เรื่องสยอง ของห้องพัก2เตียง ณ โรงแรมใหญ่ เมืองสุราษฏร์ธานี ที่ทำเอาผมผวาจนตกเตียง

.....เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้  คือเรื่องจริง.....
ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ผมยกให้เป็นความหลอน  ที่สุดของที่สุด  ของผม  ตั้งแต่ชีวิตผมได้กำเนิดมา  แล้วพบเจอกับเรื่องพวกนี้
ต้องบอกเรื่องนี้  ทุกๆคนที่ผมกล่าวถึงนี้มีตัวตนจริง   และโรงแรมนั้นก็มีอยู่จริง
มันเป็นเรื่องหลอนที่ผมประสบพบมา   ณ  โรงแรมใหญ่  โรงแรมนึง  ในตัวเมืองสุราษฏร์ธานี
ถ้าหากผมเอ่ยชื่อโรงแรมออกมา   หลายๆคนต้อง  ร้องอ๋อ  ออกมาแน่ๆ  และอาจจะเคยไปพักกันมาแล้วก็เป็นได้

....แต่เพื่อไม่ให้ถูกมองว่า  เป็นการโฆษณาแฝง  หรือเป็นการให้ร้ายทำให้เสื่อมเสียแก่ทางโรงแรม
ผมจึงจะไม่บอกเจาะจงออกไป  แต่ถ้าหาก  อ่านไปเรื่อยๆ  ก็จะมีเบาะแส  ให้คนที่อาจจะคุ้นๆ พอนึกออก
เรื่องมันมีอยู่ว่า  



.....เมื่อใกล้ๆปลายปี2558  คือปีที่แล้ว   น้องสาวแฟนผม  มีกำหนดไปรับพระราชทาน  ปริญญาบัตร  จากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช  สยามมกุฎราชกุมาร
ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฏร์ธานี    เราเลยตกลงว่าจะเดินทางไปด้วยรถตู้หลังจากเลิกงาน  จริงๆแฟนผมจะไปกับน้องสาวเค้า  แต่ผมเป็นห่วงสาวๆ  เลยขอลางานเพื่อจะเดินทางไปด้วย  

.....แต่คืนวันก่อนเดินทาง  ผมฝันร้าย  ฝันเห็นรถตู้สภาพเละเทะอยู่ข้างทาง   และเห็นศพคนกระจัดกระจายเต็มถนน  มันทำให้ผมตื่นขึ้นมาอย่างหวาดวิตก
ผมจึงเอาความฝันนี้ไปเล่าให้แฟนฟัง   แฟนก็บอกอย่าคิดมาก  ไม่มีอะไรหรอก   แต่น้องสาวแฟนเขาค่อนข้างเชื่ออะไรแบบนี้   เลยขอไปรถเก๋งกับเพื่อนอีกคน


....แฟนผมเป็นคนไม่เชื่อในเรื่องอะไรแบบนี้   นางเชื่อแต่ตัวตนของนาง  เลยยืนยันจะไปรถตู้เหมือนเดิม
เราทะเลาะกันเรื่องนี้  เพราะผมเป็นห่วงเค้า  อยากให้เธอไปรถไฟหรือรถคนอื่นแทน  เพื่อไม่ให้มันตรงกับความฝัน
แต่แฟนก็ยืนยันเพราะเธอหัวดื้อเสมอ

....แต่แฟนผมเธอก็ทำกระจกส่องหน้า  ตกแตกกระจายต่อหน้าต่อตาผมในช่วงที่กำลังจะเดินทางไปซื้อตั๋วรถตู้ที่ บขส.หาดใหญ่
มันทำให้ผมวิตกหนักไปอีก  ทั้งฝัน  ทั้งกระจกตกแตก  นี่มันลางบอกเหตุชัดๆตามตำราไทยๆเลย   ผมเกิดความไม่สบายใจ
แถมช่วงนั้นภาคใต้ก็มีมรสุม  ท้องฟ้ามืดครึ้มไปด้วยเมฆฝน   ยังกับพล๊อตหนังผี

