จักรยานขึ้นรถไฟไปให้สุด กับสังขละเมืองต้องมนต์

สวัสดีครับเจอกันกับทริปที่ 2 กับการนำจักรยานขึ้นรถไฟแล้วไปชิลกันกับน้องปั่นๆ คราวนี้โปรแกรมของเราไปสุดที่สังขละบุรี หมู่บ้านมอญครับผม เช้าของวันเสาร์ที่ 9 มกราคมซึ่งตรงกับวันเด็กของเราพอดี ตืนมาเวลาเดิมตอนตี 5 ทำภาระกิจเสร็จ ก็จับน้องปั่นๆปั้นไปรอรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์ ผ่านไป 10 นาทีรถเมล์สายเจ็ดศูนย์ สีแดงขาวก็มาจอดตรงป้ายได้เวลาพาน้องปั่นๆขึ้นรถเมล์กันแล้ว ใช้เวลาเดินทางโดยรถเมล์ประมาณ 30 นาที ก็มาถึงสถานีรถไฟบางซื่อคับ ก่อนรถไฟจะมาเลยเก็บภาพกับบรรยากาศยามเช้าที่สถานีรถไฟมาฝากนิดหน่อยเพื่อเรียกน้ำย่อยกัน.


วันนี้ก็เหมือนเดิมคือรถไฟมาถึงสถานีช้ากว่ากำหนดนิดหน่อยจากเดิมในตั๋วระบุไว้จะถึงสถานีตอนเวลา 06.50 ใครเคยนั่งรถไฟไทยก็จะเข้าใจและชินไปเอง 555 รถไฟเริ่มออกจากสถานีบางซื่อประมาณ 07.20 น. วันนี้อากาศดีเหมาะแก่และการเดินทางเริ่มขึ้นพร้อมกับความสดชื่นและตื่นเต้น คราวนี้ที่นั่งข้างๆผมมีสาวน้อยน่ารักน่าหยิกมานั่งข้างๆด้วย ด้วยความสดใสน่ารักของเธอเลยขออนุญาติถ่ายรูปมาลงไว้ในกระทู้นี้ด้วย สายตาเธอเหมือนจะบอกว่าแอบถ่ายหนูเหรอค่ะ น่ารักจิงๆเด็กคนนี้

บรรยากาศภายในรถไฟไทย ลืมไปขบวนที่ผมมาเป็นขบวนนำเที่ยว น้ำตกไทรโยคน้อย ราคาค่าตั๋วก็ 120 บาทคับราคานี้ ไป-กลับนะคับ สถานีต่อไปนครปฐม next station nakonpatom

