สวัสดีคุณผู้อ่านทุกท่านครับ รีวิวนี้เป็นรีวิวแรกที่ผมลงใน Pantip ตัวผมเองไม่ค่อยได้ไปเที่ยวมากเท่าไรแต่เป็นคนชอบเที่ยว การไปเที่ยวครั้งนี้เป็นการออกนอกประเทศครั้งแรกของผม เราไปกันสองคนกับภรรยา ซึ่งจริง ๆ แล้วก็ออกไปแค่นิดเดียวไม่ไกลจากประเทศไทยมากเท่าไรเอง เกาะลังกาวีเป็นเกาะเล็ก ๆ ขนาดประมาณเกาะสมุยอยู่ในทะเลอันดามัน เป็นเกาะสัญชาติมาเลเซียของรัฐเคดาห์ เกาะนี้ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงจากสถานที่ท่องเที่ยว และประวัติศาสตร์ที่หลาย ๆ ท่านเคยฟังมา อีกทั้งอยู่ใกล้บ้านเราและค่าครองชีพไม่สูง เหมาะสำหรับผู้ที่อยากออกไปเที่ยวนอกประเทศบ้าง แต่งบน้อยเหมือนผม อิอิ
เราเริ่มจองโรงแรมช่วงก่อนปีใหม่ 2559 ที่ผ่านมานี้เอง เป็นโรงแรมเล็ก ๆ ราคาถูกอยู่ชานเมือง และอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือ โดยจองผ่านเว็บไซต์ Agoda.com ซึ่งได้ราคาโรงแรมถูกมาก ๆ
5.00 น. วันที่ 31 ธันวาคม 2558 ออกเดินทางครับ เนื่องจากอยู่ อ.เทพา จ.สงขลา จึงต้องรีบออกไปตั้งแต่หัวรุ่งเพื่อให้ทันเรือเที่ยวแรก
8.00 น. ถึง จ.สตูล และอีกสามสิบนาทีต่อมาก็ไปถึงท่าเรือตำมะลัง การเดินทางมายังท่าเรือตำมะลังนั้นง่ายมาก ๆ ถ้ามาจากแยกคูหา อ.รัตภูมิ ก็ตรงมาเรื่อย ๆ ผ่านตัวจังหวัดสตูลและจะไปสุดที่ท่าเรือเลย เมื่อไปถึงที่ท่าเรือปรากฏว่าคนมารอเต็มแล้ว ทั้ง ๆ ที่เรามาถึงก่อนเรือออก 1 ชม. จอดรถไว้ที่ท่าเรือได้เลยครับ ในนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่ มีรถจอดในท่าเรือเต็มไปหมดเลย
ส่วนเที่ยวเรือไปลังกาวี มีทุกวัน วันละ 3 เที่ยว 9.30 13.30 และ 16.00 ครับ
ไปถึงท่าเรือตำมะลังก็ไปแลกเปลี่ยนเงินครับ ค่าเงินของมาเลเซียช่วงที่เราไปเที่ยวลดลงพอสมควร เรตอยู่ที่ 1 ริงกิต = 8.35 บาท
แลก 8000 ได้เงินมาเลย์มา 950 กว่า ริงกิต
นี่คือหน้าตาเงินมาเลเซียครับ
จากนั้นก็ซื้อตั๋วเรือราคาตั๋วอยู่ที่ 300 บาทต่อคนต่อเที่ยว ตอนซื้อตั๋วเขาจะถามพาสปอร์ตก่อนนะครับ แต่สำหรับใครที่ไม่มีพาสปอร์ตก็ใช้บอร์เดอร์พาสก็ได้ (บอร์เดอร์พาสใช้ได้เฉพาะกับผู้ที่มีภูมิลำเนา อยู่ใน จ.นราธิวาส ยะลา ปัตตานี สตูล และ 5 อำเภอในสงขลาเท่านั้นนะครับ)
ส่วนตั๋วนั้นแนะนำว่าให้ซื้อตั๋วไปกลับเลย ซึ่งเราจะกลับเวลาไหนก็ได้แค่ไปคอนเฟิร์มตั๋วอีกทีบนเกาะ เพราะถ้าไปซื้อบนเกาะอาจจะช้าครับ
เมื่อซื้อตั๋วและตรวจหนังสือเดินทางเสร็จแล้วก็ไปขึ้นเรือโดยสาร เป็นเรือขนาดกลาง ไม่เล็กไม่ใหญ่ จุคนประมาณ 300 คนน่าจะได้ ใช้เวลาเดินทาง 1 ชม.
