[CR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยจีน21วัน ไปกัมพูชา เวียดนาม จีน (รถไฟ) ล่องเรือกลับทางลาว ตอนที่ 7 มหานครเซี่ยงไฮ้

“ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก” ตะลุยจีน 21 วัน ผ่านกัมพูชา เวียดนาม สุดทางที่กำแพงเมืองจีน ขากลับล่องเรือผ่านลาว นั่งรถไฟเป็นส่วนใหญ่ ไม่นั่งเครื่องบินเลย

ตอนที่ 7 มหานครเชี่ยงไฮ้ จีน

เซี้ยะเสี้ยและส้ายเจี้ยนกว่างโจว หนีห่าวเซี่ยงไฮ้ สวัสดีพี่น้องลูกหลานไท่กั๋ว
เซี่ยงไฮ้เป็นหนึ่งใน 4 มหานครของจีนซึ่งประกอบด้วยปักกิ่ง เทียนจิน ฉงชิ่งและเซี่ยงไฮ้ มีฉายาว่าปารีสแห่งตะวันออก มีพื้นที่ 6,340 ตร.กม.ใหญ่กว่ากทม. 4 เท่า มีประชากร 23 ล้านคนมากที่สุดในจีนมากกว่ากทม.เกือบ 6 เท่า รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปี 431,788 บาท มากกว่ากทม.5 เท่า

เราถึงเซี่ยงไฮ้ 10.20 น. ตรงเวลา มีตั๋วยืนบ้างแต่ไม่มาก ไม่โหดอย่างที่คิด กว่าจะหาที่ซื้อตั๋วและซื้อตั๋วได้ก็เกือบเที่ยง เพราะสถานีรถไฟใหญ่มาก แยกส่วนออกไปหมด และตั๋วขบวนที่เราเลือกไว้ 3 ขบวนก็หมดไปแล้ว ต้องวางแผนใหม่ ในที่สุดก็ได้ตั๋วไปมหานครเทียนจินวันนี้ เป็นรถนอนชั้น 2 ขบวน K188 ค่าตั๋วคนละ 289.5 หยวน ออกจากเซี่ยงไฮ้ 18.08 น. ต้องรีบกันอีกแล้ว เรากำลังจะหาทางไปหอไข่มุกกัน ตอนค่ำถ้าแบ็ตยังพอมีจะรายงานมา

ขบวนรถ K188 ออกจากสถานีตรงเวลา การเดินทางท่องเที่ยววันนี้ เริ่มจากสถานีใต้ดินเซี่ยงไฮ้ ด้วยสาย 1 ไป 3 สถานี พวกเราผ่านการใช้รถไฟใต้ดินมาจากกวางโจวแล้ว เซี่ยงไฮ้ มีรถไฟใต้ดินมาก่อนหลายปี ระบบจึงทุกอย่างไม่ทันสมัยเท่ากวางโจว และคนขับก็ซิ่งกว่า อักษรภาษาอังกฤษก็หายากและตัวเล็กมาก ต้องเล็งแล้วเล็งอีก ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากสาวน้อยนักศึกษาและจนท.ที่จุดแรก ให้ช่วยหาและเขียนภาษาจีน พร้อมทั้งออกเสียงให้เราฟัง เพื่อที่จะนำไปใช้ในสถานีถัดไปเพราะต้องมีการเปลี่ยนสายรถจากสาย 1 เป็นสาย 2 ที่สถานี People's square หรือ ลู่จาจ๋วย ไปที่สถานี Oriental Pearl หรือ ตงซอหมิงจุ๊ กระจกกั้นชานชาลากับตัวรถที่เซี่ยงไฮ้ส่วนใหญ่ไม่เต็มแผ่นเหมือนกวางโจว  เมื่อไปถึงหอไข่มุกเป็นเวลาใกล้บ่าย 3 ย้อนแสงพอดี หามุมถ่ายภาพยาก แต่ผู้คนก็ขึ้นบันไดเลื่อนไปถ่ายภาพกัน พวกเราถ่ายจากพื้นถนนฝั่งตรงข้ามแล้วก็ลงใต้ดินย้อนกลับไป 1 สถานี ไปถนนเทียนจิงตะวันออก ซึ่งเป็นถนนคนเดินที่ยาวประมาณ 5 กม. มีรถบริการพาชมถนนตลอดสาย นักท่องเที่ยวเดินเหมือนมดขวักไขว่ มีอาคารใหญ่โตสร้างแบบสถาปัตยกรรมจีน เป็นอาคารพาณิชย์เกือบทั้งหมดมองหาร้านอาหารไม่เจอเลย จากตรงนั้นเราเช็คเวลาแล้วเห็นว่าควรรีบกลับไปที่สถานี จึงลงใต้ดินย้อนศรกลับไปเดินหาร้านอาหารแถวๆสถานีรถไฟ ซึ่งอยู่ห่างหลายถนน ในสถานีไม่มีข้าวขาย พื้นที่ในสถานีให้เช่าตั้งร้านขายของทั้งในสถานี บนบก และใต้ดิน อาหารยอดฮิตก็คือบะหมี่ซุปเปอร์จัมโบ้คัพ และของขบเคี้ยวอย่างอื่น
                                
