ประเดิมกระทู้แรกในชีวิตเลยค่ะด้วยการรีวิวโรงแรม Hotel Amsterdam ซึ่งอยู่ในสวนสนุก Huis Ten Bosch เมืองซาเซโบะ จังหวัดนางาซากิ เนื่องจากเจ้าของกระทู้ตั้งใจว่าอยากลองพักโรงแรมที่อยู่ในเฮ้าส์เทนบอชดูสักครั้ง เพื่อจะซึมซับบรรยากาศภายในแบบเต็มที่และจะได้อยู่ชม illumination ตอนกลางคืนได้อย่างสะใจไม่ต้องรีบกลับด้วย ที่เลือก Hotel Amsterdam เพราะอยู่ใจกลางเฮ้าส์เทนบอช สะดวก ใกล้โซนร้านค้า ใกล้รถบัส และที่สำคัญคือราคาถูกที่สุดในบรรดาโรงแรมที่อยู่ด้านในเฮ้าส์เทนบอชเลยค่ะ ก่อนไปก็พยายามหารีวิวต่างๆดู แต่ก็เจอค่อนข้างน้อยมาก เลยคิดว่าถ้าเราได้ไปพักจะเก็บรูปและข้อมูลมาแชร์ให้คนอื่นได้ดูกันเผื่อใครกำลังหาข้อมูลที่จะไปพักที่นี่ค่ะ



Note : โรงแรมที่อยู่ภายในเฮ้าส์เทนบอชมี 4 แห่งคือ Hotel Europe, Hotel Amsterdam, Forest Villa และ Watermark Hotel โดย 3โรงแรมแรกจะเป็นของเครือเฮ้าส์เทนบอชโดยตรงค่ะ ( ส่วน Watermark นั้นเป็นคนละเครือกัน ) บริเวณด้านหน้าของสวนสนุกก็จะมีโรงแรมอื่นๆอีก ได้แก่ Hotel Okura JR Huis Ten bosch, Hotel Nikko Huis ten bosch และล่าสุดที่เปิดใหม่คือ Henn-na Hotel ซึ่งเป็นของเครือเฮาส์เทนบอชค่ะ

        ทริปนี้จขกท.ไปเที่ยวญี่ปุ่นเป็นเวลา 14 วันกับครอบครัว เน้นภูมิภาคคิวชูเป็นหลัก + ฮิโรชิมา + USJ ค่ะ
        เราพักที่ Hotel Amsterdam 1 คืน ( วันที่ 23 พ.ย. 58 ) ห้องที่เราจองเป็นห้องพักแบบ Standard Twin แบบนอน 4 คน ซึ่งเราจองกับเว็บโรงแรมโดยตรงค่ะ ได้ห้องมาในราคา 80,800 เยน ( ประมาณ 24,000 บาท ) ต่อ 4 คน ซึ่งราคานี้จะได้ทั้งห้องพัก + ตั๋วเข้าสวนสนุก 2 Day Passport + อาหารเช้า ซึ่งถือว่าราคาค่อนข้างโอเคเลยนะคะ เพราะราคา 2 Day Passport อย่างเดียวก็คนละสามพันกว่าบาทแล้ว ซึ่งการจองกับเว็บโรงแรมโดยตรงจะได้เป็นแพคเกจห้องพักพร้อมตั๋วเลยค่ะ ทีเดียวจบ ไม่ต้องไปซื้อเพิ่มให้ยุ่งยาก ( เคยลองคิดราคาแบบจองโรงแรมในเว็บอื่น แล้วไปซื้อตั๋วแยกโดยใช้สิทธิ์ลูกค้าโรงแรมเป็นส่วนลด ราคารวมก็สูสีกันนะคะ บางอันอาจจะแพงกว่าด้วยซ้ำ )
เว็บไซต์เฮาส์เทนบอช http://english.huistenbosch.co.jp
เว็บไซต์โรงแรม http://english.huistenbosch.co.jp/hotel/amsterdam/
ราคาตั๋วแบบต่างๆ http://english.huistenbosch.co.jp/guide/passport/

        เมื่อไปถึงสถานี JR Huis Ten Bosch ก็เดินลากกระเป๋าข้ามสะพานไปยังสวนสนุกได้เลยค่ะ ไม่ไกลมาก วิวสวยตื่นตาตื่นใจ เดินเพลินๆถ่ายรูปไปด้วย แป๊บเดียวถึงค่ะ จขกท.พาคุณพ่อคุณแม่อายุ 60 กับ 64 ไปด้วย ยังเดินลากกระเป๋าคนละใบกันสบายๆเลยค่ะ หรือถ้าใครไม่อยากลากกระเป๋าก็มีตู้ล็อคเกอร์หยอดเหรียญที่สถานีค่ะ มีตู้ใหญ่ใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ได้อยู่หลายตู้เลย

