ความรู้สึกที่แตกต่างของ 2 ข่าวจากไทยและญี่ปุ่น
ที่มาข่าวจากข่าวภูมิภาคในไทย ของ Kapook
ที่มาข่าวจากข่าวต่างประเทศ ของ Kapook
นี่คือความแตกต่างในความคิด สมอง กึ๋น วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมาย บลาๆ ของคนระดับบริหาร ของไทย และของญี่ปุ่น
ไม่ต้องเขียนบรรยายอะไรมาก มันช่างแตกต่างจริงๆ
..........................................
การเปรียบเทียบบางอย่างมันสะท้อนให้เห็นในเชิงวิสัยทัศน์ ซึ่งมันไม่ใช่จำเป็นว่าต้องเปรียบเทียบสิ่งที่เหมือนกัน
บางคนหรือหลายคนไม่เข้าใจ แต่ก็ยังมีบางคนเข้าใจ มันไม่ใช่การเปรียบเทียบการรถไฟญี่ปุ่น แต่เปรียบเทียบวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร
ถ้าหน่วยงานภาครัฐหลายๆหน่วยงาน มีวิสัยทัศน์ที่ดีในการใช้งบประมาณ ไม่ใช่แค่มีเงินต้องเอาเงินมาใช้ เพราะทุกบาทมาจากภาษี
- คนตกท่อบาดเจ็บ ทั้งที่เป็นความผิดของหน่อยงานรัฐ รัฐไม่มีงบจ่ายชดเชย แต่มีเงินมากมายไปทำไฟประดับแพงๆระยะสั้นๆที่ไม่คุ้มค่า โดยไม่นับว่าโปร่งใสหรือไม่ นี่ก็คือการเปรียบเทียบ สองสิ่งที่ไม่เหมือนกัน แต่มันสะท้อนวิสัยทัศน์และนโยบายของฝ่ายบริหาร เคส ตย นี้มองเห็นว่าผู้บริหารของรถไฟญี่ปุ่น ทำสิ่งที่ดูไม่สมเหตุสมผลในทางเศรษฐศาสตร์และเชิงการบริหารที่รถไฟจอดรับเด็กคนเดียว แต่มันคือดีงาม ที่ทำเพื่อประชาชนในประเทศแม้เพียงคนเดียว แล้วประเทศเราล่ะ ประชาชนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการทำงานของภาครัฐ ทั้งตกท่อ และล่าสุดไฟดูดตายอีก การชดเชย ถ้าอยากได้ ต้องไปฟ้องร้องเอางั้นรึ เคสไหนเป็นข่าวใหญ่โต สุดท้ายจะจบที่ ออกข่าวโชว์พาวว่าผู้บริหารและทีมงานควักเงินออกจ่ายเอง เรื่องได้จบ แต่จริงๆ เรื่องแบบนี้มันเกิดเยอะมากมายกว่าที่เป็นข่าวเยอะ เคสที่ไม่เป็นข่าวอีกมากมาย คิดว่าจะได้เงินชดเชยหรือการแก้ไขปัญหาไหม
(คำตอบว่าไม่มีงบ ไม่มีนโยบาย ไม่มีในกฏระเบียบทางราชการ บลาๆๆ มันก็มาจากวิสัยทัศน์ - ตย มันไม่จำเป็นต้องเรื่องเดียวกัน ที่จะต้องไปหา ตย คนตกท่อ หรือไฟดูดในประเทศอื่นๆเพื่อมาเปรียบเทียบกัน)
สรุป
มันไม่ใช่เรื่อง โจมตีใคร หรืออะไร แต่มันคือความรู้สึกที่แตกต่างจากการอ่านข่าว สองข่าวนี้ แบบต่อเนื่องกัน ความรู้สึกมันแตกต่างกัน
- อ่านข่าวแรก รู้สึกยังไง ?
จขกท รู้สึก - ใครทำ ทำทำไม เพื่ออะไร ได้อะไร ดีตรงไหน ดีอย่างไร ได้ประโยชน์แค่ไหน เกิดผลกระทบอะไร
2500 ล้าน มาสร้างเสาธง อืม ถึงจะบอกว่าเป็นเงินเอกชนก็เถอะ
- อ่านข่าวสอง รู้สึกยังไง ?
จขกท รู้สึก - ดี งาม อยากเห็นประเทศไทย มีรถไฟและโอกาสที่ทั่วถึงไปทุกที่ในประเทศอะไรที่เกิดประโยชน์แบบนี้
รถไฟมันทั้งเป็นการเดินทางที่ปลอดภัยกว่ารถยนต์ และถ้าสร้างและบริหารจัดการดีๆ มันทั้งเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่สวยงาม ส่งเสริมการท่องเที่ยว และมีประโยชน์มากมาย มากกว่าสร้างแต่ถนนด้วยซ้ำ สิ่งเหล่านี้ไม่เกิดในไทย ก็เพราะวิสัยทัศน์ของผู้บริหารทุกยุคทุกสมัย ที่ทำแต่อะไรไม่รู้ ไปดูงาน ตปท ก็ถ่ายแต่รูปสวยๆ ไม่เคยเอามาพัฒนาประเทศให้ดีตามอย่างที่ไปดูงานมา
ในความแตกต่างของข่าว มันมีความเหมือนคือ เป็นเรื่องที่เกิดมาจากวิสัยทัศน์และแนวคิดของคน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดเองตามธรรมชาติ
ไม่ใช่ข่าวฝนตก ฟ้าผ่า พายุเข้า
ความรู้สึกที่แตกต่างจอก 2 ข่าวจากไทยและญี่ปุ่น
ที่มาข่าวจากข่าวภูมิภาคในไทย ของ Kapook
ที่มาข่าวจากข่าวต่างประเทศ ของ Kapook
นี่คือความแตกต่างในความคิด สมอง กึ๋น วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมาย บลาๆ ของคนระดับบริหาร ของไทย และของญี่ปุ่น
ไม่ต้องเขียนบรรยายอะไรมาก มันช่างแตกต่างจริงๆ
..........................................