เย็นนี้ได้กินข้าวเสียที หลังจากกินข้าวมื้อสุดท้ายตั้งแต่ก่อนออกจากฮานอย กับข้าวเป็นปลาอบขิง ซุป กับผักคะน้าฮ่องกง ถั่วลิสงทอดเค็ม และถั่วฝักยาวดองรสเค็มกับเผ็ดไม่เลวทีเดียว เราใช้ตะเกียบคีบข้าวไม่เป็น ไม่มีช้อนให้
คืนนี้มีที่ชาร์จแบ็ตให้ แต่ต้องลงไปชาร์จข้างล่างเตียง 3 ชั้น เราอยู่ชั้นที่ 2
                                
สวัสดีชาวไทย หนีห่าวชาวจีน ตื่นเช้าแบบไม่อยากตื่น กะจะนอนใช้หนี้คืนก่อน ที่นั่งในตู้ธรรมดาเบาะแข็ง และต้องนั่งแยกกันจึงไม่ได้หลับ หญิงชายอาวุโสที่นอนเตียงล่างคุยกันเสียงดังราวกับรู้จักกันมาไม่น้อยกว่า 20 ปี มิน่าเธอจึงดูไม่พอใจที่เราไม่คุยด้วย หลังจากฝ่ายชายลงที่สถานีกลางทางพอคุณหญิงส่งภาษาใบ้ให้เธอลุกจากเตียงไปนั่งที่เก้าอี้ข้างฮีทเตอร์แล้วบอกเธอว่าไท่กั๋วพูดและฟังจงกั๋วไม่ออก เธอมีท่าทีเป็นมิตรขึ้นมาทันที เมื่อคืนถึงแม้จะเป็นที่นอนแข็ง แต่ก็ยังดีที่ได้ตั๋วนอนชั้นที่ 2 เตียงบนสุดที่แม้ยังไม่ได้ลอง แต่ก่อนที่เจ้าของเตียงจะขึ้นนอนเมื่อคืน เราก็ปีนขึ้นไปสำรวจแล้ว

สภาพสิ่งแวดล้อมสองข้างทางที่ผ่านไปเมื่อคืนเป็นอย่างไรไม่อาจหยั่งรู้ เพราะพอรถเคลื่อนได้ไม่นานจนท.ก็ไปรูดม่านปิดคงเป็นการประหยัดฮีทเตอร์มั้ง ยิ่งขึ้นเหนืออากาศยิ่งเย็นลงเรื่อยๆ เราแอบถ่ายรูปเพื่อนร่วมห้องที่หลับ หลังโซ้ยบะหมี่ ให้ดูการแต่งกาย หลังจากถอดเสื้อโค้ด

ตี๋น้อยห้องติดกัน แม่ต้องอุ้มเวลาส่งเสียงดัง ไม่ให้รบกวนผู้โดยสารคนอื่นๆ พอสว่างก็ต้องพาเดินตลอดเวลาตามประสาเด็ก

สังเกตกางเกงเด็กน้อยชาวจีน เขาไม่ได้เย็บก้นค่ะ เห็นตอนแรกคิดว่ากางขาดตูดซะอีก พอเห็นหลายๆ ตัวจึงเข้าใจ เพื่อให้เด็กขับถ่ายได้ง่ายโดยไม่ต้องถอด คนจีนเขามักมีวิจารณญาณ จะทำอะไรล้วนมีเหตุผลรองรับเสมอ

