[CR] ยุโรปตะวันออก 20 วัน ซัมเมอร์นั้นฉัน Strong! Ep.1 จองตั๋ว วางแผนการเดินทาง ขอวีซ่า

สวัสดีนักเดินทางชาวพันทิปทุกคนค่า ปีที่แล้วเราไปเที่ยวยุโรปมาช่วงปลายพค. – กลางมิ.ย. เพี้ยนแว๊น ไปคนเดียว จัดการเองทุกอย่าง ช่วงที่หาข้อมูลก็ได้พันทิปเป็นที่พึ่งเยอะมาก ตอนเที่ยวก็คิดอยู่ตลอดว่ากลับมาแล้วจะเขียนรีวิวเป็นข้อมูลไว้ซักหน่อย ยิ่งพอได้เห็นช่วงนี้มีโปรตั๋วไปยุโรปเริ่มปล่อยออกมา ก็เลยคิดว่าจัดเลยละกัน เผื่อใครกำลังสนใจ จะได้มีข้อมูลใหม่ไว้อ้างอิงนะ

กระทู้เราไม่เน้นภาพ (อีกแระ55) เพราะจขกท. ถ่ายภาพไม่เก่งค่า กล้องที่เอาไปก็เพิ่งซื้อมา ไม่มีเวลาฝึก ยังใช้ไม่ค่อยเป็นเลย ฮรือออ ร้องไห้ แต่ก็นะ จะไม่มีภาพปลากรอบเลยมันก็ไม่ช่าย รูปส่วนใหญ่ก็เลยมาจากไอโฟนเนอะ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย เดี๋ยวจะสรุปให้ตอนท้ายนะคะ ไม่ถูกไม่แพง เอาที่สบายใจจ้า เม่าชอปปิ้ง ว่าแล้วก็ไปค่ะพี่สุชาติ!

พาสปอร์ตไทย จิไปทั่วโลกค๊า

1. จองตั๋ว
หลายคนกลัวว่าถ้าซื้อตั๋วก่อน แล้ววีซ่าล่ะ เอาจริงๆ ไม่มีใครแนะนำให้เราซื้อตั๋วเครื่องบินก่อนค่ะ เพราะถ้าวีซ่าไม่ผ่านจะทำยังไง อยากยื่นวีซ่า เอาแค่ใบจองตั๋วที่เอเจนซี่ออกให้ (ยังไม่จ่ายตัง) ไปยื่นก็ได้ แต่จุดนี้เราต้องสตรวองค่ะ เพราะของถูกรอไม่ได้ เดี๋ยวตลาดจิวาย ผู้ชายจิหมด มั่นใจว่าสเตทเม้นดี(ออก) หลักฐานมี ก็ซื้อโลด! อมยิ้ม17

เราเลือกซื้อตั๋วกับเว็บ Expedia ตามรูทสุดฮิต ซึ่งก็คือแบบ Multi-city นี่วันนี้เห็นมีออกมาหลายเจ้าเลย ถูกมาก บัตรในมือพี่มันสั่น
แล้วเราก็ได้ตั๋วสายการบิน Etihad รูท Kuala Lumper – Berlin – Bangkok มาในราคาที่พอรับไหว
ไม่ถูกไม่แพงเกินไป ฿16,320.00 ถ้วน ไม่มีค่าธรรมเนียมอื่นแอบแฝง

ได้ตั๋วไปยุโรปแล้ว ก็มาเล็งตั๋วจากไทยไปกัวลาลัมเปอร์กันค่ะ บางคนอยากแวะเที่ยวค้างคืนที่กัวลาลัมเปอร์ก่อนก็ทำได้ แต่จุดนี้ใจเราอยู่เบอร์ลินแล้ว ไม่วงไม่แวะอะไรทั้งนั้นจ้า เลือกไฟลท์ที่มีเวลารอเครื่องนานหน่อย เผื่อไฟล์แคนเซิล ดีเลย์ กระเป๋าไม่มา หาเกทไม่เจอ จะได้ไม่เครียดนะ