ขบวนรถไฟจะจอดแวะที่สถานีนครปฐมนี้ประมาณ  40 นาทีเพื่อให้ลงไปหาอะไรกินมื้อเช้า ส่วนผมก็นำน้องปั่นๆลงไปร้านข้าวหมูแดงเจ้าเดิมรองท้อง เสียดายคราวนี้ไม่ได้ถ่ายรูปมาด้วย เมื่อได้เวลาครบ 40 นาที รถไฟก็เริ่มออกเดินทางต่อมุ่งหน้าสู่สะพานแม่น้ำแควและแล้วก็มาถึง สะพานแม่น้ำแควตอนประมาณ 11.40 น.ซึ่งวันนี้ตรงกับวันเด็กพอดีคนมาเที่ยวสะพาน เยอะมากกว่าปกติ และวันนี้พิเศษมีฝรั่งมาเล่นดนตรีเปิดหมวกให้พวกเราดูด้วย สังเกตคุณป้านั่งข้างๆนักดนตรีแกคงมันกับเสียงเพลงเลยขยับมือไม้อย่างมีความสุขลืมแก่กันไปเลยทีเดียวผมเห็นแล้วอดอมยิ้มและมีความสุขกับคุณป้าแกจิงๆ รถไฟจะจอดพักที่แม่น้ำแควประมาณ 20 นาที นะคับ เหมือนจะน้อยไปหน่อยแต่ก็โอเคนะ นึกในใจ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
20 นาทีผ่านไปได้เวลารถไฟก็ขยับเคลื่อนตัวอีกครั้ง ปู้นๆๆๆ มุ่งหน้าสู่ไฮไลของทริปนี้ก็คือเส้นทางรถไฟสายมรณะ ซึ่งจากสะพานข้ามแม่น้ำแควใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.นานเหมือนกันแฮะ คนในรถไฟก็มีหลับๆตื่นๆกัน คงด้วยเพราะความเหนื่อยและเพลีย พอไกล้จะถึงจุดไฮไลสะพานสายมรณะ ทางเจ้าหน้าที่รถไฟก็เดินมาประกาศและให้เกร็ดความรู้แก่คนบนรถไฟ ซึ่งจุดนี้จะมีสองฝั่ง ฝั่งหน้าผาและฝั่งแม่น้ำ เจ้าหน้าที่บอกใครเอามือแตะหน้าผาแล้วเอามาแตะหน้าผากตัวเองจะเจอกับโชคดี และมีอายุยืน แต่ส่วนผมตื่นเต้นอยากเห็นฝั่งแม่น้ำมากกว่าและคนในขบวนต่างก็ตื่นเต้นและอดไม่ได้ที่จะเก็บภาพเอาไว้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ผ่านจุดไฮไลท์มา ทุกคนบนขบวนรถไฟก็แฮปปี้กันทุกคนดูทุกคนมีความสุข และแต่ละคนตื่นจากอาการง่วงนอนไปโดยปริยาย แล้วก็ไกล้จะถึงสถานีสุดท้ายของขบวนนี้แล้วคือน้ำตกไทรโยคน้อย รถไฟขบวนนี้ก็จะจอดรอนักท่องเที่ยวที่สถานีนี้ โดยให้เวลาเล่นน้ำถึง 2.30 ชม.เลยทีเดียว ส่วนน้ำตกก็สมชื่อไทรโยคน้อยจิงๆครับท่านผู้ชม น้ำน้อยสมชื่อจิงๆ และวันนี้ก็มีคุณลุงคนนึงมาสีไวโอลินเปิดหมวกให้คนมาเที่ยวน้ำตกฟังด้วยเช่นกัน เป็นเพลงพระราชนิพนธิ์ของในหลวง ช่างเพราะและเข้ากับบรรยากาศน้ำตกมากๆคับ ช่างเป็นโชคดีในการเดินทางในครั้งนี้จิงๆอิ่มเอมหัวใจ

และก็มาสิ้นสุดกับการเดินทางโดยรถไฟขบวนนี้ครับสิ้นสุดที่น้ำตก แต่ทริปของผมยังไม่จบครับผมเดินทางต่อจุดหมายของผมคือ ท่องเที่ยวสังขละและสะพานมอญ โดยในการเดินทางต่อไปในครั้งนี้ผมได้เดินทางโดยรถ บขส สาย 99 กรุงเทพ-ด่านเจดีย์สามองค์ครับซึ่งเป็นรถ ป1 .โดยสามารถลงมาซื้อตั๊วได้ที่หน้าร้านอาหาร เรณูทางด้านล่างของสถานี้น้ำตกได้เลยคับ ซึ่งจะมีรถ สาย 99 สองเที่ยวครับ จะมีช่วงเช้าแต่ผมจำเวลาไม่ได้ส่วนผม ได้ตั๋วเที่ยวที่ 2 รถจะมาถึงเวลาประมาณ 13.30 น.ก่อนรถจะมาก็หาของกินรองท้องบริเวณนั้น ได้เวลารถ บขส ก็มาผมจับน้องปั่นๆผมทำตัวให้เล็กเพื่อจะได้ขึ้นไปนั่งด้วยกันบนรถ บขส.เพราะช่องวางสัมภาระด้านล่างรถพนักงานบอกของเต็ม.

