BIG HUG
อ้อมกอดแห่งมหาสมุทร
“ครั้งหนึ่งฉันเคยรู้สึกว่าการแสดงออกซึ่งความรักเป็นเรื่องเสียเวลาและไร้สาระมาก!!!”
ฉันเป็นคนหนึ่งที่เรียกร้องความสนใจจากผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา ยอมทำงานทุกอย่างเพื่อให้เจ้านายรักและเอ็ดดู ยอมดัดจริตเป็นคนดีพูดเพราะๆ เพื่อเรียกร้องความรักจากคนรัก ยอมเป็นปาร์ตี้เกิร์ลเพื่อให้เพื่อนๆในกลุ่มยอมรับ และเป็นเด็กดี เรียบร้อย รับผิดชอบการงานทุกอย่างในบ้าน ดูแลน้องๆ อย่างดี เพื่อให้พ่อแม่รัก …
คนเรามักทำทุกๆอย่างเพื่อให้เป็นที่ยอมรับและเป็นที่รักของใครสักคนด้วยวิธีที่แนบเนียนโดยที่หลายๆครั้งก็ไม่เท่าทันตัวเอง และบอกกับใครต่อใครว่า “ฉันเป็นคนที่เสียสละนะ ฉันทำเพื่อนคนอื่นนะ” จริงๆแล้วเราทำเพื่อคนอื่นจริงๆใช่ไหม ……???
ฉันมีโอกาสได้เรียน “การกอด” ดูเอาเถอะ !!! แม้แต่การกอดก็ยังต้องเรียน ต้องสอนกัน แรกๆ ฉันก็กอดตามคำสั่ง ตามโจทย์ที่ครูให้ในกระบวนการ ในฐานะที่เป็นผู้ช่วยกระบวนกรที่ต้องนำพาผู้คนให้ได้เรียนรู้ หลายๆครั้งในกระบวนการของครูณาเอง ถ้าจะต้องมีช่วงของการกอดกัน ฉันขอสารภาพเลยว่า ก็ยังหลบหลีก หนีการกอด เพราะก็ยังรู้สึก ว่าถ้ากอดไม่ได้มาจากภายใน จากหัวใจก็อย่าไปกอดเขาเลย เสียเวลาเลย …. โอว้ แม่เจ้า!! ฉันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อสมัยหนึ่งนานมาแล้ว
ฉันหลุดพ้นข้อจำกัดของการกอดได้ ด้วยการกลับไป “กอดแม่ หอมหัวล้านพ่อ” เพื่อเยียวยาตัวเอง แรกๆก็ขัดๆเขิลๆ ทั้งแม่ทั้งลูก ก็อาศัยลูกตลก โจ๊กเกอร์ เนียนๆไป สักพักกอดได้ อย่างสนิทใจ และหลายครั้งแม่ก็กอดตอบและทุกๆครั้งก่อนออกจากบ้านต้องหอมแก้มแม่ก่อนออกไปทำงาน หากวันไหนลืม แม่จะเนียนๆเดินมาถามว่าลืมอะไรหรือเปล่า หรือชวนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่ยอมให้ฉันขึ้นรถ พอเดินไปหอมแก้มสักหนึ่งฟอดใหญ่ ก็ยอมให้ฉันขับรถมาทำงานแต่โดยดี ฉันสังเกตเห็นสีหน้าแม่มียิ้มน้อย แววตาคล้ายๆจะบอกว่า ขับรถดีๆนะลูก… รีบกลับมานะ …แม่รักหนูนะ… อะไรประมาณนี้ นี่สินะที่เรียนกว่า ความอิ่มเอม ตื่นตัน ใจ ปลื้มปริ่ม น้ำตามันเอ่อล้นที่เบ้าตา น้ำตาแห่งความปิติสุข
และการกอดผู้คนที่ ฉันเข้าใจว่าฉันเป็นผู้ให้เสมอมานั้น จริงๆแล้วป่าวเลย การกอดผู้คนมากมาย เพียงเพื่อความต้องการของตัวฉันเอง ฉันทำเพื่อตัวเอง จริงๆแล้ว ฉันต้องการการโอบกอด ต้องการความรักนั่นเอง… ฉันเพิ่งเข้าใจประเด็นนี้ว่า การกอดผู้อื่น ไม่ใช่แค่การให้ แต่ฉันยังได้รับ รับด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆอีกด้วย