ในที่สุดเราก็ได้ตั๋วของหางแดงสุดฮิตในราคากลางๆ รวมนน. กระเป๋า 25 กิโลที่ ฿2,240.00
จริงๆ แค่ 15 กิโลก็เหลือเฟือแล้วสำหรับเรา แต่ตอนซื้อนน. ยังไม่ได้ลองจัดกระเป๋า ก็เลยซื้อกันเหนียวไว้ก่อน ส่วนเรื่องราคา จริงๆ ก็มีถูกกว่านี้นะ คอยเล็งเอาเองละกัน ซื้อให้ได้ก่อนยื่นวีซ่าเป็นพอ เพราะเราต้องเอาไปยื่นด้วย

เราจองตั๋ว เดือนมีนา ขอวีซ่าเดือนเมษา และออกบินเดือนพฤษภา ค่อยเป็นค่อยไปค่ะ

เวลาเราถ่ายรูปวิว ก็จะชอบคิดว่าอยากเอาตัวเองไปยืนตรงนั้น แต่คือเราไปคนเดียวค่าา แล้วเป็นโรคขี้เกียจรอด้วย ไม่ขอให้คนอื่นถ่ายให้ เป็นโรคเซลฟี่ไม่เป็นอีก งงหลงด้าน พลาดตลอด สรุปถ่ายวิวเฉยๆ อ่ะดีแล้ว 55

2. วางแผนการเดินทาง
ได้ตั๋วมานอนกอดแล้วก็ถึงคราวต้องทำงาน หาข้อมูลและวางแผนการเดินทางนั่นเองจ้า ใครที่อยากไปนั่นนี่ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ทำไมไม่ได้ไปไหนซักที บอกเลยว่าจองตั๋วสิครัช แล้วทุกอย่างจะตามมาเองแบบบังคับแกมข่มขู่ หลังจากศึกษาข้อมูลอยู่นาน หัวหมุนอยู่หลายตลบ เลือกเอาที่สบายตา สบายใจ สบายกระเป๋า และไม่ลำบากร่างมากเกินไป ก็ได้แผนคร่าวๆ มาดังนี้

A.    Berlin, Germany
B.    Gdańsk, Poland
C.    Warsaw, Poland
D.    Budapest, Hungary
E.    Vienna, Austria
F.    Salzburg, Austria
G.    Munich, Germany
H.    Füssen, Germany
I.    Nuremberg, Germany
J.    Dresden, Germany

20 วัน 10 เมือง 4 ประเทศ ไม่มากไม่น้อย เราว่าช่วงที่สนุกที่สุดช่วงหนึ่งของการเดินทางก็คือการวางแผนนี่แหละ ตื่นตาตื่นใจไปหมด นั่งหาข้อมูลไม่หลับไม่นอน บางอย่างต้องรีบจองเพราะเดี๋ยวราคาขึ้น ของหมด พอจองไปแล้ว บางอันแก้ไม่ได้ ก็ต้องมาหาวิธีปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกันไป บางทีก็นอนคิดในใจ ไม่ไปไม่ได้เหรอ มันเหนื่อย 55

ว่าแล้วก็ขายของซักหน่อย ถ้าใครสงสัยว่าทำไมไปโปแลนด์ (คือประเทศนี้ดูยังไม่ค่อยออตฮิตในหมู่คนไทย) ก็เอ้า จัดไป กระทู้เก่าเราเองจ้า 55 http://ppantip.com/topic/32010067

สำหรับการเดินทาง หลายคนนิยมซื้อ Eurail Pass เพื่อความสะดวก จริงค่ะ มันสะดวกจริง แล้วการนั่งรถไฟในยุโรปนี่คือดีงามมาก เราว่ามันคลาสสิคสุดๆ ให้นั่งรถโค้ชไปกับทัวร์จีน เราว่ามันไม่ช่ายย (มโนว่าตัวเองอยู่ใน Before Sunrise แป๊บ) แต่จุดที่เรางบน้อยก็ควรจะลองคำนวณดูก่อนว่าจะไปไหนบ้าง คชจ. คร่าวๆ ประมาณ เท่าไหร่ ลองเทียบดูว่าราคาต่างกันเยอะไหม ส่วนเราไม่ต้องคำนวณก็รู้ค่ะ ว่าไม่ซื้อ ไม่มีตังค์! 55 เพราะมันก็แพงนะ และเราไปแต่ประเทศที่ค่าครองชีพต่ำ อยู่ติดๆ กัน ก็เลยเลือกจองตั๋วเป็นจุดๆ ไป ข้อเสียก็คือยุ่งยากกว่าและไม่ยืดหยุ่น แต่ก็นั่นแหละ จะเที่ยวแบบงบจำกัดมันก็ต้องอดทน ให้คิดซะว่าแก่กว่านี้ก็ยากแล้ว การเดินทางของเราก็เลยมีทั้งรถบัส รถไฟ และเครื่องบิน เรื่องเวลาก็ต้องแม่นนิดนึง เพราะถ้าพลาดแล้วมันจะพลาดเลย ฟังดูเหมือนเครียดแต่ไม่เครียดน้า ตกรถก็จองใหม่จ้า รวมแล้วยังถูกกว่าอยู่ดี 55

