คือตอนนี้มืดแปดด้าน เลยอยากขอความคิดเห็น คู่ที่มีประสบการณ์ จะแต่งงานกันอยู่แล้ว คู่เราจับมือกันวางแผนงานมาเป็นปี สุดท้ายใกล้วันงาน พ่อแม่บ่าว-สาว ความเห็นไม่ลงรอย ทะเลาะกันใหญ่โต จนบอกให้ยกเลิกงานแต่งบ้าง เครียดมากค่ะร้องไห้หนักมากจริงๆ
เรื่องมันมีอยู่ว่าครอบครัวเราสองคนเติบโตมาจากต่างจังหวัด เราคบกันตั้งแต่ม.ปลาย จนตอนนี้ 10 กว่าปี ลงความเห็นว่าควรลงหลักปักฐานได้แล้ว ครอบครัวทางผช.ได้ย้ายมาอยู่กทม.อย่างถาวร ส่วนครอบครัวเรา ยังอยู่ที่ต่างจังหวัดค่ะ ญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายอยู่ที่ต่างจังหวัดกันทั้งหมด งานเลยแยกจัดเป็น 2 ที่
1. งานพิธีผูกข้อมือทำที่ต่างจังหวัด เน้นญาติผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝั่ง แขกเช้าไม่ถึง 100 คน แขกโต๊ะจีนเที่ยงรวมๆ 450 คน
2. งานเลี้ยงฉลองจัดที่กทม.เน้นแขกพ่อเจ้าบ่าว และเพื่อนร่วมงาน บ่าว-สาว 650 คน
ขอท้าวความถึงวันที่เรานัดเอาญาติผู้ใหญ่มาคุยกัน เรื่องสถานที่ และรายละเอียดการจัดงานทุกอย่างลงตัวหมด ยกเว้นเรื่องค่าสินสอดและค่าใช้จ่าย คือ พ่อเจ้าบ่าว เป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม แต่ขี้เหนียวมาก งานพิธีทีแรกแม่เราจะขอจัดที่บ้าน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ให้เอาผู้ใหญ่มาสู่ขอที่บ้าน พอเป็นพิธีก็พอ แต่ทางพ่อเจ้าบ่าวก็พูดเองว่าต้องจัดโรงแรมประจำจังหวัด เพื่อสมเกียรติและหน้าตาเค้า ตอนญาติผู้ใหญ่คุยกัน คือทุกคนเข้าใจหมดว่าพ่อเจ้าบ่าวเป็นคนรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายเอง เพราะทางพ่อเจ้าบ่าว พูดเองว่า ”ไม่มีปัญหา” ส่วนสินสอดก่อนทางครอบครัวเราเรียกไป 500,000 แต่เราก็คุยกันได้ว่าจะเอามาโชว์ ส่วนจะให้เท่าไหร่คุยกันอีกที ทางแม่เจ้าบ่าวก็สวนขึ้นกลางวงมาว่า ไหนคุณบอกว่าจะไม่ขายลูกสาวกิน นี่ฉันก็เป็นเจ้าสาวมาก่อน พ่อแม่ฉันไม่เคยเรียกสินสอด ค่าน้ำนมสักบาท
พวกญาติๆเราเลยบอกว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว ที่นั่งกันหัวหงอกหัวดำนี่ก็เคยเป็นเจ้าสาว ผ่านการแต่งงานมาทั้งนั้น ยุคสมัยพวกเรามันปากกัดตีนถีบ พ่อแม่ไม่มีให้หรอก แต่สมัยนี้เด็กมันจะสร้างเนื้อสร้างตัวกันได้ ก็ต้องมีพ่อแม่ช่วยสนับสนุนเป็นทุนกันก่อน คือทางบ้านเจ้าบ่าวค่อนข้างดูถูกฐานะทางบ้านเรา