[CR] คู่มือเอาตัวรอด เวียดนามใต้ (โฮจิมินห์-มุยเน่-ดาลัด) ใน1สัปดาห์ ประสบการณ์ตรงที่รีวิวอื่นไม่ได้เขียน (ม้วนเดียวจบ)

สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิปทุกท่าน ก่อนอื่นเลยขอออกตัวว่านี่เป็นกระทู้แรกที่เราเขียน  ปกติจะอ่านริวิวอย่างเดียว ไปเที่ยวไหนก็ไม่เคยคิดจะมารีวิว เพราะว่ารู้สึกว่ามันเป็นการเสียสละ(เวลา)อย่างสูง ซึ่งเราก็ขอขอบคุณเจ้าของกระทู้เหล่านั้น ไว้ ณ ที่นี้  แต่คราวนี้เรารู้สึกว่า  มันมีบางจุดที่รีวิวที่เราอ่านไม่ได้เขียนถึง  เราเลยอยากจะบอกเล่าเรื่องราวจากประสบการณ์ของเรา เพี่อเป็นการช่วยเหลือเพื่อนๆที่ตอนนี้กำลังตัดสินใจว่าจะไปดี ไม่ไปดี  และเพื่อนคนที่กำลังจะไปจะได้เตรียมตัวถูก  โดยเราจะพยายามเขียนแบบสั้นๆ เพราะโดยส่วนตัวเป็นคนขี้เกียจอ่าน แล้วรูปก็จะไม่สวยมากนะคะ เอาตามจริง คือเป็นคนถ่ายรูปไม่สวยค่ะ (^^)


เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านนี้ เราได้ไปเที่ยวเวียดนามใต้ ไปกันสองสาวค่ะ โดยแผนการเที่ยวของเราก็คือ  โฮจิมินห์-มุยเน่-ดาลัด  โฮจิมินห์1วัน มุยเน่1วัน อยากเจอกับอากาศหนาวนานๆหน่อยเลยอยู่ที่ดาลัด 3วัน  แล้ววันสุดท้ายกลับมาซื้อของฝากและขึ้นเครื่องที่โฮจิมินห์ สไตล์การเที่ยวเราก็ไปกันเรื่อยๆอะค่ะ ไปเฉพาะที่ที่คิดว่าน่าสนใจ  หาที่พักเอาดาบหน้า ประมานนี้ค่ะ

วันที่1 โฮจิมินห์
สิ่งที่ต้องเตรียมไป: ทักษะในการข้ามถนนขั้นแอดวานซ์ และผ้าปิดปาก


