รีวิว แบ๊คแพค รถไฟฟรี โบกรถเที่ยว เชียงใหม่ ดอยผ้าห่มปก ดอยอ่างขาง ดอยอินทนน์ งบ 1600 กับทริปที่ไม่มีอะไรเป็นไปตามแผน

สวัสดีครับรีวิวนี้เป็นรีวิวแรกของผม ผิดหลาดอย่างไรติชม กันได้ครับ

หมายเหตุ 1 รีวิวนี้จะไม่ค่อยมีรูปนะครับ พอดีเอาไปแค่กล้องคอมแพค แบบไม่มีแบตสำสำรองด้วย
หมายเหตุ 2 เดินทางช่วง 21 – 25 ตุลาคม วันศุกร์ที่ 23 เป็นวันปิยะ
หมายเหตุ 3 รีวิวนี้เกิดจากความคิดที่ว่าข้อมูลเรื่องการเดินทางน่าจะเป็นประโยชน์
หมายเหตุ 4 ดองไว้นาน กว่าจะมาเขียน บางอย่างอาจคลาดเคลื่อนเล็กน้อย

    ทริปนี้เริ่มต้นจากการคุยกันกับเพื่อน ในช่วงเดือนกันยายน เพื่อนได้เกริ่นขึ้นมาว่า อยากนั่งรถไฟไปเที่ยวไกลๆจัง  ซึ่ง ณ เวลานั้นผมก็กำลังวางแผนจะไปอยู่พอดี เพราะ รถไฟฟรี จะหมดเขตวันที่ 31 ตุลาคม นั่นหมายถึงเดือน ตุลาคม เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้นั่งรถไฟฟรีไปเที่ยวเชียงใหม่ (ซึ่งภายหลังได้ต่อเวลาออกไปอีก) ก็เลยตกลงวันที่ และ วางแผนกันว่าจะไปไหนบ้างและแยกย้ายกันไปชักชวนหาเพื่อนร่วมทริปเพิ่ม ซึ่งผลปรากฎว่า

ก. เฮ้ยเพื่อนไปเชียงใหม่กันปะช่วงวันปิยะ
ข. ไปไหนยังไงบ้าง
ก. ไปกิ่วลมดอยผ้าห่มปก ไปอ่างขาง แล้วก็เที่ยวตัวเมือง
ข. เห้ยไปๆ อยากไปมานานละ
ก. นั่งรถไฟฟรีไป
ข. เออขอให้สนุกนะ คงไปด้วยไม่ได้

    ครับ เริ่มต้นสองคน จบที่สองคน ก็ไม่เป็นไรครับโอกาสสุดท้ายของรถไฟฟรี กี่คนก็ไป ก็วางแผนการเดินทางไว้ว่า คืนที่ 1 บนรถไฟ คืนที่ 2 ที่กิ่วลม(ดอยผ้าห่มปก) คืนที่ 3 (ดอยอ่างขาง) คืนที่ 4 (ตัวเมือง)

อธิบายเกี่ยวกับรถไฟฟรีนิดนึงครับ
รถไฟฟรีกรุงเทพเชียงใหม่มีรอบเดียวให้เลือกครับ
ขาไป ขบวนรถเร็ว 109 ออก 13.45 ถึง 04.05
ขากลับ ขบวนรถเร็ว 102 ออก 06.30 ถึง 21.10
สามารถขอซื้อตั๋วได้ที่เค้าเตอร์ในวันเดินทางตั้งแต่ ตี 5 หากช้าที่นั่งเต็มอาจเจอตั๋วยืน
รถไฟฟรีเป็นรถชั้นสามเก้าอี้นั่ง ไม่มีที่นอน นั่งหลับเท่านั้นและช่วงกลางคืนอากาศเย็นจนถึงหนาว