การเปรียบเทียบบางอย่างมันสะท้อนให้เห็นในเชิงวิสัยทัศน์ ซึ่งมันไม่ใช่จำเป็นว่าต้องเปรียบเทียบสิ่งที่เหมือนกัน
บางคนหรือหลายคนไม่เข้าใจ แต่ก็ยังมีบางคนเข้าใจ มันไม่ใช่การเปรียบเทียบการรถไฟญี่ปุ่น แต่เปรียบเทียบวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร
ถ้าหน่วยงานภาครัฐหลายๆหน่วยงาน มีวิสัยทัศน์ที่ดีในการใช้งบประมาณ ไม่ใช่แค่มีเงินต้องเอาเงินมาใช้ เพราะทุกบาทมาจากภาษี
- คนตกท่อบาดเจ็บ ทั้งที่เป็นความผิดของหน่อยงานรัฐ รัฐไม่มีงบจ่ายชดเชย แต่มีเงินมากมายไปทำไฟประดับแพงๆระยะสั้นๆที่ไม่คุ้มค่า โดยไม่นับว่าโปร่งใสหรือไม่ นี่ก็คือการเปรียบเทียบ สองสิ่งที่ไม่เหมือนกัน แต่มันสะท้อนวิสัยทัศน์และนโยบายของฝ่ายบริหาร เคส ตย นี้มองเห็นว่าผู้บริหารของรถไฟญี่ปุ่น ทำสิ่งที่ดูไม่สมเหตุสมผลในทางเศรษฐศาสตร์และเชิงการบริหารที่รถไฟจอดรับเด็กคนเดียว แต่มันคือดีงาม ที่ทำเพื่อประชาชนในประเทศแม้เพียงคนเดียว แล้วประเทศเราล่ะ ประชาชนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการทำงานของภาครัฐ ทั้งตกท่อ และล่าสุดไฟดูดตายอีก การชดเชย ถ้าอยากได้ ต้องไปฟ้องร้องเอางั้นรึ เคสไหนเป็นข่าวใหญ่โต สุดท้ายจะจบที่ ออกข่าวโชว์พาวว่าผู้บริหารและทีมงานควักเงินออกจ่ายเอง เรื่องได้จบ แต่จริงๆ เรื่องแบบนี้มันเกิดเยอะมากมายกว่าที่เป็นข่าวเยอะ เคสที่ไม่เป็นข่าวอีกมากมาย คิดว่าจะได้เงินชดเชยหรือการแก้ไขปัญหาไหม
(คำตอบว่าไม่มีงบ ไม่มีนโยบาย ไม่มีในกฏระเบียบทางราชการ บลาๆๆ มันก็มาจากวิสัยทัศน์ - ตย มันไม่จำเป็นต้องเรื่องเดียวกัน ที่จะต้องไปหา ตย คนตกท่อ หรือไฟดูดในประเทศอื่นๆเพื่อมาเปรียบเทียบกัน)
สรุป
มันไม่ใช่เรื่อง โจมตีใคร หรืออะไร แต่มันคือความรู้สึกที่แตกต่างจากการอ่านข่าว สองข่าวนี้ แบบต่อเนื่องกัน ความรู้สึกมันแตกต่างกัน
- อ่านข่าวแรก รู้สึกยังไง ?
จขกท รู้สึก - ใครทำ ทำทำไม เพื่ออะไร ได้อะไร ดีตรงไหน ดีอย่างไร ได้ประโยชน์แค่ไหน เกิดผลกระทบอะไร
2500 ล้าน มาสร้างเสาธง อืม ถึงจะบอกว่าเป็นเงินเอกชนก็เถอะ
- อ่านข่าวสอง รู้สึกยังไง ?
จขกท รู้สึก - ดี งาม อยากเห็นประเทศไทย มีรถไฟและโอกาสที่ทั่วถึงไปทุกที่ในประเทศอะไรที่เกิดประโยชน์แบบนี้
รถไฟมันทั้งเป็นการเดินทางที่ปลอดภัยกว่ารถยนต์ และถ้าสร้างและบริหารจัดการดีๆ มันทั้งเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่สวยงาม ส่งเสริมการท่องเที่ยว และมีประโยชน์มากมาย มากกว่าสร้างแต่ถนนด้วยซ้ำ สิ่งเหล่านี้ไม่เกิดในไทย ก็เพราะวิสัยทัศน์ของผู้บริหารทุกยุคทุกสมัย ที่ทำแต่อะไรไม่รู้ ไปดูงาน ตปท ก็ถ่ายแต่รูปสวยๆ ไม่เคยเอามาพัฒนาประเทศให้ดีตามอย่างที่ไปดูงานมา
ในความแตกต่างของข่าว มันมีความเหมือนคือ เป็นเรื่องที่เกิดมาจากวิสัยทัศน์และแนวคิดของคน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดเองตามธรรมชาติ
ไม่ใช่ข่าวฝนตก ฟ้าผ่า พายุเข้า