เครื่องลงที่โฮจิมินห์ เพื่อนเรามาถึงก่อนเราวันนึง ตอนติดต่อกันเพื่อนบอกว่า “รีบมาา เราข้ามถนนคนเดียวไม่ได้” เราก็งง คิดว่ามันเว่อร์ค่ะ สงสัยรถมันจะเยอะมากจริงๆ  ตอนไปถึงเอง เข้าใจเลย คือที่นี่รถมอเตอร์ไซด์จะเยอะมว๊ากกกก  แล้วก็ไม่ได้ขับกันตามกฏจราจรนะคะ ขับกันตามใจฉัน เวลาข้ามถนนทีนี่ระทึกใจเลย ยิ่งข้ามตรงสี่แยกด้วยแล้วละก็....รถมากันทุกทิศทางจริงๆ เวลาข้ามไม่ใช่แค่มองซ้ายมองขวานะคะ ต้องมอง360องศาค่ะ  แล้วมีอยู่ครั้งนึงที่คิดว่าจะต้องเอาชีวิตมาทั้งไว้ที่นี่ซะแล้ว คือรถใหญ่เค้าก็ไม่ชะลอ แตรรถนี่บีบกันไม่ยั้ง ไม่รู้บีบอะไร ตอนหลังๆเราจะชินเอง เรียกได้ว่าCulture Shockอยู่พักนึง ส่วนคนที่นี่เราสังเกตดู เค้าข้ามกับแบบชิวๆ เดินดูมือถือไปได้ด้วย เราคิดว่าประกันอุบัติเหตุบ้านเค้าต้องดีมากแน่ๆ
ตึกรามบ้านช่องที่นี้ก็เหมือนๆเมืองบ้านเรานี่แหล่ะค่ะ ที่สวยก็จะมีโบสถ์น็อทร์ดาม และที่ทำการไปรษณีย์กลาง แหล่งช๊อปปิ้งก็จะเป็นตลาดเบนถั่น ส่วนที่พักเราพักในย่านฟามงูเหลา ซึ่งจะคล้ายๆกับตรอกข้าวสารบ้านเรา สิ่งที่เราชอบคือที่นี่จะมีสวนสาธารณะอยู่ทั่วไป เราจะชอบไปเดินเพราะข้างนอกสวนฝุ่นจะเยอะมาก คนที่นี่สังเกตเค้าจะใช้ผ้าปิดปาก จริงๆเราก็อยากได้ซักอัน
ที่พักแรกของเราคือ  New York Thien Phuc Hotel $15 ต่อคืน  ที่พักเป็นห้องเล็กๆสมราคา เจ้าหน้าที่ก็ดี ส่วนที่พักก่อนกลับของเราก็คือ Saigon Odyssey Hotel $22 ต่อคืน สภาพห้องหรูหราขึ้นมาทันทีค่ะ  อ่อ..แล้วที่นี่ทางโรงแรมเค้าจะชอบยึดพาสปอร์ตไว้จนกว่าเราเช็คเอ้าท์ ตอนแรกก็งงๆ ไม่อยากจะให้นะ แต่ตอนหลังก็เข้าใจว่ามันเรื่องปกติของที่นี่  คนที่โรงแรมบอกว่าถึงจะเข้าผับบาร์ยังไงเค้าก็ไม่เช็คid เพราะฉะนั้น พาสปอร์ต ไม่จำเป็นค่ะ แล้วทุกโรงแรมถ้าต้องการจะโทรศัพท์จากห้องพักไปตรงเคาน์เตอร์รีเซปชั่น ให้กด Number Yellow (=Zero คนที่นี่เค้าเรียกเยลโล่กัน อย่างง)


วันที่2 มุยเน่
สิ่งที่ต้องเตรียมไป: รองเท้าแตะ, หวี และแว่นกันทรายเข้าตา


พวกเรามาที่มุยเน่โดยบริการรถบัสของ The Sinh Tourish  โชคดีได้รถมินิบัส ราคา 99,000 ดอง ทั้งรถมีผู้โดยสารอยู่ 5 คน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง นั่งสบายมาก  พอมาถึงเราก็จองที่พักของบริษัททัวร์เลยค่ะ ชื่อ Mui Ne Resort by The SinhTourist เพราะขี้เกียจแบกกระเป๋าไปหา ราคาถูกสุดอยู่ที่ $21 ต่อคืน เพราะห้องพักจะไม่ได้อยู่ฝั่งติดทะเล แต่เราสามารถมาเดินเล่นที่ชายทะเล ใช้สระว่ายน้ำได้ และได้บุฟเฟ่ต์อาหารเช้าฟรีค่ะ  แต่ที่พักอื่นมีถูกกว่านี้นะคะ รู้สึกว่าที่ถูกสุดจะอยู่ที่ $10ต่อคืน ทางเข้าจะน่ากลัวหน่อย อยู่ในหลืบ เราเป็นผู้หญิงไปสองคนเลยขอบาย
เราชอบเมืองนี้ที่สุดในสามเมืองเลย เพราะว่ามันมีทะเลทราย อันนี้เป็นสิ่งเดียวที่บ้านเราไม่มี พอถ่ายรูปมาก็สวยดีนะคะ แต่!!!!!! รูปสวยๆนั้น มันไม่ได้มาง่ายๆนะคะ มันต้องแรกมาด้วยหยาดเหงื่อ 5555 การเที่ยวที่นี่เราจะจองทัวร์ค่ะ จำชื่อทัวร์ไม่ได้ แต่แถวๆนั้นก็จะมีให้เลือกหลายๆทัวร์ ราคาก็พอๆกัน ตอนแรกเรากะจะไปแบบไพรเวททัวร์ กับรถจี๊บ แล้วไปถามอยู่ทัวร์นึงปรากฎว่าได้ราคาถูกเวอร์ 140,000 ดอง ต่อคน เพื่อนเราดีใจมากค่ะ เราก็เอ๊ะมันมีอะไรแหม่งๆ  ถามเค้าว่ารถมีหลังคารึป่าว เค้าบอกมี ไป4ที่ใช่มั้ย เค้าบอกใช่....เออ..มันก็ไม่มีช่องโหว่อะไรนี่นา ปรากฎว่าพอรถออกไปซักพัก… จอดรับคนค่ะ!! เป็นคนไทยด้วยกันด้วย อีก3คน ตอนแรกพวกเราก็เหวอๆนะคะ แต่ถ้าจะกลับไปให้เค้าเรียกรถใหม่ก็ไม่ทันแล้ว เสียเวลา ก็เลยเลยตามเลย พอนั่งๆไป จอดรับอีก2คนค่ะ! คราวนี้คนในรถเริ่มมองหน้ากันเลิ่กลั่กแล้ว สักพักจอดรับอีก2คน...ได้ยินเสียงคนพูดว่าหลังคาแล้วคร๊าบบบ...คือแน่นแล้วจริงๆเพราะรถจี๊บมันไม่ใหญ่เลย 5คนคือกำลังดี  จุดนี้เลยอยากแนะนำว่า ใครที่จะไป ย้ำกะเค้าให้ดีๆ เดี๋ยวจะโดนแบบเราค่ะ แต่การไปกันเป็นกลุ่มก็ดีนะคะสนุกดี
ทัวร์เริ่มตอน 2:00-6:30pm  ไป4ที่ดังนี้ค่ะ


