[CR] รีวิว บินไปเที่ยวเวียงจันทร์ ด้วยงบสามพันกว่า

“สโลว์ไลฟ์ สบายๆ จ่ายแบบโลว์คอสต์”


อยู่ๆก็รู้สึกตื่นตัวกับ AEC พอดีมีเวลาว่างด้วยช่วงหลังปีใหม่ ก็เลยนึกครึ้มๆ เข้าไปหาตั๋วเครื่องบิน ออกไปดูประเทศเพื่อนบ้านสักกะหน่อยยย ทริปแรกของปี 2016 ก็จิ้มไปลาวเลยแล้วกัน “เวียงจันทร์” เมืองหลวงลาว คือเป้าหมายของทริปนี้ครัช!

อ๊ะ!!! แน่นอนว่าอยู่ๆนึกจะไปก็ไป แล้วใครล่ะจะไปด้วย โสดคนเดียว ไปคนเดียวสิครัช รอไร? ถามว่ากลัวเหงามั้ย? ได้ยินมาว่าคนลาวอัธยาศัยดี เดี๋ยวไปถึงก็คงมีเพื่อนล่ะน่า


ว่าแล้วก็จองตั๋ว ล่วงหน้าก่อนเดินทางแค่สองวัน ทริปนี้เปิดการเดินทางไปกับพี่สิงโต ไทย ไลอ้อน แอร์ แอบได้ยินมาว่ากำลังมาแรง เครื่องใหม่ ตั๋วถูก ก็จัดสิ... เบ็ดเสร็จ ค่าตั๋ว ไป-กลับ กรุงเทพฯ-อุดร ก็แค่ 1,645 บาท เอาใบจองปริ้นท์ไปจ่ายเงินที่ 7-11 โดนค่าบริการอีก 30 บาท ขำๆ จัดไป!

เรียบร้อยก็แพ็คกระเป๋า ใบเล็กๆ เสื้อยืดสามสี่ตัว กางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบ ยัดแตะไปด้วยอีกคู่ กล้องพร้อม ทั้งมือถือ และ Nikon D3200 คู่ใจ  ส่วนแพลนที่เหลือเดี๋ยวไปถึงอุดรค่อยว่ากัน เพราะทริปนี้บอกกับตัวเองว่าจะเป็น “สโลว์ไลฟ์ สบายๆ จ่ายแบบโลว์คอสต์” พูดเอง เออเองโลด!

แต่พอก่อนเดินทางได้วันเดียวก็แอบกังวลเรื่องที่พักเหมือนกันแฮะ อยู่บ้านว่างๆก็ลองหาข้อมูล เจอที่หนึ่งชื่อ Mixay Guesthouse เข้าท่าดี แต่ก็ไม่ได้จองอ่ะ กะว่าไปถึงจะลองหาทางเดินไป ดูในแผนที่กูเกิ้ลแล้ว น่าจะหาไม่ยาก เอาให้ชัวร์อีกนิส ก็ปริ้นท์แผนที่กูเกิ้ลมาเก็บไว้ด้วย 1 แผ่น

ทริปนี้ใช้กล้อง กับ มือถือ ถ่ายผสมกันนะครับ รูปอาจจะไม่สวย ขออภัยก่อนเรยน๊า ^_^


พอถึงวันเดินทาง ดันตื่นสายซะงั้น! แต่ก็ยังทันนะ ไปถึงสนามบิน 8.30น. เครื่องออก 9.50น. ทีแรกเสียวๆเหมือนกัน แต่พอไปถึงแถว Check In ที่เขาเปิดใหม่ ปรากฏว่าคนโล่ง ใจก็โล่ง ยังพอมีเวลาหาอะไรรองท้องใน 7-11 สนามบินอีกนิด

ตามคำกล่าวขาน พี่สิงโต เครื่องใหม่ดีจริง พรมทางเดินนี่ยังสะอาดอยู่เลยอ่ะ เบาะนั่งอาจจะฟิตไปนิสสสส แต่เอาน่า กับราคาตั๋วแค่นี้ บินแป๊บเดียว รับได้ๆ


หลังจากที่เครื่อง take off พนง ต้อนรับ (น่ารักด้วยจิ อิอิ) ก็แจกน้ำดื่มและโอริโอ ไม่มีอะไรทำก็อ่าน mag. บนเครื่องไปเรื่อย...


