นี่เป็นการเขียนเล่าประสบการณ์ครั้งแรก อาจจะวนไปวนมาหน่อย แต่คิดว่าข้อมูลน่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่อยากเป็นคุณพ่อคุณแม่ทุกคนนะคะ
ดิฉันอายุ 27 ปี สามีอายุ 34 ปี แต่งงานกันมา 2 ปีกว่า ตั้งแต่เกิดมาดิฉันไม่เคยกินยาคุมกำเนิดเลย ปล่อยตั้งแต่แรกเพราะหวังอยากมีเจ้าตัวน้อยเร็วๆ
แต่ด้วยโชคชะตา... เจ้าตัวน้อยก็ยังไม่มาซักที จึงตัดสินใจเข้าพบคุณหมอ
เริ่มแรกดิฉันไปพบคุณหมอทองทิศ ทองใหญ่ ที่สถาบัน perfect women เพื่อเข้าปรึกษา แต่ด้วยระยะทางที่ไกลแสนไกล (จากพระราม2) จึงไปได้แค่ครั้งเดียว คือไปเพื่อปรึกษาเท่านั้น โดยไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย คุณหมอทองทิศท่านน่ารักมากอธิบายอย่างละเอียดว่าต้องตรวจ...
1. ท่อนำไข่ของฝ่ายหญิงว่าตัน หรือมีพังพืดหรือไม่
2. น้ำเชื้อของฝ่ายชายปกติดีหรือไม่
3. ผนังมดลูกหนาพอให้ตัวอ่อนฝังตัวได้หรือไม่
4. ตรวจโรคทางพันธุกรรมและโรคอื่นๆที่อาจมีผลต่อการตั้งครรภ์
เมื่อกลับมาถึงบ้านดิฉันกับสามีจึงปรึกษากัน และคิดว่าตรวจสิ่งต่างๆเหล่านี้ที่รพ. ใกล้บ้านดีกว่า ดิฉันจึงเลือกตรวจข้อ 4 ที่รพ.บางปะกอก 9 อินเตอร์เนื่องจากมีโปรโมชั่นพอดี ราคาถูก ...
ผลออกมาพบว่าดิฉันและสามีปกติดี ร่างกายของดิฉันก็ได้รับวัคซีนมาครบถ้วนพร้อมมีบุตรได้ ดิฉันกับสามีจึงลองวิธีธรรมชาติกันเองก่อนอีกประมาณ 2 เดือน เจ้าตัวน้อยก็ยังไม่มา จึงตัดสินใจเข้าพบคุณหมอที่ รพ.นครธน เพราะใกล้บ้านและมีศูนย์ให้คำปรึกษาผู้มีบุตรยาก
ดิฉันได้ปรึกษากับคุณหมอนิทัศน์ โดยที่ไม่ได้จงใจเลือกนะคะ
ก่อนอื่นดิฉันและสามีต้องเอาผลตรวจร่างกาย (ไม่เกินสามเดือน) ของรพ.เดิมมาให้คุณหมอดูก่อน ต่อมาคุณหมอจึงให้ดิฉันเข้ากระบวนการฉีดสีดูท่อนำไข่ในวันที่ไม่มีประจำเดือน เมื่อฉีดเสร็จทางรพ.ก็จะให้นอนพักครึ่งชม. จำได้ว่าวันนั้นเจ็บปวดมากจริงๆ ดิฉันปวดท้องมากถึงกับอาเจียน เวียนหัว คลื่นไส้ ไปหมด ต้องใช้เวลากว่าครึ่งวันอาการจึงจะทุเลาลง ทางรพ.ก็ได้นอนพักที่ห้องตรวจครึ่งชม.กว่า จากนั้นก็ให้กลับมาพักต่อที่บ้าน (อาการแล้วแต่คนนะคะ ดิฉันเคยอ่านข้อมูลบางคนไม่รู้สึกอะไรเลย)