หน้าตาของเรือก็เป็นแบบนี้ครับ
ภาพจากบนเรือระหว่างเดินทาง
เมื่อมาถึงที่เกาะลังกาวีประมาณ 10.30 น. ภาพที่เราจะเห็นก็คือ จตุรัสนกอินทรีย์ มีรูปปั้นนกอินทรีย์ตัวเบอเร่อ คอยต้อนรับนักท่องเที่ยว
จตุรัสนี้อยู่ติดกับท่าเรือเลยหากใครรีบไปถ่ายรูปตรงนี้ก็แค่เดินไปไม่กี่สิบก้าวก็ถึงแล้วครับ
พอเสร็จธุระเรื่องตรวจคนเข้าเมืองเราก็เดินออกมาจากท่าเรือเพื่อหารถเช่า ระหว่างเดินอยู่ก็จะมีมาถามเรื่อย ๆ ว่า เช่าแท๊กซี่มั้ย เช่าเรือมั้ย เช่ารถมั้ย
ระหว่างเดินอยู่ในท่าเรือก็สังเกตร้านของฝากพลาง ๆ มีสินค้าเยอะมาก ทั้งเสื้อผ้า เครื่องแก้ว ของกินของใช้ ละที่พลาดไม่ได้...ช็อคโกแลต เพราะมีเยอะ ราคาถูก และขึ้นชื่อ แต่ยังไม่ซื้อครับดูไว้ก่อน เผื่อซื้อของฝากที่อื่นไม่ทัน ท่าเรือก็ยังมีขายราคาปลอดภาษีเช่นกัน
แล้วผมก็เจอกับเจ้าของรถเช่า เขาพาไปที่รถเพื่อตกลงราคา เราได้รถเก๋งคันเล็กสีเหลือง สไตล์อีโก้คาร์ ราคาช่วงเทศกาลเลยได้แพงนิดนึงครับ อยู่ที่ 800 บาทต่อวัน สองวัน 1600 บาท
เมื่อเช่ารถได้แล้วก็เอาสัมภาระเก็บไว้ในรถแล้วก็เข้ามาในท่าเรือใหม่อีกครั้งเพื่อหาร้านโทรศัพท์ จะซื้อซิมมาเลย์มาใส่
ไปมั่วอยู่ที่ร้านโทรศัพท์ในท่าเรืออยู่สามร้านสุดท้ายไม่เรียบร้อยเพราะคนเยอะ และอีกอย่างเราฟังภาษาอังกฤษเขาไม่ออก สำเนียงภาษาอังกฤษคนมาเลย์เชื้อสายจีนฟังแล้วงงมาก แต่เนื่องจากบ้านผมพูดภาษามลายูด้วยเราจึงเข้าใจสามภาษา และเป็นภาษาที่ช่วยเราไว้ได้ไม่น้อยไปกว่าภาษาอังกฤษเลย
ออกจากท่าเรือจากนั้นเราก็ขับรถออกไปเติมน้ำมัน เพราะน้ำมันที่มีอยู่เหลือน้อยมาก ปั๊มน้ำมันในลังกาวีเป็นปั้มเติมเอง
ตอนแรกผมเข้าใจว่าเป็นเครื่องจ่ายน้ำมันแบบสอดแบ๊งค์เข้าไปแล้วกดปุ่มเติม แต่จริง ๆ ไม่ใช่ เราต้องเดินไปบอกพนักงานปั๊มที่เคานเตอร์ของเขา
แล้วเขาก็จะถามว่ารถคันไหน จ่ายเงินแล้วไปเติมได้เลย ผมเติมน้ำมัน 30 ริงกิต หรือประมาณ 255 บาท ได้น้ำมันครึ่งถัง น้ำมันมาเลยเซียถูกมากทั้ง ๆ ที่อยู่บนเกาะ
แต่เราคุ้นเคยกับน้ำมันแพง เลยล่อไป 30 ริงกิตเลย ขับไปเวียนเกาะรอบครึ่ง ใช้เวลาสองวัน ยังเหลืออยู่เยอะเลยเสียดายมาก
ในรถที่เราเช่ามานั้นมีสมุดแผนที่อยู่แล้วอยู่ในช่องเก็บของที่คอนโซล แต่ถึงยังไงก็สู้ GPS มือถือเราไม่ได้อยู่ดี เลยต้องรีบวิ่งหาร้านโทรศัพท์
แล้วก็มาเจอร้านคนจีนอีกเช่นเคย คุยอังกฤษใส่ก็แล้ว คุยมาเลย์ใส่ก็แล้ว สุดท้ายเขาได้ยินเราพูดไทย เขาก็เลยใช้ภาษาไทย พระเจ้า.....พูดไทยชัดมาก
