สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่านี่เป็นการรีวิวครั้งแรกของเราค่ะ อาจมีข้อผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ^__^
เริ่มจากเสิร์ชหาโปรเครื่องบินก่อนเลย เราจองข้ามปีค่ะ เพราะทริปครั้งนี้เราไปวันที่ 8 ม.ค. 59 ซึ่งช่วงจะไปเป็นช่วงปิดเทอมเล็กเราเลยกลับบ้านก่อน เราเป็นคนอุบลนะคะ เราเลยมองหาสายการบินที่บินตรงจากอุบลไปเชียงใหม่เลย ซึ่งก็มีอยู่สายการบินนึงค่ะ ชื่อว่ากานแอร์ มีเที่ยวบินอุบล-เชียงใหม่ ตอนเราค้นหา เราเจอราคา 990 บาท ซึ่งเป็นช่วงโปรพอดีค่ะ ปกติราคาประมาณเกือบสองพัน เลยรีบจองทันทีเลยค่ะ 555 พอได้ตั๋วเครื่องขาไป เราก็มองตั๋วขากลับต่อเลย ซึ่งต้องกลับลงมากทม.เพราะเราเรียนอยู่กทม.ค่ะ เจอโปรสายบินไทยไลอ้อนแอร์ 625 บาท ก็จองกลับเลยค่ะ กลัวมันไม่ลดแล้ว
รวมเบ็ดเสร็จค่าเดินทางของเราอยู่ที่ 1,615 บาทค่ะ ซึ่งเราถือว่าค่อนข้างโอเคสำหรับการไปเชียงใหม่ด้วยเครื่องบินทั้งขาไปและขากลับ
DAY 1 วันเดินทาง เราออกเดินทางจากอุบลตอน8.45น. ถึงเชียงใหม่ประมาณ 10.30น.
นี่เป็นสายการบินกานแอร์ที่เรานั่งค่ะ เครื่องค่อนข้างเล็กมากๆ แอบตกใจ
ขึ้นเครื่องมาก็มีบริการอาหารเครื่องดื่มฟรีค่ะ มีอาหารให้เลือก 2 แบบ เที่ยวบินเรามีให้เลือกกะเพรากับสปาเก็ตตี้ มีขนมและชาให้ด้วยค่ะ
ถึงเชียงใหม่แล้ว เราก็โทรหาเพื่อน แต่เพื่อนติดเรียนช่วงเช้าเลยให้เราไปเดินเล่นรอ แต่เรามีกระเป๋าสัมภาระด้วย โชคดีที่สนามบินมีบริการฝากกระเป๋าสัมภาระล็อคเกอร์ละ 200 บาท ซึ่งเรามาถึง 10.30 กว่าเพื่อนจะมาก็ 12.30 เลยตัดสินใจไปฝากกระเป๋าไว้ หารกับเพื่อนอีกคนที่มาด้วย แล้วเราก็ไปเดินเล่นรอเพื่อนมารับที่เซ็นทรัลแอร์พอร์ตค่ะ อยู่ใกล้ๆสนามบินเชียงใหม่ เดินออกมาหน้าสนามบินไปทางขวา ประมาณเกือบ 1 กม. เราเดินไปเองค่ะ ประหยัดเพราะมันไม่ไกล หน้าตาทางเข้าก็ประมาณนี้ค่ะ มีกาดหลวงแอร์พอร์ตข้างในห้างด้วย