ในวันเดียวกันนั้นคุณหมอก็ให้เก็บน้ำเชื้อสามีไปตรวจ ผลของทั้งดิฉันและสามีออกมาดีมาก ดิฉันไม่มีพังผืดที่ท่อนำไข่ ส่วนสามีเชื้อเกรด A ก็เยอะ วิ่งเร็ว ตรง ปริมาณก็เหมาะสม
ในเดือนนั้นคุณหมอจึงแนะนำให้ฉีดยากระตุ้นไข่ตก และลองวิธีธรรมชาติเองก่อน ดิฉันลองอยู่ 2 เดือน เดือนต่อมาก็แห้วอีก ดิฉันจึงปรึกษาสามีขอลองทำ iui
วันที่สองของประจำเดือน ดิฉันจึงโทรนัดกับทางศูนย์เพื่อขอทำ iui ดิฉันเดินทางมาซาวน์ดูไข่กับคุณหมอพบว่าเกิดถุงน้ำในรังไข่ (เฮ้ออออ...) จึงยังไม่สามารถทำกระบวนการ iui ได้ ต้องกินยาคุมเพื่อปรับฮอร์โมน 1 เดือน ให้ถุงน้ำยุบ แต่พอเริ่มกินดิฉันดันแพ้ยาคุม เวียนหัวอย่างหนัก จะอาเจียน กินไปได้ 5 เม็ด สามีบอกให้หยุดกินเลย เพราะมันดูอันตรายกับดิฉันเกินไป แต่เผอิญดิฉันได้รับคำแนะนำที่ดี มีน้องที่ทำงานแนะนำให้ดื่มชาเจียวกู่หลาน ดิฉันดื่มทุกเช้า พอประจำเดือนมาอีกรอบไปซาวน์ดูถุงน้ำก็ยุบไปแล้วทั้งที่ไม่ได้กินยาคุมเพื่อปรับฮอร์โมน เล่าให้คุณหมอฟังคุณหมอยังบอกเลยว่าร่างกายดิฉันอาจจะถูกกับชานี้... ^^
วันที่ 2 มกราคม 59 ...คราวนี้เรามาเริ่มกระบวนการกันใหม่ พอซาวน์ดูแล้วปกติดี ก็เริ่มกินยา clomid กระตุ้นไข่ ให้เกิดไข่หลายใบ กินเช้า-เย็น 5 วัน ระหว่างนั้นก็ทานโฟลิคอย่างจริงจังไปด้วย เพื่อเสริมสารอาหารให้พร้อมกับเจ้าตัวน้อยที่จะมาฝังตัว หลังจากนั้นพอยาหมด คุณหมอก็จะนัดมาซาวน์ดูขนาดของไข่ และจำนวนไข่ ซาวน์รอบแรกดิฉันได้ไข่แค่ฟองเดียว (เศร้าเลย) คุณหมอจึงนัดมาซาวน์ทุกๆ 3-4 วัน ไข่ก็ค่อยเพิ่มขึ้นมา แต่สุดท้ายขนาดของไข่ที่ใช้ได้ก็มีฟองเดียวอยู่ดี คือ ประมาณ 20 มม.
วันที่ 14 มกราคม 59 คุณหมอนัดฉีดยากระตุ้นไข่ตกตอน 7.00 น.
วันที่ 15 มกราคม 59 สามีนัดเก็บน้ำเชื้อตอน 9.00 น. และดิฉันนัดฉีดเชื้อตอน 12.00 น.