ได้ซิมมาแล้ว เป็นซิมโทร + เน็ต 500 MB ราคา 1.6 ริงกิต (ประมาณ 136 บาท) ใช้สองวันยังเหลืออีก 400 MB.....เสียดายอีกแล้ว
ระหว่างขับรถอยู่ก็เกือบเที่ยงแล้ว แวะทานข้าวที่ร้านข้าวแกงข้างทาง จานละแค่ RM4 (ประมาณ 34 บาทเอง) กับข้าวตักเองด้วย คุ้มจริงๆ เจ้าของร้านพูดใต้สำเนียงสตูลชัดเจน 555 ภาษาอังกฤษกับมาเลย์ของผมไม่ต้องใช้เลย
รถมาเลเซียคันเล็ก ๆ ขับคล่องถนนมากแต่เนื่องจากไม่ชำนาญทางเราเลยขับช้า ๆ แล้วก็มาแวะละหมาดที่มัสยิดข้างทาง มัสยิดในลังกาวีมีเยอะพอ ๆ กับสถานที่ราชการแต่ละหลังใหญ่ ๆ และสวยทั้งหมด
14.00 น. ท้องอิ่ม รถพร้อม แผนที่กาง GPS มา ได้เวลาเที่ยวแล้วครับ สถานที่แรกที่ไปง่ายที่สุดคือสุสานพระนางมัสสุหรี เพราะอยู่ใกล้ตำแหน่ง GPS ปัจจุบันมากที่สุด
ถนนในลังกาวีจะเป็นถนนรอบเกาะเหมือนกับเกาะสมุย ความยาวประมาณ 60 กม. ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ใช้เส้นรอบเกาะนี่แหละ ไปยังไงก็ถึง
หากสังเกตในแผนที่ ลังกาวีจะมีย่านใหญ่ ๆ อยู่สามสี่ย่านคือ Kuah Keadwang Cenang ทั้งหมดอยู่บนเส้นรอบเกาะ
ขับรถมาสักพักก็มาถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่เคยขึ้นชื่อที่สุดของเกาะนั่นก็คือสุสานพระนางมัสสุหรี สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์อย่างสุสานแห่งนี้ มีการปรับปรุง
อย่างดี ที่จอดรถกว้างขวางและทางสถานที่เขาทำทางเดินให้เราต้องเดินเข้าร้านของฝากตลอด แต่ก่อนเข้าไปต้องจ่ายค่าเยี่ยมชมสถานที่คนละ 15 ริงกิต
ภายในจะมีตัวสุสาน พิพิธภัณฑ์ วังเก่า บ้านเกิดของพระนาง บ่อน้ำ และบ้านต่าง ๆ ในบริเวณรั้ว
รีวิวไปเที่ยวลังกาวี เมื่อปีใหม่ 2016 : Langkawi 2016
เราเริ่มจองโรงแรมช่วงก่อนปีใหม่ 2559 ที่ผ่านมานี้เอง เป็นโรงแรมเล็ก ๆ ราคาถูกอยู่ชานเมือง และอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือ โดยจองผ่านเว็บไซต์ Agoda.com ซึ่งได้ราคาโรงแรมถูกมาก ๆ
5.00 น. วันที่ 31 ธันวาคม 2558 ออกเดินทางครับ เนื่องจากอยู่ อ.เทพา จ.สงขลา จึงต้องรีบออกไปตั้งแต่หัวรุ่งเพื่อให้ทันเรือเที่ยวแรก
8.00 น. ถึง จ.สตูล และอีกสามสิบนาทีต่อมาก็ไปถึงท่าเรือตำมะลัง การเดินทางมายังท่าเรือตำมะลังนั้นง่ายมาก ๆ ถ้ามาจากแยกคูหา อ.รัตภูมิ ก็ตรงมาเรื่อย ๆ ผ่านตัวจังหวัดสตูลและจะไปสุดที่ท่าเรือเลย เมื่อไปถึงที่ท่าเรือปรากฏว่าคนมารอเต็มแล้ว ทั้ง ๆ ที่เรามาถึงก่อนเรือออก 1 ชม. จอดรถไว้ที่ท่าเรือได้เลยครับ ในนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่ มีรถจอดในท่าเรือเต็มไปหมดเลย