เดินๆอยู่สักพักเพื่อนก็มาค่ะ เพื่อนเราเรียนอยู่ที่ม.เชียงใหม่ เราเลยไปพักหอเพื่อน ถือว่าโชคดีประหยัดค่าที่พักไปได้เยอะเลยที่เดียว หอเพื่อนอยู่หลังมอค่ะ ถึงหอเราก็เก็บของแล้วก็ไปทานข้าวเที่ยงใกล้ๆมอก่อน ค่อยเริ่มเที่ยวค่า
พอทานข้าวเสร็จเพื่อนก็ถามว่าอยากไปไหนจะพาไป ปล.เพื่อนมีรถมอเตอร์ไซต์ เลยรบกวนให้เพื่อนพาเที่ยว แล้วช่วยเพื่อนออกค่าน้ำมัน แทนการนั่งรถแดง(ที่ขึ้นชื่อว่าราคาหลายมาตรฐานมาก) ซึ่งแถวๆหอเพื่อนมีสถานที่ที่น่าสนใจอยู่ที่หนึ่ง เราก็ไม่รู้ว่ามีที่แบบนี้ด้วย เพราะมันค่อนข้างอยู่ลึก ถ้าไม่ใช่คนพื้นที่อาจจะหลงทางได้ แต่เพื่อนเรามาอยู่แล้วชำนาญทางเลยพาเที่ยวได้แบบชิลๆ
ที่ที่ไปชื่อว่าบ้านข้างวัด เป็นสถานที่ที่ทำขึ้นให้วัยรุ่นตลอดจนเด็กหรือผู้ใหญ่เข้ามาชมสไตล์การตกแต่งบ้านเก่าๆให้ดูทันสมัยและวินเทจไปในตัวของคนพื้นที่ค่ะ เข้าฟรี ไม่มีค่าเข้าชม ยิ่งไปในช่วงอากาศดีๆลมเย็นๆ จะให้บรรยากาศที่สดชื่นมากๆค่ะ ข้างในมีร้านอาหารร้านกาแฟสไตล์น่ารักในนั่งด้วย
มีแปลงผักด้วย น่ารักมากๆ เดินมาข้างในก็จะเจอบ้านและร้านต่างๆให้มาถ่ายรูปเล่นกันได้ค่า น่าอยู่มากๆเลย
หลังจากไปเที่ยวชมบ้านข้างวัดแล้ว ทางขากลับก็มีวัดอยู่วัดนึงที่น่าสนใจค่ะ ชื่อว่าวัดอุโมงค์ ภายในเป็นอุโมงค์แล้วมีพระอยู่ จึงชื่อว่าวัดอุโมงค์ค่ะ ในอุโมงค์เย็นๆมาก อากาศดีมาก แม้ว่าจะเป็นช่วงบ่ายแล้วก็ตาม
ชมวัดเสร็จเราก็กลับมาตั้งหลัก แล้วเพื่อนก็พาไปชมอ่างแก้วที่มช.ค่า เป็นเวลาเย็นๆพอดี อากาศดีมากกกกกก โรแมนติกฝุดๆ
ช่วงเย็นๆ ทั้งหน้ามอและหลังมอจะมีร้านอาหารและที่เดินเที่ยวเยอะมากๆเลยค่ะ โดยเฉพาะหน้ามอ จะมีตลาดซึ่งคนเชียงใหม่เรียกว่า "กาด" ค่ะ เป็นตลาดที่ตั้งอยู่หน้ามอ เลยมีชื่อเรียกว่า "กาดหน้ามอ" ต้องขอโทษจริงๆค่ะที่ไม่ได้ถ่ายรูปมา พอดีหิวมากเลยตรงไปที่ร้านอาหารเลย
ช่วงนั้นเป็นเวลาประมาณสองทุ่ม บรรยากาศคึกคักมากทั้งนักเรียนนักศึกษาและนักท่องเที่ยว พากันมาเดินเล่นเลือกซื้อของหรือทานอาหารกันมากมาย
พวกเราเลือกที่จะไปทานร้านอาหารเกาหลีที่ขึ้นชื่อของหน้ามอ ชื่อร้านว่า K-pop tokpokki