    เอาละครับเริ่มออกเดินทางไปด้วยกันเลยดีกว่า ผมกับเพื่อนเริ่มต้นด้วยการซื้อตั๋วที่หัวลำโพง ตอน 13.30 แบบว่ามั่นมาก วันพุธ รถไม่เต็มหรอก ระหว่างทางมีของกินบนขบวนรถเยอะมากครับ อาหารจากตู้เสบียงก็จัดว่ารถชาติดี ราคาถูก จะมีคนเดินขายอาหารยันประมาณ สี่ทุ่ม เลยครับ แต่สักสองทุ่มจะมีคนมาเดินขายพร้อมบอกว่ารอบสุดท้ายแล้วข้างหน้าไม่มีอะไรกินแล้ว 55555 ส่วนวิวขาไปไม่ค่อยมีอะไรครับเพราะช่วงที่วิวสวยๆ ไปถึงเอาตอนมืดซะแล้ว หลังจาก 15 ชั่วโมงผ่านไป ผมก็ถึงเชียงใหม่ ซึ่งวันที่ผมไป ถือว่าโชคดีมาก รถไฟถึงเชียงใหม่เลทไปเกือบๆ ชั่วโมงเท่านั้นเอง
    หลังจากมาถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่ ก็ยืดเส้นยืดสายคลายเมื่อย ถึงสักประมาณเกือบๆ 6 โมงก็เริ่มเดินทางต่อ จุดหมายปลายทางคือ สถานีขนส่งช้างเผือก ด้วยบริการรถแดง ซึ่งมีจอดอยู่มากมาย บริเวณสถานีรถไฟ ถามคันแรกก็โดนเลยครับ “มาเลยน้อง หัวละ 100”  ณ จังหวะนั้นบอกเลยหัวร้อนเลยครับ ความคิดในเวลานั้นคือ “ที่นี่ไม่น่าอยู่ ผู้คนจ้องจะฟันหัวกัน” (แต่เดี๋ยวจะมีเหตุการณ์ในวันอื่นๆ ให้ผมเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับเมืองเชียงใหม่) แต่เนื่องจากศึกษาราคามาก่อนหน้าแล้ว ก็เลยเดินไปหาคันที่มีคนขึ้นอยู่แล้วแต่รถยังไม่ออก ถามราคาตกลงราคา แล้วก็ขึ้นไป

    ***** หมายเหตุ อธิบายเกี่ยวกับรถแดงเชียงใหม่ รถแดง จริงๆแล้วคือรถเมล์ดีๆนี่เองครับ เป็นรถประจำทางมีราคาตายตัว 20 บาท อย่าได้หลงกล ต่อรองราคาอื่น ตลอดเวลาที่ใช้รถแดงเชียงใหม่ พวกผมใช้บทสนทนานี้ครับ

ก. พี่ครับคันนี้ผ่าน ..... ไหมครับ
ด. อ๋อ ผ่านน้องขึ้นมาเลย
ก. 20 บาทนะ
ข. ..... อื้ม

    หลังจากไปถึงสถานีขนส่งช้างเผือก พวกผมก็เข้าไปที่คิวรถ ถามเวลารถออก (รถบัส เชียงใหม่ – ฝาง) ซึ่งจะเป็นรถบัสพัดลม (ราคาประมาณ 100 บาท ผมจำราคาแน่ๆไม่ได้) ซึ่งเหลือเวลาเกือบชั่วโมง ระหว่างนั้น จะมีตลาดอยู่ใกล้ๆห่างประมาณร้อยเมตร ก็ไปหาข้าวเช้ากินกันก่อน จากเชียงใหม่ ถึง ฝางใช้เวลาประมาณ 2 – 3 ชั่วโมงได้

ถ้าจะไปดอยอ่างขางให้บอกว่าจะลงวัดหาดสำราญ
ถ้าจะไปดอยผ้าห่มปกให้ลงโรงพยาบาลฝาง

    เป้าหมายของวันแรกนี้ คือ ขึ้นไปที่ กิ่วลม จุดชมวิวที่สูงที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก อุทยานจะห่างจากโรงพยาบาลประมาณ 10 กิโลเมตร (ดูมาจากเว็บไหนจำไม่ได้ แต่ระยะประมาณนี้จริงๆครับ) ทีนี้ปัญหาเกิดครับ คือ แผนเดิมกะว่าลงรถแล้วจะเดินเท้า ประมาณ สอง – สาม ชั่วโมงเข้าอุทยาน เพราะยังไงก็ไม่รีบอยู่แล้ว แต่พอเปิดกูเกิลแมพ เพื่อดูว่าต้องเดินไปทางไหน กูเกิล บอกระยะทาง 30 กิโล เอาละครับเกิดอาการผิดแผนขึ้นละ ทีนี้ผมก็เลยแวะหลบแดด ร้านสะดวกซื้อแถวนั้นเพื่อเติมเงินโทรศัพท์ แล้วโทรถามทางอุทยานว่าจากโรงพยาบาลจะเข้าไปอุทยานจะไปยังไงได้บ้าง ทางอุทยานบอกมาสามทาง

