สวัสดีครับ สิงอยู่ห้องรัชดามานานมากละ ขึ้นปีใหม่ทั้งทีเลยอยากทำอะไรให้เป็นประโยชน์กับห้องรัชดา โดยเฉพาะแท็กชาวสองล้อนี้บ้างครับ
บอกก่อนว่าในกระทู้นี้จะไม่มีภาพประกอบอะไรเลยนะครับ เป็นข้อมูลตัวหนังสือล้วนๆ แต่อยากให้ทุกท่านได้อ่าน โดยเฉพาะท่านที่กำลังคิดอยากจะซื้อมอเตอร์ไซค์ซักคัน ยิ่งถ้าจะซื้อแบบผ่อนชำระด้วยแล้วยิ่งควรอ่าน สำหรับท่านที่ซื้อเงินสดก็อ่านแล้วเอาไปบอกญาติพี่น้องหรือคนรู้จักก็ได้ครับ รับรองว่าข้อมูลต่อไปนี้จะเป็นประโยชน์แน่นอน
ข้อมูลนี้ผมนำมาจากประสบการณ์ในการทำงานของผมเอง อาจจะมีผิดพลาดบ้างขาดตกบกพร่องบ้าง ก็ต้องขออภัยล่วงหน้านะครับ จะพยายามให้ผิดพลาดน้อยที่สุดครับ
มาเริ่มกันเลย ก่อนที่จะไปรู้จักกับไฟแนนซ์รถมอเตอร์ไซค์ เรามารู้จักกับยี่ห้อของรถมอเตอร์ไซค์กันก่อนครับ ยี่ห้อรถก็คือบริษัทผู้ผลิตหรือประกอบชิ้นส่วนต่างๆจนเป็นมอเตอร์ไซค์1คัน โดยผมขอแบ่งรถมอเตอร์ไซค์ออกเป็น2ประเภท คือมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กและมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่
มอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กก็เช่น เวฟ คลิก ฟีโน่ พีซีเอ็กซ์ เอ็มเอสเอ็กซ์ cbr150 r15 nmax บลาๆๆๆๆ ส่วนใหญ่ราคาจะไม่เกินหนึ่งแสนบาท ซึ่งรถพวกนี้เกือบทั้งหมดบริษัทผู้ผลิตจะส่งขายผ่านทางดีลเลอร์(ตัวแทนจำหน่าย)เท่านั้น
โดยที่ผู้ผลิตมีหน้าที่แค่ส่งรถที่จะขายและ"กำหนดราคากลาง"เท่านั้น อาจมีบ้างที่จะออกโปรโมชันหรือเคมเปญมาเพื่อกระตุ้นยอดบ้าง แต่ส่วนใหญ่ถ้าเป็นมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กดีลเลอร์จะเป็นคนจัดการมากกว่า เกือบ100%ของรถประเภทนี้ ถ้าซื้อผ่อนจะถูกคิด"ดอกเบี้ยแบบต่อเดือน"
เดี๋ยวอธิบายเพิ่มครับ)
ตั้งแต่ผมทำงานมายังไม่เคยเห็นผู้ผลิตขายรถขนาดเล็กให้กับลูกค้าโดยตรงเลยซักครั้ง ต้องผ่านร้านตัวแทนจำหน่าย(ดีลเลอร์)ทุกคัน เอาแบบที่เข้าใจง่ายๆก็คือดีลเลอร์ก็คือพ่อค้าคนกลางนั่นเองครับ จำไว้อย่างนึงครับว่าเวลาดีลเลอร์ขายรถให้ลูกค้านั้น ขายเงินสดได้กำไรน้อยกว่าขายเงินผ่อนเสมอ เราถึงเห็นบางร้านอยากขายผ่อนมากกว่า และเป็นอีกสาเหตุให้ร้านบวกราคาเพิ่มไปจากราคากลางอีกมากโข เพราะส่วนต่างกำไรระหว่างเงินสดกับเงินผ่อนนี่ล่ะครับ
แล้วเงินที่ร้านบวกเพิ่มมาจากไหน?
มาจากหลายๆอย่างครับ เช่น...
