สวัสดีค่ะชาวพันทิป
นี่เป็นกระทู้แรกของติ๊ดตี่ หลังจากตระเวนอ่านกระทู้ท่องเที่ยวของคนอื่นมานับไม่ถ้วน วันนี้มันอดไม่ไหวจริงๆ อยากจะถ่ายทอดประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบ “แบกเป้ลุยเดี่ยว” กับคนอื่นเค้าบ้างค่ะ
ภาษาอาจจะไม่สละสลวย แต่มีความตั้งใจที่จะเล่าเรื่องราวการเที่ยวคนเดียว ชิวๆ ชิคๆ ตามแบบฉบับคนโสดให้ผู้อ่านทุกคนได้เห็นว่า คนโสดเค้าเที่ยวกันยังไง ^^ (ต้องขอโทษด้วยถ้ารูปไม่ชัดนะคะ เพราะถ่ายด้วยกล้องมือถือของ OPPO)
ขอเท้าความก่อนว่า เพิ่งจะมาหัดเที่ยวคนเดียวก็หลังจากที่อกหักนี่แหละค่ะ รู้สึกว่าชีวิตต้องหัดอยู่คนเดียวให้ชิน และการเที่ยวต่างจังหวัดคนเดียวก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด พอค้นพบทางออกของชีวิตแล้วก็เริ่มลงมืออ่านกระทู้ท่องเที่ยวเลยจ้า อ่านๆๆๆ อ่านจนเกือบครบทุก 77 จังหวัด 555
และมาถึงวันหนึ่งก็ตัดสินใจออกเดินทางคนเดียวครั้งแรก โดยเลือกโกทูหัวหิน แล้วก็จบทริปด้วยความราบรื่นค่า
จนมาถึงครั้งที่สอง...
ต้องเรียกว่า ทริปกะทันหัน ก็ว่าได้เพราะ
เย็นวันที่ 22
เรา: พี่ สิ้นเดือนนี้หนูจะไปภูกระดึงนะ
พี่: ไม่ดีมั้ง ลำบากอะ ทำไมไม่ลองไปเที่ยวในเชียงใหม่ก่อนล่ะ ไปคนเดียวปลอดภัยด้วย คนเยอะดี
เรา: เอางั้นเหรอพี่ ก็ได้นะ มีรถไฟฟรีด้วย ประหยัดงบได้เยอะ
และเราก็เปลี่ยนจุดหมายเป็นเชียงใหม่ ณ ตอนนั้นเลย ทั้งๆที่เตรียมตัวจะไปภูกระดึงเต็มที่ แล้วก็ลงมือจองที่พักผ่านแอพ Booking เราเลือกพักที่โฮสเทลชื่อ “เฮือนสมิหลา” ตั้งอยู่ใกล้ประตูเชียงใหม่ ซึ่งประตูเชียงใหม่อยู่ตรงไหนก็ยังไม่รู้เลย
เย็นวันที่ 23
หลังจากสอบเสร็จก็กลับมาหารีวิวเที่ยวเชียงใหม่เลยจ้า โชคดีที่มีเยอะแยะไปหมด จากตอนแรกรู้สึกเฉยๆ ก็กลายเป็นตื่นเต้นขึ้นมาทันทีทันใด พอตกดึกก็จัดแจงจัดกระเป๋าเพราะต้องออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า
24/12/58
ตื่นตั้งแต่ตี 5.30 อาบน้ำแต่งตัวแล้วโทรจองรถตู้รอบ 07.00 น. ( รู้สึกว่าเร็วเกินไปสำหรับการไปขึ้นรถไฟรอบ 13.50 น.)