ลำธาร สีแดง(Fairy Stream) อันนี้ต้องเดินลุยลำธารค่ะ ร้องเท้าเตะเป็นสิ่งจำเป็น
หมู่บ้านชาวประมง(Fisherman village) วิวสวยดี แต่เค้าให้เวลาเราไม่เยอะ คนขับรีบไปส่งรถ
ทะเลทรายขาว(White Sand dune) สวยมาก แต่กว่าจะได้ภาพดีๆมาได้นี่กินทรายไปเยอะเลย ลมแรงมากกก ผมเผิมนี่ไปหมด อ่อ แล้วก็ต้องเดินลุยทราย และขึ้นเนิน เราก็เดินชิวๆนะคะ แต่สาวๆในทริปบอกว่าทรายมันดูด กว่าจะถึงยอดเนินนี่เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน คนที่ใส่กางเกงขาสั้นก็อาจจะโดนทรายตีขาได้ เพราะฉะนั้นขายาวเซฟสุด
ทะเลทรายแดง(Red Sand dune) เค้าจะพาไปดูพระอาทิตย์ตกนี่นั่น แล้วก็ถือว่าเป็นอันจบค่ะ

วันที่3-5 ดาลัด
สิ่งที่ต้องเตรียมไป: ยาแก้เมารถ, จิตใจที่เข้มแข็ง และทักษะในการต่อรองราคา