บ้านเราจนก็จริง แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ แม่เราเลี้ยงเรามาอย่างดี จะไม่ให้อะไรแม่เราเลยเหรอ เราได้ทุนเรียนมหาลัยระดับประเทศ ได้ทุนเรียนจบโทเมืองนอก หน้าที่การงาน เงินเดือนดี แต่กับแฟนเรานั้นตรงกันข้ามทุกอย่าง เอาเป็นว่าลูกชายเค้าแต่งกับเรา ลูกเขาสบายเขาเลยยอมให้แต่งด้วย อันที่จริง แม่เราไม่เต็มใจยกเราให้เพราะถูกดูถูกหลายอย่าง เหมือนใส่พานยกเราให้เค้าฟรีๆเพราะแต่งงานไปเราต้องอยู่บ้านกทม.กับพ่อแม่ฝ่ายชาย แถมค่าใช้จ่ายก็ต้องเป็นเราอีกเพราะหาเงินได้เยอะกว่า
ตอนนี้เรื่องมันเลยเถิดไปที่ว่าแม่แฟนเป็นคนพูดขวานผ่าซาก และคำพูดกลับกลอกไปมา หาเรื่องยุให้เราทะเลาะกับแฟนตลอดเวลา พูดต่อหน้าเราดี พอลับหลังเราตำหนิเราให้แฟนเราฟัง วันนึงพูดอีกอย่าง พออีกวันกลับพูดอีกอย่าง ส่วนแม่เราก็เจ้าอารมณ์ไม่ยอมง่ายๆ ยิ่งพูดจาไม่มีเหตุผลมา แกนี่จะปรี๊ดสุดๆ
แม่เจ้าบ่าวเริ่มเข้ามาก้าวก่าย โทรหาแม่เราเรื่องค่าสินสอด ให้เรานัดวันแม่เราเพื่อจะเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อไปคุยด้วย แม่เราก็ดีใจเพราะใกล้วันงานแล้ว บอกยินดีมากๆ เรียนเชิญมากินข้าวกันที่บ้าน เค้าก็บอกว่าเสียศักดิ์ศรี เขาเป็นผู้ใหญ่กว่า แม่เราต้องเดินทางเข้าในตัวเมืองไปหาเค้าสิ แต่ไม่ให้มาเหยียบบ้านเค้านะ เพราะยังไม่นับเป็นญาติกัน นัดกันที่ร้านอาหารก็พอ แต่แทนที่จะเก็บเรื่องไว้คุยกันวันที่จะเจอกัน แม่เจ้าบ่าวเกิดอะไรขึ้นไม่รู้ ต่อสายโทรศัพท์โทรไปต่อว่าแม่เราเป็นข้อๆ แม่เราก็งง ฉันไปพูดอะไรไว้ตอนไหน เพราะทุกเรื่องแม่ดูเหมือนแม่เราผิดหมด
1. งานน่ะทำไมไม่จัดเล็กๆ ทำไมไม่จัดที่บ้าน พอเห็นว่าทางนี้จะออกค่าใช้จ่าย เลยหน้าใหญ่ ย้ายไปจัดโรงแรมเลยเหรอ
*** งงที่ว่า แม่เราไม่เคยพูดสักคำเรื่องการจัดโรงแรม พ่อเจ้าบ่าวเป็นคนขอเอง***
2. พ่อเค้าบอกว่าไม่รับรู้เรื่องค่าใช้จ่ายนะ คำพูดที่ว่า “ไม่มีปัญหา” ไม่ได้หมายความว่าเค้ารับปากว่าจะจ่ายนะ แม่เจ้าสาวพูดเองไม่ใช่เหรอว่างานที่ต่างจังหวัดจะจ่ายเอง
***มันคืออะไร คือมากลับคำเอาหน้าด้านๆ ***
3. ค่าสินสอดเค้าไม่มีให้นะ จะไปตัวเปล่านี่แหละ ถ้าไม่พอใจ ทางฝั่งเจ้าบ่าวก็จะหนีกลับกันหมด พานขันหมากก็ไม่ต้องมี ไม่ต้องมีแห่ขันหมาก มาถึงก็นั่งผู้ข้อไม้ข้อมือ แล้วก็แยกย้ายกันกลับ