พอมาถึงอนุสาวรีย์ชัยก็ก้มหน้ามองนาฬิกา เฮ้ย! นี่เพิ่งจะ 09.00 น. (ลืมบอกไปว่าเราอยู่ชลบุรีนะจ้ะๆ) เอาไงดีล่ะทีนี้ เหลือเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมง ติ๊กต่อกๆๆ ปิ๊งงงง ไปนั่งรอที่สถานีรถไฟนี่แหละ เรื่อยๆ ชิวๆ ตามวิธี slow life 555
เราก็ขึ้นรถเมล์ไปชุมทางบางซื่อเลยจ้า ไปรับตั๋วรถไฟฟรีเสร็จก็มองหาที่ปักหลักเลย เพราะนั่นจะเป็นที่สิงสถิตย์ไปอีกหลายชั่วโมง
และแล้วเสียงสวรรค์ก็ดังขึ้น ขณะนี้ขบวนรถเร็วที่ 109 รับส่งผู้โดยสารไปยังสถานีปลายทางที่สถานีเชียงใหม่กำลังเคลื่อนเข้าสู่ชานชาลาที่ 1 แล้ว บลาๆๆ
เอ้า! ลุย
และเมือก้าวขึ้นสู่ตู้รถไฟ ปรากฏว่า...ที่นั่งเต็มจ้า ตีตั๋วยืนสิรอไร 555 ก็ทำใจไว้อยู่แล้วว่าขึ้นรถไฟฟรีนั้นเสี่ยงต่อการไม่มีที่นั่ง ยิ่งเป็นช่วงเทศกาลด้วยแล้ว คาดว่าน่าจะ 99.99% แน่นอน เอาฟะ ยืนก็ยืน คงจะไม่ได้ยืนไปถึงเชียงใหม่หรอก ทีนี้ก็มองหาที่ยืนเลย ตอนนั้นขี้เกียจเดินเลยยืนมันตรงทางขึ้นนั่นแหละ อากาศถ่ายเทดี เห็นวิวชัดด้วย
หลังจากยืนๆนั่งๆ อยู่ตรงบันไดรถไฟจนถึงพิษณุโลก ซึ่งมันผ่านจุดคำว่าเมื่อยมาเยอะแล้วบอกเลยค่า แต่ยังดีที่มีเพื่อนคุยตั้งแต่สถานรังสิต เลยทำให้ไม่เบื่อ แถมยังได้คำแนะนำในการหาที่เที่ยวในตัวเมืองเชียงใหม่จากเพื่อนร่วมทางอีกต่างหาก
25/12/58 ราวตี 5 นิดๆ จำเวลาไม่ได้ค่ะ เพราะสะลึมสะลืออยู่ 555 สะดุ้งตื่นมาตอนรถไฟวิ่งเข้าชานชาลาพอดี ถึงแล้ววววว พระเจ้า เชียงใหม่ หลังจากลงจากรถไฟก็ได้นัดกับเพื่อนร่วมทางที่นั่งคุยกันบนรถไฟว่าจะเดินไปที่ที่พักแถวประตูเชียงใหม่ เพราะไม่ได้เร่งรีบอะไร และจะได้ชมบ้านชมเมืองด้วย ซึ่งเราก็ตกปากรับคำทันทีเลยเพราะมาครั้งแรกอยากซึมซับบรรยากาศให้มากที่สุด เหนื่อยก็ยอม จากนั้นพวกเราสองคนก็เดิน แล้วก็เดินๆ ตอนแรกก็คิดว่าคงจะไม่ไกลมาก แต่พอเอาเข้าจริงๆ เล่นเอาเหนื่อยแฮกเลยจ้า สองกิโลกว่าๆ เอง หลังจากเจอเอาของไปเก็บที่โฮสเทลแล้วก็ออกไปหาอะไรกินกันที่ตลาดประตูเชียงใหม่ มื้อแรกของเราที่เชียงใหม่ก็คือ แต่แด่แด้นนนน
พอหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อนสิคะทีนี้ ตรงดิ่งกับที่พักเลย แต่เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปที่พักไว้ มัวแต่ตื่นตาตื่นใจอยู่ บอกข้อมูลคร่าวๆ ละกันค่ะ เฮือนสมิหลา โฮสเทล มีทั้งห้องรวมและห้องส่วนตัว ส่วนเรานักท่องเที่ยวงบน้อยตัวคนเดียวยังงี้ก็เลือกพักห้องรวมเลยจ้า ประหยัดดี ที่นี่มีบริการมอเตอร์ไซด์ให้เช่าด้วยนะ วันละ 150 บาท แต่เราไม่ได้เช่าหรอกเพราะขี่มอเตอร์ไซด์ไม่แข็ง เลือกเดินเที่ยวในตัวเมืองใกล้ๆที่พักเอาดีกว่า
หลังจากนอนพักเอาแรงไปได้นิดนึงก็คิดโปรแกรมเที่ยวเลยจ้า ที่แรกที่ไปก็คือดอยสุเทพ เห็นใครๆก็พูดว่ามาเชียงใหม่แล้วไม่ไปดอยสุเทพถือว่ายังมาไม่ถึง เราก็จัดให้เลยสิ ตอนนั้นราวๆ 9 โมงเราก็โบกรถแดงไปลงที่สวนสัตว์เชียงใหม่ เพราะมีคนบอกว่าจะถูกกว่าแบบเหมาไป แล้วค่อยไปต่อรถแดงที่หน้าสวนสัตว์อีกต่อหนึ่ง ซึ่งจะถ้าเราไม่ได้เหมาขึ้นดอยก็จะต้องรอให้คนครบ 10 คนก่อนถึงจะออกรถ เมื่อไปถึงดอยสุเทพคนขับก็นัดเวลากลับรถ โดยให้เวลาเที่ยวได้ประมาณชั่วโมงนึง รีบเลยจ้า ก่อนแยกย้ายกันคนขับบอกว่าขึ้นบันไดให้สนุกนะครับ 306 ขั้นเอง ห๊าาาา เอาจริงสิคะ ฮึบ!
เดี๋ยวมาต่อนะคะ
เอาใจไปทิ้งที่เมืองเชียงใหม่...คนเดียวกับรถไฟฟรี
นี่เป็นกระทู้แรกของติ๊ดตี่ หลังจากตระเวนอ่านกระทู้ท่องเที่ยวของคนอื่นมานับไม่ถ้วน วันนี้มันอดไม่ไหวจริงๆ อยากจะถ่ายทอดประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบ “แบกเป้ลุยเดี่ยว” กับคนอื่นเค้าบ้างค่ะ
ภาษาอาจจะไม่สละสลวย แต่มีความตั้งใจที่จะเล่าเรื่องราวการเที่ยวคนเดียว ชิวๆ ชิคๆ ตามแบบฉบับคนโสดให้ผู้อ่านทุกคนได้เห็นว่า คนโสดเค้าเที่ยวกันยังไง ^^ (ต้องขอโทษด้วยถ้ารูปไม่ชัดนะคะ เพราะถ่ายด้วยกล้องมือถือของ OPPO)
ขอเท้าความก่อนว่า เพิ่งจะมาหัดเที่ยวคนเดียวก็หลังจากที่อกหักนี่แหละค่ะ รู้สึกว่าชีวิตต้องหัดอยู่คนเดียวให้ชิน และการเที่ยวต่างจังหวัดคนเดียวก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด พอค้นพบทางออกของชีวิตแล้วก็เริ่มลงมืออ่านกระทู้ท่องเที่ยวเลยจ้า อ่านๆๆๆ อ่านจนเกือบครบทุก 77 จังหวัด 555
และมาถึงวันหนึ่งก็ตัดสินใจออกเดินทางคนเดียวครั้งแรก โดยเลือกโกทูหัวหิน แล้วก็จบทริปด้วยความราบรื่นค่า
จนมาถึงครั้งที่สอง...