ครั้งหนึ่งฉันตามครูณาเข้าไปทำงานกับเด็กที่ถูกดำเนินคดีในศูนย์ฝึกฯ ครั้งนั้นเป็นเด็กกลุ่มที่ทำผิดซ้ำซาก จนผู้คุมเอือมระอา ครูณาพูดกับพวกเราทีมงานว่า “พี่จะกอดเด็กกลุ่มนี้” ในใจฉันหวั่นวิตกขึ้นทันใด และมีขยะทางความคิดเกิดขึ้นในหัวเต็มไปหมด “จะกอดมันเข้าไปได้ยังไง แววตาแต่ละคนผ่านศึกสงคราม ผ่านเรื่องราวร้ายๆมาขนาดนั้น แววในดวงตาแทบจะไม่มีความเป็นคนเลย แต่ละคนดูพร้อมจะกระโจนเข้าขย่ำ เราได้ตลอดเวลา” แต่ก็ถกเถียงกับตัวเองอยู่พักใหญ่ ก็มีเสียงแว่วมาว่า “กอดเถอะ เขาต้องการ” ฉันกอดพวกเขาด้วยพลังแห่งการให้อย่างเต็มเปี่ยม ผ่านไปสักสามสี่คน การกอดเริ่มดีขึ้น และเมื่อกอดครบ สามสิบกว่าคน วินาทีนั้น น้ำตาฉันไหลรน ความคับแน่นในหัวอกมันปั่นป่วน มวนในทอง ฉันรู้เลยว่า “ฉันเป็นคนมีคุณค่า”
คุณค่าที่ฉันพยายามตามหามาแสนนาน ด้วยการพยายามเรียกร้องความรัก เรียกร้องการยอมรับจากคนอื่นด้วยวิธีการต่างๆที่ทำร้ายทั้งคนรอบข้างที่ฉัน เคารพรัก และซ้ำร้ายฉันยังทำร้ายตัวเองอย่างรุนแรง ฉันบอบช้ำกับความรัก ลังเล และสงสัยในความรัก มาตลอดว่า “จะมีใครที่รรักฉันจริง” ฉันไม่เคยเชื่อในความรัก และไม่เคยยอมรับในตัวตนของฉันอย่างแท้จริงเลยสักครั้งเดียว ฉันรู้แต่เพียงว่า “ฉันยังดีไม่พอ” วันนั้นฉันรู้เลยว่า พวกเขาได้รับความรักอันบริสุทธิ์อย่างที่เขาต้องการ แววตา สีหน้า ท่าทางของพวกเขา เปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างเห็นได้ชัด และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังให้คุณค่าที่แท้จริงคืนกลับมาให้ฉันด้วย “ฉันมีคุณค่า” ฉันเฝ้าบอกกับตัวเองอยู่เรื่อยมาจากวันนั้น ฉันยอมรับในตัวเองมากขึ้น ฉันรักตัวฉันเองมากขึ้น ฉันเป็นคนธรรมดา ที่มีทั้งชอบ และไม่ชอบ เมื่อฉันทำด้านใดอย่างสุดโต่งด้วยความมุ่งมั่น และตั้งใจ และในขณะเดียวกันฉันก็ยังรับรู้อีกด้านหนึ่งที่ฉันขาดพร่องไปด้วย
พลังแห่งการโอบกอดด้วยความรัก มักนำพาพลังแห่งความบริสุทธิ์มาเสมอ ตราบเท่าที่เราต้องการ และมันจะใช้เวลาไม่นานนัก ที่จะรู้จักและมองเห็นคุณค่าในตัวเอง ด้วยการโอบกอดใครสักคนด้วยความรักที่บริสุทธ์ ด้วยพลังที่เราพร้อมจะให้ และรับกลับคืนนเวลาเดียวกัน เพียงแค่ฉันน้อมรับความรักที่มีในตัวฉันเองได้อย่างจริงแท้ และยังมีเหลือที่จะเผื่อแผ่ให้คนรอบข้างอย่างเหลือเฟือ “เมื่อเราพร้อมที่จะรับรักใครสักคน จงอนุญาตตัวเองให้ได้รับความรักนั้นเถอะ…”
BIG HUG "อ้อมกอดแห่งมหาสมุทร"
อ้อมกอดแห่งมหาสมุทร
“ครั้งหนึ่งฉันเคยรู้สึกว่าการแสดงออกซึ่งความรักเป็นเรื่องเสียเวลาและไร้สาระมาก!!!”