4. เหล้าในงานน่ะ ขอร้องเลยนะว่าไม่ให้มี งานไหนเค้าจะมีก็เรื่องของเค้า งานนี้ฉันไม่ให้มี อัปมงคล ฉันเคยเห็นคนตีกันในงาน
*** คืองานเป็นงานเช้า-เลี้ยงโต๊ะจีนเที่ยง จะเสิรฟเหล้าก็แค่ 12.00-15.00น นอกนั้นโรงแรมเค้าก็ไม่ให้อยู่แล้ว มันจะเมากันได้ขนาดนั้นเลยเหรอ อีกอย่างเป็นงานโรงแรม ไม่มีใครเค้ากินกันจนเมาหัวราน้ำหรอก***
แม่เราฟัง พูดได้แค่ว่า “ค่ะๆๆ” เพราะเค้าไม่เปิดช่องให้แม่เราพูดเลย จนสุดท้ายแม่เราปรี๊ด ทนไม่ไหว ใส่ไปเลยว่าถ้าจะมาจัดงานเพื่อมาขายหน้ากัน จะจัดไปทำไม ไม่ต้องจัด ทางนี้ก็ไม่ขอรับรู้ว่ามันจะเป็นผัวเป็นเมียกัน ถ้าจะเลิกกันก็ง่ายดี เพราะไม่มีใครเค้ารู้ คำพูดกลับกลอก ไป-มา สุดท้ายว่าทางนี้เสียหายหมด ทั้งๆทางตัวเองเป็นคนพูดตั้งแต่แรก ไม่ต้องแต่งมันแล้ว
งานเราจะจัดเดือนหน้านี้แล้ว ตอนนี้มือดแปดด้าน จะเดินหน้าต่อ หรือยกเลิกงานแต่งดี เราหันหน้ามาเปิดอกคุยกันกับแฟน คือเราสองคนรักกันมาก สัญญาว่าจะไม่ทิ้งกัน ฟันฝ่าอุปสรรคด้วยกันมาตั้งเยอะ มาจนมุมเอาเพราะเรื่องแบบนี้ แฟนเราขอร้องว่าอย่าพูดคำว่าล้มเลิกงานแต่ง เราต้องมีความหวังว่าเราต้องได้แต่งงานกัน แต่ทางออกมันคืออะไร จะทำยังไงให้ทั้ง 2 ฝั่งคุยกันรู้เรื่อง เพราะตอนนี้เหมือนจะมองหน้ากันไม่ติดแล้ว
ขอความคิดเห็น จะแต่งงาน พ่อแม่เจ้าบ่าว-สาว ทะเลาะกัน ทำยังไงดี
เรื่องมันมีอยู่ว่าครอบครัวเราสองคนเติบโตมาจากต่างจังหวัด เราคบกันตั้งแต่ม.ปลาย จนตอนนี้ 10 กว่าปี ลงความเห็นว่าควรลงหลักปักฐานได้แล้ว ครอบครัวทางผช.ได้ย้ายมาอยู่กทม.อย่างถาวร ส่วนครอบครัวเรา ยังอยู่ที่ต่างจังหวัดค่ะ ญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายอยู่ที่ต่างจังหวัดกันทั้งหมด งานเลยแยกจัดเป็น 2 ที่
1. งานพิธีผูกข้อมือทำที่ต่างจังหวัด เน้นญาติผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝั่ง แขกเช้าไม่ถึง 100 คน แขกโต๊ะจีนเที่ยงรวมๆ 450 คน
2. งานเลี้ยงฉลองจัดที่กทม.เน้นแขกพ่อเจ้าบ่าว และเพื่อนร่วมงาน บ่าว-สาว 650 คน