อาหารราคาไม่แพงมาก ได้เยอะและก็อร่อยด้วยค่ะ เราสั่งไปสามอย่าง ทานกับเพื่อน 4 คน ตกคนละประมาณ 125 บาท
tokpokki ไซต์ใหญ่ทานประมาณ 3-4 คนราคา 299 บาท
บิบิมบับหรือข้าวยำเกาหลี ได้เยอะพอสมควร 95 บาท
เราไม่แน่ใจว่าชื่ออะไร น่าจะชื่อ หมูผัดกิมจิพร้อมข้าว 95 บาท
จบวันแรกเราและเพื่อนใช้เงินไปประมาณ 300 บาท
DAY2
วันที่สองเราและเพื่อนเน้นท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติค่ะ ขี่รถขึ้นดอยกันเลย (รถมอเตอร์ไซต์นะคะ เพราะทางมันแคบมากๆ) ขึ้นดอยสุเทพนะคะ เพราะใกล้มหาลัยและที่อยู่ เราไปกัน 5 คนค่ะ แต่รถมี 2 คัน เพื่อความปลอดภัยเราจะไม่ซ้อนสาม เพราะขึ้นดอยอาจเกิดอุบัติเหตุได้ เลยตกลงกันกับเพื่อนว่าจะไปเช่ารถมอเตอร์ไซต์มาอีก 1 คัน คันละ 300/วัน ช่วยกันหาร 4 คนก็คนละ 75 บาท ค่ะ เพื่อนอีกคนไม่ได้ให้หารด้วย
ทางขึ้นดอยมีรถแดงจอดเรียงรายต้อนรับนักท่องเที่ยวเยอะมาก
ทางขึ้น รถไม่ค่อยเยอะแต่วิ่งเร็วมาก ขี่มอเตอร์ไซต์ต้องระวังมากๆนะคะ
เมื่อขี่ขึ้นมาสูง ทางยิ่งแคบลงเรื่อยๆค่ะ เป็นวันเวย์กันเลยทีเดียว รถใหญ่ขึ้นลงลำบากมาก รถติดมากๆเพราะทางแคบค่ะ
ก่อนไปถึงยอดดอยจะมีน้ำตกให้แวะชม ค่าเข้าชมคนละ 20 บวกค่ายานพาหนะอีกคันละ 20 ออกกับเพื่อน รวม 60 บาท
ชมน้ำตกเสร็จแล้วก็ขึ้นไปขุนช่างเคี่ยนก่อนค่ะ เราไม่ได้แวะพระธาตุดอยสุเทพนะคะ เพราะคนจีนเยอะมากกกกก อีกอย่างพวกเราออกสายด้วยกลัวจะร้อนเลยรีบขึ้นไปชมซากุระเมืองไทยที่ขึ้นชื่อกัน มาถึงก็มีคนไทยและเทศมาถ่ายรูปเยอะแยะมากมาย สวยค่ะ แต่ดอกยังไม่ค่อยออกมากเท่าไหร่
ชมขุนช่างเคี่ยนซากุระเมืองไทยเสร็จแล้วก็กลับลงมาที่จุดชมวิวดอยปุยค่ะ หมอกหายหมดแล้ว เพราะมันเกือบเที่ยวแล้ว แต่ระหว่างนั่งรถลงเขาอากาศเย็นมากๆ เพราะสองข้างทางมีแต่ต้นไม้และยังอยู่บนดอย เราและเพื่อนนี่ตัวสั่นหมดเลย เพราะขี่มอเตอร์ไซต์ถ่อลมกันมา 5555
จากจุดชมวิวเห็นหมู่บ้านข้างล่างไหมคะ เดี๋ยวเราจะลงไปชมกัน ชื่อว่าหมู่บ้านชาวม้งดอยปุย ^^