ต้องเรียกว่า ทริปกะทันหัน ก็ว่าได้เพราะ
เย็นวันที่ 22
เรา: พี่ สิ้นเดือนนี้หนูจะไปภูกระดึงนะ
พี่: ไม่ดีมั้ง ลำบากอะ ทำไมไม่ลองไปเที่ยวในเชียงใหม่ก่อนล่ะ ไปคนเดียวปลอดภัยด้วย คนเยอะดี
เรา: เอางั้นเหรอพี่ ก็ได้นะ มีรถไฟฟรีด้วย ประหยัดงบได้เยอะ
และเราก็เปลี่ยนจุดหมายเป็นเชียงใหม่ ณ ตอนนั้นเลย ทั้งๆที่เตรียมตัวจะไปภูกระดึงเต็มที่ แล้วก็ลงมือจองที่พักผ่านแอพ Booking เราเลือกพักที่โฮสเทลชื่อ “เฮือนสมิหลา” ตั้งอยู่ใกล้ประตูเชียงใหม่ ซึ่งประตูเชียงใหม่อยู่ตรงไหนก็ยังไม่รู้เลย
เย็นวันที่ 23
หลังจากสอบเสร็จก็กลับมาหารีวิวเที่ยวเชียงใหม่เลยจ้า โชคดีที่มีเยอะแยะไปหมด จากตอนแรกรู้สึกเฉยๆ ก็กลายเป็นตื่นเต้นขึ้นมาทันทีทันใด พอตกดึกก็จัดแจงจัดกระเป๋าเพราะต้องออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า
24/12/58
ตื่นตั้งแต่ตี 5.30 อาบน้ำแต่งตัวแล้วโทรจองรถตู้รอบ 07.00 น. ( รู้สึกว่าเร็วเกินไปสำหรับการไปขึ้นรถไฟรอบ 13.50 น.)
พอมาถึงอนุสาวรีย์ชัยก็ก้มหน้ามองนาฬิกา เฮ้ย! นี่เพิ่งจะ 09.00 น. (ลืมบอกไปว่าเราอยู่ชลบุรีนะจ้ะๆ) เอาไงดีล่ะทีนี้ เหลือเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมง ติ๊กต่อกๆๆ ปิ๊งงงง ไปนั่งรอที่สถานีรถไฟนี่แหละ เรื่อยๆ ชิวๆ ตามวิธี slow life 555
เราก็ขึ้นรถเมล์ไปชุมทางบางซื่อเลยจ้า ไปรับตั๋วรถไฟฟรีเสร็จก็มองหาที่ปักหลักเลย เพราะนั่นจะเป็นที่สิงสถิตย์ไปอีกหลายชั่วโมง
และแล้วเสียงสวรรค์ก็ดังขึ้น ขณะนี้ขบวนรถเร็วที่ 109 รับส่งผู้โดยสารไปยังสถานีปลายทางที่สถานีเชียงใหม่กำลังเคลื่อนเข้าสู่ชานชาลาที่ 1 แล้ว บลาๆๆ
เอ้า! ลุย
และเมือก้าวขึ้นสู่ตู้รถไฟ ปรากฏว่า...ที่นั่งเต็มจ้า ตีตั๋วยืนสิรอไร 555 ก็ทำใจไว้อยู่แล้วว่าขึ้นรถไฟฟรีนั้นเสี่ยงต่อการไม่มีที่นั่ง ยิ่งเป็นช่วงเทศกาลด้วยแล้ว คาดว่าน่าจะ 99.99% แน่นอน เอาฟะ ยืนก็ยืน คงจะไม่ได้ยืนไปถึงเชียงใหม่หรอก ทีนี้ก็มองหาที่ยืนเลย ตอนนั้นขี้เกียจเดินเลยยืนมันตรงทางขึ้นนั่นแหละ อากาศถ่ายเทดี เห็นวิวชัดด้วย