ขอท้าวความถึงวันที่เรานัดเอาญาติผู้ใหญ่มาคุยกัน เรื่องสถานที่ และรายละเอียดการจัดงานทุกอย่างลงตัวหมด ยกเว้นเรื่องค่าสินสอดและค่าใช้จ่าย คือ พ่อเจ้าบ่าว เป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม แต่ขี้เหนียวมาก งานพิธีทีแรกแม่เราจะขอจัดที่บ้าน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ให้เอาผู้ใหญ่มาสู่ขอที่บ้าน พอเป็นพิธีก็พอ แต่ทางพ่อเจ้าบ่าวก็พูดเองว่าต้องจัดโรงแรมประจำจังหวัด เพื่อสมเกียรติและหน้าตาเค้า ตอนญาติผู้ใหญ่คุยกัน คือทุกคนเข้าใจหมดว่าพ่อเจ้าบ่าวเป็นคนรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายเอง เพราะทางพ่อเจ้าบ่าว พูดเองว่า ”ไม่มีปัญหา” ส่วนสินสอดก่อนทางครอบครัวเราเรียกไป 500,000 แต่เราก็คุยกันได้ว่าจะเอามาโชว์ ส่วนจะให้เท่าไหร่คุยกันอีกที ทางแม่เจ้าบ่าวก็สวนขึ้นกลางวงมาว่า ไหนคุณบอกว่าจะไม่ขายลูกสาวกิน นี่ฉันก็เป็นเจ้าสาวมาก่อน พ่อแม่ฉันไม่เคยเรียกสินสอด ค่าน้ำนมสักบาท
พวกญาติๆเราเลยบอกว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว ที่นั่งกันหัวหงอกหัวดำนี่ก็เคยเป็นเจ้าสาว ผ่านการแต่งงานมาทั้งนั้น ยุคสมัยพวกเรามันปากกัดตีนถีบ พ่อแม่ไม่มีให้หรอก แต่สมัยนี้เด็กมันจะสร้างเนื้อสร้างตัวกันได้ ก็ต้องมีพ่อแม่ช่วยสนับสนุนเป็นทุนกันก่อน คือทางบ้านเจ้าบ่าวค่อนข้างดูถูกฐานะทางบ้านเรา บ้านเราจนก็จริง แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ แม่เราเลี้ยงเรามาอย่างดี จะไม่ให้อะไรแม่เราเลยเหรอ เราได้ทุนเรียนมหาลัยระดับประเทศ ได้ทุนเรียนจบโทเมืองนอก หน้าที่การงาน เงินเดือนดี แต่กับแฟนเรานั้นตรงกันข้ามทุกอย่าง เอาเป็นว่าลูกชายเค้าแต่งกับเรา ลูกเขาสบายเขาเลยยอมให้แต่งด้วย อันที่จริง แม่เราไม่เต็มใจยกเราให้เพราะถูกดูถูกหลายอย่าง เหมือนใส่พานยกเราให้เค้าฟรีๆเพราะแต่งงานไปเราต้องอยู่บ้านกทม.กับพ่อแม่ฝ่ายชาย แถมค่าใช้จ่ายก็ต้องเป็นเราอีกเพราะหาเงินได้เยอะกว่า
ตอนนี้เรื่องมันเลยเถิดไปที่ว่าแม่แฟนเป็นคนพูดขวานผ่าซาก และคำพูดกลับกลอกไปมา หาเรื่องยุให้เราทะเลาะกับแฟนตลอดเวลา พูดต่อหน้าเราดี พอลับหลังเราตำหนิเราให้แฟนเราฟัง วันนึงพูดอีกอย่าง พออีกวันกลับพูดอีกอย่าง ส่วนแม่เราก็เจ้าอารมณ์ไม่ยอมง่ายๆ ยิ่งพูดจาไม่มีเหตุผลมา แกนี่จะปรี๊ดสุดๆ