ผลออกมาคือ สามีน้ำเชื้อดีเหมือนเคย (หมอบอก) ปั่นคัดเชื้อแล้วได้ 11 ล้าน เกรด A 60% B 40%
ส่วนดิฉัน คุณหมอคำนวณแม่นมาก เพราะวันนั้นดิฉันมีมูกไข่ตกใสๆพอดีเลย
พอเข้ากระบวนการ ก็ขึ้นยาหยั่ง ใส่เครื่องมือปากเป็ด เพื่อเปิดช่องคลอด และใส่ท่อเข้าปากมดลูก ขณะที่เข้ากระบวนการคุณหมอบอกว่าปาดมดลูกดิฉันเบี้ยว นี่อาจเป็นสาเหตุให้ที่ผ่านมาไม่ติดก็ได้ คุณหมอพยายามให้เครื่องมืออื่นๆเผื่อดันปากมดลูกให้ตรง เพื่อจะได้นำเครื่องมือ(คือท่อฉีดเชื้อ)เข้าไปให้ได้ ตอนนั้นเจ็บหน่วงท้องน้อยขึ้นมาเลยล่ะค่ะ แต่สุดท้ายก็ฉีดเชื้อได้สำเร็จ นอนยกขาอยู่ครึ่งชั่วโมงก็กลับบ้านได้
ตอนแรกอยากจะนอนรพ. นอนไปเลยหลายๆวันไม่ลุกเดิน แต่คุณหมอบอกว่ามันไม่จำเป็นนะ ไม่มีผลอะไร ... คุณสามีดีใจใหญ่ ไม่ต้องเปลืองตังค์นอนรพ.
วันนี้ก็วันที่สองแล้วที่ฉีดเชื้อ มีปวดหน่วงอยู่บ้างบางครั้ง พยายามเดิน นั่ง ขึ้นลงบันไดให้น้อยที่สุด นอนเยอะๆ ... คุณหมอนัดอีกทีวันที่ 31 มกราคา 59 เพื่อดูผลเลือด ลุ้นกันต่อไป...
แล้วจะมาเล่าผลฝห้ฟังอีกทีนะคะ หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่หวังอยากมีเจ้าตัวน้อยนะคะ ^^
ปล. ยังไงเราคิดว่าการทำกระบวนการอะไรแบบนี้ หมอดีมีฝีมือ และรพ.อยู่ใกล้บ้าน สำคัญมากๆค่ะ
[CR] ประสบการณ์ทำ iui ที่ รพ.นครธน (ย่านพระราม 2) ตั้งแต่เริ่มกระบวนการ
ดิฉันอายุ 27 ปี สามีอายุ 34 ปี แต่งงานกันมา 2 ปีกว่า ตั้งแต่เกิดมาดิฉันไม่เคยกินยาคุมกำเนิดเลย ปล่อยตั้งแต่แรกเพราะหวังอยากมีเจ้าตัวน้อยเร็วๆ
แต่ด้วยโชคชะตา... เจ้าตัวน้อยก็ยังไม่มาซักที จึงตัดสินใจเข้าพบคุณหมอ
เริ่มแรกดิฉันไปพบคุณหมอทองทิศ ทองใหญ่ ที่สถาบัน perfect women เพื่อเข้าปรึกษา แต่ด้วยระยะทางที่ไกลแสนไกล (จากพระราม2) จึงไปได้แค่ครั้งเดียว คือไปเพื่อปรึกษาเท่านั้น โดยไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย คุณหมอทองทิศท่านน่ารักมากอธิบายอย่างละเอียดว่าต้องตรวจ...
1. ท่อนำไข่ของฝ่ายหญิงว่าตัน หรือมีพังพืดหรือไม่
2. น้ำเชื้อของฝ่ายชายปกติดีหรือไม่
3. ผนังมดลูกหนาพอให้ตัวอ่อนฝังตัวได้หรือไม่
4. ตรวจโรคทางพันธุกรรมและโรคอื่นๆที่อาจมีผลต่อการตั้งครรภ์
เมื่อกลับมาถึงบ้านดิฉันกับสามีจึงปรึกษากัน และคิดว่าตรวจสิ่งต่างๆเหล่านี้ที่รพ. ใกล้บ้านดีกว่า ดิฉันจึงเลือกตรวจข้อ 4 ที่รพ.บางปะกอก 9 อินเตอร์เนื่องจากมีโปรโมชั่นพอดี ราคาถูก ...