ส่วนเที่ยวเรือไปลังกาวี มีทุกวัน วันละ 3 เที่ยว 9.30 13.30 และ 16.00 ครับ
ไปถึงท่าเรือตำมะลังก็ไปแลกเปลี่ยนเงินครับ ค่าเงินของมาเลเซียช่วงที่เราไปเที่ยวลดลงพอสมควร เรตอยู่ที่ 1 ริงกิต = 8.35 บาท
แลก 8000 ได้เงินมาเลย์มา 950 กว่า ริงกิต
นี่คือหน้าตาเงินมาเลเซียครับ
จากนั้นก็ซื้อตั๋วเรือราคาตั๋วอยู่ที่ 300 บาทต่อคนต่อเที่ยว ตอนซื้อตั๋วเขาจะถามพาสปอร์ตก่อนนะครับ แต่สำหรับใครที่ไม่มีพาสปอร์ตก็ใช้บอร์เดอร์พาสก็ได้ (บอร์เดอร์พาสใช้ได้เฉพาะกับผู้ที่มีภูมิลำเนา อยู่ใน จ.นราธิวาส ยะลา ปัตตานี สตูล และ 5 อำเภอในสงขลาเท่านั้นนะครับ)
ส่วนตั๋วนั้นแนะนำว่าให้ซื้อตั๋วไปกลับเลย ซึ่งเราจะกลับเวลาไหนก็ได้แค่ไปคอนเฟิร์มตั๋วอีกทีบนเกาะ เพราะถ้าไปซื้อบนเกาะอาจจะช้าครับ
เมื่อซื้อตั๋วและตรวจหนังสือเดินทางเสร็จแล้วก็ไปขึ้นเรือโดยสาร เป็นเรือขนาดกลาง ไม่เล็กไม่ใหญ่ จุคนประมาณ 300 คนน่าจะได้ ใช้เวลาเดินทาง 1 ชม.
หน้าตาของเรือก็เป็นแบบนี้ครับ
ภาพจากบนเรือระหว่างเดินทาง
เมื่อมาถึงที่เกาะลังกาวีประมาณ 10.30 น. ภาพที่เราจะเห็นก็คือ จตุรัสนกอินทรีย์ มีรูปปั้นนกอินทรีย์ตัวเบอเร่อ คอยต้อนรับนักท่องเที่ยว
จตุรัสนี้อยู่ติดกับท่าเรือเลยหากใครรีบไปถ่ายรูปตรงนี้ก็แค่เดินไปไม่กี่สิบก้าวก็ถึงแล้วครับ
พอเสร็จธุระเรื่องตรวจคนเข้าเมืองเราก็เดินออกมาจากท่าเรือเพื่อหารถเช่า ระหว่างเดินอยู่ก็จะมีมาถามเรื่อย ๆ ว่า เช่าแท๊กซี่มั้ย เช่าเรือมั้ย เช่ารถมั้ย
ระหว่างเดินอยู่ในท่าเรือก็สังเกตร้านของฝากพลาง ๆ มีสินค้าเยอะมาก ทั้งเสื้อผ้า เครื่องแก้ว ของกินของใช้ ละที่พลาดไม่ได้...ช็อคโกแลต เพราะมีเยอะ ราคาถูก และขึ้นชื่อ แต่ยังไม่ซื้อครับดูไว้ก่อน เผื่อซื้อของฝากที่อื่นไม่ทัน ท่าเรือก็ยังมีขายราคาปลอดภาษีเช่นกัน
แล้วผมก็เจอกับเจ้าของรถเช่า เขาพาไปที่รถเพื่อตกลงราคา เราได้รถเก๋งคันเล็กสีเหลือง สไตล์อีโก้คาร์ ราคาช่วงเทศกาลเลยได้แพงนิดนึงครับ อยู่ที่ 800 บาทต่อวัน สองวัน 1600 บาท
เมื่อเช่ารถได้แล้วก็เอาสัมภาระเก็บไว้ในรถแล้วก็เข้ามาในท่าเรือใหม่อีกครั้งเพื่อหาร้านโทรศัพท์ จะซื้อซิมมาเลย์มาใส่
ไปมั่วอยู่ที่ร้านโทรศัพท์ในท่าเรืออยู่สามร้านสุดท้ายไม่เรียบร้อยเพราะคนเยอะ และอีกอย่างเราฟังภาษาอังกฤษเขาไม่ออก สำเนียงภาษาอังกฤษคนมาเลย์เชื้อสายจีนฟังแล้วงงมาก แต่เนื่องจากบ้านผมพูดภาษามลายูด้วยเราจึงเข้าใจสามภาษา และเป็นภาษาที่ช่วยเราไว้ได้ไม่น้อยไปกว่าภาษาอังกฤษเลย
ออกจากท่าเรือจากนั้นเราก็ขับรถออกไปเติมน้ำมัน เพราะน้ำมันที่มีอยู่เหลือน้อยมาก ปั๊มน้ำมันในลังกาวีเป็นปั้มเติมเอง