ลงมาแล้วค่ะ ให้ฟีลบรรยากาศหมู่บ้านชาวเขา มีร้านค้ามากมายที่เป็นสินค้าชาวดอยให้เลือกชม
ขากลับก็แวะกินข้าวซอยในหมู่บ้านค่ะ เพราะหิวกันมากกกก ทนไม่ไหว โดนค่าหิวไปชามละ 50 บาท
กลับลงมาก็เวลาบ่ายกว่าๆแล้ว เลยตกลงว่าจะพักผ่อนกันก่อน เพราะตื่นเช้าและตะลุยกันพอสมควรตลอดครึ่งวันที่ผ่านมา แล้วค่อยออกไปเที่ยวอีกทีตอนเย็นค่ะ
พอตกเย็นพอเราเลยพากันไปทานอาหารกันก่อน ซึ่งเป็นร้านสเต็กที่ไปเจอในรีวิวเชียงใหม่มา แล้วใกล้มอด้วย ชื่อร้านว่าสเต็กซูโม่ค่ะ
เซ็ตนี้เพียง 99 บาทเท่านั้นค่ะ ได้สเต็กจานโตและสปาเก็ตตี้ เลือกสเต็กและสปาเกตตี้ได้ด้วยค่ะ
อิ่มท้องแล้วก็ไปถ่ายรูปวิวกลางคืนกันที่สะพานขัวเหล็ก ตอนเราไปมีคู่รักมาถ่ายรูปเยอะมากๆเลย อิจฉาง่า 555
จบวันที่สองใช้เงินไปประมาณ 300 เท่าวันแรกเลยค่า
เดี๋ยวมาต่อวันที่ 3 นะคะ เขียนไม่พอ ต่อให้คอมเม้นละกันเนอะ ^__^
ปล. รูปที่เราถ่ายทั้งหมด เราใช้กล้องไอโฟนถ่ายนะคะ รูปเลยไม่สวยมาก ไม่ได้ปรับแต่งอะไรทั้งนั้นค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะค้าา
[CR] Review เที่ยวเชียงใหม่ 3 วัน 3 คืน เบาๆสไตล์นักศึกษา
เริ่มจากเสิร์ชหาโปรเครื่องบินก่อนเลย เราจองข้ามปีค่ะ เพราะทริปครั้งนี้เราไปวันที่ 8 ม.ค. 59 ซึ่งช่วงจะไปเป็นช่วงปิดเทอมเล็กเราเลยกลับบ้านก่อน เราเป็นคนอุบลนะคะ เราเลยมองหาสายการบินที่บินตรงจากอุบลไปเชียงใหม่เลย ซึ่งก็มีอยู่สายการบินนึงค่ะ ชื่อว่ากานแอร์ มีเที่ยวบินอุบล-เชียงใหม่ ตอนเราค้นหา เราเจอราคา 990 บาท ซึ่งเป็นช่วงโปรพอดีค่ะ ปกติราคาประมาณเกือบสองพัน เลยรีบจองทันทีเลยค่ะ 555 พอได้ตั๋วเครื่องขาไป เราก็มองตั๋วขากลับต่อเลย ซึ่งต้องกลับลงมากทม.เพราะเราเรียนอยู่กทม.ค่ะ เจอโปรสายบินไทยไลอ้อนแอร์ 625 บาท ก็จองกลับเลยค่ะ กลัวมันไม่ลดแล้ว
รวมเบ็ดเสร็จค่าเดินทางของเราอยู่ที่ 1,615 บาทค่ะ ซึ่งเราถือว่าค่อนข้างโอเคสำหรับการไปเชียงใหม่ด้วยเครื่องบินทั้งขาไปและขากลับ
DAY 1 วันเดินทาง เราออกเดินทางจากอุบลตอน8.45น. ถึงเชียงใหม่ประมาณ 10.30น.
