ไม่รู้ว่าคำนี้เริ่มมีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็มีคำนี้ไว้ใช้กันแล้ว
สิ่งที่คนภายนอกคิดคือสิ่งที่คนภายนอกเห็น
เห็นว่าดาราคู่นี้อยู่ด้วยกันแล้วเหมาะกันจังเลย มีผลงานด้วยกันแล้วกระแสดี
การมีกระแสดีในครั้งนั้นทำให้เริ่มถูกจ้างให้มีผลงานด้วยกันตามมาอีกมากมาย
อาจจะเพื่อเซอร์วิสแฟน เพิ่มรายได้ของคนจ้าง หรืออะไรก็แล้วแต่
มากขึ้นไปอีกหลายๆคู่ต้องยอมทำอะไรหลายๆอย่างเพื่อให้คนเริ่มจินตนาการถึงความสัมพันธ์ที่เกินกว่าคำว่าเพื่อนร่วมงาน
บางคู่ก็สนิทกันจริงๆในแบบคนที่ร่วมงานกันเยอะทำให้คุ้นเคยกัน ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
บางคู่มีการพัฒนาความสัมพันธ์กันจริงๆ จากความใกล้ชิดกันทุกวันๆ
แต่ทุกคู่อยู่ภายใต้ความจริงที่ว่า คนดูที่จิ้นคู่นี้คิดและคาดหวังว่าในชีวิตจริงพวกเค้าจะต้องคู่กันเท่านั้น โดยไม่เคยคิดว่าเค้าก็มีชีวิตจริงของเค้า
สมัยก่อนดาราไทยก็มีกรณีแบบนี้เยอะนะ แต่รู้สึกจะใช้คำว่า "คู่ขวัญ"
คู่ขวัญเป็นคำที่ใช้เรียกดาราที่มีผลงานด้วยกันแล้วส่งเสริมกัน ทำให้คนดูมีความสุข อยากเห็นทั้งคู่มีผลงานด้วยกันเยอะๆ
แต่ส่วนใหญ่แล้วคนจะเข้าใจและแยกแยะได้ว่าอันไหนคือการทำงาน อันไหนคือชีวิตจริงๆ
คู่ขวัญไม่จำเป็นต้องพัฒนามาเป็นความรักในชีวิตจริง ไม่จำเป็นต้องพยายามสร้างกระแสเรียกร้องความสนใจใดๆ
แต่เมื่อไหร่ที่มีผลงานด้วยกันนั้นทุกคนรอดูเสมอ
ทำให้ไม่ค่อยมีปัญหาแบบในปัจจุบันก็คือ
-เวลาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเปิดตัวแฟน(ในชีวิตจริง) ทำให้แฟนคลับของคู่จิ้นนั้นเริ่มรับไม่ได้
เหมือนไม่เข้าใจชีวิตคนว่าคนเราสามารถเลือกที่จะคบหาดูใจกับใครก็ได้ทั้งนั้น
ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เราเห็นในทีวีนั่นคือการทำงาน คือภาพที่เค้าทำให้เรามีความสุข
แต่เค้าก็มีชีวิตจริงของเค้าที่ไม่ใช่แค่โลกของการแสดง
-ต่อให้นักแสดงไม่เปิดตัวว่าคบใคร แต่ถ้าคู่จิ้นชัดเจนว่าไม่ได้คบกันเอง บางคนก็สร้างแรงกดดันให้เค้าต้องคบกัน
จริงๆก็คล้ายกับกรณีแรกเพียงแต่ไม่มีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง
กรณีนี้เห็นหลายคู่แล้วที่ต้องพยายามทำอะไรเอาใจคนดูทั้งๆที่เค้าก็อยากจะมีชีวิตส่วนตัวบ้าง
และคนทั้งคู่ก็มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจอะไรในชีวิตจริงของตัวเอง