1. รถเหลืองแถวนั้นเหมาเข้าไป
2. มอเตอร์ไซรับจ้าง
3. รถกระบะอุทยานจะออกมารับ (400 บาท ***มั้ง***)

ก็กำลังนั่งตัดสินใจกันเคร่งเลยครับ เพราะเดี๋ยวตอนขึ้นจากอุทยานไปกิ่วลม ยังจะต้องเสียค่ารถโฟว์วีล อีก 1800 เริ่มต้นจากว่าเดินเท้าฟรีๆ จะกลายเป็นทริปเหมารถซะละ แถมวันธรรมดาอย่างนี้จะหาโบกรถเข้าอุทยานคงยากซะด้วย

    แต่ระหว่างที่ผมกำลังตกลงกับเพื่อนอยู่ คุณแม่ อร (ใช้สรรพนามนี้ในการคุยกันครับ) คุณแม่ใจดีมากๆเลย ท่านได้ยินบทสนาของพวกผม ท่านจึงเข้ามาสอบถามพวกผม ว่าจะไปไหนกัน พอทราบว่าพวกผมจะไปอุทยาน คุณแม่ อร บอกอุทยานเลยบ้านคุณแม่ไปนิดหน่อย เดี๋ยวจะพาไปส่ง แถมยังให้เบอร์ติดต่อไว้เผื่อว่าขากลับออกจากอุทยาน แล้วหาทางออกมาไม่ได้ ให้โทรหาท่านได้ ผมกับเพื่อนซึ้งใจมากครับ กับความช่วยเหลือครั้งนี้ นอกจากจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือคนที่ไม่ได้รู้จักกันอย่างพวกผมยังห่วงใยกลัวว่าจะกลับกันไม่ได้อีก

    หลังจากนั่งรถไปได้ประมาณ 10 กิโลเมตร พวกผมก็ไปถึงอุทยานแห่งชาติ ดอยผ้าห่มปก ซึ่งมีของดีเป็นน้ำพุร้อน ก็พักกินข้าวเที่ยง ซื้อน้ำ ซื้อเสบียง เตรียมตัวจะขึ้นกิ่วลม (ร้านอาหารในอุทยานราคาปกติ รสชาติดีครับ) แต่ผิดแผนก๊อกสองครับคราวนี้หนักมาก เมื่อไปติดต่อเจ้าหน้าที่ ว่าจะขึ้นกิ่วลม เจ้าหน้าที่แจ้งว่าอุทยานปิด ไม่สามารถขึ้นกิ่วลมได้  !!! TT (ไม่แน่ใจว่าผมเช็คเวลาไม่ดี หรือ เพราะปีนี้ฝนตกลากยาว ทำให้เปิดช้ากว่าปกติ แนะนำว่าท่าเที่ยวช่วงคาบเกี่ยวโทรเช็คก่อนดีกว่า) ทีนี้ก้มานั่งวางแผนกันใหม่ละครับ คืนนี้จะนอนไหนดี ก็สรุปกันได้ว่าคงต้องไปที่ดอยอ่างขาง เพราะน่าจะง่ายที่สุดอยู่อำเภอเดียวกันเป็นที่เดียวที่จะไปทันขึ้นดอยกางเต้นท์นอนได้ ก็เลยโอเคครับเดินเที่ยวชมโดยรอบอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปกซะหน่อย ก่อนจะเริ่มเดินทางต่อ ส่วนน้ำพุร้อนไม่ได้แช่ครับไปถึงตอนเที่ยงแดดอย่างเดียวก็ร้อนพอละครับ


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่