[รีวิวเรื่องที่ 119] The Dressmaker/แค้นลั่น ปังเวอร์


[เรื่องที่ 119] The Dressmaker/แค้นลั่น ปังเวอร์ ; (Jocelyn Moorhouse, 2015)

คะแนน : 7/10

เรื่องย่อ : เรื่องราวของ 'ทิลลี' (Kate Winslet) นางเอกของเรื่องที่เคยถูกขับไล่ออกจากเมืองเล็กๆในเขตชนบทของออสเตรเลียจากข้อกล่าวที่เธอได้ 'ฆาตกรรม' เพื่อนเด็กชายในอดีต, ได้เลือกที่จะกลับมาบ้านเกิดอีกครั้งพร้อมกับจักรเย็บผ้าและสไตล์สุดชิค เพื่อที่จะเอาชนะชาวเมืองที่เกลียดชังเธอและสืบเรื่องราวที่แท้จริงเกี่ยวกับการตายของเด็กชายในวันนั้นซึ่งเธอเสียความทรงจำไป.

ชอบช่วงแรกของหนังที่เปิดตัวได้อย่าง flashy น่าจดจำมากกับการเปิดตัวของ เคต วินสเล็ตในคอสตูมที่อลังการชนิดว่าถึงแม้จะ overdress แบบผิดที่ผิดทางก็ยังเจิดสุดๆ ความบันเทิงอยู่ที่รีแอคชั่นของเหล่าบรรดาชะนีชาวเมืองที่ล้วนแต่จงเกลียดจงชังนางเอกจากเรื่องราวในอดีตที่ล้วนแต่พาอ้าปากค้างกับความปังของนางเอกกันเป็นแถบๆ และพาลพาให้สะใจยิ่งกว่าเมื่อนางๆเริ่มมากราบกรานขอให้นางเอกตัดชุดสวยๆให้ใส่บ้างจนสุดท้ายก็ makeover กันทั้งเมืองจนถนนในบ้านนอกเงียบๆกลายเป็นพรมแดงในงานกาล่าไปเสียฉิบ ซึ่งในพาร์ทนี้ผู้ชมสาวๆน่าจะชอบกันมากเลยแหละ เหมือนดูเดอะเฟสกลายๆ

ชอบตอนท้าย-ตอนจบของหนังที่วาง plot twist อันร้ายกาจมาเป็นชุดใหญ่ เหมือนตบหน้าคนดูฉาดแรงๆซักทีแล้วเดินหนีไปไกลๆแล้ววิ่งชาร์จกลับมาตบคนดูใหม่ ความโกลาหลในตอนท้ายที่เริ่มมาจากการตายของตัวละครสำคัญตัวนึงนี่คือทองคำมาก ใครว่าช่วงแรกว่าพีคแล้วอาจจะเผลอกำมือแน่นด้วยความสะใจก็ได้ ถึงแม้มันจะเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะเด็กน้อยไปหน่อยกับการที่ 'เวรกรรมตามทัน' ก็เถอะ แต่มันก็สอดคล้องกับวิธีดำเนินเรื่องของหนังได้ดีจนพอจะกล้อมแกล้มให้ได้

.. กระนั้นในขณะที่หนังมีจุดเริ่มต้น-จุดจบที่ดี แต่ก็น่าเสียดายที่การดำเนินเรื่องช่วงกลางนี่พังมาก ในประเด็นของการไล่ตามความจริงจากเหตุการณ์ในอดีตของนางเอกที่น่าจะเป็นพล็อตที่แข็งได้มากกว่านี้ก็ถูกใช้ไปอย่างราคาถูกจนน่าผิดหวังจนมันไม่ได้สอดรับกับความรู้สึกผิดบาปของตัวละคร 'ทิลลี่' ที่แสดงออกว่าเจ็บปวดหนักหนาจากปมในอดีตขนาดนั้น มาประจวบกับการที่นางเอกให้เหตุผลว่าตัวเองเสียความทรงจำในส่วนนั้นไปที่ไม่ค่อยจะเมคเซนส์เท่าไหร่สุดท้ายพล็อตหลักของเรื่องถูกผลักออกไปเป็นประเด็นรองๆที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไร (มาถึงจุดนี้เริ่มเบ้ปากแล้ว)

ปัญหาคือมันไม่มีความสม่ำเสมอในตัวละครมากพอที่จะมา convince เราให้เชื่อว่านางเป็นตัวตนแบบนี้จริงๆนะ แล้วถ้านางเอกจะปิดเรื่องแบบร้ายกาจแบบนั้นสรุปว่านางจะเป็นคนแค้นโหดฝังลึกหรือจะเป็นพวกตีโพยตีพายช่างโทษตัวเองกันแน่ หรือแค่ช่วงกลางเรื่องที่ผ่านมาแค่ถ่วงเวลาหนังไปงั้นๆเอง?

ในแง่ของตัวละคร เคต วินสเล็ต นอกจากภาพลักษณ์ของตัวละครนักตัดเสื้อแฟชั่นนิสต้าและสำเนียงออสเตรียนแล้วก็ไม่มีอะไรน่าจดจำซักเท่าไหร่ในบทบาทที่ดูขัดแย้งในตัวเองแบบนี้ ยิ่งมาประกบกับพระเอกรุ่นลูกอย่าง เลียม เฮมเวิร์ธ ผู้ซึ่งนอกจากกล้ามท้องแน่นแล้วก็ไม่มีอะไรน่าสนใจอีกเลยก็พากันป่วงกันไปใหญ่ในเคมีที่ไม่แมชกันเท่าไหร่ ตัวปูมหลังความสัมพันธ์ของสองคนนี้ก็ไม่ได้เข้มแข็งชนิดที่พอจะโน้มน้าวคนดูให้เชื่อได้ว่า 'เฮ้ย พวกอั๊วะรักกันจริงๆนะ' อะไรขนาดนั้น คือมันมาไวไปไวจนมีไม่ทันจะบิ้วอารมณ์ตาม ถ้าเอาจริงๆเสน่ห์ของตัวละครสองตัวนี้รวมกันยังไม่เท่าตัวละคร 'มอลลี่' (Judy Davis) ที่มีมิติและน่าสนใจกว่ามากจนกลายเป็นสีสันย่อมๆที่พยุงหนังได้ทั้งเรื่องอย่างสม่ำเสมอจนน่าชื่นชม

The Dressmaker เป็นหนังที่ให้ความรู้สึกเหมือนดูละครหลังข่าวขึ้นโรงใหญ่ ที่มีส่วนผสมของความน้ำเน่าสไตล์ soap opera อยู่เยอะที่พยายามรวบรัดให้จบแบบมีมิติที่สุดในเวลาสองชั่วโมง ผลที่ออกมาก็เลยเป็นส่วนผสมที่ก้ำกึ่งระหว่างหนังปมราคาถูกร้ายๆสไตล์ผู้หญิงจ๋า กับเวทีประกวดงานแฟชั่นเจิดๆซักเรื่องนึง ที่ดูบนโรงก็ได้ ไม่ดูก็ได้ อะไรแบบนี้แหละ.

ป.ล.เคต เวรี่ตู้ม

ขอเชิญติดตามรีวิว/ข่าวสารและร่วมกันพูดคุยเรื่องหนังได้ที่เพจครับ : https://www.facebook.com/expensivemovie
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่