ผลออกมาพบว่าดิฉันและสามีปกติดี ร่างกายของดิฉันก็ได้รับวัคซีนมาครบถ้วนพร้อมมีบุตรได้ ดิฉันกับสามีจึงลองวิธีธรรมชาติกันเองก่อนอีกประมาณ 2 เดือน เจ้าตัวน้อยก็ยังไม่มา จึงตัดสินใจเข้าพบคุณหมอที่ รพ.นครธน เพราะใกล้บ้านและมีศูนย์ให้คำปรึกษาผู้มีบุตรยาก
ดิฉันได้ปรึกษากับคุณหมอนิทัศน์ โดยที่ไม่ได้จงใจเลือกนะคะ
ก่อนอื่นดิฉันและสามีต้องเอาผลตรวจร่างกาย (ไม่เกินสามเดือน) ของรพ.เดิมมาให้คุณหมอดูก่อน ต่อมาคุณหมอจึงให้ดิฉันเข้ากระบวนการฉีดสีดูท่อนำไข่ในวันที่ไม่มีประจำเดือน เมื่อฉีดเสร็จทางรพ.ก็จะให้นอนพักครึ่งชม. จำได้ว่าวันนั้นเจ็บปวดมากจริงๆ ดิฉันปวดท้องมากถึงกับอาเจียน เวียนหัว คลื่นไส้ ไปหมด ต้องใช้เวลากว่าครึ่งวันอาการจึงจะทุเลาลง ทางรพ.ก็ได้นอนพักที่ห้องตรวจครึ่งชม.กว่า จากนั้นก็ให้กลับมาพักต่อที่บ้าน (อาการแล้วแต่คนนะคะ ดิฉันเคยอ่านข้อมูลบางคนไม่รู้สึกอะไรเลย)
ในวันเดียวกันนั้นคุณหมอก็ให้เก็บน้ำเชื้อสามีไปตรวจ ผลของทั้งดิฉันและสามีออกมาดีมาก ดิฉันไม่มีพังผืดที่ท่อนำไข่ ส่วนสามีเชื้อเกรด A ก็เยอะ วิ่งเร็ว ตรง ปริมาณก็เหมาะสม
ในเดือนนั้นคุณหมอจึงแนะนำให้ฉีดยากระตุ้นไข่ตก และลองวิธีธรรมชาติเองก่อน ดิฉันลองอยู่ 2 เดือน เดือนต่อมาก็แห้วอีก ดิฉันจึงปรึกษาสามีขอลองทำ iui
วันที่สองของประจำเดือน ดิฉันจึงโทรนัดกับทางศูนย์เพื่อขอทำ iui ดิฉันเดินทางมาซาวน์ดูไข่กับคุณหมอพบว่าเกิดถุงน้ำในรังไข่ (เฮ้ออออ...) จึงยังไม่สามารถทำกระบวนการ iui ได้ ต้องกินยาคุมเพื่อปรับฮอร์โมน 1 เดือน ให้ถุงน้ำยุบ แต่พอเริ่มกินดิฉันดันแพ้ยาคุม เวียนหัวอย่างหนัก จะอาเจียน กินไปได้ 5 เม็ด สามีบอกให้หยุดกินเลย เพราะมันดูอันตรายกับดิฉันเกินไป แต่เผอิญดิฉันได้รับคำแนะนำที่ดี มีน้องที่ทำงานแนะนำให้ดื่มชาเจียวกู่หลาน ดิฉันดื่มทุกเช้า พอประจำเดือนมาอีกรอบไปซาวน์ดูถุงน้ำก็ยุบไปแล้วทั้งที่ไม่ได้กินยาคุมเพื่อปรับฮอร์โมน เล่าให้คุณหมอฟังคุณหมอยังบอกเลยว่าร่างกายดิฉันอาจจะถูกกับชานี้... ^^
วันที่ 2 มกราคม 59 ...คราวนี้เรามาเริ่มกระบวนการกันใหม่ พอซาวน์ดูแล้วปกติดี ก็เริ่มกินยา clomid กระตุ้นไข่ ให้เกิดไข่หลายใบ กินเช้า-เย็น 5 วัน ระหว่างนั้นก็ทานโฟลิคอย่างจริงจังไปด้วย เพื่อเสริมสารอาหารให้พร้อมกับเจ้าตัวน้อยที่จะมาฝังตัว หลังจากนั้นพอยาหมด คุณหมอก็จะนัดมาซาวน์ดูขนาดของไข่ และจำนวนไข่ ซาวน์รอบแรกดิฉันได้ไข่แค่ฟองเดียว (เศร้าเลย) คุณหมอจึงนัดมาซาวน์ทุกๆ 3-4 วัน ไข่ก็ค่อยเพิ่มขึ้นมา แต่สุดท้ายขนาดของไข่ที่ใช้ได้ก็มีฟองเดียวอยู่ดี คือ ประมาณ 20 มม.