ฉันเป็นคนหนึ่งที่เรียกร้องความสนใจจากผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา ยอมทำงานทุกอย่างเพื่อให้เจ้านายรักและเอ็ดดู ยอมดัดจริตเป็นคนดีพูดเพราะๆ เพื่อเรียกร้องความรักจากคนรัก ยอมเป็นปาร์ตี้เกิร์ลเพื่อให้เพื่อนๆในกลุ่มยอมรับ และเป็นเด็กดี เรียบร้อย รับผิดชอบการงานทุกอย่างในบ้าน ดูแลน้องๆ อย่างดี เพื่อให้พ่อแม่รัก …
คนเรามักทำทุกๆอย่างเพื่อให้เป็นที่ยอมรับและเป็นที่รักของใครสักคนด้วยวิธีที่แนบเนียนโดยที่หลายๆครั้งก็ไม่เท่าทันตัวเอง และบอกกับใครต่อใครว่า “ฉันเป็นคนที่เสียสละนะ ฉันทำเพื่อนคนอื่นนะ” จริงๆแล้วเราทำเพื่อคนอื่นจริงๆใช่ไหม ……???
ฉันมีโอกาสได้เรียน “การกอด” ดูเอาเถอะ !!! แม้แต่การกอดก็ยังต้องเรียน ต้องสอนกัน แรกๆ ฉันก็กอดตามคำสั่ง ตามโจทย์ที่ครูให้ในกระบวนการ ในฐานะที่เป็นผู้ช่วยกระบวนกรที่ต้องนำพาผู้คนให้ได้เรียนรู้ หลายๆครั้งในกระบวนการของครูณาเอง ถ้าจะต้องมีช่วงของการกอดกัน ฉันขอสารภาพเลยว่า ก็ยังหลบหลีก หนีการกอด เพราะก็ยังรู้สึก ว่าถ้ากอดไม่ได้มาจากภายใน จากหัวใจก็อย่าไปกอดเขาเลย เสียเวลาเลย …. โอว้ แม่เจ้า!! ฉันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อสมัยหนึ่งนานมาแล้ว
ฉันหลุดพ้นข้อจำกัดของการกอดได้ ด้วยการกลับไป “กอดแม่ หอมหัวล้านพ่อ” เพื่อเยียวยาตัวเอง แรกๆก็ขัดๆเขิลๆ ทั้งแม่ทั้งลูก ก็อาศัยลูกตลก โจ๊กเกอร์ เนียนๆไป สักพักกอดได้ อย่างสนิทใจ และหลายครั้งแม่ก็กอดตอบและทุกๆครั้งก่อนออกจากบ้านต้องหอมแก้มแม่ก่อนออกไปทำงาน หากวันไหนลืม แม่จะเนียนๆเดินมาถามว่าลืมอะไรหรือเปล่า หรือชวนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่ยอมให้ฉันขึ้นรถ พอเดินไปหอมแก้มสักหนึ่งฟอดใหญ่ ก็ยอมให้ฉันขับรถมาทำงานแต่โดยดี ฉันสังเกตเห็นสีหน้าแม่มียิ้มน้อย แววตาคล้ายๆจะบอกว่า ขับรถดีๆนะลูก… รีบกลับมานะ …แม่รักหนูนะ… อะไรประมาณนี้ นี่สินะที่เรียนกว่า ความอิ่มเอม ตื่นตัน ใจ ปลื้มปริ่ม น้ำตามันเอ่อล้นที่เบ้าตา น้ำตาแห่งความปิติสุข
และการกอดผู้คนที่ ฉันเข้าใจว่าฉันเป็นผู้ให้เสมอมานั้น จริงๆแล้วป่าวเลย การกอดผู้คนมากมาย เพียงเพื่อความต้องการของตัวฉันเอง ฉันทำเพื่อตัวเอง จริงๆแล้ว ฉันต้องการการโอบกอด ต้องการความรักนั่นเอง… ฉันเพิ่งเข้าใจประเด็นนี้ว่า การกอดผู้อื่น ไม่ใช่แค่การให้ แต่ฉันยังได้รับ รับด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆอีกด้วย