คนนอกเพียงแค่มองเห็นว่าเค้าน่ารัก ดูเข้ากันเวลาแสดงละครหรือทำอะไรด้วยกัน
แต่คนนอกไม่เคยรู้ว่าในชีวิตจริงเค้าเหมาะสมกันมั้ย อยู่ด้วยกันแล้วเป็นยังไง เค้าอยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ด้วยกันมั้ย
ประเด็นเหล่านี้ทำให้เมื่อคู่จิ้นไม่ทำอย่างใจหวัง คนดูที่แยกแยะไม่ได้จึงผิดหวัง เสียใจ
พยายามต่อว่าทั้งคู่จิ้นของคนที่ตัวเองชอบ หรือแฟนของคู่จิ้นของตัวเอง
สร้างแรงกดดันให้ทุกๆคนที่เกี่ยวข้อง ทำให้เกิดช่องว่าง เกิดความอึดอัดใจระหว่างกันมากขึ้น
จากที่ตอนแรกเค้าอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน สนิทใจที่จะพูดคุยกัน
แต่พอมันมีก้อนอะไรซักอย่างที่เป็นกระแสสังคมมาบีบบังคับให้ทำยังงั้นยังงี้ มีคนจับตามองในความสัมพันธ์มากขึ้น
สุดท้ายมันก็ทำลายความเป็นธรรมชาติของคนสองคนนี้ไปหมด
ความสัมพันธ์ดีๆระหว่างกันที่ไม่มีอะไรแอบแฝงมันก็หายไป ด้วยความไม่สนิทใจ ไม่รู้จะวางตัวต่อกันยังไง
แล้วมันน่าเสียดายมั้ย? มันไม่น่ามาจบที่ตรงนี้จริงๆ
หลายๆคนคงไม่เข้าใจและยังอยากให้คู่จิ้นของตัวเองต้องลงเอยด้วยกันเท่านั้น
แต่ถ้ามาคิดดูดีๆจะเห็นว่ากี่ครั้งแล้วที่มันต้องพังเพียงเพราะการจิ้นที่เกินความพอดีนั่นเอง.
"คู่จิ้น" เป็นบทเรียนหลายครั้งแล้วว่าอะไรที่มันเกินพอดีมากไป สุดท้ายมันแย่กับทุกคนจริงๆ
สิ่งที่คนภายนอกคิดคือสิ่งที่คนภายนอกเห็น
เห็นว่าดาราคู่นี้อยู่ด้วยกันแล้วเหมาะกันจังเลย มีผลงานด้วยกันแล้วกระแสดี
การมีกระแสดีในครั้งนั้นทำให้เริ่มถูกจ้างให้มีผลงานด้วยกันตามมาอีกมากมาย
อาจจะเพื่อเซอร์วิสแฟน เพิ่มรายได้ของคนจ้าง หรืออะไรก็แล้วแต่
มากขึ้นไปอีกหลายๆคู่ต้องยอมทำอะไรหลายๆอย่างเพื่อให้คนเริ่มจินตนาการถึงความสัมพันธ์ที่เกินกว่าคำว่าเพื่อนร่วมงาน
บางคู่ก็สนิทกันจริงๆในแบบคนที่ร่วมงานกันเยอะทำให้คุ้นเคยกัน ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
บางคู่มีการพัฒนาความสัมพันธ์กันจริงๆ จากความใกล้ชิดกันทุกวันๆ
แต่ทุกคู่อยู่ภายใต้ความจริงที่ว่า คนดูที่จิ้นคู่นี้คิดและคาดหวังว่าในชีวิตจริงพวกเค้าจะต้องคู่กันเท่านั้น โดยไม่เคยคิดว่าเค้าก็มีชีวิตจริงของเค้า
สมัยก่อนดาราไทยก็มีกรณีแบบนี้เยอะนะ แต่รู้สึกจะใช้คำว่า "คู่ขวัญ"
คู่ขวัญเป็นคำที่ใช้เรียกดาราที่มีผลงานด้วยกันแล้วส่งเสริมกัน ทำให้คนดูมีความสุข อยากเห็นทั้งคู่มีผลงานด้วยกันเยอะๆ
แต่ส่วนใหญ่แล้วคนจะเข้าใจและแยกแยะได้ว่าอันไหนคือการทำงาน อันไหนคือชีวิตจริงๆ