แพร๊บเดียวก็ถึงอุดร เอาล่ะ ทีนี้ก็ได้เวลาคลำหาทางไปเวียงจันทร์ สรุปว่า นั่งรถตู้เข้าเมืองก่อนดีกว่า จ่ายค่าตั๋ว 80 บาท รถจากสนามบินก็วิ่งเข้าเมือง ลงที่เซ็นทรัลอุดร ไม่รีบร้อน ตากแอร์ให้ร่างกายพอปรับตัวกับดินแดนอิสานสักพัก มองนาฬิกาบ่ายโมงซะล่ะ เลยเดินลงมาฟู๊ดคอร์ต จัดข้าวแกงไป 1 ชุด เสร็จก็เดินไปทางด้านหน้าห้าง ข้ามถนนไป บขส เก่า เดินแป๊บเดียวก็ถึงห้องจำหน่ายตั๋ว ไปเวียงจันทร์สนนราคา 80 บาท


รถ บขส หน้าตาก็แบบที่เคยคุ้นกันดี มีระบบปรับอากาศ เมื่อได้เวลาออกรถ ก็มุ่งหน้าสู่สะพานมิตรภาพไทย-ลาวที่หนองคาย ลงรถไปทำเรื่องผ่านแดน ไม่ซับซ้อน มีอะไรให้กรอกก็กรอก พอรถข้ามสะพานมาถึงฝั่งลาวก็ลงรถอีกที แต่รอบนี้ต้องไปซื้อบัตร ราคา 45 บาท พร้อมกรอกเอกสาร แล้วใช้บัตรเสียบเข้าประตูเหมือนที่ BTS ในกรุงเทพประมาณนั้น แล้วก็เป็นอันจบสิ้น เข้าลาวเรียบร้อย รถบัสจอดรออยู่ เดินขึ้นไปนั่งที่เดิม หลังจากนั้นอีกเกือบๆ 40 นาที รถก็มาถึงเวียงจันทร์



จุดที่รถจอดอยู่ในย่านที่เขาเรียกว่า ตลาดเซ้า เป็นคล้ายๆย่านคึกคักกลางเวียงจันทร์ รอบๆมีร้านขายของอยู่ริมถนน ข้ามถนนมาเป็นห้าง มีพวกสินค้าจากไทย มีของหัตถกรรม เกษตรกรรม ของทางลาวขายด้วย เดินพอผ่านๆ แล้วอยู่ๆก็ออกจากห้างมาอีกฝั่งทะลุสู่ถนนใหญ่ มองไปขวามือเห็นประตูซัย หรือ ประตูชัย เป็น landmark หนึ่งของเวียงจันทร์นั่นเอง มาถึงตรงนี้ก็พอจับหลักในแผนที่ได้แระ



ทริปนี้ไม่รีบครับ ก็เดินสิ เดินไปเดินมาสักครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ ก็มาถึงย่านนักท่องเที่ยว เริ่มมีเกสต์เฮ้าส์ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ จักรยานให้เช่า ออฟฟิศขายทัวร์ มีวัดบ้าง สถานที่ราชการเยอะพอสมควร (สังเกตจากธงชาติและเครื่องแบบของคนทำงานเอาอ่ะนะ)



จนสุดท้ายก็มาถึง Mixay Guesthouse จนได้ เอ้อ! ไม่หลง โอเคเรยยยย


ที่พักก็เป็นห้องพัดลม ง่ายๆตามรูป มีห้องน้ำรวม ที่นี่เหมือนสหประชาชาติ เพราะแขกที่มาพักมีมาจากทั่วทุกทวีป(มั้ง?) อเมริกา ยุโรป จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เยอะแยะไปหมด เข้าที่พักแล้วก็อาบน้ำอาบท่า ห้องน้ำสะอาดใช้ได้ น้ำแรงเย็นชื่นใจ เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ จัดแตะออกมาเดินสบายๆตอนเย็น สำรวจรอบๆ


ว่าแล้วก็ไปแลกเงินซะก่อน 1 บาทเท่ากับ 224.91 กีบ เลยจัดไปหนึ่งพันก่อน


เดินมาถึงซอยถัดไป ก็พบกับร้านหนึ่ง ดูเงียบๆ ชื่อ Little House เป็นลักษณะของบ้านที่ถูกนำมาแต่งเป็นร้านกาแฟทำนองนั้น



