ทุกคนมีแนวการเดินทางของตัวเอง และผมมั่นใจว่าหลายคนมักเจอจุดเปลี่ยนของการเดินทางในระหว่างเส้นทาง
เหตุผลจากจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานั้นๆ มันเป็นเรื่องที่นักเดินทางแบกเป้ส่วนใหญ่ต้องเจอกันอยู่เสมอๆ
และการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นโดยเลือกหาทางออกที่เหมาะสมที่สุด ก็ถือเป็นคุณสมบัติเบื้องต้น
ที่นักแบกเป้แนวพเนจรค่ำไหนนอนนั่นทุกๆคนต้องมี
จากความตั้งใจของทั้งกลุ่มที่อยากปั่นจากเชียงใหม่ไปถึงภูเก็ตระยะทาง 1000 กิโล
(ตามแผนเลือกนั่งรถข้ามช่วงพิษณุโลกมาลงหัวหินแล้วปั่นต่อ) แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ผู้ร่วมทีมสามสาวจีน
ป่วยกันเป็นแถบๆ กับสภาพอากาศร้อนจัดของเมืองไทยเข้า ผมในฐานะผู้นำทีมก็ต้องกล้าตัดสินใจว่าพวกเธอ
ต้องหยุดการเดินทางด้วยวิธีการปั่นจักรยานซะ เพื่อความปลอดภัยของพวกเธอทั้งสามคนเองด้วย
แต่ผมตัดสินใจปั่นแบบบ้าระห่ำเพื่อชดเชยปั่นแทนพวกเธอทั้งสามคนด้วยแทนซะเลย ยะฮู๊วววววว
(ดูจะลั๊ลลาเกินเหตุนะเอ็ง) ไม่ใช่ทำเพื่อชดเชยแต่ใจมันสั่งมาด้วยครับอิอิ เพราะช่วงที่ผ่านมา
เหมือนผมยังไม่สามารถปั่นได้แรง แบบเต็มสูบสักเท่าใหร่ มันมีกั๊กๆ เพราะต้องคอยดูแลสาวๆทั้งสามคน
เลยแอบเก็บกดในใจอยากปั่นแบบระเบิดระเบ้อด้วยครับแหะๆๆ
นี่แหละครับแผนการเดินทางแบบเฮ้ยนี่พวกเอ็งบ้าไปแล้วรึเปล่าจึงเกิดขึ้น
สาวจีนสามคนหาวิธีเดินทางด้วยรถทัวร์รถไฟเพื่อไปยังจุดนัดพบ โดยผมเขียนวิธีบอกไว้หมด
ต้องนั่งจากไปลงที่ไหนซื้อตั๋วที่ไหน เราจะไปเจอกันอีกทีตรงไหน และแบ่งงบการเดินทางที่ได้รับ
จากสปอนเซอร์ที่เหลือไปให้พวกเธอด้วยครึ่งนึง
และก็มีผมที่ใช้วิธีปั่นจักรยานสปีดทัวร์ริ่งนั่นคือโหลดสัมภาระแบบครบหมด ปั่นทางไกลไปให้ทัน
ในระยะเวลาที่กำหนดเพื่อไปเจอสามสาวจีนตามเวลาที่นัดหมายกันไว้ บอกได้เลยว่า
บ้าไปแล้ว
เพราะมันแฮ่กและโหดมากครับ
แต่แบบนี้แหละครับถึงจะเรียกว่า SuckSeed อิอิ ใจสั่งมา รู้สึกเหมือนอายุ 14 อีกครั้ง เฮ้ยไม่ใช่ล่ะ
การเดินทางของนายกระจอกปั่นจากเชียงใหม่-ปาดังเบซาร์กับสาวหมวย ตอน 4 : กรุงเทพ – หัวหิน – ประจวบ – ชุมพร
ทุกคนมีแนวการเดินทางของตัวเอง และผมมั่นใจว่าหลายคนมักเจอจุดเปลี่ยนของการเดินทางในระหว่างเส้นทาง
เหตุผลจากจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานั้นๆ มันเป็นเรื่องที่นักเดินทางแบกเป้ส่วนใหญ่ต้องเจอกันอยู่เสมอๆ
และการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นโดยเลือกหาทางออกที่เหมาะสมที่สุด ก็ถือเป็นคุณสมบัติเบื้องต้น
ที่นักแบกเป้แนวพเนจรค่ำไหนนอนนั่นทุกๆคนต้องมี
จากความตั้งใจของทั้งกลุ่มที่อยากปั่นจากเชียงใหม่ไปถึงภูเก็ตระยะทาง 1000 กิโล
(ตามแผนเลือกนั่งรถข้ามช่วงพิษณุโลกมาลงหัวหินแล้วปั่นต่อ) แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ผู้ร่วมทีมสามสาวจีน
ป่วยกันเป็นแถบๆ กับสภาพอากาศร้อนจัดของเมืองไทยเข้า ผมในฐานะผู้นำทีมก็ต้องกล้าตัดสินใจว่าพวกเธอ
ต้องหยุดการเดินทางด้วยวิธีการปั่นจักรยานซะ เพื่อความปลอดภัยของพวกเธอทั้งสามคนเองด้วย
แต่ผมตัดสินใจปั่นแบบบ้าระห่ำเพื่อชดเชยปั่นแทนพวกเธอทั้งสามคนด้วยแทนซะเลย ยะฮู๊วววววว
(ดูจะลั๊ลลาเกินเหตุนะเอ็ง) ไม่ใช่ทำเพื่อชดเชยแต่ใจมันสั่งมาด้วยครับอิอิ เพราะช่วงที่ผ่านมา
เหมือนผมยังไม่สามารถปั่นได้แรง แบบเต็มสูบสักเท่าใหร่ มันมีกั๊กๆ เพราะต้องคอยดูแลสาวๆทั้งสามคน
เลยแอบเก็บกดในใจอยากปั่นแบบระเบิดระเบ้อด้วยครับแหะๆๆ
นี่แหละครับแผนการเดินทางแบบเฮ้ยนี่พวกเอ็งบ้าไปแล้วรึเปล่าจึงเกิดขึ้น
สาวจีนสามคนหาวิธีเดินทางด้วยรถทัวร์รถไฟเพื่อไปยังจุดนัดพบ โดยผมเขียนวิธีบอกไว้หมด
ต้องนั่งจากไปลงที่ไหนซื้อตั๋วที่ไหน เราจะไปเจอกันอีกทีตรงไหน และแบ่งงบการเดินทางที่ได้รับ
จากสปอนเซอร์ที่เหลือไปให้พวกเธอด้วยครึ่งนึง
และก็มีผมที่ใช้วิธีปั่นจักรยานสปีดทัวร์ริ่งนั่นคือโหลดสัมภาระแบบครบหมด ปั่นทางไกลไปให้ทัน
ในระยะเวลาที่กำหนดเพื่อไปเจอสามสาวจีนตามเวลาที่นัดหมายกันไว้ บอกได้เลยว่าบ้าไปแล้ว
เพราะมันแฮ่กและโหดมากครับ
แต่แบบนี้แหละครับถึงจะเรียกว่า SuckSeed อิอิ ใจสั่งมา รู้สึกเหมือนอายุ 14 อีกครั้ง เฮ้ยไม่ใช่ล่ะ