เมื่อวานนี้ (13มค.) ผมได้ขับรถไปปางอุ๋ง ...
ไปถึงประมาณบ่ายสี่โมงเย็นครับ
หลังจากติดต่อเจ้าหน้าที่แล้ว
ผมก็ขับเข้าไปตรงจุดกางเต๊นท์
ภาพที่เจอคือ กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มใหญ่มาก ประมาณเกือบร้อยคน
กำลังส่งเสียงโหวกเหวกเฮฮาลั่นป่า
เต๊นท์กางเป็นชุมชนแออัด
ณ นาทีนั้น ผมใจเสียแล้วครับ
เพราะการมาปางอุ๋งนี่มันต้องตั้งใจมามากๆ
แล้วปีนึงผมเที่ยวเหนือแค่ครั้งเดียว
จะให้ย้ายไปนอนที่อื่นก็คงจะไม่ใช่ทางออก
ผมจำใจเดินฝ่าเข้าไปหาที่กางเต๊นท์ กางจนเสร็จ
ตัดสินใจเดินออกไปหาข้าวกินบ้านลุงปาละ
ระหว่างที่เดินผ่านเจ้าหน้าที่ของปางอุ๋ง
ผมก็ลองบอกเค้าว่า กลุ่มนี้เสียงดังมากๆ จะทำอย่างไร
จนท.ก็ตอบว่า เดี๋ยวผมจะคอยเข้าไปดูครับ
ถ้าดึกแล้วไม่เงียบผมเชิญเค้าออกแน่ๆ
ผมก็อุ่นใจขึ้นมาระดับนึง
หลังจากกินข้าวเสร็จประมาณเกือบทุ่มก็เดินกลับมาเต๊นท์
เสียงอึกทึกก็ยังคงเดิม ทำใจครับ
ทำใจอย่างเดียว นอนเล่นในเต๊นท์เงียบๆกับแฟนแบบเซ็งๆ
พอซักสองทุ่ม เสียงเริ่มเงียบ เต๊นท์ในชุมชนแออัดมืดสนิท ผมก็คิดว่าพวกเด็กๆคงจะทยอยหลับกันแล้ว
แต่ผมคิดผิดครับ
เค้าย้ายไปรวมตัวกันกินข้าวตรงจุดจอดรถด้านใน
ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดลั่นป่า เหมือนดูคอนเสิร์ต
ดังจนมาถึงจุดกางเต๊นท์แบบชัดเจนเลย
แล้วก็ไม่ได้จะเลิกหลังสี่ทุ่มนะครับ
พวกเล่นกรี๊ดกร๊าดกันถึงตีหนึ่ง!!
หลังจากนั้น พวกเด็กๆก็ทยอยเดินกลับมาที่เต๊นท์
เสียงดังเหมือนเดิมครับ เหมือนว่าไม่มีคนอื่นกำลังนอนอยู่เลย
เหมือนเหมาปางอุ๋งจัดงานปาร์ตี้ส่วนตัวกันเลยทีเดียว
คนที่ตั้งใจจะมาเที่ยวปางอุ๋งแบบสงบๆ
นอนแต่หัวค่ำ ตื่นแต่เช้าดูหมอก
กลับต้องมาเจออย่างนี้ ซวยจริงครับ
ผมคงต้องโทษดวงของผมเอง
ซวยจริงๆ วันอื่นเยอะแยะผมดันไม่มา
ดันมาวันเดียวกับที่น้องๆเค้ามา
ขอบ่นแค่นี้ละกันนะครับ คราวหน้าก่อนไปเที่ยวคงต้องทำบุญเยอะๆครับ
ปล.ถ้าน้องๆสถาบันใหญ่ สีชมพูๆ แถวสามย่านมาอ่าน พี่ก็ขอโทษนะที่บ่น
ไปปางอุ๋ง ตั้งใจไปอย่างเดียวไม่พอ ต้องดวงดีด้วย
ไปถึงประมาณบ่ายสี่โมงเย็นครับ
หลังจากติดต่อเจ้าหน้าที่แล้ว
ผมก็ขับเข้าไปตรงจุดกางเต๊นท์
ภาพที่เจอคือ กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มใหญ่มาก ประมาณเกือบร้อยคน
กำลังส่งเสียงโหวกเหวกเฮฮาลั่นป่า
เต๊นท์กางเป็นชุมชนแออัด
ณ นาทีนั้น ผมใจเสียแล้วครับ
เพราะการมาปางอุ๋งนี่มันต้องตั้งใจมามากๆ
แล้วปีนึงผมเที่ยวเหนือแค่ครั้งเดียว
จะให้ย้ายไปนอนที่อื่นก็คงจะไม่ใช่ทางออก
ผมจำใจเดินฝ่าเข้าไปหาที่กางเต๊นท์ กางจนเสร็จ
ตัดสินใจเดินออกไปหาข้าวกินบ้านลุงปาละ
ระหว่างที่เดินผ่านเจ้าหน้าที่ของปางอุ๋ง
ผมก็ลองบอกเค้าว่า กลุ่มนี้เสียงดังมากๆ จะทำอย่างไร
จนท.ก็ตอบว่า เดี๋ยวผมจะคอยเข้าไปดูครับ
ถ้าดึกแล้วไม่เงียบผมเชิญเค้าออกแน่ๆ
ผมก็อุ่นใจขึ้นมาระดับนึง
หลังจากกินข้าวเสร็จประมาณเกือบทุ่มก็เดินกลับมาเต๊นท์
เสียงอึกทึกก็ยังคงเดิม ทำใจครับ
ทำใจอย่างเดียว นอนเล่นในเต๊นท์เงียบๆกับแฟนแบบเซ็งๆ
พอซักสองทุ่ม เสียงเริ่มเงียบ เต๊นท์ในชุมชนแออัดมืดสนิท ผมก็คิดว่าพวกเด็กๆคงจะทยอยหลับกันแล้ว
แต่ผมคิดผิดครับ
เค้าย้ายไปรวมตัวกันกินข้าวตรงจุดจอดรถด้านใน
ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดลั่นป่า เหมือนดูคอนเสิร์ต
ดังจนมาถึงจุดกางเต๊นท์แบบชัดเจนเลย
แล้วก็ไม่ได้จะเลิกหลังสี่ทุ่มนะครับ
พวกเล่นกรี๊ดกร๊าดกันถึงตีหนึ่ง!!
หลังจากนั้น พวกเด็กๆก็ทยอยเดินกลับมาที่เต๊นท์
เสียงดังเหมือนเดิมครับ เหมือนว่าไม่มีคนอื่นกำลังนอนอยู่เลย
เหมือนเหมาปางอุ๋งจัดงานปาร์ตี้ส่วนตัวกันเลยทีเดียว
คนที่ตั้งใจจะมาเที่ยวปางอุ๋งแบบสงบๆ
นอนแต่หัวค่ำ ตื่นแต่เช้าดูหมอก
กลับต้องมาเจออย่างนี้ ซวยจริงครับ
ผมคงต้องโทษดวงของผมเอง
ซวยจริงๆ วันอื่นเยอะแยะผมดันไม่มา
ดันมาวันเดียวกับที่น้องๆเค้ามา
ขอบ่นแค่นี้ละกันนะครับ คราวหน้าก่อนไปเที่ยวคงต้องทำบุญเยอะๆครับ
ปล.ถ้าน้องๆสถาบันใหญ่ สีชมพูๆ แถวสามย่านมาอ่าน พี่ก็ขอโทษนะที่บ่น