หลังจากยืนๆนั่งๆ อยู่ตรงบันไดรถไฟจนถึงพิษณุโลก ซึ่งมันผ่านจุดคำว่าเมื่อยมาเยอะแล้วบอกเลยค่า แต่ยังดีที่มีเพื่อนคุยตั้งแต่สถานรังสิต เลยทำให้ไม่เบื่อ แถมยังได้คำแนะนำในการหาที่เที่ยวในตัวเมืองเชียงใหม่จากเพื่อนร่วมทางอีกต่างหาก
25/12/58 ราวตี 5 นิดๆ จำเวลาไม่ได้ค่ะ เพราะสะลึมสะลืออยู่ 555 สะดุ้งตื่นมาตอนรถไฟวิ่งเข้าชานชาลาพอดี ถึงแล้ววววว พระเจ้า เชียงใหม่ หลังจากลงจากรถไฟก็ได้นัดกับเพื่อนร่วมทางที่นั่งคุยกันบนรถไฟว่าจะเดินไปที่ที่พักแถวประตูเชียงใหม่ เพราะไม่ได้เร่งรีบอะไร และจะได้ชมบ้านชมเมืองด้วย ซึ่งเราก็ตกปากรับคำทันทีเลยเพราะมาครั้งแรกอยากซึมซับบรรยากาศให้มากที่สุด เหนื่อยก็ยอม จากนั้นพวกเราสองคนก็เดิน แล้วก็เดินๆ ตอนแรกก็คิดว่าคงจะไม่ไกลมาก แต่พอเอาเข้าจริงๆ เล่นเอาเหนื่อยแฮกเลยจ้า สองกิโลกว่าๆ เอง หลังจากเจอเอาของไปเก็บที่โฮสเทลแล้วก็ออกไปหาอะไรกินกันที่ตลาดประตูเชียงใหม่ มื้อแรกของเราที่เชียงใหม่ก็คือ แต่แด่แด้นนนน
พอหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อนสิคะทีนี้ ตรงดิ่งกับที่พักเลย แต่เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปที่พักไว้ มัวแต่ตื่นตาตื่นใจอยู่ บอกข้อมูลคร่าวๆ ละกันค่ะ เฮือนสมิหลา โฮสเทล มีทั้งห้องรวมและห้องส่วนตัว ส่วนเรานักท่องเที่ยวงบน้อยตัวคนเดียวยังงี้ก็เลือกพักห้องรวมเลยจ้า ประหยัดดี ที่นี่มีบริการมอเตอร์ไซด์ให้เช่าด้วยนะ วันละ 150 บาท แต่เราไม่ได้เช่าหรอกเพราะขี่มอเตอร์ไซด์ไม่แข็ง เลือกเดินเที่ยวในตัวเมืองใกล้ๆที่พักเอาดีกว่า
หลังจากนอนพักเอาแรงไปได้นิดนึงก็คิดโปรแกรมเที่ยวเลยจ้า ที่แรกที่ไปก็คือดอยสุเทพ เห็นใครๆก็พูดว่ามาเชียงใหม่แล้วไม่ไปดอยสุเทพถือว่ายังมาไม่ถึง เราก็จัดให้เลยสิ ตอนนั้นราวๆ 9 โมงเราก็โบกรถแดงไปลงที่สวนสัตว์เชียงใหม่ เพราะมีคนบอกว่าจะถูกกว่าแบบเหมาไป แล้วค่อยไปต่อรถแดงที่หน้าสวนสัตว์อีกต่อหนึ่ง ซึ่งจะถ้าเราไม่ได้เหมาขึ้นดอยก็จะต้องรอให้คนครบ 10 คนก่อนถึงจะออกรถ เมื่อไปถึงดอยสุเทพคนขับก็นัดเวลากลับรถ โดยให้เวลาเที่ยวได้ประมาณชั่วโมงนึง รีบเลยจ้า ก่อนแยกย้ายกันคนขับบอกว่าขึ้นบันไดให้สนุกนะครับ 306 ขั้นเอง ห๊าาาา เอาจริงสิคะ ฮึบ!
เดี๋ยวมาต่อนะคะ