คู่ขวัญไม่จำเป็นต้องพัฒนามาเป็นความรักในชีวิตจริง ไม่จำเป็นต้องพยายามสร้างกระแสเรียกร้องความสนใจใดๆ
แต่เมื่อไหร่ที่มีผลงานด้วยกันนั้นทุกคนรอดูเสมอ
ทำให้ไม่ค่อยมีปัญหาแบบในปัจจุบันก็คือ
-เวลาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเปิดตัวแฟน(ในชีวิตจริง) ทำให้แฟนคลับของคู่จิ้นนั้นเริ่มรับไม่ได้
เหมือนไม่เข้าใจชีวิตคนว่าคนเราสามารถเลือกที่จะคบหาดูใจกับใครก็ได้ทั้งนั้น
ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เราเห็นในทีวีนั่นคือการทำงาน คือภาพที่เค้าทำให้เรามีความสุข
แต่เค้าก็มีชีวิตจริงของเค้าที่ไม่ใช่แค่โลกของการแสดง
-ต่อให้นักแสดงไม่เปิดตัวว่าคบใคร แต่ถ้าคู่จิ้นชัดเจนว่าไม่ได้คบกันเอง บางคนก็สร้างแรงกดดันให้เค้าต้องคบกัน
จริงๆก็คล้ายกับกรณีแรกเพียงแต่ไม่มีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง
กรณีนี้เห็นหลายคู่แล้วที่ต้องพยายามทำอะไรเอาใจคนดูทั้งๆที่เค้าก็อยากจะมีชีวิตส่วนตัวบ้าง
และคนทั้งคู่ก็มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจอะไรในชีวิตจริงของตัวเอง
คนนอกเพียงแค่มองเห็นว่าเค้าน่ารัก ดูเข้ากันเวลาแสดงละครหรือทำอะไรด้วยกัน
แต่คนนอกไม่เคยรู้ว่าในชีวิตจริงเค้าเหมาะสมกันมั้ย อยู่ด้วยกันแล้วเป็นยังไง เค้าอยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ด้วยกันมั้ย
ประเด็นเหล่านี้ทำให้เมื่อคู่จิ้นไม่ทำอย่างใจหวัง คนดูที่แยกแยะไม่ได้จึงผิดหวัง เสียใจ
พยายามต่อว่าทั้งคู่จิ้นของคนที่ตัวเองชอบ หรือแฟนของคู่จิ้นของตัวเอง
สร้างแรงกดดันให้ทุกๆคนที่เกี่ยวข้อง ทำให้เกิดช่องว่าง เกิดความอึดอัดใจระหว่างกันมากขึ้น
จากที่ตอนแรกเค้าอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน สนิทใจที่จะพูดคุยกัน
แต่พอมันมีก้อนอะไรซักอย่างที่เป็นกระแสสังคมมาบีบบังคับให้ทำยังงั้นยังงี้ มีคนจับตามองในความสัมพันธ์มากขึ้น
สุดท้ายมันก็ทำลายความเป็นธรรมชาติของคนสองคนนี้ไปหมด
ความสัมพันธ์ดีๆระหว่างกันที่ไม่มีอะไรแอบแฝงมันก็หายไป ด้วยความไม่สนิทใจ ไม่รู้จะวางตัวต่อกันยังไง
แล้วมันน่าเสียดายมั้ย? มันไม่น่ามาจบที่ตรงนี้จริงๆ
หลายๆคนคงไม่เข้าใจและยังอยากให้คู่จิ้นของตัวเองต้องลงเอยด้วยกันเท่านั้น
แต่ถ้ามาคิดดูดีๆจะเห็นว่ากี่ครั้งแล้วที่มันต้องพังเพียงเพราะการจิ้นที่เกินความพอดีนั่นเอง.