ตอนแรกผมเข้าใจว่าเป็นเครื่องจ่ายน้ำมันแบบสอดแบ๊งค์เข้าไปแล้วกดปุ่มเติม แต่จริง ๆ ไม่ใช่ เราต้องเดินไปบอกพนักงานปั๊มที่เคานเตอร์ของเขา
แล้วเขาก็จะถามว่ารถคันไหน จ่ายเงินแล้วไปเติมได้เลย ผมเติมน้ำมัน 30 ริงกิต หรือประมาณ 255 บาท ได้น้ำมันครึ่งถัง น้ำมันมาเลยเซียถูกมากทั้ง ๆ ที่อยู่บนเกาะ
แต่เราคุ้นเคยกับน้ำมันแพง เลยล่อไป 30 ริงกิตเลย ขับไปเวียนเกาะรอบครึ่ง ใช้เวลาสองวัน ยังเหลืออยู่เยอะเลยเสียดายมาก
ในรถที่เราเช่ามานั้นมีสมุดแผนที่อยู่แล้วอยู่ในช่องเก็บของที่คอนโซล แต่ถึงยังไงก็สู้ GPS มือถือเราไม่ได้อยู่ดี เลยต้องรีบวิ่งหาร้านโทรศัพท์
แล้วก็มาเจอร้านคนจีนอีกเช่นเคย คุยอังกฤษใส่ก็แล้ว คุยมาเลย์ใส่ก็แล้ว สุดท้ายเขาได้ยินเราพูดไทย เขาก็เลยใช้ภาษาไทย พระเจ้า.....พูดไทยชัดมาก
ได้ซิมมาแล้ว เป็นซิมโทร + เน็ต 500 MB ราคา 1.6 ริงกิต (ประมาณ 136 บาท) ใช้สองวันยังเหลืออีก 400 MB.....เสียดายอีกแล้ว
ระหว่างขับรถอยู่ก็เกือบเที่ยงแล้ว แวะทานข้าวที่ร้านข้าวแกงข้างทาง จานละแค่ RM4 (ประมาณ 34 บาทเอง) กับข้าวตักเองด้วย คุ้มจริงๆ เจ้าของร้านพูดใต้สำเนียงสตูลชัดเจน 555 ภาษาอังกฤษกับมาเลย์ของผมไม่ต้องใช้เลย
รถมาเลเซียคันเล็ก ๆ ขับคล่องถนนมากแต่เนื่องจากไม่ชำนาญทางเราเลยขับช้า ๆ แล้วก็มาแวะละหมาดที่มัสยิดข้างทาง มัสยิดในลังกาวีมีเยอะพอ ๆ กับสถานที่ราชการแต่ละหลังใหญ่ ๆ และสวยทั้งหมด
14.00 น. ท้องอิ่ม รถพร้อม แผนที่กาง GPS มา ได้เวลาเที่ยวแล้วครับ สถานที่แรกที่ไปง่ายที่สุดคือสุสานพระนางมัสสุหรี เพราะอยู่ใกล้ตำแหน่ง GPS ปัจจุบันมากที่สุด
ถนนในลังกาวีจะเป็นถนนรอบเกาะเหมือนกับเกาะสมุย ความยาวประมาณ 60 กม. ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ใช้เส้นรอบเกาะนี่แหละ ไปยังไงก็ถึง
หากสังเกตในแผนที่ ลังกาวีจะมีย่านใหญ่ ๆ อยู่สามสี่ย่านคือ Kuah Keadwang Cenang ทั้งหมดอยู่บนเส้นรอบเกาะ
ขับรถมาสักพักก็มาถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่เคยขึ้นชื่อที่สุดของเกาะนั่นก็คือสุสานพระนางมัสสุหรี สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์อย่างสุสานแห่งนี้ มีการปรับปรุง
อย่างดี ที่จอดรถกว้างขวางและทางสถานที่เขาทำทางเดินให้เราต้องเดินเข้าร้านของฝากตลอด แต่ก่อนเข้าไปต้องจ่ายค่าเยี่ยมชมสถานที่คนละ 15 ริงกิต
ภายในจะมีตัวสุสาน พิพิธภัณฑ์ วังเก่า บ้านเกิดของพระนาง บ่อน้ำ และบ้านต่าง ๆ ในบริเวณรั้ว