สถานี JR Huis Ten Bosch


พ่อกับแม่บอกแค่นี้สบายมาก ^^



        พอไปถึงบริเวณทางเข้าที่เป็นซุ้มประตูอิฐสีแดงเขียนว่า Huis Ten Bosch ให้มองไปทางขวาค่ะ จะเจอเคาท์เตอร์เช็คอินของโรงแรม ก็เข้าไปทำเรื่องเช็คอิน+ดรอปกระเป๋าไว้ได้เลยค่ะ เดี๋ยวทางโรงแรมเค้าจะเอากระเป๋าไปรอที่ห้องพักเราเอง เวลาเช็คอินจริงๆที่ตัวโรงแรมเลยคือ 15.00 น.เป็นต้นไปนะคะ คือที่เค้าท์เตอร์ด้านหน้าเนี่ยเราสามารถมาแต่เช้าแล้วดรอปกระเป๋าไว้ได้เลย แต่ต้องไปเช็คอินเข้าห้องพักที่ information ในโรงแรมอีกทีหลังบ่ายสามนะคะ ส่วนเวลาเช็คเอาท์โรงแรมคือ 11.00 น. ค่ะ

พอเจอซุ้มประตูแบบนี้ (มีร้านไอศกรีม Vito) หันขวาเลยค่ะ จะเจอที่สำหรับติดต่อเช็คอินโรงแรม


        ดรอปกระเป๋าเสร็จแล้วเคาท์เตอร์ก็จะให้ตั๋วเข้าเฮ้าส์เทนบอชเรามาค่ะ (เป็นตั๋วสำหรับวันแรกใบเดียว ของวันที่สองรับได้ที่ information โรงแรมค่ะ) คราวนี้ก็สบายละ เดินตัวเปล่าชิลๆไปสนุกกันในเฮ้าส์เทนบอชได้เลย

        Hotel Amsterdam เป็นโรงแรมที่อยู่ในโซน Amsterdam City ฝั่งตรงข้ามโรงแรมจะเป็นหอนาฬิกาและร้านค้าต่างๆ ป้ายรถบัสจะอยู่ตรงข้ามประตูโรงแรม ขากลับก็มารอขึ้นรถบัสตรงนี้ได้สบายเลยค่ะ ที่ป้ายจะมีตารางเวลาติดไว้



หอนาฬิกาที่อยู่ตรงหน้าโรงแรมค่ะ สวยงามถ่ายรูปกันเพลิน


ประตูทางเข้าโรงแรมค่ะ


        จากประตูโรงแรมเดินเข้ามาจะเป็นโถงทางเดินซึ่งเราจะเจอห้องอาหารก่อนเลยค่ะอยู่ซ้ายมือ ติดกับห้องอาหารจะมีสวนดอกไม้ ถัดมาขวามือก็จะเจอทางเข้าล็อบบี้ค่ะ บริเวณล็อบบี้โรงแรมตกแต่งสวยงาม มีดนตรีบรรเลง มีต้นคริสมาสต์ประดับเพราะใกล้เข้าเดือนธันวาคมแล้วค่ะ

โถงทางเดินจากประตู


สวนดอกไม้ outdoor ห้องอาหารอยู่ติดสวนดอกไม้



ล็อบบี้โรงแรม




        ห้องพักของเราอยู่ชั้น 2 เป็นห้องพัก Standard Twin แบบ 4 คน การตกแต่งก็จะเป็นสไตล์ยุโรปๆวินเทจนิดๆ มีเตียงเดี่ยว 4 เตียง เตียงกว้างสบายเลยค่ะ มีชุดโซฟาอยู่ข้างหน้าต่าง





ตู้เสื้อผ้าพร้อมชุดนอนและสลิปเปอร์อยู่ด้านในตู้


โต๊ะเครื่องแป้ง ชุดชงชากาแฟ ตู้เย็น ทีวี ตู้เก็บของ


        ห้องน้ำจะแยกเป็น ห้องอาบน้ำ กับ toilet คนละห้องกันค่ะ ภายในห้องอาบน้ำก็จะแยกเป็นห้องแต่งตัวซึ่งมีอ่างล้างหน้ากับโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมไดร์เป่าผม เค้าจะมีชุดอุปกรณ์ห้องน้ำไว้ให้เป็นถุงๆคนละถุงค่ะ ที่ชอบมากคือมีโดนัทสำหรับมัดผมใส่ไว้ให้ด้วย เปิดประตูเข้าไปอีกชั้นถึงจะเจออ่างอาบน้ำและอ่างล้างหน้าอีกอันค่ะ ก็จะมีแชมพู ครีมนวด และสบู่เหลวไว้ให้เหมือนปกติโรงแรมทั่วไป แต่ที่พิเศษคือเป็นคอลเล็คชั่นของ Laura Ashley ทั้งหมดเลยค่ะ