ว่าแล้วก็จัดกาแฟดริปมาจิบก่อนเลย อืมมม เป็นอะไรที่ zen มากมาย เอาล่ะ slow life เริ่มบังเกิดขึ้นมาจริงๆแล้วสิ


บรรยากาศร้านดูนิ่งๆ กาแฟนิ่มๆ ช่วยให้สงบจิตใจได้ดีทีเดียว

พอข้างนอกเริ่มมืด ก็เดินออกมาริมถนน เห็นมีตลาดนัดตั้งอยู่ เลยเดินเข้าไปดู ตลาดนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง มีคนเยอะ ตลาดขนาดใหญ่ แต่ของขายไม่น่าสนใจเท่าไหร่ เลยไม่ได้ถ่ายรูปมา (แก้ตัวไปงั้นแหละครับ จริงๆผมถ่ายรูปแสงน้อยมะสวยเรยยย 555)

เสร็จจากเดินตลาดอยู่สักพักก็หาอาหารกิน หิวมาก เลยไม่คิดอะไร จัดอินเดียไป 1 มื้อ มีแป้งนัน กับ แกงกะหรี่กุ้ง 1 ชุดสนนราคา 32,000 kip สบายไป 1 มื้อ หลังอาหารก็เล็งๆบาร์แถวนั้นไว้เหมือนกัน แต่เริ่มเหนื่อย เลยเข้าที่พักนอนหลับซะงั้น

คืนแรกผ่านไปได้สวย พัดลมเพดานเพียงพอให้นอนได้อย่างไม่ลำบากเลย ออกจะหนาวด้วยซ้ำ ตอนดึกๆ อากาศเย็นชื้นๆ หลับสบายมาก


เช้าวันรุ่งขึ้น ตื่นราวๆเก้าโมง แต่ก็ยังไม่อยากลุกไปไหน เลยหยิบมือถือมาเล่น โรงแรมมี WiFi ฟรีให้ใช้ แต่สักพักก็อาบน้ำอาบท่าไปหากาแฟดื่ม จนไปตกที่ร้านหนึ่งไม่ไกล ชื่อ Sinouk Café


ร้านมีความเป็นฝรั่งเศสมากๆ ดูทีแรกนึกว่าอยู่ปารีส ทั้งเมนู บรรยากาศนี่ใช่เลยอ่ะ


จึงเริ่มเช้านี้(จริงๆสายมากแล้ว)ด้วยกาแฟกับ แปง โอ ชอคโกล่า หรือ ครัวซองต์ชอคโกแลตนั่นเอง กินเบาๆ อ่านหนังสือพิมพ์ลาว พยายามอ่าน ดูรูป เพลินดีเหมือนกัน


เสร็จจากร้านนี้ก็เดินต่อ มุ่งหน้าไปย่านน้ำพุ ระหว่างเดินก็มีร้านน่ารักๆเยอะเลย เดินมาถึงน้ำพุ ทะลุมาอีกฝั่ง เจอร้านขายเฝอ ดูน่าจะเปิดมานาน อยู่ในตึกเก่าๆ มีคนกินเยอะ ดูๆคล้ายๆนักท่องเที่ยวจีน ตอนนั้นก็เกือบบ่ายแล้วก็เลยขอลองมื้อกลางวันนี่เลยละกัน


สั่งเฝอน้ำ แค่นั้น ส่วนน้ำ เขามีชาเย็นแถมให้ รอไม่นานก็ได้กิน เป็นเส้นเล็ก กรุบๆหนึบๆ น้ำซุปหวานกำลังดี ใสๆ รสชาติโอเคอยู่ แต่ถ้ากินรสจัดเขาก็มีเครื่องปรุงไว้ให้



เสร็จแล้วก็เดินต่อไปอีกสักระยะ ดูถนนหนทาง บ้านเมืองไปเรื่อยๆ


ใช้เวลาสิบนาทีเห็นจะได้ ก็มาเจอวัดสีสะเกด วัดเก่าแก่ของเวียงจันทร์ เข้าไปกราบพระ ขอพร ถ่ายรูป



วัดนี้มีพระพุทธรูปเก่าแก่เยอะมาก


ออกจากวัดสีสะเกดก็เดินกลับไปทางที่เดินมาเมื่อวาน ไปชมประตูชัย หยิบกล้องมาถ่ายรูปเพลินดีนะ