1.ยอดกู้หรือยอดจัดของไฟแนนซ์ไม่เท่ากับราคารถ ตัวอย่าง รถราคาขายจริง80000 แต่ยอดกู้ให้แค่75000
ร้านก็จะบวกเพิ่มจากลูกค้า5000ครับ
2.รถรุ่นนั้นเป็นที่ต้องการของตลาดมากๆ ประมาณว่าสั่งรถมาเท่าไรก็ไม่พอขาย ร้านเลยอาศัยช่องตรงนี้บวกราคาเพิ่มเข้าไปสำหรับคนที่พร้อมจ่าย เช่นM...เป็นต้น เคยเจอบวกเยอะสุด15000โดยที่ไม่ลดยอดกู้เลย คือ15000ที่ลูกค้าจ่ายมาเข้าร้านทั้งหมด ไม่เข้าไฟแนนซ์เลย
3.จากการจัดโปรโมชันพิเศษต่างๆ เช่นถ้าจ่ายเพิ่ม3000จะได้อัตราดอกเบี้ยถูกลงจาก 1.99เหลือ1.5ต่อเดือนประมาณนี้
อีกอย่างที่ต้องรู้ก็คือ ส่วนมากยอดกู้หรือยอดจัดของรถประเภทนี้ มักจะรวมค่าอื่นๆเข้าไปด้วยแล้ว เช่นค่าจดทะเบียน ค่าทำพรบ.หรือแม้แต่ค่าประกัยรถหาย ซึ่งค่าเหล่านี้ถูกรวมไปอยู่ในยอดกู้หมดแล้ว บางร้านถึงออกโปรโมชันฟรีเงินดาวน์ได้ ซึ่งถ้าซื้อเงินผ่อนมักถูกบังคับให้ใช้ยอดกู้แบบนี้
รถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ส่วนใหญ่ราคาเกิน1แสนบาทแน่นอน และมีราคาขายที่ชัดเจน ไม่เคยเห็นร้านบวกราคาเพิ่มจากรถประเภทนี้ ขายผ่านทั้งดีลเลอร์และผู้ผลิตเปิดศูนย์ขายเอง คิดอัตราดอกเบี้ยแบบต่อปี โปรโมชั่นออกมาจากทางผู้ผลิตโดยตรง อยู่ที่ดีลเลอร์จะเข้าร่วมหรือไม่ ค่าทำทะเบียนและพรบ.ค่าทำประกันภัยมักจ่ายแยกต่างหาก(แล้วแต่โปรโมชั่น) หลังๆมานี้เริ่มเห็นแบบฟรีทะเบียน พรบ. ประกันภัยมากขึ้นแต่มักมีเวลาจำกัด(ช่วงโปร)
ทีนี้มาว่าด้วยเรื่องดอกเบี้ยกันบ้าง
ดอกเบี้ยแบ่งเป็น2แบบหลักๆ
1.ดอกเบี้ยแบบต่อเดือน มักถูกใช้กับรถมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็ก ที่ราคาไม่เกิน1แสนบาท โดยนำยอดกู้(ยอดจัด)คูณอัตราดอกเบี้ย คูณจำนวนเดือน ดูตัวอย่างดีกว่าครับ เดี๋ยวงง
ยอดกู้ 50000 บาท
ดอกเบี้ย 1.99% ต่อเดือน
ระยะเวลาผ่อน2ปี = 24เดือน
ดอกเบี้ยจะเท่ากับ 50000 x 1.99% x 24 = 23880 บาท
ผ่อน24งวด จะเท่ากับงวดละ 50000+23880/24 = 3078.33 ส่วนใหญ่ไฟแนนซ์จะปัดเศษให้เต็ม5หรือ10
ฉะนั้นค่างวดที่จะต้องจ่ายจริงคือ 3080 บาท จำนวน 24งวดครับ
สิ่งสำคัญที่สุดเวลาซื้อรถเงินผ่อนก็คือ ยอดกู้กับอัตราดอกเบี้ยนี่ล่ะครับ ถามจากทางร้านให้ชัวร์ก่อนเซ็นต์เอกสารจะดีที่สุด ถ้ามีการจ่ายเงินกับทางร้านต้องให้ร้านแจกแจงมาว่าเป็นค่าอะไรบ้าง และต้องมีใบเสร็จกำกับทุกครั้ง
อัตราดอกเบี้ยต่อเดือนที่มักถูกใช้ก็มีตั้งแต่ 0.79-2.4%ต่อเดือน จำไว้ว่าตัวแปรที่จะทำให้เราเสียดอกเบี้ยเยอะนอกจากอัตราดอกเบี้ยแล้วมี2อย่าง คือยอดกู้หรือยอดจัดและระยะเวลาในการผ่อน ยิ่งผ่อนนานดอกเบี้ยยิ่งเยอะครับ
