๆครับ ชื่อ North Gate เห็นเพื่อนบอกว่าร้านนี้ Jazz ร้านเดียวของเชียงใหม่ ระดับโลก ไม่รู้จริงไหม ก็ลองมานั่งดู เบียร์ช้างขวดละ 60 ครับ เพื่อนที่เชียงใหม่ ถือว่าราคานี้ สำหรับคนที่นี่ถือว่าแพง (ขวดเล็ก)
หลังจากนั้น เพื่อนที่เชียงใหม่ นัดจากเฟซบุค ก็พาไปนั่งร้านที่ชื่อ NABE
ร้านนี้จะฝรั่งน้อยลงหน่อย อารมเด็กเชียงใหม่ เล่นดนตรีสด แนวๆ ร็อคแอนด์โรล
วันนั้นเดวิด โบวี่ เสียพอดี เลยมีการเล่นสดุดีอยู่หลายเพลง
ราคาอึ้งมาก เบียร์ช้าง 189 บาท 3 ขวดใหญ่ เลยสั่งมา 2 ชุดครับ บวกจากเมาจากร้านที่แล้วด้วย
ร้านทุกร้านที่ไปเป็นโอเพ่นแอร์ แต่เย็นแน่นอน
หลังเมาอย่างหนัก เช้าวันต่อมา ก็หามื้อเช้าครับ
ร้านที่ไปคือ BB ฺBurger เมื่อก่อนร้านนี้ชื่อ Mike's burger เคยกิน อร่อย
แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็น BB burger แล้ว
สรุปหมดไป 200 ชุดนี้ ตอนแรกตั้งใจกะกินสตรีทฟู้ด แต่จ่ายระดับนี้ได้ไง ยัง งงๆ
กินเสร็จกะรอไปขึ้นรถแดง ไปดอยสุเทพ
แต่เขาบอกว่า ถ้าไม่เหมา ต้องรอคนให้เต็ม 8-9 คน จะได้จ่ายแค่ 50
ถ้าเหมาก็ 600 เรามองว่า 600 เราคนเดียวไม่คุ้มแน่ๆ เลยรอ แต่รอนานเป็นชั่วโมงเลยไม่รอละ กลับไปหลับในห้อง
ตื่นมาอีกทีเย็นๆ ก็พึ่งเห็นป้ายท่องเที่ยว สำหรับขายฝรั่ง แบบไปดอยสุเทพคนละ 190 เลยเซ็งมาก ไม่ทันละ เราน่าจะซื้อทัวร์นี้ 190 ยังไงก็ดีกว่า 600
คือไม่เคยขึ้นดอยสุเทพไง
ด้วยความเฟลมาก เลยตื่นมาเดินเล่นไปถึง ประตูเชียงใหม่ และกินอีกตามเคย
มีแต่ของกิน ทุกรูปแบบแห่ง street food รงมตัวกระจุกนี้นี่เอง
แวะมาเดินถนนไนท์บาซ่า ของส่วนใหญ่เป็นของที่ชาวบ้านทำเอง บ้างก็พวกของก๊อบ หรือของบางอย่างก็มีในกรุงเทพ
แต่มีอย่างนึงที่น่าสนใจ คือเพลินฤดี night market
ข้างในไม่ได้ขายของ แต่เน้นขายอาหารและเครื่องดื่ม มีโต๊ะกลางลาน นั่งตรงไหนนั่งไปเลย จะกินอะไรก็เดินสั่งตามร้านรอบๆ มีอาหารแทบทุกอย่าง และดูน่ากินมากๆ ใครไม่ดื่มเหล้าก็มีนมปั่น หนมปังปิ้ง และก็มีเบียร์ขาย เหมือนลานเบียร์ดีๆนี่เอง ที่เป็นลานนมด้วย
หน้าเวทีก็มีดนตรีอคูสติกเล่นสด ที่นี่เลยกลายเป็นแหล่งนั่งกินดื่มที่ดูป็อบมากๆ ในถนนนี้
อาหารมีทั้งตามสั่ง ซีฟู้ด ผัดไท สเต็ก เบอเกอร์โรตี เคบับ เครื่องดื่มมีนม ผลไม้ปั่น ยันเบียร์ เหล้า ค็อกเทล
ด้วยความที่ปวดขี้มาก จะราดแล้ว เดินกลับห้องไม่ทันแน่ๆ เลยต้องแวะมาร้านนี้ LOCO ELVIS ตรงใกล้ๆท่าแพ ร้านนี้เป็น คาราโอเกะบาร์ สนุกมาก จำได้ว่าเคยมาปีนึง
สั่งเบียร์ขวดนึงชิวๆ และได้ขี้สบายตูด
แต่ไหนๆก็ไหนๆ ขอพูดถึงร้านนี้หน่อย เพราะเคยมาครั้งนึงเมื่อปีก่อน เป็นร้านที่บรรยากาศดีมาก อยู่ตรงแยกพอดี ทำให้วิวน่าสนใจ นอกจากเบียร์ เหล้า ก็มีอาหารที่อร่อยด้วย และมีอาหารเม็กซิกันที่สุดยอด
จุดเด่นของร้านจุดนึง ที่รับรองว่าไม่เคยเจอที่ กทม แน่นอน คือเป็นคาราโอเกะบาร์ แบบที่มีเวทีให้ลูกค้าขึ้นไปร้องโชว์ได้ ถ้ามากับเพื่อนหลายๆคน ร้านนี้จะสนุกมาก สนุก ๆ ยิ่งเรื้อนยิ่งมัน แต่เพลงส่วนใหญ่เป็นสากลนะ
