รีวิว : 5th Wave หนังเอเลี่ยนล้างโลก ที่แสนจะราบเรียบ...



ชื่อเรื่อง : The 5th Wave
ความยาว: 1 ชม. 52 นาที
ผู้กำกับ : J Blakeson
ผู้แต่ง : Rick Yancey
ค่ายภาพยนตร์ : Sony Pictures
วันที่ฉาย : 14 มกราคม 2016

สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปทุกท่านครับ วันนี้ผมได้ดูแล้ว และจะขอมารีวิว 5th Wave ให้เพื่อนๆอ่านกัน
เพราะหลายคนอาจจะยังลังเลใจว่าหนังจะดูดี ดูสนุกแบบหน้าหนังหรือไม่
เอาละครับ วันนี้ผมเข้าไปชมมาเรียบร้อยแล้ว และขอเกริ่นไว้ด้วยความเคารพเลยว่า "ผมหลับไปสามถึงสี่ฉาก"

หนังว่าด้วย การบอกเล่าสของตัวละครหลัก คือ แคสซี่ เด็กสาววัยแรกรุ่นที่รับบทโดย ดาราสาวหน้าคุ้นเคยมาตั้งแต่ยังตัวกะเปี๊ยกเดียว
อย่างหนูโคลอี้ เกรซ มอเรซ (สารภาพว่าไปดูเพราะนางเอกส่วนหนึ่ง ฮ่าๆๆๆๆๆๆ)

เริ่มต้นมา หนังก็พยายามตัดเข้าเรื่องราวให้เราอย่างรวดเร็ว โดยพาเราไปยังจุดเริ่มเรื่อง
ว่า มียานของมนุษย์ต่างดาวมาลอยลำอย่างนิ่งเงียบเหนือพื้นโลกไป 25 ไมล์ ผู้คนต่างตระหนกตกใจและหวาดหวั่นว่ามันมาทำอะไร

ครอบครัวของแคสซี่ เพื่อนบ้าน ต่างก็ต้องอพยพและย้ายถิ่นฐานเกิดความพลัดพรากตามแบบฉบับของหนังบุกโลก ยึดโลก
มีการโจมตีเป็นระลอกจากเหล่าเอเลี่ยน ซึ่งในหนังเรียกว่าการโจมตีระลอกที่ 1 ระลอกที่ 2 , 3 , 4 และ 5 ซึ่งก็เป็นที่มาของชื่อเรื่อง
มนุษย์ที่ยังรอด ไปรวมกลุ่มกันตั้งอาณานิคมเล็กๆขึ้น และ ณ ตรงนั้นเองครับ ที่เคสซี่ ได้พลัดพรากจากน้องชายของเธอ นั่นคือ แซม

และแล้วปฏิบัติการตามหาและช่วยเหลือน้องชายของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึงก็เริ่มขึ้น บทดูจะพยายามยัดเยียดให้เราซาบซึ้งความผูกพันระหว่างพี่น้อง
และการพยายามออกตามหา พร้อมๆไปกับ ฝ่ายพระเอกที่ถูกหลอกลวงโดยฝั่งเอเลี่ยน เส้นเรื่องในหนังเรื่องนี้จึงแบ่งออกเป็น 3 เส้น

เส้นเรื่องที่ 1 การพลัดพรากกันระหว่างพี่และน้อง

เส้นเรื่องที่ 2 แผนการของฝ่ายเอเลี่ยน

และเส้นเรื่องที่ 3 ความสัมพันธ์ระหว่าง แอคสซี่ กับ หนุ่มปริศนา นามว่า อีแวน

เส้นเรื่องทั้งสามเส้น บอกตามตรงด้วยความจริงใจว่า ไม่มีเว้นเรื่องไหนที่ทำให้ผมรู้สึกอิน หรือตื่นเต้นเลยแม้แต่เส้นเรื่องเดียว
ถึงแม้ โคลอี้ ผู้แสนเลอค่า จะพยายามส่งอารมณ์และพาเรื่องไปขนาดไหน แต่รักเท่าไหร่ ฝืนไปมันก็ไม่รอด เพราะความอ่อนของบทหนัง
มันมีมากเกินกว่าที่นักแสดงนำเพียงคนเดียวจะเอาอยู่ได้ และตัวละครพระเอก ซึ่งดูแล้วเหมือนมีสองคน ก็ยังไม่ทำให้รู้สึกสมจริง รู้สึกจริง แม้แต่นิดเดียว
ตัวละครยังขาดปมที่จะดึงดูดให้เรามีอารมณ์ร่วมไปกับความรู้สึกของตัวละครได้ โดยเฉพาะ เบน แพริช อีกหนึ่งตัวละครหลักในเส้นเรื่องที่ 2 ยังไม่มีความดึงดูดมากพอให้เราอยากตามดูสิ่งที่เขาพยายามสื่อออกมา ความแค้น ความชิงชัง ความโกรธ สัมผัสไม่ได้เลยแม้จะพยายามตะกายให้ถึงยังไงก็ตาม