ใช้เวลา4ชั่วโมงจากมุยเน่ไปดาลัด ไปกับบริษัทเดิม แต่คราวนี้เป็นรถทัวร์ เส้นทางลุ่มๆดอนๆไปซะหน่อย เพราะต้องขึ้นเขา เรากินยาแก้เมารถดักไว้เลย คือเรานั่งหลังรถแล้วระดับเบาะมันสูงขึ้นมากกว่าที่นั้งปกติด้านหน้า เวลารถกระแทกทีหัวนี่เกือบชนเพดานรถ (นี่ขนาดตัวเตี้ยๆกันนะคะเนี่ย) เลยต้องเอามือจิกเบาะอยู่ตลอดเวลา  พอถึงครึ่งทางก็จอดแวะเข้าห้องน้ำค่ะ  สถานที่เป็นร้านขายของแบบเพิงหมาแหงน มีบริเวณพักผ่อนเป็นเปลญวน มีห้องน้ำอยู่ข้างหลัง ห้องน้ำชายเราจะไม่พูดถึงนะคะ ส่วนห้องน้ำหญิง...ท้าทายมากค่ะ... ห้องน้ำหญิงเป็นเพิงเหมือนกัน มีสองห้อง เราก็ไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วว่ามันจะสะอาด แต่ว่าที่เจอนี้มันสยองมาก ประเด็นคือโถส้วมเป็นแบบราดหรือส้วมซึม แต่ไม่ใช่นั่งยอง เป็นแบบนั่งราบที่ไม่มีฝารองนั่ง และก็ไม่ได้ล้างตั้งแต่เอามาตั้ง กลิ่นนี้ตลบอบอวนเลย เรากะเพื่อนเข้าแถวจนใกล้ถึงประตู ลุ้นมาก เพราะไอห้องทางขวามือมันเข้าไปนานมากๆแล้ว เราซึ่งเข้าแถวอยู่หน้าเพื่อนเดาว่า ห้องขวาต้องกำลังทิ้งระเบิดอยู่อย่างแน่นอน  เรากะเพื่อนก็ลุ้นสุดๆเลยค่ะว่าใครนะ จะเป็นผู้โชคดีได้ห้องขวาไป และแล้ว...เลขที่ออก...ประตูห้องซ้ายเปิดออกมาก่อน เรานี่แทบจะวิ่งเข้าไปเลย ทิ้งเพื่อนเราไว้กลางทาง5555555
พอเราออกมา เพื่อนเราเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นให้ฟัง พร้อมด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก คือหลังจากที่ประตูขวาเปิดมาปึ๊บ เพื่อนเราก็เปิดไปเจอร่องรอยอารยธรรมที่ยังหลงเหลืออยู่เยอะมาก กับระเบิดเต็มไปหมด ตอนนั้นเพื่อนเราลังเลว่าจะเข้าดีไม่เข้าดี จะยอมทนไปอีกครึ่งทางดีมั้ย ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ และได้หันไปส่งสายตาวิงวอนกับเพื่อนผู้ร่วมชะตาที่อยู่ในแถว แล้วก็ได้กำลังใจตอบกลับมาจากฝรั่งที่เข้าแถวอยู่ถัดไปว่า...”Just do it”  เพื่อนเราบอกว่าภาพนี่ยังติดตาอยู่เลย  เราขอแนะนำเลยใครที่จะเดินทางในเส้นทางนี้ให้อดเอาค่ะ อย่ากินน้ำเยอะนะคะก่อนจะมา  ไม่งั้นจะได้รับสโลแกนไนกี้ไปแบบเพื่อนเรา


พอไปถึงตัวเมืองดาลัดเราก็ได้ไปพักที่ Phu Tho Hotel $15 เหรียญต่อคืน พนักงานและเจ้าของดูแลดี มีอาหารเช้าแบบง่ายๆให้
แต่ตัวห้องไม่ค่อยสะอาด และฝุ่นเยอะเพราะมีก่อสร้างอยู่แถวนั้น2ที่ เราเองเลือกที่นี่เพราะรีวิวในTrip Adviserบอกว่าดี เราให้เค้าจองCity Tour และก็ รถทัวร์กลับโฮจิมินท์ให้ด้วย

