มีเวลาแค่ 3 วัน ไปกัน.. "เลย" ♥



วันแรก – ชมผาหินคุณหมิงเมืองเลย / อะไรเอ่ยคือภูป่าเปาะ / จบวันเดินเลาะย่านเชียงคาน
วันที่สอง – รับอุทัยทะเลหมอก / ลงภูทอกเที่ยวแก่งคุดคู้ / ไม่ลองไม่รู้ล่องแพห้วยกระทิง /
จบเรื่องกินแวะชิมไวน์
วันที่สาม – ตะลุยทุ่งดาวเรือง / เยือนดงคริสต์มาส / สัมผัสภูเรือ / ไม่มีเบื่ออาหารพื้นบ้าน /
แวะไหว้พระธาตุ / ไม่พลาดข้ามแดนลาว

วันนี้มือใหม่ขอฝากเนื้อฝากตัวมารีวิวสถานที่เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้กับจังหวัด “เลย” นะคะ คิดว่าน่าจะเอาใจคนที่กำลังหาตัวเลือกไปพักผ่อนที่ไหนสักที่ในประเทศแต่ไม่อยากจะลางานหลายวัน มีเวลาแค่ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ก็เที่ยวได้เหมือนกันค่ะ

ก่อนเดินทาง – ควรเตรียมตัววางแผนให้ดีและควรมีแผนสำรองไว้เสมอไม่ว่าจะเป็นของเครื่องใช้ส่วนตัว/ ตารางเวลาบิน/ที่พัก/ยานพาหนะ/สภาพอากาศในที่ๆจะไป/ยาสามัญประจำตัวเบื้องต้น ฯลฯ

Day 1  - ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกัน “เลย” !!

ชมผาหินคุณหมิงเมืองเลย (ค่าเข้า 100บาท/นักท่องเที่ยวหนึ่งคณะ)
สำหรับใครที่อยากจะเปลี่ยนบรรยากาศหนีเมืองกรุงฯ มาสัมผัสธรรมชาติ อยากเห็นผาหินปูนอายุหลายล้านปีท่ามกลางป่าเขียวขจีแทนตึกโดยที่ไม่ต้องไปไกลถึงเมืองจีนให้มาที่นี่เลย เรียกได้ว่าสถานที่นี้เปรียบเสมือนคุณหมิงย่อมๆไม่แพ้พี่จีนเลยก็ว่าได้ ภูเขาหินหรือผาหินต่างๆจะมีรูปทรงลักษณะแตกต่างกันไปไม่ว่าจะเป็น เต่าเอย ไดโนเสาร์เอย ฯลฯ ตามที่เขาบอกต่อกันมาหรือแล้วแต่จินตนาการสูงส่งของแต่ละคนแหละ อ่อ นอกจากนี้ในสถานที่นี้ยังมีถ้ำที่เรียกว่าวัดถ้ำโพธิสัตว์ที่เคยเป็นฉากประกอบภาพยนตร์องค์บาก 2 อีกด้วยนะ









อะไรเอ่ยคือภูป่าเปาะ? (ฟูจิเมืองเลย)











นอกจากจะเหมือนเพิ่งเดินทางไปจีน คราวนี้เราไปต่อกันที่ญี่ปุ่นกันบ้างดีกว่า ใครจะไปรู้ว่าของดีของพี่ไทยเรานั้นไม่แพ้ชาติใดในโลก ใครเล่าจะรู้ว่าจังหวัดเลยมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เราคนไทยมีแต่อยากไปดูที่ต่างประเทศแต่จริงๆแล้วบ้านเราอยู่แค่เอื้อมมือ แค่น้อยคนนักที่จะไปสัมผัสเอง จุดชมวิวและถ่ายรูปนั้นมี 3 จุด ไล่ตามมุมและความสูงขึ้นไป อันนี้โดยส่วนตัวรู้สึกว่าจุดที่ 2 กับ 3 มันถ่ายรูปก็ไม่ได้แตกต่างเท่าไหร่หรอกแต่ลุงแถวนั้นเชียร์เหลือเกินบอกว่าถ้าไม่ขึ้นไปเหมือนมาไม่ถึง เราและเพื่อนก็บ้าลูกยุ ก็ขึ้นสิ จะรออะไรละ!!

จบวันเดินเลาะย่านเชียงคาน







ปิดท้ายกันที่เชียงคานที่เขาว่ากันว่าถ้าไม่มาเหมือนมาไม่ถึงจังหวัดเลย เราไปสัมผัสชีวิตชาวเชียงคานโดยการไปตะลอนถนนคนเดินเชียงคานหรือถนนชายโขงนั่นเอง (เพราะติดริมแม่น้ำโขง) เวลาแนะนำที่ควรไปคือช่วงเย็นจนถึงค่ำ ถ้าให้เราเทียบถนนคนเดินในแต่ละจังหวัดที่เคยไปนั้นแทบจะไม่ค่อยมีอะไรที่แตกต่าง จริงๆแล้วสิ่งที่ทำให้แต่ละที่โดดเด่นและต่างมันคือความรู้สึกที่ไปเดินที่เข้าถึงได้ถึงความเป็นพื้นเมืองของแต่ละสถานที่ ความดิบของวัฒนธรรมในแต่ละภาคและที่ขาดไม่ได้คืออาหารที่แปลกตานั่นเอง ซึ่งอาหารที่เราและเพื่อนๆเห็นพ้องประทับใจในความอร่อยและแปลกนั่นก็คือ


กุ้งแม่น้ำโขงเสียบไม้ (หาที่ไหนไม่ได้นะเพราะกุ้งมาจากแม่น้ำโขง รสชาติเค็มๆกรุบกรับ หม่ำได้ทั้งตัว)


ข้าวจี่ข้าวเหนียวดำ ข้าวจี่ฟักทอง หรือข้าวเหนียวดีๆนี่เอง (ตอนแรกใจคิดว่าข้าวเหนียวก็คือข้าวเหนียววันยังค่ำมันจะต่างอะไรแต่เฮ้ย ต่างค่ะ!! ข้าวเหนียวที่อีสานนี้รสชาตินุ่มลิ้น หอมหน่อยๆ แถมมีความหนึบ ความมัน อยากให้ลองค่ะ)


ปาท่องโก๋ยัดไส้  มีทั้งไส้หมูสับ ไส้กล้วย (ปาท่องโก๋ที่ไม่เหมือนปาท่องโก๋เพราะมีแต่คนสงสัยว่าสิ่งๆนี้มันคืออะไร กรอบนอกนุ่มใน รสชาติคล้ายๆขนมปังหน้าหมู มีน้ำจิ้มไก่ย่างให้ อิ่มท้องดี)


ซาลาเปาคาวาอี้ (อันนี้ยอมใจค่ะ ยอมซื้อเพราะความน่ารักที่สะดุดตา มีไส้ตามที่เห็นเลยค่ะ เพื่อนลองแล้วบอกว่ารสชาติเหมือนซาลาเปาทั่วไปแต่ยืนยันว่าน่ารักกว่าแบบปกติแน่นอนค่ะ)

*ที่สำคัญระวังเรื่องการใช้โรมมิ่งอัตโนมัติแบบไม่รู้ตัวนะคะเพราะว่าใกล้ฝั่งลาว ทางที่ดีควรจะเลือกเครือข่ายแบบ Manual จะดีที่สุดค่ะ