นี่เป็นสายการบินกานแอร์ที่เรานั่งค่ะ เครื่องค่อนข้างเล็กมากๆ แอบตกใจ
ขึ้นเครื่องมาก็มีบริการอาหารเครื่องดื่มฟรีค่ะ มีอาหารให้เลือก 2 แบบ เที่ยวบินเรามีให้เลือกกะเพรากับสปาเก็ตตี้ มีขนมและชาให้ด้วยค่ะ
ถึงเชียงใหม่แล้ว เราก็โทรหาเพื่อน แต่เพื่อนติดเรียนช่วงเช้าเลยให้เราไปเดินเล่นรอ แต่เรามีกระเป๋าสัมภาระด้วย โชคดีที่สนามบินมีบริการฝากกระเป๋าสัมภาระล็อคเกอร์ละ 200 บาท ซึ่งเรามาถึง 10.30 กว่าเพื่อนจะมาก็ 12.30 เลยตัดสินใจไปฝากกระเป๋าไว้ หารกับเพื่อนอีกคนที่มาด้วย แล้วเราก็ไปเดินเล่นรอเพื่อนมารับที่เซ็นทรัลแอร์พอร์ตค่ะ อยู่ใกล้ๆสนามบินเชียงใหม่ เดินออกมาหน้าสนามบินไปทางขวา ประมาณเกือบ 1 กม. เราเดินไปเองค่ะ ประหยัดเพราะมันไม่ไกล หน้าตาทางเข้าก็ประมาณนี้ค่ะ มีกาดหลวงแอร์พอร์ตข้างในห้างด้วย
เดินๆอยู่สักพักเพื่อนก็มาค่ะ เพื่อนเราเรียนอยู่ที่ม.เชียงใหม่ เราเลยไปพักหอเพื่อน ถือว่าโชคดีประหยัดค่าที่พักไปได้เยอะเลยที่เดียว หอเพื่อนอยู่หลังมอค่ะ ถึงหอเราก็เก็บของแล้วก็ไปทานข้าวเที่ยงใกล้ๆมอก่อน ค่อยเริ่มเที่ยวค่า
พอทานข้าวเสร็จเพื่อนก็ถามว่าอยากไปไหนจะพาไป ปล.เพื่อนมีรถมอเตอร์ไซต์ เลยรบกวนให้เพื่อนพาเที่ยว แล้วช่วยเพื่อนออกค่าน้ำมัน แทนการนั่งรถแดง(ที่ขึ้นชื่อว่าราคาหลายมาตรฐานมาก) ซึ่งแถวๆหอเพื่อนมีสถานที่ที่น่าสนใจอยู่ที่หนึ่ง เราก็ไม่รู้ว่ามีที่แบบนี้ด้วย เพราะมันค่อนข้างอยู่ลึก ถ้าไม่ใช่คนพื้นที่อาจจะหลงทางได้ แต่เพื่อนเรามาอยู่แล้วชำนาญทางเลยพาเที่ยวได้แบบชิลๆ
ที่ที่ไปชื่อว่าบ้านข้างวัด เป็นสถานที่ที่ทำขึ้นให้วัยรุ่นตลอดจนเด็กหรือผู้ใหญ่เข้ามาชมสไตล์การตกแต่งบ้านเก่าๆให้ดูทันสมัยและวินเทจไปในตัวของคนพื้นที่ค่ะ เข้าฟรี ไม่มีค่าเข้าชม ยิ่งไปในช่วงอากาศดีๆลมเย็นๆ จะให้บรรยากาศที่สดชื่นมากๆค่ะ ข้างในมีร้านอาหารร้านกาแฟสไตล์น่ารักในนั่งด้วย
มีแปลงผักด้วย น่ารักมากๆ เดินมาข้างในก็จะเจอบ้านและร้านต่างๆให้มาถ่ายรูปเล่นกันได้ค่า น่าอยู่มากๆเลย