เช้านี้เราผ่านเมืองใหญ่ ที่แต่ละสถานีมีรางเกิน 10 ราง และเมื่อมองออกไปนอกตัวรถที่สองข้างเป็นภูเขาหินเตี้ยๆ เห็นมีรั้วที่ทำจากตาข่ายขอบเหล็กกั้น แต่ละรางที่อยู่บนพื้นหินไกลออกไปไม่น้อยกว่าข้างละร้อยเมตร บอกเราว่านั่นคือเขตรถไฟที่อยู่นอกสถานี

เราเริ่มร้อนจนต้องถอดเสื้อกั๊กออก เพราะนั่งหน้าฮีทเตอร์ ตอนนี้มีตี๋น้อยออกจากห้องที่ 1 เพิ่มมาอีก 1
ต้นไม้ 2 ข้างทางบางตาเพราะขึ้นบนพื้นหินที่เห็นเป็นสน 2 ใบสลับกับสน 3 ใบ
                                  
สรุปค่าใช้จ่ายถึงวันนี้ ค่าที่พักที่หาดเล็ก 500 บาท พนมเปญ 400 บาท กวางโจว 900 บาท 1,800 บาท ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้แก่ ค่าวีซ่า 2,800 บาท ค่าทำใบขับขี่สากล 1,100 บาท ค่าจ้างมอเตอร์ไซด์ 400 บาท &เช่ามอเตอร์ไซด์ 230 บาท ค่าน้ำมันรถ 70 บาท ค่าแท็กซี่ 260 บาท ค่ารถเมล์ 1,300 บาท รถใต้ดิน 3,200 บาท ค่าซิมเวียตนาม 150 บาท ซิมจีน 950 บาท ค่าอาหาร 2,510 บาท ที่ใช้ไปแล้ว ณ เวลานี้ รวม 10,460 บาท รวมทั้งสิ้น 15,000+10,460+2,510= 27,970 บาท
ขอแก้ไข ค่าเดินทางพิมพ์ตก 15,000 + 1,800 รวมทั้งสิ้น 29,770 บาทในระยะเวลา 11 วัน
มีเวลาอีกกว่า 1 ชม. ก่อนถึงเทียนจิน จะเติมเต็มสิ่งที่ผ่านมาแล้วยังไม่ได้เล่านะคะ

ตอนนี้มีน้องหมวยมาขอชาร์จแบ็ตตรงรูที่เราใช้ เราให้ยืมปลั๊กเชื่อม ได้นั่งคุยเป็นเพื่อนซิ้ม แกเลยถูกใจให้ส้มเรากินคนละลูก นี่ก็เป็นวัฒนธรรมจีนที่เราสัมผัสได้ ในเวียดนามพวกเขาจะกินอาหารที่มีโดยไม่สนใจคนข้างเคียง คงเป็นเพราะพวกเขาเคยประสบความอดอยากมาก่อนนั่นเอง ในขณะที่ในพม่าและกัมพูชาจะเหมือนในชนบทไทย ที่เวลามีของกินจะเอื้อเฟื้อคนข้างเคียง

ที่ด่านแรกก่อนเข้าสู่จีนตอนทหารหน้านิ่ง สะพายปืนรื้อกระเป๋าป้า แล้วเจอกกน. บราเซียร์&ถุงเท้าที่ใช้แล้ว ถึงกับชะงัก แล้วทำสัญญาณว่า ปิดกระเป๋าและรีบๆไป
                                      
ทริปนี้ ป้าได้บุญเยอะมาก ต้องทำความสะอาดห้องน้ำก่อนใช้ทุกวัน ตั้งแต่ที่กัมพูชาเป็นต้นไป เพราะดูเหมือนว่า พวกเขาจะยังไม่รู้วิธีการใช้ส้วมสาธารณะ และการทิ้งขยะก็ยังคงใช้วัฒนธรรมเดิมๆ โดยเฉพาะคนจีนทั้งคนหนุ่มสาวและคนสูงวัยแทะเมล็ดแตงโมหรือกินของขบเคี้ยวทิ้งลงรอบตัว จนท.ที่ทำความสะอาดก็ก้มหน้าก้มตาทำโดยไม่บ่น จนท.ดูแลห้องน้ำสาธารณะน่าเห็นใจที่สุด เพราะชาวจีนคงล้วนแล้วแต่ตกวิชาฟิสิกส์ ไม่เคยคำนวณวิถีโค้งตอนโยนขยะ ทำให้ขยะกระจายรอบทิศ