ไม่ๆ ไม่ได้ต้องการโฟกัสสองคนนั้น แค่รีบแล้วเขาไม่ยอมออกจากเฟรม 55

ส่วนอันนี้ไม่ได้นั่ง เห็นเป็นตุ๊กๆ เลยถ่ายมาเฉยๆ ตุ๊กๆ ไทย ไปทั่วโลกจ้า

3. ยื่นวีซ่า
ก่อนจะยื่นวีซ่า ก็เตรียมหลักฐานไปให้พร้อม นับดูก่อนซิว่าเราพักที่ประเทศไหนมากที่สุด ของเราพักที่เยอรมันมากที่สุดก็ยื่นกับสถานทูตเยอรมัน แต่ก่อนต้องโทรไปจองเสียค่าโทรนาทีหลายตัง เดี๋ยวนี้เค้าเปิดให้จองผ่านเว็บแล้วน้า ดีไปอีกค่า รีวิวการยื่นวีซ่ามีเยอะแล้วจะไม่พูดมากเนอะ ขอแนะนำเรื่องที่สำคัญพอเป็นพิธีก็คือ ต้องมีหลักฐานการจองที่พักไปแสดงครบทุกวัน ถ้าใครนั่ง Night bus, Night train ก็ต้องจองไปให้คุณจนท. ดูด้วย (พลาดมาแล้ว) ส่วนเรื่องการงานการเงิน ตัวเราเป็นฟรีแลนซ์รายได้ไม่แน่นอน ไม่มีคนออกหนังสือรับรองให้ ก็เอาหลักฐานการรับเงินและตัวอย่างงานที่ทำไปให้เขาดู มีเขียนจม. แนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษคร่าวๆ แนบไปด้วยเพื่อความสบายใจ อันนี้แล้วแต่ว่าใครจะทำแบบไหน แต่เรายื่นแบบนี้แล้วผ่านก็เลยทำแบบนี้มาตลอดจ้า

พูดถึงตั๋วไปแล้วก็ขอรีวิวสนามบินและสายการบินซักเล็กน้อย
Kaula Lumper - KUL (Kila 2)

สนามบินใหม่มากกก ใครที่เคยบินไปญี่ปุ่นแบบต่อเครื่องกับแอร์เอเชียอาจเคยพบกับสนามบินร้อนๆ คนพลุกพล่าน การจัดการที่มึนงง และห้องน้ำสุดสยอง บอกเลยว่าจงลบภาพพวกนั้นออกไปซะ สนามบินดีมาก ร้านรวงเยอะสุดๆ มีไวไฟฟรีและมีที่เสียบปลั๊กชาร์จไฟหลายจุด อย่าลืมพกอะแดปเตอร์แปลงหัวปลั๊กไปด้วย ถ้าต้องรอนานเหมือนเรา แนะนำว่าอยู่เทอร์มินัลนี้ก่อน อย่าเพิ่งรีบ เพราะอีกเทอร์มินัลที่เราต้องไปเช็คอินของ Ethihad นั้นมันช่างว่างเปล่า คนก็น้อย ร้านก็น้อย ยังดีที่มีร้านเคเอฟซีข้างบนให้พอประทังชีวิตบ้าง (พ.ค. 2015 ) ค่ารถไฟนั่งเปลี่ยนเทอร์มินัลประมาณ 20 บาท แต่จุดนี้นั่งมาแล้วจะไม่หวนกลับไป ไม่ว่าจะด้วยความงกหรืออะไรก็ตาม