หลังจากไปเที่ยวชมบ้านข้างวัดแล้ว ทางขากลับก็มีวัดอยู่วัดนึงที่น่าสนใจค่ะ ชื่อว่าวัดอุโมงค์ ภายในเป็นอุโมงค์แล้วมีพระอยู่ จึงชื่อว่าวัดอุโมงค์ค่ะ ในอุโมงค์เย็นๆมาก อากาศดีมาก แม้ว่าจะเป็นช่วงบ่ายแล้วก็ตาม
ชมวัดเสร็จเราก็กลับมาตั้งหลัก แล้วเพื่อนก็พาไปชมอ่างแก้วที่มช.ค่า เป็นเวลาเย็นๆพอดี อากาศดีมากกกกกก โรแมนติกฝุดๆ
ช่วงเย็นๆ ทั้งหน้ามอและหลังมอจะมีร้านอาหารและที่เดินเที่ยวเยอะมากๆเลยค่ะ โดยเฉพาะหน้ามอ จะมีตลาดซึ่งคนเชียงใหม่เรียกว่า "กาด" ค่ะ เป็นตลาดที่ตั้งอยู่หน้ามอ เลยมีชื่อเรียกว่า "กาดหน้ามอ" ต้องขอโทษจริงๆค่ะที่ไม่ได้ถ่ายรูปมา พอดีหิวมากเลยตรงไปที่ร้านอาหารเลย
ช่วงนั้นเป็นเวลาประมาณสองทุ่ม บรรยากาศคึกคักมากทั้งนักเรียนนักศึกษาและนักท่องเที่ยว พากันมาเดินเล่นเลือกซื้อของหรือทานอาหารกันมากมาย
พวกเราเลือกที่จะไปทานร้านอาหารเกาหลีที่ขึ้นชื่อของหน้ามอ ชื่อร้านว่า K-pop tokpokki
อาหารราคาไม่แพงมาก ได้เยอะและก็อร่อยด้วยค่ะ เราสั่งไปสามอย่าง ทานกับเพื่อน 4 คน ตกคนละประมาณ 125 บาท
tokpokki ไซต์ใหญ่ทานประมาณ 3-4 คนราคา 299 บาท
บิบิมบับหรือข้าวยำเกาหลี ได้เยอะพอสมควร 95 บาท
เราไม่แน่ใจว่าชื่ออะไร น่าจะชื่อ หมูผัดกิมจิพร้อมข้าว 95 บาท
จบวันแรกเราและเพื่อนใช้เงินไปประมาณ 300 บาท
DAY2
วันที่สองเราและเพื่อนเน้นท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติค่ะ ขี่รถขึ้นดอยกันเลย (รถมอเตอร์ไซต์นะคะ เพราะทางมันแคบมากๆ) ขึ้นดอยสุเทพนะคะ เพราะใกล้มหาลัยและที่อยู่ เราไปกัน 5 คนค่ะ แต่รถมี 2 คัน เพื่อความปลอดภัยเราจะไม่ซ้อนสาม เพราะขึ้นดอยอาจเกิดอุบัติเหตุได้ เลยตกลงกันกับเพื่อนว่าจะไปเช่ารถมอเตอร์ไซต์มาอีก 1 คัน คันละ 300/วัน ช่วยกันหาร 4 คนก็คนละ 75 บาท ค่ะ เพื่อนอีกคนไม่ได้ให้หารด้วย
ทางขึ้นดอยมีรถแดงจอดเรียงรายต้อนรับนักท่องเที่ยวเยอะมาก
ทางขึ้น รถไม่ค่อยเยอะแต่วิ่งเร็วมาก ขี่มอเตอร์ไซต์ต้องระวังมากๆนะคะ
เมื่อขี่ขึ้นมาสูง ทางยิ่งแคบลงเรื่อยๆค่ะ เป็นวันเวย์กันเลยทีเดียว รถใหญ่ขึ้นลงลำบากมาก รถติดมากๆเพราะทางแคบค่ะ