.....ผมเลยตัดสินใจ บอกแฟน   ผมขอให้เธอเปลี่ยนแผนเดินทาง   เธอก็ว่าแล้วจะไปยังไง  เพราะน้องสาวเธอและเพื่อนๆก็ไปกันล่วงหน้าหมดแล้ว
ผมตัดสินใจจะขับมอเตอร์ไซค์ไปเอง  จากสงขลา-ไปสุราษฏ์  ตอนแรกเธอก็ว่าผม  จะบ้าหรอ  มอไซค์ไปสุราษฏ์  ใครเขาทำกัน
ผมไม่สนใจ  ผมขอเพื่อความสบายใจ  เราไปเรื่อยๆ  อาศัยจอดเป็นระยะๆคงไม่ยาก

...ผมก็ยิงยาวเลยครับ  ขับจากสงขลา-ไปสุราษฏ์  เราฝ่าฝนกันตั้งแต่เขตทุ่งสง  ไปยันโรงแรมที่พัก  จอดพักตามปั๊มรายทางเอา
ผมขับเข้าถึงเมืองสุราษฏร์  ผ่านถนนที่ตัดผ่านหน้า  ราชภัฏสุราษฏ์  สายที่ตรงไปจากเซาท์เทิร์นนั่นล่ะ  บอกเลยว่าทางเปลี่ยวมาก  แถมฝนก็ตก
หลอนดีพิลึก  ตอนนั้นประมาณ3ทุ่ม  แฟนโทรหาน้องสาว  เพื่อสอบถามที่ตั้งโรงแรม   เธอก็บอกชื่อโรงแรมมา.....เราก็ขับเข้าไปในเมือง
ผมค่อนข้างมึนงง และสับสนกับเส้นทาง  เพราะมาเป็นครั้งแรก  ผมขี่ผ่านศาลหลักเมือง  ไปตามถนนศรีวิชัย

.......เราผ่านโรงบาลศรีวิชัยไปไม่นานก็เจอโรงแรมที่ว่า   ด้านหน้าเป็นลานจอดรถกว้างขวาง  ตัวอาคารก็ดูใหญ่โตสะดวกสบายมากครับ
เราขับเข้าไปจนยามมองตามด้วยสายตาแปลกๆ เพราะมามอเตอร์ไซค์  เสื้อกันฝนรุงรัง  แถมมีโคลนเปรอะเลอะเทอะ
ผมเอารถไปจอดตรงที่จอดมอไซค์  ก่อนจะจัดการล๊อคล้อ  แล้วแฟนก็ไปเช็คอินเพื่อเข้าพัก

ด้านในอาคารของโรงแรม ตกแต่งด้วยสไตล์ย้อนยุค แสดงความเป็นไทยเต็มผนัง  ออกโทนสีไม้แดงๆรอบๆบริเวณ ดูสวยงามมากครับ
ผมมองไปอีกด้านของปีกตึก  รู้สึกจะมีห้องอาหารด้วย ดูหรูหรามาก  



...ผมแบกสัมภาระ  ตามแฟนขึ้นลิฟต์ไป  ผมไม่ค่อยถูกโฉลกกับลิฟต์เท่าไหร่  เพราะงงกับปุ่มกด  เลยเดินตามอย่างเดียว
แฟนก็พาผมขึ้นไปยังห้องที่ว่า  บรรยากาศตรงทางเดินดูอึมครึมดี  แต่การตกแต่งสวยใช้ได้
น้องสาวแฟนผม  เธอจองไว้2ห้องใกล้ๆกัน  ให้ผมกับแฟน  ตัวเธอและเพื่อนๆเธอ

....พอเปิดเข้าไปในห้อง  คืออยากบอกว่ามันสบายมาก  ห้องน้ำก็มีอ่างน้ำอุ่น  และที่ผมชอบคือห้องอาบน้ำเป็นกระจกรอบด้าน  
การตกแต่งภายในห้อง ก็ดูย้อนยุคนิดๆ  แต่ที่ผมไม่ชอบใจเลยคือ