2.ดอกเบี้ยแบบต่อปี มักถูกใช้ในรถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ หรือรถที่ราคามากกว่า1แสนบาทขึ้นไป ข้อนี้ต้องดูดีๆนิดนึงนะครับ เพราะรถบางรุ่นราคาเกินแสนก็จริงแต่ใช้ดอกเบี้ยต่อเดือนก็มี การคิดดอกเบี้ยซับซ้อนน้อยกว่าแบบต่อเดือน ตัวอย่างครับ
ยอดกู้ 150000
อัตราดอกเบี้ย 5%
ระยะเวลาผ่อน 3ปี
ดอกเบี้ยเท่ากับ 150000 x 5% x3 = 22500 บาท
ผ่อน3ปี=36งวด ก็จะได้งวดละ
150000+22500/36=4791.66บาท ส่วนใหญ่ดอกเบี้ยต่อปีจะปัดเศษให้เต็มบาทก็จะเท่ากับ 4792 บาทครับ
ดอกเบี้ยต่อปีสำหรับมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่คงไม่มีอะไรต้องพูดถึงมากนักครับ เพราะตัวรถมีราคาขายที่แน่นอนชัดเจน ถ้าตัดเรื่องค่าประกันภัยออกไป เงินที่นำมาเป็นเงินดาวน์สามารถเอาไปตัดราคาเต็มของตัวรถได้เลย ไม่โดนร้านกินไปเปล่าๆแน่นอน
จะมีก็แต่มอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กที่เสียดอกเบี้ยต่อเดือนนี่ล่ะครับ ที่ต้องคุยกับร้านเยอะหน่อย บางร้านก็ดีครับแจกแจงมาให้หมดว่ามีค่าไรบ้าง กู้เท่าไร ดอกเบี้ยเท่าไร
แต่บางร้านก็ชอบหมกเม็ดกลัวลูกค้าเห็นยอดรวมดอกเบี้ยแล้วจะไม่ซื้อ หรือมีเงินดาวน์ร้านต่างหากแต่ไม่แจ้งลูกค้า เงินดาวน์ร้านก็คือเงินที่จ่ายให้กับร้านเปล่าๆเลย ไม่เกี่ยวกับยอดกู้ไฟแนนซ์ครับ
สรุป...ถ้าจะผ่อนมอเตอร์ไซค์ซักคัน ควรรู้อะไรบ้าง
1.ราคาเงินสดและยอดกู้เงินผ่อน ดูว่าต่างกันมากเกินไปหรือเปล่า อย่างที่บอกครับยอดกู้เงินผ่อนจะรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆไปด้วยแล้ว(เฉพาะรถมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็ก)ถ้าต่างกันมากเกินไปถามร้านเลยครับว่าเป็นค่าอะไร
2.ในกรณีเราจ่ายเงินดาวน์ ถามเลยครับดาวน์ร้านหรือดาวน์ไฟแนนซ์ หรือดาวน์ร้านเท่าไรเหลือดาวน์ไฟแนนซ์เท่าไร
3.ยอดกู้จริงที่เรากู้เท่าไร อัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาผ่อน
ยอดรวมที่เราต้องผ่อนเท่าไร
4.จ่ายเงินไปเท่าไรต้องมีใบเสร็จเท่านั้น ร้านจะปัดความรับผิดชอบทันทีถ้าคุณไม่มีใบเสร็จรับเงิน
5.ถ้าพอมีเงินดาวน์ ควรวางเงินดาวน์ให้มากที่สุดเท่าที่เราจ่ายไหว ที่โฆษณาว่าฟรีดาวน์น่ะจริงแต่เสียดอกเบี้ยเกือบเท่าราคารถนะครับ
ที่นึกออกก็มีเท่านี้ครับ ขาดตกบกพร่องตรงไหนก็ขอโทษด้วยและยินดีแก้ไขให้ครับ คิดอะไรก็พิมพ์จากมือถือออกมาเลย ไม่ได้ร่างแบบไว้ก่อน กระทู้เลยไม่ค่อยเป็นระเบียบมากนัก ย้ำอีกครั้งว่ามาจากประสบการณ์ทำงาน ไม่ได้อ้างอิงจากตำราหรือหนังสืออะไรครับ ฉะนั้นบางอย่างอาจจะไม่ถูกต้องบ้าง หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับบางท่านบ้าง
ขอบคุณครับ...