ก่อนไปถึงยอดดอยจะมีน้ำตกให้แวะชม ค่าเข้าชมคนละ 20 บวกค่ายานพาหนะอีกคันละ 20 ออกกับเพื่อน รวม 60 บาท
ชมน้ำตกเสร็จแล้วก็ขึ้นไปขุนช่างเคี่ยนก่อนค่ะ เราไม่ได้แวะพระธาตุดอยสุเทพนะคะ เพราะคนจีนเยอะมากกกกก อีกอย่างพวกเราออกสายด้วยกลัวจะร้อนเลยรีบขึ้นไปชมซากุระเมืองไทยที่ขึ้นชื่อกัน มาถึงก็มีคนไทยและเทศมาถ่ายรูปเยอะแยะมากมาย สวยค่ะ แต่ดอกยังไม่ค่อยออกมากเท่าไหร่
อากาศดี แต่แดดแรงมากๆ อาจเพราะเราไปสายด้วย ช่วงเวลานั้นประมาณ 11 นาฬิกาแล้วค่ะ ผิวไหม้แดดไปตามๆกัน
ชมขุนช่างเคี่ยนซากุระเมืองไทยเสร็จแล้วก็กลับลงมาที่จุดชมวิวดอยปุยค่ะ หมอกหายหมดแล้ว เพราะมันเกือบเที่ยวแล้ว แต่ระหว่างนั่งรถลงเขาอากาศเย็นมากๆ เพราะสองข้างทางมีแต่ต้นไม้และยังอยู่บนดอย เราและเพื่อนนี่ตัวสั่นหมดเลย เพราะขี่มอเตอร์ไซต์ถ่อลมกันมา 5555
จากจุดชมวิวเห็นหมู่บ้านข้างล่างไหมคะ เดี๋ยวเราจะลงไปชมกัน ชื่อว่าหมู่บ้านชาวม้งดอยปุย ^^
ลงมาแล้วค่ะ ให้ฟีลบรรยากาศหมู่บ้านชาวเขา มีร้านค้ามากมายที่เป็นสินค้าชาวดอยให้เลือกชม
เดินเข้าไปจะมีสวนดอกไม้ชาวม้งให้ชมและถ่ายรูปค่ะ ค่าเข้าชมคนละ 10 บาท
มีชุดม้งให้เช่าด้วยค่ะ ชุดละ 50 บาท ใส่ถ่ายรูปเกร๋ๆ เราไม่ได้ยืมแต่ไปถ่ายนักท่องเที่ยวที่ยืมใส่มาแทนค่า
ขากลับก็แวะกินข้าวซอยในหมู่บ้านค่ะ เพราะหิวกันมากกกก ทนไม่ไหว โดนค่าหิวไปชามละ 50 บาท
กลับลงมาก็เวลาบ่ายกว่าๆแล้ว เลยตกลงว่าจะพักผ่อนกันก่อน เพราะตื่นเช้าและตะลุยกันพอสมควรตลอดครึ่งวันที่ผ่านมา แล้วค่อยออกไปเที่ยวอีกทีตอนเย็นค่ะ
พอตกเย็นพอเราเลยพากันไปทานอาหารกันก่อน ซึ่งเป็นร้านสเต็กที่ไปเจอในรีวิวเชียงใหม่มา แล้วใกล้มอด้วย ชื่อร้านว่าสเต็กซูโม่ค่ะ
เซ็ตนี้เพียง 99 บาทเท่านั้นค่ะ ได้สเต็กจานโตและสปาเก็ตตี้ เลือกสเต็กและสปาเกตตี้ได้ด้วยค่ะ
จบวันที่สองใช้เงินไปประมาณ 300 เท่าวันแรกเลยค่า
เดี๋ยวมาต่อวันที่ 3 นะคะ เขียนไม่พอ ต่อให้คอมเม้นละกันเนอะ ^__^
ปล. รูปที่เราถ่ายทั้งหมด เราใช้กล้องไอโฟนถ่ายนะคะ รูปเลยไม่สวยมาก ไม่ได้ปรับแต่งอะไรทั้งนั้นค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะค้าา