แม่เจ้าบ่าวเริ่มเข้ามาก้าวก่าย โทรหาแม่เราเรื่องค่าสินสอด ให้เรานัดวันแม่เราเพื่อจะเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อไปคุยด้วย แม่เราก็ดีใจเพราะใกล้วันงานแล้ว บอกยินดีมากๆ เรียนเชิญมากินข้าวกันที่บ้าน เค้าก็บอกว่าเสียศักดิ์ศรี เขาเป็นผู้ใหญ่กว่า แม่เราต้องเดินทางเข้าในตัวเมืองไปหาเค้าสิ แต่ไม่ให้มาเหยียบบ้านเค้านะ เพราะยังไม่นับเป็นญาติกัน นัดกันที่ร้านอาหารก็พอ แต่แทนที่จะเก็บเรื่องไว้คุยกันวันที่จะเจอกัน แม่เจ้าบ่าวเกิดอะไรขึ้นไม่รู้ ต่อสายโทรศัพท์โทรไปต่อว่าแม่เราเป็นข้อๆ แม่เราก็งง ฉันไปพูดอะไรไว้ตอนไหน เพราะทุกเรื่องแม่ดูเหมือนแม่เราผิดหมด
1. งานน่ะทำไมไม่จัดเล็กๆ ทำไมไม่จัดที่บ้าน พอเห็นว่าทางนี้จะออกค่าใช้จ่าย เลยหน้าใหญ่ ย้ายไปจัดโรงแรมเลยเหรอ
*** งงที่ว่า แม่เราไม่เคยพูดสักคำเรื่องการจัดโรงแรม พ่อเจ้าบ่าวเป็นคนขอเอง***
2. พ่อเค้าบอกว่าไม่รับรู้เรื่องค่าใช้จ่ายนะ คำพูดที่ว่า “ไม่มีปัญหา” ไม่ได้หมายความว่าเค้ารับปากว่าจะจ่ายนะ แม่เจ้าสาวพูดเองไม่ใช่เหรอว่างานที่ต่างจังหวัดจะจ่ายเอง
***มันคืออะไร คือมากลับคำเอาหน้าด้านๆ ***
3. ค่าสินสอดเค้าไม่มีให้นะ จะไปตัวเปล่านี่แหละ ถ้าไม่พอใจ ทางฝั่งเจ้าบ่าวก็จะหนีกลับกันหมด พานขันหมากก็ไม่ต้องมี ไม่ต้องมีแห่ขันหมาก มาถึงก็นั่งผู้ข้อไม้ข้อมือ แล้วก็แยกย้ายกันกลับ
4. เหล้าในงานน่ะ ขอร้องเลยนะว่าไม่ให้มี งานไหนเค้าจะมีก็เรื่องของเค้า งานนี้ฉันไม่ให้มี อัปมงคล ฉันเคยเห็นคนตีกันในงาน
*** คืองานเป็นงานเช้า-เลี้ยงโต๊ะจีนเที่ยง จะเสิรฟเหล้าก็แค่ 12.00-15.00น นอกนั้นโรงแรมเค้าก็ไม่ให้อยู่แล้ว มันจะเมากันได้ขนาดนั้นเลยเหรอ อีกอย่างเป็นงานโรงแรม ไม่มีใครเค้ากินกันจนเมาหัวราน้ำหรอก***
แม่เราฟัง พูดได้แค่ว่า “ค่ะๆๆ” เพราะเค้าไม่เปิดช่องให้แม่เราพูดเลย จนสุดท้ายแม่เราปรี๊ด ทนไม่ไหว ใส่ไปเลยว่าถ้าจะมาจัดงานเพื่อมาขายหน้ากัน จะจัดไปทำไม ไม่ต้องจัด ทางนี้ก็ไม่ขอรับรู้ว่ามันจะเป็นผัวเป็นเมียกัน ถ้าจะเลิกกันก็ง่ายดี เพราะไม่มีใครเค้ารู้ คำพูดกลับกลอก ไป-มา สุดท้ายว่าทางนี้เสียหายหมด ทั้งๆทางตัวเองเป็นคนพูดตั้งแต่แรก ไม่ต้องแต่งมันแล้ว
งานเราจะจัดเดือนหน้านี้แล้ว ตอนนี้มือดแปดด้าน จะเดินหน้าต่อ หรือยกเลิกงานแต่งดี เราหันหน้ามาเปิดอกคุยกันกับแฟน คือเราสองคนรักกันมาก สัญญาว่าจะไม่ทิ้งกัน ฟันฝ่าอุปสรรคด้วยกันมาตั้งเยอะ มาจนมุมเอาเพราะเรื่องแบบนี้ แฟนเราขอร้องว่าอย่าพูดคำว่าล้มเลิกงานแต่ง เราต้องมีความหวังว่าเราต้องได้แต่งงานกัน แต่ทางออกมันคืออะไร จะทำยังไงให้ทั้ง 2 ฝั่งคุยกันรู้เรื่อง เพราะตอนนี้เหมือนจะมองหน้ากันไม่ติดแล้ว