ผมได้ห้องเตียงคู่


......บอกตรงๆว่าผมเป็นคนมีปมกับห้องเตียงคู่มาก่อนครับ  ก็ปมเกี่ยวกับผีๆแหละ  ผมกลัวห้องที่มีเตียงคู่มากๆ
ผมก็บ่นกับแฟนว่า  เอาห้องเตียงเดี่ยวไม่ได้หรอ  อยากนอนกอดเธอ   แฟนก็บอก นอนๆไปเถอะ  เรารู้นะว่าเธอกลัว
แต่แค่คืน2คืนก็ไปแล้ว  เราก็อยู่ จะกลัวทำไม


ผมก็เออๆ นอนก็นอน  ผมก็สำรวจห้องครับ  เดินแหวกดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย  เปิดตู้เจอผ้าเช็ดตัว  แหวกม่านหลังห้อง  มองออกไป
เห็นสระว่ายน้ำ  ด้านล่าง   ผมเพลียจากการเดินทาง  ก็ชวนแฟนอาบน้ำ  ผลัดกันถูหลัง  แต่งตัวเสร็จ  แฟนก็บอก  จะขอไปเล่นที่ห้องน้องสาว
เพราะที่ห้องยน้องสาว มีกิจกรรมนับเลขแก้เซ็งกันวันฝนตก   ผมเองก็ อืมๆ  เลยนอนหลับไปอย่างง่ายดาย

...ก็แอร์มันเย็น  แถมที่นอนเด๋งดึ๋ง  ผ้าห่มก็อุ่นได้ที่   หลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ตัว
รู้สึกตัวอีกทีคือรู้สึกปวดฉี่  ผมคิดว่าคงยังไม่ดึก  สะลึมสะลือบิดตัวหันหน้าไปหาอีกเตียงตอนไหนไม่รู้
ห้องก็มืดมีแค่แสงสลัวๆจากไฟด้านนอกส่องเข้ามาพอเห็นอะไรลางๆ

......จังหวะที่ผมงัวเงียอยู่นั้น  สาบานเลยครับ  ในความสลัวๆที่พอมองเห็น  ผมเห็นว่ามีร่างของใครสักคนแน่ๆกำลังนอนตะแคงข้างมองมาทางผมหน้าขาววอก  เห็นลางๆว่าตรงดวงตากลวงโบ๋  เห็นเป็นสีดำๆ
ผมก็ตัวเกร็งเยี่ยวแทบเล็ดอยู่ใต้ผ้าห่มครับ  อุทานเบาๆ ฮึ้ยยยยยย...
ใจตอนนั้นนึกคิดขึ้นมา   ใครวะ  นั่นร่างใคร  แฟนเราเธอไปอยู่ห้องน้องสาวเธอ  แล้วนั่นใคร

......ใจผมเต้นตึ่กตั่ก  จิตสำนึกผมบอกว่า  กูว่าแล้ว  ห้องเตียงคู่  กูเคยโดนมาแล้วหนนึง
เอาอีกแล้ว  ทำไมต้องมานอนกับกูด้วย  สาธุ  พ่อแก้วแม่แก้ว  อย่ามาหลอกมาหลอนกันแบบนี้เลย
อยากได้อะไรมาเข้าฝันเถอะ  อย่ามานอนตาโบ๋หลอกกันแบบนี้เลย  โอยยยย  กลัวแล้ว

.....ผมค่อยๆเลื่อนมือ2ข้างมาพนมมือไปทางด้านร่างนั้นที่ยังนอนหน้าขาวตาโบ๋มาทางผมครับ
ผมท่องอะระหังสัมมา  เพราะมีปัญญาท่องแค่นั้น  เคยท่องพาหุงได้ก็ลืมไปแล้ว
จะท่องศีล5ใส่มันก็คงไม่กลัวแน่ๆ  ท่องไปสั่นไป  เสียงแอร์ก็ดังแข่งหึ่งๆๆๆ
ในใจก็คิดกลัวไอ้หน้าขาวๆตาโบ๋ที่นอนมองเราอยู่นั่น  มันจะคลานมาหาเราแบบในหนัง
มืงอย่าเด้อ  อย่าคลานมาหากูเด้อ  กูย่านโพด  เอ้ย  กูกลัว