หลังจากได้ที่พัก เราก็ไปเดินสำรวจเมืองตอนเที่ยงรู้สึกแปลกใจ ที่เห็นคนใส่เสื้อกันหนาวกัน ไปจนถึงขั้นเสื้อโค้ทและขนเฟอร์ขนมิ้ง เพราะว่ามันไม่เห็นหนาวเลย อากาศที่นี่ตอนกลางวัน30องศา กลางคืน20องศา ตกค่ำเลยเริ่มเข้าใจว่า อ่อออ..มันหนาวเหมือนกันแฮะ แล้วเราก็ได้ไปเดินช๊อป ที่นี่ไม่มีห้างสรรพสินค้า แต่มีNight Market ของที่ขายก็จิปาถะ พวกเสื้อผ้าก็จะเป็นแนวเมืองหนาว ไม่สามารถหาเสื้อยืดได้ ไม่สามารถหาแฟชั่นปัจจุบันได้ ถ้าได้ไปจับสินค้าของเค้าแล้วนั้น สงครามการขายก็เริ่มขึ้นทันที เพื่อนเราชอบเสื้อตัวนึงแล้วเดินเข้าไปจับ พอไปดูใกล้ๆเนื้อผ้ามันแปลผกผันกะราคาที่แม่ค้าบอก เลยจะเดินออกมา โดยไม่รู้เลยว่านั่นเป็นการประกาศสงคราม
แม่ค้า: How much do you want?
เรากะเพื่อน: ………..(เงียบ..มองหน้ากัน...กรูจะไปรู้มั้ยเนี่ย มุงเป็นคนขายมุงยังไม่รู้เลย)
แม่ค้า: How much do you waaannntttt?
เรากะเพื่อน: ………..(เงียบ..มองหน้ากัน...เริ่มรู้สึกกดดัน เหมือนเวลาอาจารย์เรียกให้ตอบคำถามแล้วเราไม่รู้คำตอบ)
แม่ค้า: HOW MUCH DO YOU WANTTT???!!! (เริ่มตะคอก)
เรา: ……..(สตั้นไป 3 วิ)
เพื่อน:  ไอ  ด้อน  ว้อนท์  อิท!!!!!
แล้วเราก็รีบพากันออกมาก่อนที่จะโดนแม่ค้าตบ พอร้านต่อไปเราชอบชุดเดรสสีดำเค้าไปถามราคา เปิดมาที่350,000ดอง
เรา: No No
แม่ค้า: 320,000
เรา: No, Too expensive.
แม่ค้า: OK! 300,000 เขียนตัวเลขใส่สมุดแล้วยื่นมาให้ดู
เรา: ummm (คือไม่อยากได้แล้ว เพราะขี้เกียจต่อ เสต็ปเดิมคือกำลังเดินออก)
แม่ค้า: How much do you want? (เดจาวูมั่กๆ)
เรากะเพื่อน: ………..(เงียบ..มองหน้ากัน...โดนเรียกให้ตอบอีกแล้ว..-..-)
แม่ค้า: Hey youuuu. How much do you wannnt????
เรา: ……..(สตั้นไป 3 วิ)
เพื่อน:  หยิบปากกาไปเขียน “150,000” ซะเลย
เรานิเสียวแว๊บเลย กลัวโดนตบค่ะ แม่ก็ตาโต ปฎิเสธเราพอเป็นพิธี พอพวกเราทำท่าจะเดินออก ก็Hey you! Ok ok! ปิดจ๊อบไปที่ราคาที่ลดลงมากว่าครึ่ง ซื้อของที่นี่เหนื่อยจริงๆ


วันต่อมาเราก็ได้ไปสำรวจเมืองดาลัดทั้งด้วยตัวเอง และกับทัวร์ ไปมาหลายที่ แต่ที่ที่เราคิดว่าน่าสนใจ ไม่ควรพลาดก็จะมี
กระเช้าเคเบิลคาร์ชมวิวเมืองดาลัด โดยส่วนตัวคิดว่าสวยสุดละ ด้วยวิวเมืองดาลัดสุดลูกหูลูกตา ประกอบกับวิวธรรมชาติที่สวยงามจริงๆ  อันนี้ต้องยอมรับ  ราคา 50,000 ดองต่อคน   ห้องน้ำที่นี่ถือว่าดีที่สุดเท่าที่พบเจอมา แนะนำว่าให้เก็บมาเข้าที่นี่
น้ำตกดาตันลา จุดพีคจะเป็นโรลเลอร์โคสเตอร์ เค้าบอกว่านั่งได้สองคนแต่เรากับเพื่อน คิดว่าไม่สามารถ เลยแยกกันนั่ง มันจะเปนรางเครื่องเล่น เพื่อจะลงไปเจอน้ำลง สามารถควบคุมความเร็วได้ ขอแนะนำว่าอย่าต่อหลังสว. เพราะเราต่อหลังคุณลุงคนนึงค่า ลุงหยุดทุกสามนาที แล้วถ่ายรูป จริงๆแล้วมันควรจะลื่นปรื้ดๆลงไปรวดเดียวเลยถึงจะสนุก
ชื่อสินค้า:   เที่ยวต่างประเทศ โฮจิมินห์ ดาลัด
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่