รถบัสเริ่มออกเดินทางจาก จุดจอดน้ำตกไทรโยคประมาณ 14.10 วิ่งมาเรื่อยๆจนถึง ทองผาภูมิแวะจอดแปบนึงประมาณ 5 นาทีเริ่มเดินทางต่อ เส้นทางเริ่มคดเคี่ยวและเริ่มเห็นภูเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามเส้นทางที่เดินทาง รู้สึกถึงโคงเยอะเหลือเกินเหมือนผมเริ่มจะมีอาการเมารถ แต่ก็ฝืนจนมาถึงจุดลงที่สังขละจนได้ เย้ๆๆในใจคิดรู้สึกดีใจและตื่นเต้นมากเรามาถึงจนได้ เอาละว่ะ งงๆกับตัวเองนิดนึงแล้วเราจะไปไหนต่อทางไหนยังไงละ นึกๆต้องหาที่พักก่อนเพราะมาถึงที่สังขละก็เกือบจะ 5 โมงเย็นแล้ว จัดการเอาน้องปั่นๆมายืดตัวออกมาพร้อมลุยกันได้แล้ว สอบถามเส้นทางคนแถวนั้น ทางไปสะพานมอญไปทางไหน พอรู้เส้นทางก็ปั่นกันไปเลยระยะทางจากจุดลงรถหรือตลาดไปสะพานมอญก็ประมาณ 2 กม.และแล้วเราก็มาถึงจนได้ สะพานมอญอยู่ไม่ไกล.แล้วมองเห็นอยู่ไกล้ๆ ความดีใจ ความตื่นเต้นกลับมาอีกครั้ง ลุยๆต่อซิครับจะรอรัยละ 555

ภาพบรรยากาศยามเย็น รอบๆสะพาน ผมเห็นมีเด็กสาวชาวมอญ เห็นน้องเขาเอาหม้อ7-8 ใบไว้บนหัว เพื่อไว้โชว์นักท่องเที่ยว เพื่อแลกกับเงินค่าทิปแล้วแต่ใครจะให้เท่าไหร่ก็ได้คับ ผมยังนึกในใจ หม้อมันอยู่ซ้อนกันได้ยังไงหว่าโดยที่ไม่ตกลงมาเลย หลังจากทึ่งในความสามารถของน้องเขาแล้ว เหลืบหันไปเห็นแสงอาทิตย์กำลังพลบค่ำ เออเราต้องรีบไปหาที่พักก่อนดีกว่า แล้วเดี๋ยวค่อยมาเก็บภาพบรรยากาศรอบๆสะพานกันต่อ

หลังจากปั่นมาสุดสะพานมอญ ก็เข้ามาฝั่งหมู่บ้านมอญ ดูที่พักไว้เป็นโฮมสเตย์บ้านดอกบัว จากหัวสะพานฝั่งมอญก็เลี้ยวขวาเข้ามานิดนึงก็จะเจอเลยคับ เข้าไปก็เจอคุณลุงเจ้าของ บ้านดอกบัว ทักทายสวัสดีและสอบถามเรื่องที่พัก วันนี้ลุงบอกห้องเต็ม ถ้าจะพักเดี๊ยวจะให้เด็กกลางเต็นให้ได้ไหม ผมบอกได้คับยังไงก็ได้ แล้วผมก็เดินตามน้องคนนั้นไปดูที่ที่จะกางเต็น ไปดูที่นอนคืนนี้กันดีกว่าจะน่านอนขนาดไหน.



คืนนี้เรามีที่นอนแล้ว ในเต็นมีอุปกรณ์พร้อมสรรพหมอนผ้าห่มฟูกปูนอนมันช่างเรียบง่ายและได้บรรยากาศที่สัมผัสกับวิถีชีวิตชาวมอญจิงๆ มองลงไปข้างล้างก็มีกลุ่ม Big Bike.มาเที่ยวด้วยคับ มีแค้มป์กองไฟ ดูแล้วคืนนี้คงครื้นเครงกันน่าดู


เมื่อจัดการเรื่องที่นอนคืนนี้เสร็จแล้วถึงเวลาลุยกันต่อ วันนี้วันเสาร์ออกไปถนนคนเดินกันดีกว่า พาน้องปั่นๆขึ้นสะพานมอญอีกครั้ง

ปั่นมาเรื่อยๆก็เจอน้องๆมาร้องเพลง แลกกับทิปเพื่อแบ่งปั่นแด่น้องๆผู้ยากไร้ น้องๆทั้งร้องทั้งเต็นกันน่ารักมากเลยคับ.เด็กๆที่นี่ น่ารักกันเกือบทุกคนเลยคับ

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่