รู้ไว้เถอะครับ การผ่อนมอเตอร์ไซค์ซักคัน มีอะไรบ้าง...
บอกก่อนว่าในกระทู้นี้จะไม่มีภาพประกอบอะไรเลยนะครับ เป็นข้อมูลตัวหนังสือล้วนๆ แต่อยากให้ทุกท่านได้อ่าน โดยเฉพาะท่านที่กำลังคิดอยากจะซื้อมอเตอร์ไซค์ซักคัน ยิ่งถ้าจะซื้อแบบผ่อนชำระด้วยแล้วยิ่งควรอ่าน สำหรับท่านที่ซื้อเงินสดก็อ่านแล้วเอาไปบอกญาติพี่น้องหรือคนรู้จักก็ได้ครับ รับรองว่าข้อมูลต่อไปนี้จะเป็นประโยชน์แน่นอน
ข้อมูลนี้ผมนำมาจากประสบการณ์ในการทำงานของผมเอง อาจจะมีผิดพลาดบ้างขาดตกบกพร่องบ้าง ก็ต้องขออภัยล่วงหน้านะครับ จะพยายามให้ผิดพลาดน้อยที่สุดครับ
มาเริ่มกันเลย ก่อนที่จะไปรู้จักกับไฟแนนซ์รถมอเตอร์ไซค์ เรามารู้จักกับยี่ห้อของรถมอเตอร์ไซค์กันก่อนครับ ยี่ห้อรถก็คือบริษัทผู้ผลิตหรือประกอบชิ้นส่วนต่างๆจนเป็นมอเตอร์ไซค์1คัน โดยผมขอแบ่งรถมอเตอร์ไซค์ออกเป็น2ประเภท คือมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กและมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่
มอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กก็เช่น เวฟ คลิก ฟีโน่ พีซีเอ็กซ์ เอ็มเอสเอ็กซ์ cbr150 r15 nmax บลาๆๆๆๆ ส่วนใหญ่ราคาจะไม่เกินหนึ่งแสนบาท ซึ่งรถพวกนี้เกือบทั้งหมดบริษัทผู้ผลิตจะส่งขายผ่านทางดีลเลอร์(ตัวแทนจำหน่าย)เท่านั้น
โดยที่ผู้ผลิตมีหน้าที่แค่ส่งรถที่จะขายและ"กำหนดราคากลาง"เท่านั้น อาจมีบ้างที่จะออกโปรโมชันหรือเคมเปญมาเพื่อกระตุ้นยอดบ้าง แต่ส่วนใหญ่ถ้าเป็นมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กดีลเลอร์จะเป็นคนจัดการมากกว่า เกือบ100%ของรถประเภทนี้ ถ้าซื้อผ่อนจะถูกคิด"ดอกเบี้ยแบบต่อเดือน"เดี๋ยวอธิบายเพิ่มครับ)
ตั้งแต่ผมทำงานมายังไม่เคยเห็นผู้ผลิตขายรถขนาดเล็กให้กับลูกค้าโดยตรงเลยซักครั้ง ต้องผ่านร้านตัวแทนจำหน่าย(ดีลเลอร์)ทุกคัน เอาแบบที่เข้าใจง่ายๆก็คือดีลเลอร์ก็คือพ่อค้าคนกลางนั่นเองครับ จำไว้อย่างนึงครับว่าเวลาดีลเลอร์ขายรถให้ลูกค้านั้น ขายเงินสดได้กำไรน้อยกว่าขายเงินผ่อนเสมอ เราถึงเห็นบางร้านอยากขายผ่อนมากกว่า และเป็นอีกสาเหตุให้ร้านบวกราคาเพิ่มไปจากราคากลางอีกมากโข เพราะส่วนต่างกำไรระหว่างเงินสดกับเงินผ่อนนี่ล่ะครับ
แล้วเงินที่ร้านบวกเพิ่มมาจากไหน?
มาจากหลายๆอย่างครับ เช่น...