ครั้งหนึ่งฉันตามครูณาเข้าไปทำงานกับเด็กที่ถูกดำเนินคดีในศูนย์ฝึกฯ ครั้งนั้นเป็นเด็กกลุ่มที่ทำผิดซ้ำซาก จนผู้คุมเอือมระอา ครูณาพูดกับพวกเราทีมงานว่า “พี่จะกอดเด็กกลุ่มนี้” ในใจฉันหวั่นวิตกขึ้นทันใด และมีขยะทางความคิดเกิดขึ้นในหัวเต็มไปหมด “จะกอดมันเข้าไปได้ยังไง แววตาแต่ละคนผ่านศึกสงคราม ผ่านเรื่องราวร้ายๆมาขนาดนั้น แววในดวงตาแทบจะไม่มีความเป็นคนเลย แต่ละคนดูพร้อมจะกระโจนเข้าขย่ำ เราได้ตลอดเวลา” แต่ก็ถกเถียงกับตัวเองอยู่พักใหญ่ ก็มีเสียงแว่วมาว่า “กอดเถอะ เขาต้องการ” ฉันกอดพวกเขาด้วยพลังแห่งการให้อย่างเต็มเปี่ยม ผ่านไปสักสามสี่คน การกอดเริ่มดีขึ้น และเมื่อกอดครบ สามสิบกว่าคน วินาทีนั้น น้ำตาฉันไหลรน ความคับแน่นในหัวอกมันปั่นป่วน มวนในทอง ฉันรู้เลยว่า “ฉันเป็นคนมีคุณค่า”
คุณค่าที่ฉันพยายามตามหามาแสนนาน ด้วยการพยายามเรียกร้องความรัก เรียกร้องการยอมรับจากคนอื่นด้วยวิธีการต่างๆที่ทำร้ายทั้งคนรอบข้างที่ฉัน เคารพรัก และซ้ำร้ายฉันยังทำร้ายตัวเองอย่างรุนแรง ฉันบอบช้ำกับความรัก ลังเล และสงสัยในความรัก มาตลอดว่า “จะมีใครที่รรักฉันจริง” ฉันไม่เคยเชื่อในความรัก และไม่เคยยอมรับในตัวตนของฉันอย่างแท้จริงเลยสักครั้งเดียว ฉันรู้แต่เพียงว่า “ฉันยังดีไม่พอ” วันนั้นฉันรู้เลยว่า พวกเขาได้รับความรักอันบริสุทธิ์อย่างที่เขาต้องการ แววตา สีหน้า ท่าทางของพวกเขา เปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างเห็นได้ชัด และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังให้คุณค่าที่แท้จริงคืนกลับมาให้ฉันด้วย “ฉันมีคุณค่า” ฉันเฝ้าบอกกับตัวเองอยู่เรื่อยมาจากวันนั้น ฉันยอมรับในตัวเองมากขึ้น ฉันรักตัวฉันเองมากขึ้น ฉันเป็นคนธรรมดา ที่มีทั้งชอบ และไม่ชอบ เมื่อฉันทำด้านใดอย่างสุดโต่งด้วยความมุ่งมั่น และตั้งใจ และในขณะเดียวกันฉันก็ยังรับรู้อีกด้านหนึ่งที่ฉันขาดพร่องไปด้วย
พลังแห่งการโอบกอดด้วยความรัก มักนำพาพลังแห่งความบริสุทธิ์มาเสมอ ตราบเท่าที่เราต้องการ และมันจะใช้เวลาไม่นานนัก ที่จะรู้จักและมองเห็นคุณค่าในตัวเอง ด้วยการโอบกอดใครสักคนด้วยความรักที่บริสุทธ์ ด้วยพลังที่เราพร้อมจะให้ และรับกลับคืนนเวลาเดียวกัน เพียงแค่ฉันน้อมรับความรักที่มีในตัวฉันเองได้อย่างจริงแท้ และยังมีเหลือที่จะเผื่อแผ่ให้คนรอบข้างอย่างเหลือเฟือ “เมื่อเราพร้อมที่จะรับรักใครสักคน จงอนุญาตตัวเองให้ได้รับความรักนั้นเถอะ…”