อันนี้ข้างในรถไฟที่นั่งไปอีกเทอร์มินัล ดี๊ดี แต่ถึงเร็วจัง

Abu Dhabi – AUH

อาบูดาบีก็เป็นสนามบินที่ใหญ่ดี ร้านรวงมากมาย ห้องน้ำสะอาด มีไวไฟฟรีพร้อมที่ชาร์จ
เราไม่ได้ซื้ออะไรกิน แงะขนมนมเนยที่สายการบินแจกแล้วไม่ได้กินออกมาแทะเล่นไปพลางๆ

Berlin – TXL

ถ่ายเสร็จ ก็ขึ้นคันหัวเหลืองนี้ต่อนั่นแหละ

เป็นสนามบินที่เซอร์ไพรส์เราตั้งแต่วันแรกจนถึงวันกลับ คือมโนไว้ว่าสนามบินจะใหญ่กว่านี้ ร้านเยอะกว่านี้ วันที่เราไปถึงเป็นวันหยุด สนามบินร้างมาก ทุกอย่างปิด (อันนี้พอเข้าใจ) เดินผ่านตม. ไป สามก้าวก็คือสายพานกระเป๋า บันไดเลื่อนปิดซ่อมหรือปิดเพราะหยุดก็มีรู้ ลากกระเป๋ามาซื้อตั๋วเข้าเมืองหน้าสนามบินแบบงงๆ ดีหน่อยที่ยังมีจนท. คอยดูเวลาซื้อตั๋วให้ ส่วนวันกลับ ก็มโนเอาเองว่าผ่านตม. ไปแล้วจะมีดิวตี้ฟรีหรืออะไรทำนองนั้น สรุป ตม. นั่งอยู่ข้างที่เช็คอินของสายการบิน ประทับตาปุ๊บ เดินไปสองก้าวก็ถึงที่สแกนกรรม แล้วก็เจอที่นั่งรอขึ้นเครื่องเลย ม๊ายยยจริงงงง เงินยูโรในมือพี่มันสั่น ซื้ออะไรไม่ได้เลย ได้แค่ซื้อน้ำในตู้หยอดเหรียญกิน กำแบงค์ยูโรแน่นมาก

ถ้าถามถึงสายการบินที่นั่ง เราว่าดีเลยนะ ดูหนังเพลินเลย อาหารก็ไม่ถึงกับอร่อย แต่กินได้ เลือกที่มีดปรตีนเยอะหน่อยแล้วกัน เพราะมีรอบนึงเราเลือกพาสต้า แล้วคือลืมไงว่ามันไม่เหมือนบ้านเรา คือมันก็มีแต่พาสต้ากับซอสจริงๆ อ่ะ คือหิว คือพลาด ให้กินแต่แป้งพี่ไม่โอเค 55 ขาไปเหมือนเครื่องจะ Operated by Virgin Australia + AirBerlin ดูจากตราที่ประทับบนของแจก (คือไฟลท์มันก็เขียนบอกแหละ แต่นานแล้วจำไม่ได้ 55)

Virgin Australia

AirBerlin

เราเลือกนั่งริมหน้าต่างหมดเลย เพราะขี้เกียจลุกให้คนข้างในออก เครื่องยังไม่เทคออฟ เราก็หลับแล้วแหละ ดีที่เป็นที่นั่งแบบสองที่ แถมมีไฟลท์ที่ได้นั่งคนเดียวด้วย สบายเลย ส่วนขากลับก็นั่งริมสุด แต่เป็นแถวสามคน รู้สึกแน่นกว่าขามานิดหน่อย ได้นั่งข้างคนไทยด้วย แต่ก็ไม่ได้คุยกัน เพราะเค้ามากันเป็นคู่หนุงหนิง เราเลยหลับท่าเดียว

เอาล่ะ ทีแรกกะจะรีวิวโฮสเทลที่ไปพักด้วยเลย แต่มันจะยาวเกินไป และไม่ได้โพสต์ซักที ก็ขอจบตอนแรกไว้เพียงเท่านี้ละกันนะคะ เดี่วตอนหน้ามาเขียนถึงโฮสเทลที่เราไปพักมาทั้งทริป ถูกและดีมีอยู่จริงนะเธอว์ ก่อนจากกัน สรุปค่าเสียหายก่อน

หมดไปสองหมื่นกว่า เดี๋ยวๆ ยังไม่จบ ยังมีต้องจ่ายอีกน่า เดี๋ยวตอนหน้าเจอกันนะ เม่าออกรถ
ชื่อสินค้า:   Europe: Germany, Poland, Hungary, Austria
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่