1.ยอดกู้หรือยอดจัดของไฟแนนซ์ไม่เท่ากับราคารถ ตัวอย่าง รถราคาขายจริง80000 แต่ยอดกู้ให้แค่75000
ร้านก็จะบวกเพิ่มจากลูกค้า5000ครับ
2.รถรุ่นนั้นเป็นที่ต้องการของตลาดมากๆ ประมาณว่าสั่งรถมาเท่าไรก็ไม่พอขาย ร้านเลยอาศัยช่องตรงนี้บวกราคาเพิ่มเข้าไปสำหรับคนที่พร้อมจ่าย เช่นM...เป็นต้น เคยเจอบวกเยอะสุด15000โดยที่ไม่ลดยอดกู้เลย คือ15000ที่ลูกค้าจ่ายมาเข้าร้านทั้งหมด ไม่เข้าไฟแนนซ์เลย
3.จากการจัดโปรโมชันพิเศษต่างๆ เช่นถ้าจ่ายเพิ่ม3000จะได้อัตราดอกเบี้ยถูกลงจาก 1.99เหลือ1.5ต่อเดือนประมาณนี้
อีกอย่างที่ต้องรู้ก็คือ ส่วนมากยอดกู้หรือยอดจัดของรถประเภทนี้ มักจะรวมค่าอื่นๆเข้าไปด้วยแล้ว เช่นค่าจดทะเบียน ค่าทำพรบ.หรือแม้แต่ค่าประกัยรถหาย ซึ่งค่าเหล่านี้ถูกรวมไปอยู่ในยอดกู้หมดแล้ว บางร้านถึงออกโปรโมชันฟรีเงินดาวน์ได้ ซึ่งถ้าซื้อเงินผ่อนมักถูกบังคับให้ใช้ยอดกู้แบบนี้
รถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ส่วนใหญ่ราคาเกิน1แสนบาทแน่นอน และมีราคาขายที่ชัดเจน ไม่เคยเห็นร้านบวกราคาเพิ่มจากรถประเภทนี้ ขายผ่านทั้งดีลเลอร์และผู้ผลิตเปิดศูนย์ขายเอง คิดอัตราดอกเบี้ยแบบต่อปี โปรโมชั่นออกมาจากทางผู้ผลิตโดยตรง อยู่ที่ดีลเลอร์จะเข้าร่วมหรือไม่ ค่าทำทะเบียนและพรบ.ค่าทำประกันภัยมักจ่ายแยกต่างหาก(แล้วแต่โปรโมชั่น) หลังๆมานี้เริ่มเห็นแบบฟรีทะเบียน พรบ. ประกันภัยมากขึ้นแต่มักมีเวลาจำกัด(ช่วงโปร)
ทีนี้มาว่าด้วยเรื่องดอกเบี้ยกันบ้าง
ดอกเบี้ยแบ่งเป็น2แบบหลักๆ
1.ดอกเบี้ยแบบต่อเดือน มักถูกใช้กับรถมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็ก ที่ราคาไม่เกิน1แสนบาท โดยนำยอดกู้(ยอดจัด)คูณอัตราดอกเบี้ย คูณจำนวนเดือน ดูตัวอย่างดีกว่าครับ เดี๋ยวงง
ยอดกู้ 50000 บาท
ดอกเบี้ย 1.99% ต่อเดือน
ระยะเวลาผ่อน2ปี = 24เดือน
ดอกเบี้ยจะเท่ากับ 50000 x 1.99% x 24 = 23880 บาท
ผ่อน24งวด จะเท่ากับงวดละ 50000+23880/24 = 3078.33 ส่วนใหญ่ไฟแนนซ์จะปัดเศษให้เต็ม5หรือ10
ฉะนั้นค่างวดที่จะต้องจ่ายจริงคือ 3080 บาท จำนวน 24งวดครับ
สิ่งสำคัญที่สุดเวลาซื้อรถเงินผ่อนก็คือ ยอดกู้กับอัตราดอกเบี้ยนี่ล่ะครับ ถามจากทางร้านให้ชัวร์ก่อนเซ็นต์เอกสารจะดีที่สุด ถ้ามีการจ่ายเงินกับทางร้านต้องให้ร้านแจกแจงมาว่าเป็นค่าอะไรบ้าง และต้องมีใบเสร็จกำกับทุกครั้ง
อัตราดอกเบี้ยต่อเดือนที่มักถูกใช้ก็มีตั้งแต่ 0.79-2.4%ต่อเดือน จำไว้ว่าตัวแปรที่จะทำให้เราเสียดอกเบี้ยเยอะนอกจากอัตราดอกเบี้ยแล้วมี2อย่าง คือยอดกู้หรือยอดจัดและระยะเวลาในการผ่อน ยิ่งผ่อนนานดอกเบี้ยยิ่งเยอะครับ