ท่องจบไป3รอบ  ก็ยังไม่ยอมไป  แถมผมยังเห็นอีกว่า  ตรงบริเวณที่ควรจะเป็นปากของหน้าขาวๆนั้น  มันค่อยๆกว้างขึ้นจนเห็นเป็นหลุมดำๆ
ผมไม่ไหวแล้วครับ  เลยทะลึ่งตัวเองขึ้นเพราะกลัวสุดขีดจนทนไม่ไหวแล้ว  ผมร้องลั่นห้องว่า
  
"โอ้ยยยยยยยยยยยย
  
ผมถีบตัวเองถอยไปข้างหลังเพื่อให้พ้นจากดวงหน้านั้น   แค่มานอนหน้าขาวตาโบ๋ใส่ก็แย่แล้ว  ยังมีอ้าปากกว้างแถมอีก
ตอนนัน้ยอมรับเลยว่า  สติแตกแล้วเพราะกลัวมาก  บวกกับความมืดด้วย  ผมถีบตัวเองจนตกเตียง  ตัวกระแทกพื้นดัง "ปุ๊ก"
ผมร้องลั่นห้องว่า
   "โอ๊ยยยยย กลัวแล้วโว้ย   อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลย"

ผมยันตัว..ตะกายผนังแกรกๆๆ...ไปที่สวิทซ์ไฟ   ซึ่งอยู่ใกล้ๆประตูห้องน้ำ   ผมจัดการเปิดไฟทันที  แบบมีกี่ปุ่ม  ผมกดรัวๆดังแป๊กๆๆๆ  ไฟในห้องก็สว่างพรึ่บ!!!!!     แล้วผมก็เข่าอ่อน  ทิ้งตัวลงกองไปกับพื้นเลยครับ  เพราะร่างที่นอนอยู่นั้น  ลุกขึ้นนั่ง พร้อมผ้าห่มคลุมทั้งร่าง  เห็นหน้าที่เต็มไปด้วยแป้งเย็นตรางู  จนเหลือแค่รอบดวงตา และรอบปาก  ที่มีคราบน้ำลายบูด  ก็เอ่ยถามมาว่า  "มืงเป็นเชิ้ยอะไรของมืงเนี่ยที่รัก  พ่องเมิงตายหรอคะ  คนจะนอน" ปิดไฟแล้วไปนอนซะ  สรุปโรงแรมแห่งนั้น  ไม่มีผี(มั้งนะ)  เป็นผมที่ตาถั่ว  มองในความมืดสลัว บวกมัวขี้ตา  เห็นหน้าแฟนที่พอกแป้งเย็นเป็นผีไปเอง
แต่กว่าจะรู้  ก็ทำเอาผมแทบหยุดหายใจไปแล้ว  คุณคงจะเข้าใจอารมณ์คน ตื่นมางัวเงียมึนๆแล้วมองเห็นอะไรแบบนั้นลางๆนะครับ

.....โอว  แม่สาวน้อย  เธอไม่รู้ตัวเลยว่า เกือบทำผมหัวใจวายตายไปแล้ว  เพราะแป้งตรางูที่เธอทา  และการอ้าปากน้ำลายยืดของเธอในความมืดสลัวๆ  ก็ทำให้สายตาที่พร่ามัวไปด้วยขี้ตาของผม  บวกกับความกลัวที่ฝังอยู่ในส่วนลึกของจิตใจกลั่นออกมาให้มองหน้าเธอให้กลายเป็นผีไปได้
ผมเข้าห้องน้ำไปฉี่ แล้วก็ไปนอนต่อครับ    อ่านมาถึงตรงนี้  ตอนนี้ไม่ว่าคุณจะอ่านบนเตียงนอนหรือเปล่า
แต่เวลานอนๆ หากนอนคนเดียว  ก็หันไปมองด้านหลังบ้างนะครับ  อาจจะมีใครมายืนอยู่แบบนี้ข้างๆคุณก็เป็นด้ายยยยยยยย
เหอๆๆๆๆๆๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่