วันที่ 14 มกราคม 59 คุณหมอนัดฉีดยากระตุ้นไข่ตกตอน 7.00 น.
วันที่ 15 มกราคม 59 สามีนัดเก็บน้ำเชื้อตอน 9.00 น. และดิฉันนัดฉีดเชื้อตอน 12.00 น.
ผลออกมาคือ สามีน้ำเชื้อดีเหมือนเคย (หมอบอก) ปั่นคัดเชื้อแล้วได้ 11 ล้าน เกรด A 60% B 40%
ส่วนดิฉัน คุณหมอคำนวณแม่นมาก เพราะวันนั้นดิฉันมีมูกไข่ตกใสๆพอดีเลย
พอเข้ากระบวนการ ก็ขึ้นยาหยั่ง ใส่เครื่องมือปากเป็ด เพื่อเปิดช่องคลอด และใส่ท่อเข้าปากมดลูก ขณะที่เข้ากระบวนการคุณหมอบอกว่าปาดมดลูกดิฉันเบี้ยว นี่อาจเป็นสาเหตุให้ที่ผ่านมาไม่ติดก็ได้ คุณหมอพยายามให้เครื่องมืออื่นๆเผื่อดันปากมดลูกให้ตรง เพื่อจะได้นำเครื่องมือ(คือท่อฉีดเชื้อ)เข้าไปให้ได้ ตอนนั้นเจ็บหน่วงท้องน้อยขึ้นมาเลยล่ะค่ะ แต่สุดท้ายก็ฉีดเชื้อได้สำเร็จ นอนยกขาอยู่ครึ่งชั่วโมงก็กลับบ้านได้
ตอนแรกอยากจะนอนรพ. นอนไปเลยหลายๆวันไม่ลุกเดิน แต่คุณหมอบอกว่ามันไม่จำเป็นนะ ไม่มีผลอะไร ... คุณสามีดีใจใหญ่ ไม่ต้องเปลืองตังค์นอนรพ.
วันนี้ก็วันที่สองแล้วที่ฉีดเชื้อ มีปวดหน่วงอยู่บ้างบางครั้ง พยายามเดิน นั่ง ขึ้นลงบันไดให้น้อยที่สุด นอนเยอะๆ ... คุณหมอนัดอีกทีวันที่ 31 มกราคา 59 เพื่อดูผลเลือด ลุ้นกันต่อไป...
แล้วจะมาเล่าผลฝห้ฟังอีกทีนะคะ หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่หวังอยากมีเจ้าตัวน้อยนะคะ ^^
ปล. ยังไงเราคิดว่าการทำกระบวนการอะไรแบบนี้ หมอดีมีฝีมือ และรพ.อยู่ใกล้บ้าน สำคัญมากๆค่ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น