2.ดอกเบี้ยแบบต่อปี มักถูกใช้ในรถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ หรือรถที่ราคามากกว่า1แสนบาทขึ้นไป ข้อนี้ต้องดูดีๆนิดนึงนะครับ เพราะรถบางรุ่นราคาเกินแสนก็จริงแต่ใช้ดอกเบี้ยต่อเดือนก็มี การคิดดอกเบี้ยซับซ้อนน้อยกว่าแบบต่อเดือน ตัวอย่างครับ
ยอดกู้ 150000
อัตราดอกเบี้ย 5%
ระยะเวลาผ่อน 3ปี
ดอกเบี้ยเท่ากับ 150000 x 5% x3 = 22500 บาท
ผ่อน3ปี=36งวด ก็จะได้งวดละ
150000+22500/36=4791.66บาท ส่วนใหญ่ดอกเบี้ยต่อปีจะปัดเศษให้เต็มบาทก็จะเท่ากับ 4792 บาทครับ
ดอกเบี้ยต่อปีสำหรับมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่คงไม่มีอะไรต้องพูดถึงมากนักครับ เพราะตัวรถมีราคาขายที่แน่นอนชัดเจน ถ้าตัดเรื่องค่าประกันภัยออกไป เงินที่นำมาเป็นเงินดาวน์สามารถเอาไปตัดราคาเต็มของตัวรถได้เลย ไม่โดนร้านกินไปเปล่าๆแน่นอน
จะมีก็แต่มอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กที่เสียดอกเบี้ยต่อเดือนนี่ล่ะครับ ที่ต้องคุยกับร้านเยอะหน่อย บางร้านก็ดีครับแจกแจงมาให้หมดว่ามีค่าไรบ้าง กู้เท่าไร ดอกเบี้ยเท่าไร
แต่บางร้านก็ชอบหมกเม็ดกลัวลูกค้าเห็นยอดรวมดอกเบี้ยแล้วจะไม่ซื้อ หรือมีเงินดาวน์ร้านต่างหากแต่ไม่แจ้งลูกค้า เงินดาวน์ร้านก็คือเงินที่จ่ายให้กับร้านเปล่าๆเลย ไม่เกี่ยวกับยอดกู้ไฟแนนซ์ครับ
สรุป...ถ้าจะผ่อนมอเตอร์ไซค์ซักคัน ควรรู้อะไรบ้าง
1.ราคาเงินสดและยอดกู้เงินผ่อน ดูว่าต่างกันมากเกินไปหรือเปล่า อย่างที่บอกครับยอดกู้เงินผ่อนจะรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆไปด้วยแล้ว(เฉพาะรถมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็ก)ถ้าต่างกันมากเกินไปถามร้านเลยครับว่าเป็นค่าอะไร
2.ในกรณีเราจ่ายเงินดาวน์ ถามเลยครับดาวน์ร้านหรือดาวน์ไฟแนนซ์ หรือดาวน์ร้านเท่าไรเหลือดาวน์ไฟแนนซ์เท่าไร
3.ยอดกู้จริงที่เรากู้เท่าไร อัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาผ่อน
ยอดรวมที่เราต้องผ่อนเท่าไร
4.จ่ายเงินไปเท่าไรต้องมีใบเสร็จเท่านั้น ร้านจะปัดความรับผิดชอบทันทีถ้าคุณไม่มีใบเสร็จรับเงิน
5.ถ้าพอมีเงินดาวน์ ควรวางเงินดาวน์ให้มากที่สุดเท่าที่เราจ่ายไหว ที่โฆษณาว่าฟรีดาวน์น่ะจริงแต่เสียดอกเบี้ยเกือบเท่าราคารถนะครับ
ที่นึกออกก็มีเท่านี้ครับ ขาดตกบกพร่องตรงไหนก็ขอโทษด้วยและยินดีแก้ไขให้ครับ คิดอะไรก็พิมพ์จากมือถือออกมาเลย ไม่ได้ร่างแบบไว้ก่อน กระทู้เลยไม่ค่อยเป็นระเบียบมากนัก ย้ำอีกครั้งว่ามาจากประสบการณ์ทำงาน ไม่ได้อ้างอิงจากตำราหรือหนังสืออะไรครับ ฉะนั้นบางอย่างอาจจะไม่ถูกต้องบ้าง หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับบางท่านบ้าง
ขอบคุณครับ...