Toilet


อ่างล้างหน้าและโต๊ะเครื่องแป้งภายในห้องแต่งตัว




ห้องอาบน้ำ




        อาหารเช้าก็จะทานกันที่ห้องอาหารที่อยู่ใกล้ทางเข้าโรงแรมนั่นแหละค่ะ อาหารมีให้เลือกหลากหลายมากทั้งสไตล์ญี่ปุ่นและสไตล์ตะวันตก กินกันอิ่มหนำสำราญ ( ขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาค่ะ มัวแต่กิน )
        ส่วนขากลับต้องลากกระเป๋ากลับเองนะคะ ไม่มีคนขนกระเป๋าให้เหมือนขามา แต่ก็ไม่ลำบากค่ะ เราก็ลากกระเป๋าไปรอที่ป้ายรถบัสฝั่งตรงข้ามโรงแรม แล้วไปลงป้ายที่บริเวณประตูทางออก ( Farewell Gate ) ได้เลย ตอนเช็คเอาท์ที่ล็อบบี้โรงแรมเค้าจะให้ตั๋วสวนสนุกเรามาอีกใบสำหรับวันที่สอง ซึ่งใครจะอยู่เดินถ่ายรูปหรือเล่นเครื่องเล่นต่ออีกวันก็ได้ค่ะ แต่ถ้าใครจะกลับเลยก็เอาตั๋วไว้สำหรับใส่เครื่องอัตโนมัติตรงทางออก อย่าเพิ่งเก็บตั๋วลงกระเป๋าหรือทิ้งตั๋วนะคะ

ป้ายรถบัสอยู่ตรงข้ามประตูโรงแรมเลยค่ะ มีที่นั่งรอ


รถบัสสีน้ำเงินแบบนี้ค่ะ


        มีประสบการณ์ความโชคดีมาเล่าให้ฟังเพิ่มค่ะ^^ คือขากลับเนี่ย น้องของ จขกท.ดันลืมเป้ไว้บนรถบัสที่มาส่งตรงทางออก พอนึกขึ้นได้ ก็รีบกลับเข้าไปในเฮ้าส์เทนบอชเลยค่ะโดยใช้ตั๋วของวันที่สองนี่แหละผ่านเข้าผ่านออก สองพี่น้องวิ่งหน้าตั้งไปเช่าจักรยานแบบปั่นสองคน แล้วปั่นกลับไปทึ่โรงแรมด้วยความเร็วสูง เหงื่อแตกท่ามกลางอากาศหนาวเลยค่ะ คือตอนแรกจำไม่ได้ว่าลืมไว้ที่ป้ายรถบัสหน้าโรงแรมหรือบนรถบัสกันแน่ เดชะบุญพอไปถึงหน้าโรงแรมเจอรถบัสคันเดิมวนกลับมาจอดหน้าโรงแรมพอดีเป๊ะเลยค่ะ จำหน้าพี่คนขับได้ พี่คนขับก็จำเราได้ พอน้องเดินไปที่รถปุ๊บ พี่คนขับยื่นเป้พร้อมรอยยิ้มให้เลยค่ะ คือโชคดีมากกก คิดอยู่ว่าถ้าปั่นจักรยานช้าอีกนิดคงคลาดกันแล้ว และก็คงจะยังนึกไม่ออกต่อไปว่าลืมเป้ไว้ที่ไหน ขณะปั่นจักรยานกลับมาทางออกก็บังเอิญสวนกับรถบัสพี่แกอีกรอบค่ะ แกโบกมือยิ้มให้ใหญ่เลย ต่อมาโชคดีชั้นที่สองคือ พอเอาจักรยานกลับมาคืน คุณลุงคุณป้าเจ้าของร้านแกก็ตกใจค่ะว่าทำไมใช้เสร็จเร็วจัง (เค้าคิดค่าเช่าเป็นชั่วโมงค่ะ แต่เราปั่นไปไม่ถึง 15 นาที) เราก็บอกว่าเราลืมกระเป๋าเลยปั่นกลับไปเอาที่โรงแรม ตอนนี้ได้กระเป๋าคืนแล้ว คุณลุงคุณป้าเลยบอกว่างั้นไม่คิดเงิน คืนเงินมัดจำให้เรามาหมดเลยค่ะ แกบอกใช้แป๊บเดียวเองไม่คิดเงินละกันแต่ครั้งหน้ามาเที่ยวใหม่นะ คือเราประทับใจมากๆค่ะทั้งคุณลุงคุณป้าเจ้าของร้านเช่าจักรยานและพี่คนขับรถบัสเลย
        สุดท้ายนี้เอารูป illumination ตอนกลางคืนมาฝากค่ะ ของจริงสวยตะลึงม๊ากกก แล้วก็เยอะมากค่ะมีทุกโซนเลย ถ้าใครมีโอกาสมา Huis Ten Bosch เผื่อเวลาอยู่ดูไฟตอนกลางคืนก็ดีนะคะ บรรยากาศสวยคนละแบบกับตอนกลางวันเลย หรือถ้าไม่อยากเหนื่อยกลับดึกๆ ก็แพลนมาพักโรงแรมที่นี่เลยก็ได้ค่ะ ราคาอาจจะสูงกว่าข้างนอกสักหน่อย แต่คุ้มค่ามากค่ะ





ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ขาดตกบกพร่องยังไงบอกกันได้ รีวิวครั้งต่อไปจะได้ปรับปรุงค่ะ