ผมจึงขอแยกวิจารณ์เส้นเรื่องทั้งสามเส้นออกจากกัน ดังนี้



เส้นเรื่องที่ 1 ค่ายอพยพ ความน่ากลัวของเอเลี่ยน ความไม่ปลอดภัย มหันตภัย ไม่มีอะไรมากไปกว่าในทีเซอร์ โดยเฉพาะในยุคที่หนังมหาภัยพิบัติล้นตลาด และหนังประเภทเอเลี่ยน มีอยู่อย่างมากมายให้เลือกเสพเต็มไปหมด บทในเส้นเรื่องที่หนึ่งจึงไม่ได้ทำให้รู้สึกหวาดกลัว หรือเจตนาที่ดูมีมิติแบบชัดเจนของเอเลี่ยนเลย สิ่งสำคัญที่ควรพูดถึง คือ ความง่ายของการตัดไปตัดมาในฉากของเส้นเรื่องที่หนึ่ง ทุกอย่างดูสรุปแบบรวบรัด และหลวมโครกไปเสียหน่อยสำหรับเวลาในหนังที่มากมายเพียงพอขนาดนี้ ฉากที่เกิดขึ้นในเส้นเรื่องที่หนึ่ง จึงเหมือนกับเป็นองค์ประกอบที่แค่จำเป็นต้องมี ไม่ใช่องค์ประกอบที่เป็นส่วนสำคัญต่อเส้นเรื่องที่ 2 หรือ เส้นเรื่องที่ 3 เลย



ในส่วนของเส้นเรื่องที่ 2 หนังอาจพยายามจะหักมุม เพื่อให้เรารู้สึกเซอไพรส์ แต่ผมไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่หนังเฉลยไว้เลย อาจเพราะการเดาทางของหนังสามารถทำได้ง่าย โดยเฉพาะใครก็ตามที่ดูหนังประเภทนี้มาบ่อยๆ จะเข้าใจพล๊อตตั้งแต่ 5 ฉากแรกเลยทีเดียว รวมไปถึงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ และการไม่มีอะไรแปลกใหม่ในเส้นเรื่องที่สองนี้ ยิ่งทำให้ฉากแอ็คชั่นที่ควรจะมี ถูกกลบด้วยการปูเรื่องในเส้นที่ 2 นี้ไปจนหมดสิ้น
ความสัมพันธ์ของตัวละครในเส้นเรื่องที่ 2 ก็มีต่อกันเพียงผิวเผิน ความรู้สึกของ แซม เหมือนกับถูกละเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ นี่ก็เป็นอีกความอ่อนหนึ่งของบท หรือจะในฉากที่พยายามให้เห็นความขัดแย้งระหว่าง หนึ่งพระเอกตัวหลัก กับ เพื่อนร่วมค่าย ก็ไม่รู้สึกถึงความขัดแย้งใดๆ ที่สำคัญพอจะให้ผู้กำกับใส่ลงไปให้เปลืองพื้นที่ตัวหนังไปเสียเปล่าๆเลย



เส้นเรื่องสุดท้ายเส้นเรื่องที่ 3 ถ้าใครคาดหวังจะเห็นตัวเอเลี่ยน หรือ ฉากปะทะเอเลี่ยน และ มนุษย์ ก็เป็นอันต้องพับความหวัง เอากลับเข้ากระเป๋าไปตามเดิมได้เลยเพราะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เส้นเรื่องนี้ นางเอก ได้พบกับผู้ชายปริศนาที่มาช่วยชีวิตเธอไว้ จากเหตุการณ์อันเลวร้าย โดยไม่มีที่มาและที่ไป จู่ๆ ความรักก็งอกงามในใจของทั้งสองคน ผ่านเหตุการณ์หนักนาน้อยนิดไม่กี่ฉากในเส้นเรื่องนี้เท่านั้น และยังไม่สมเหตุสมผลพอจะนำไปสู่การคลายปมของตัวละครปริศนานี้ได้ แถมก็ดูเหมือนมีไว้เพื่อมาหล่อๆ เท่ๆ อย่างเดียวซะด้วย

โดยภาพรวมสำหรับตัวผม
หนังจึงมีความน่าเบื่อไม่ใช่เพราะบทสนาทนายืดยาด อืดอาดนะครับ หรือ การเดินเรื่องที่เฉื่อยชาด้วย
แต่เพราะบท และความต่อเนื่องของฉากที่ผ่านตาไปมา
ไม่ทำให้ผมรู้สึกอิน ลุ้นตาม เอาใจช่วยไปกับตัวละครตัวใดเลย ตัวหนังจึงทำให้ผมผิดหวังไปจากสิ่งที่คาดเอาไว้พอสมควร
CG ที่หวังรอดู ก็ดูจะหมดไปแล้วกับ Trailer และการลอยตัวนิ่งๆของยานแม่
แถมตอนช่วยน้องยังพาผมเงิบในความง่ายของการทำภารกิจครั้งนี้เข้าไปใหญ่...

ถ้าใครอยากหาหนังดูเป็นเรื่องแรกในบรรดาหนังเข้าใหม่ และลังเลใจระหว่างเรื่องหนึ่งที่คิดไว้ กับ 5th Wave ผมแนะนำว่า
เลือกเรื่องในใจเถอะครับ อาจจะผิดหวังน้อยกว่า หรือ ถ้าคุณอยากลองพิสูจน์ด้วยสายตา ว่าที่ผมรีวิวมาจริงแค่ไหน
คุณก็ต้องลองตีตั๋วแล้วเข้าไปดูเอาเองเลยละฮะ

สำหรับการรีวิวในครั้งนี้ ผมให้ 1 / 5 คะแนน (ต่อให้มีน้อง Chloë Grace Moretz ที่แสนจะน่ารักของผมนำแสดงก็ตาม...) คร่อกฟี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่