ที่ประตูชัยจะเห็นคนมายืนถ่ายรูปนำกลับไปเป็นที่ระลึกอยู่เรื่อยๆ


แล้วก็เดินกลับเอื่อยเฉื่อยมาเรื่อยๆจนค่ำพอดี ก็เริ่มหิว เดินหาของกินง่ายๆ แล้วก็มาพบกันร้านชื่อว่า “โต่น” ขายบะหมี่ เห็นคนเยอะ ดูแล้วก็น่าอร่อย เลยจัดมา 1 ชาม ใช้ได้อยู่ครับ ขอกระซิบนิส ว่าข้างๆกัน มีบาร์ เปิดถึงตีสอง ดื่มได้ สนุกดี อิอิ


วันสุดท้ายเริ่มมื้อเช้าแถวๆที่พักเหมือนเดิม  ร้านชื่อ Le Banneton เป็นแนวชิวๆ ก็เหมือนเดิมครับ


เล่นกาแฟ กับครัวซองต์ สบายๆ ดูคนเดินไปมา โต๊ะข้างๆกันมีชายเนปาลกำลังนั่งคุยกับสาวญี่ปุ่น แอบฟัง ได้ยินเขาพูดว่า นมที่ขายในเวียงจันทร์มาจากไทย ส่วนใหญ่หมดอายุไวมาก พ่อค้าคนกลางอาจซื้อนมใกล้หมดอายุจากไทยมาในต้นทุนที่ไม่สูง แล้วนำมาจำหน่ายทำกำไรในเวียงจันทร์ เขาว่าแบบนี้ สักพักเขาเห็นกล้องถ่ายรูปของเรา ก็หันมาชวนคุยเรื่องรูป คุยไปคุยมาก็เลยรู้ว่าเขามาจากไหนกัน



หลังจากเรียบร้อยเรื่องมื้อเช้าเบาๆ ก็เดินทอดน่องมาตามถนน มุ่งหน้าสู่ตลาดเซ้า หาตั๋วกลับอุดร ระหว่างทางสะดุดตากับร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ชื่อ Le Trio Coffee เลยเดินเข้าไปจัด เอสเพรสโซ่อีก 1 ช็อต เอาให้สว่างไปเรยยย 555


ขากลับซื้อตั๋วไป 24,000 กีบ เที่ยวนี้กลับรถลาวครับ พวงมาลัยซ้าย รถจะเก่าๆหน่อยแต่ก็โอเคนะ


รถออกจากเวียงจันทร์บ่ายสามโมง มาถึงอุดรห้าโมงครึ่ง หาอาหารกินที่ฟู๊ดคอร์ตเซ็นทรัล แล้วก็มานั่งเขียนรีวิว ดูเวลา สองทุ่มแล้ว เลยเซิร์จหาเบอร์แท๊กซี่ไปสนามบิน ใครจะเรียกแท็กซี่โทร. 0800101354 เหมาไปสนามบิน 150 บาท

สรุปค่าใช้จ่าย (คิดเป็นบาท 1 thb = 225 kip)
ตั๋วเครื่องบิน ไปกลับกรุงเทพฯ-อุดร Thai Lion Air รวมค่าธรรมเนียม 7-11 = 1,675 บาท
ที่พัก 2 คืน = 622 บาท
รถขาไปเวียงจันทร์ = 80 บาท
ค่าบัตรผ่านแดนลาวขาเข้า = 45 บาท
กาแฟดริปที่ Little House = 88 บาท
อาหารอินเดีย มื้อเย็น = 142 บาท
อาหารเช้าที่ Sinouk = 155 บาท
เฝอ = 75 บาท
เอสเปรสโซ่ที่ Le Trio Coffee = 44 บาท
เฝอที่ร้านโต่น = 66 บาท
อาหารเช้าที่ Le Banneton = 80 บาท
รถขากลับอุดร = 106 บาท
ค่าบัตรผ่านแดนลาวขาออก = 50
แท็กซี่ไปสนามบิน = 150 บาท
อื่นๆ กินน้ำกินท่า ฯลฯ = 300 บาท
รวม 3,678 บาท
ชื่อสินค้า:   เวียงจันทน์
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่