ตั้งแต่ 08.00 น.เป็นต้นมา รถลงจากที่สูงที่เป็นหิน สู่ที่ราบลุ่มอุดมสมบูรณ์ ผ่านเมืองใหญ่หลายเมืองที่เราไม่รู้จัก ความจริงถ้าเราฟังภาษาจีนออกและพูดได้บ้างเราคงจะรู้อะไรๆเยอะมาก เพราะมีเสียงจากลำโพงให้ข้อมูลสถานีที่จอดและผ่าน และคนที่อยู่รอบตัวก็พร้อมจะคุยด้วย ในระดับนานาชาติการไม่รู้ภาษาเป็นอุปสรรคต่อการสื่อสารและรับรู้ข้อมูล
                                    
พนักงานประจำตู้ของเรามีคนเดียวทำหน้าที่ทุกอย่างตั้งแต่ตรวจตั๋วก่อนเข้าสู่ตัวรถ นำบัตรแข็งประจำห้องนอนไปแลกตั๋วขณะอยู่บนรถและแลกคืนก่อนลงรถ เดินตรวจความเรียบร้อยทุกชั่วโมง เก็บกวาดขยะ ดูแลความสะอ่างล้างมือ หน้าห้องน้ำและดูแลความสะอาดห้องส้วม ตอนนี้เขารู้แล้วว่า ไท่กั๋วไม่เคยทิ้งขยะเลอะเทอะ เพราะแม้แต่ชิ้นเล็กๆ เราก็เรียกเวลาที่เขาเดินผ่าน และเมื่อเช้าตอนเข้าห้องน้ำ ป้าก็ใช้น้ำจากขวดราดส้วมเพราะกดชักโครกไม่ลง เขาเดินผ่านพอดี จึงให้เขาสาธิตและบอกเขาว่าได้ใช้น้ำจากขวดทำความสะอาด ทำให้เขายิ้มและเป็นมิตรกับเรามาก แม้ฟัง&พูดภาษากันไม่ได้

ตอนรถเข้าสู่เซี่ยงไฮ้ เราเห็นหลังคาบ้านเรือนเป็นรูปตุ้มๆ ใหญ่ข้างล่างเป็นยอดแหลมข้างบน ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร และทำไมจึงมีเยอะมาก เมื่อเราไปถึงหอไข่มุก จึงเข้าใจว่า มันคือไข่มุก ที่เป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง เหมือนที่หอไข่มุกกลางนครเซี่ยงไฮ้นั่นเอง
                                    
ที่หอไข่มุกเมื่อมองไปรอบๆ จะเห็นอาคารสูงที่มีส่วนยอดเป็นสถาปัตยกรรมที่บ่งบอกความตั้งใจในการรังสรรค์ผลงาน เช่น เป็นรูปมงกุฎ
                                    
ส่วนแคนตันทาวเว่อร์ ถ้าจะให้เห็นความสวยงามของหอ ต้องไปมองจากฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ มีรถรางวิ่งรอบให้ชมเมือง แต่ถ้าจะชมวิวเมือง ให้ขึ้นไปบนหอและจ่ายค่าขึ้นตามความสูง เหมือนราคาปลาหมึกปิ้งบ้านเราคือยิ่งสูงยิ่งแพง แต่วันที่เราไปฝนตกเขาไม่เปิดให้ขึ้น

รถรางที่วิ่งรอบๆ นั่นวิ่งอยู่บนแคนตันทาวเว่อร์ ส่วนที่หอไข่มุกให้ขึ้นชม โดยใช้บันไดเลื่อน ที่ยาวที่สุดในโลก แต่ละขั้นมี ช้อปปิ้งมอลล์เป็นระยะๆ หาดูได้ตามคลิปท่องเที่ยว ทั้งหอไข่มุกที่เซี่ยงไฮ้และแคนตันทาวเว่อร์ที่กวางโจว ก็ติดอันดับโลกทั้วคู่ ส่วนถนนนานจิงตะวันออกเป็นถนนคนเดินในเมืองที่ยาวที่สุดในเอเชีย
                                  
ชื่อสินค้า:   เซี่ยงไฮ้ จีน
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่