หากนึกภาพไม่ออก ก็แบบฉากบาร์คาราโอเกะ แบบหนังเรื่อง 500 days of Summer
ซึ่งทุกวันนี้ เรายังหาอารมณ์ร้านแบบนี้ืที่ กทม ยังไม่ได้เลย คาราโอเกะที่ กทม มีแต่แยกห้องไปเลย ไม่ก็กลายเป็นร้านเด็กดริ้ง
มารู้อีกที เชียงใหม่
------
วันนี้ ตื่นมา คงต้องลาเชียงใหม่แล้ว รู้สึกเสียใจนะ ที่อยู่เมืองวันที่ 2 ไม่ได้ไปดอยสุเทพตามที่แพลนไว้ วันที่ 3 ก็ต้องไป ฝางต่อ เสียแล้ว
ฃเพราะตั้งใจไปเยี่ยมแม่ด้วย (แม่อยู่ฝาง)
แต่ตื่นมา ก่อนเช็คเอาท์ก็หาของกินตามสูตร เลยเดินเล่นๆ จนได้ค้นพบแหล่งของดีอีกแห่งจากการพยายามหามื้อเช้าบ้าน นั่นคือ ถนนกำแพงดิน
ระหว่างแหล่งเจริญอย่างท่าแพ กับไนท์ซ่า มีถนนเล็กๆเส้นหนึ่งตรงกลาง ที่ดูเผินๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่พอได้บังเอิญเข้ามาแล้วผิดคาด
เจอร้านอาหาร ทั้งโจ๊ก ตามสั่ง บะหมี่ ก๋วยเตี๋ยว แบบง่ายๆจากชาวบ้านบ้านๆ แถวนี้มากมาย แต่ละร้านเหมือนเป็นเพิงหมาแหงน อารมณ์ลูกทุ่งๆหน่อย
ซึ่งแต่ละร้าน จะตั้งอยู่ระหว่างกำแพงดินสูง ริมถนน และหลังเนินดินพวกนั้น ก็เป็นบ่านของชาวบ้านเหล่านี้แหละ ที่อยู่ท่ามกลางความเจริญ ตึกสูง บาร์ ร้านแฟรนไชส์ ซึ่งมันเจ๋งนะที่เหล่าชาวบ้านเหล่านี้ อยู่ตรงนี้ได้
ไหนๆเราก็มาเชียงใหม่ เลยกินข่าวซอยเสียหน่อย ร้านก็ลูกทุ่งๆมีเพลงลูกทุ่งคลอๆ หลังร้านก็บ้านแนวๆกระต้อบของเจ้าของร้าน
ซึ่งคนพวกนี้เป็นชาวบ่านจริงๆ ไม่ใช่คนชิคๆมาเปิดร้านอะไร
ทั้งหมดก็ 40 บาท เนื้อวัวเยอะแบบเยอะมากกกก แบบอยู่กรุงเทพต้องจานละเกือบร้อยแน่ๆ รสชาติดี ไม่เหนียวเลย น้ำเปล่าฟรี เจอแหล่งราคาถูกๆของดีอีกแล้ว เสียดายอิ่มเลย เลยไม่ได้ลองร้านอื่น
แต่ก็แวะมานั่งร้านกาแฟชิคๆในซอย มาใช้ wifi จากตอนแรกกะจะไม่นั่งร้านชิคๆหรอก แต่เหนราคาแก้วละ 30-35 บาท รวมถึงบรรยากาศร้านโอเค เลยยอมชิค อิอิ (Doi chaang coffee)
ผมนั่งรถแดง (ยอมนั่งละ เหนื่อย) จากท่าแพ มาท่ารถช้างเผือก 30 บาท
และต่อรถบัสส้ม ไปฝาง 3 ชั่วโมง ข้ามเขา ผ่าน อ.เชียงดาว (กะไปรอบหน้าซักวัน) มาลง ฝาง ก็ 80 บาท
บ้านแม่ อยู่ที่นั่นฮะ แม่ก็มารับ ได้เจอแม่ ที่นานๆเจอกันที
มาเยี่ยมแม่ที่ฝาง อากาศหนาวกว่าที่เชียงใหม่มาก ตอนดึกๆหายใจออกเป็นควันจางๆหน่อยๆ
แม่ตั้งแต่ย้ายไปอยู่ฝาง ซึ่งเป็นบนเขา ตั้งแต่ปี 2004 แม่เราไม่เคยเล่นเน็ทอีกเลย ไม่มีเฟซบุค ไม่มีไลน์ ไม่มีอีเมล์ มีแค่เบอร์มือถือ ทำให้แม่ค่อนข้างห่าง เพราะไกล จะคุยได้แค่โทรกัน
วันนี้ น้องสาว ฝากเอามือถือแอนดรอยด์มาให้ ฝากเอาให้แม่ และให้ข้าพเจ้าสอน ลงเน็ท ลงอะไรให้แก แกพึ่งมีเฟซบุค พึ่งลองเล่นไลน์ เผลอซิงค์กับเพื่อนในมือถือสมัยเรียนมัธยม
พอเพื่อนแม่ เห็นไลน์แม่เด้งมา ก็ทักทายกัน และดึงแม่ไปเข้ากลุ่มเพื่อนสมัยมัธยมทั้งหมด ทุกคนคุยเล่นกัน เหมือนสมัยเรียน มีการลงรูปเก่าๆแฉ
แม้แม่เราจะเก็ก แต่เรารู้ว่าแม่น้ำตาไหล ร้องไห้ สั่งขี้มูกทำเป็นอากาศหนาว เช็ดน้ำตา ถึงจะแอ็คคุยปกติก็เถอะ