The Peanuts Movie VS Inside Out คุณชอบเรื่องไหนมากกว่ากัน??? (เพิ่งไปดูเรื่องแรกมา มี Review ให้ด้วยจ้า)

The Peanuts Movie อีกหนึ่งการ์ตูนน้ำดีประจำปี 2015 ที่ผ่านมา สำหรับการ์ตูนที่เข้าฉายในปีที่แล้วมีโอกาสได้ดูเป็นจำนวน 4 เรื่อง ได้แก่ The Good Dinosaur, Inside Out และ The Peanuts Movie ชอบทุกเรื่องเลย แต่ชอบที่สุดขอยกให้เรื่อง The Peanuts Movie ที่เพิ่งไปดูมา โดยจะให้คะแนน The Good Dinosaur ที่ B+,  Inside out ที่ A-, Little Prince ที่ B+ และ The Peanuts Movie อยู่ที่ A+ ตามลำดับ

แล้วที่ให้ The Peanuts Movie เฉือนชนะไป สาเหตุไม่ใช่เพราะความสนุก เพราะสนุกหมดทุกเรื่อง โดยสนุกกันไปคนละแบบ แต่เป็นเรื่องของ “ความลงตัว”มากกว่า

เพราะในขณะที่ Pixar Animation Studios ที่ผ่านมา ทุ่มเทอย่างมากในการสร้างการ์ตูนให้มี “มิติที่ลึกซึ้ง” ให้มี “ความหนัก” และมี “ความลุ่มลึก” อีกทั้งพยายามส่งสารที่มี “ความเข้มข้นจริงจัง” แบบผู้ใหญ่ๆ แต่ให้ออกมาแบบดูไม่หนักจนเกินไป แบบเด็กๆก็ดูได้ และใช้สิ่งนี้เป็นจุดขายของสตูดิโอมาโดยตลอด จนถึงขนาดว่า ทุกครั้งที่คนดูไปชมการ์ตูนของ Pixar สามารถเตรียมตัวเตรียมใจได้เลยว่า ต้องมีประเด็นที่ลึกซึ้งมาตีแผ่มาต่อยอดผ่านภาพที่ฉายอยู่บนจอ คงไม่มีทางไปดูแค่การ์ตูนภาพสวยๆสนุกๆ จบแล้วจบกันอย่างแน่นอน

ส่วน Blue Sky Studios ดูเหมือนจะเน้นไปในทางเบาสมองมาโดยตลอด เป็นจุดขายที่ตรงข้ามกับค่าย Pixar จนแอบกลัวว่า The Peanuts Movie จะออกมาติ๊งต๊องง๊องแง๊ง แต่ต้านทานความน่ารักของตัวการ์ตูนในเรื่องไม่ได้ โดยเฉพาะ Snoopy เลยตัดสินใจไปดู

และแล้วก็ไม่ผิดหวังเลย ซึ่งสาเหตุนั้นมาจากการที่การนำผลงานการ์ตูนช่องของ Charles M. Schulz ผู้ล่วงลับที่ผู้สร้างนำมาสร้างเป็น Animation ไม่ละทิ้งความเป็นตัวของตัวเอง ไม่พยายามจะทำตัวให้เป็น Pixar เพราะทีเด็ดของการ์ตูนเรื่องนี้ก็คือ “ความเบาสมอง” นั่นเอง (ซึ่งเป็นความถนัดของการ์ตูนค่าย Blue Sky Studios อยู่แล้วด้วย)..... ทว่าก่อนที่จะมาปิดท้ายทีเดียวแบบหนักหน่วงในตอนจบถึง “คุณค่า” ที่แฝงอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ไม่ว่าคนดูจะได้สังเกตหรือไม่

แล้วนั่นแหละที่ทำให้เรื่องนี้เจ๋งกว่า Inside Out เพราะเรื่องนี้ไม่มีใครคาดหวังถึง “อะไร” ที่แฝงอยู่แบบที่คนจะคาดหวังเสมอถ้าไปดูการ์ตูนของ Pixar อีกทั้งการเดินเรื่องก็เป็นไปแบบสนุกๆเบาๆสบายๆ และเรียบง่าย แต่ไม่ถึงกับ “เบาหวิว”นะ  และในขณะเดียวกัน ภาพยนตร์ก็ไม่ได้เรียกร้องความคาดหวังอะไรจากคนดู แต่เจ้า “ความไม่คาดหวัง” เนี่ยแหละที่ทำให้พอจัด “อะไร” มาเป็นหมัดเด็ดตอนท้ายเรื่อง จึงได้รับเสียงปรบมือรัวๆไปเต็มๆ

The Peanuts Movie นำเสนอเรื่องราวภารกิจพิชิตใจสาวน้อยผมแดงเพื่อนบ้านที่ย้ายมาใหม่ของชาร์ลี บราว ผู้สุดแสนจะโก๊ะเปิ่นและทำอะไรก็พังไปซะหมด โดยมีเจ้าหมาสนูปปี้ที่น่ารักเป็นผู้ช่วยที่มุ่งมั่นและกำลังใจสำคัญตลอดทั้งเรื่อง อีกทั้งยังแทรกเรื่องราวการผจญภัยในจินตนาการของเจ้าสนูปปี้เองตลอดทั้งเรื่องเสมือนโฆษณาคั่นในแบบที่ไม่น่าเบื่อ

การเดินเรื่องเป็นไปแบบเบาๆเพลินๆ บทภาพยนตร์ใช้ภาษาเรียบง่ายๆ อยากบอกอะไรก็บอกกันตรงๆเลย ไม่มีพวกความหมายแฝงโน่นนี้แบบ Pixar ให้ต้องตีความ คืออยากแสดงออกถึงประเด็นไหนก็แสดงออกมาตรงๆ ไม่ต้องลีลาเยอะ ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประเด็นความเสียสละเพื่อคนในครอบครัว ประเด็นความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น ความมีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือประเด็นความกล้าหาญในการลงมือทำสิ่งที่ไม่กล้าทำ (อันที่จริง ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเหมาะกับเด็กมากกว่า Inside Out เสียอีก เพราะการนำเสนอเรื่องที่อยากเสนอออกมาแบบจริงใจ เข้าใจง่ายๆ และตรงไปตรงมา)

ส่วนประเด็นที่แฝงอยู่ด้วยแต่ตัวเรื่องไม่ได้เน้นมากนักก็คือ ความมีชื่อเสียงและพฤติกรรมของคนรอบข้างที่เปลี่ยนไปเมื่อคนๆหนึ่งอยู่ดีๆก็กลายเป็น Celebrity แบบไม่ได้ตั้งใจ และพฤติกรรมของคนรอบข้างที่เปลี่ยนไป(อีกรอบ)เมื่อคนที่เคยมีชื่อเสียงไม่มีชื่อเสียงอีกต่อไปแล้ว (สะท้อนสังคมได้ดี และเลือกนำเสนอประเด็นนี้ในแบบฮาๆ ไม่ได้ดราม่าหนักหน่วงชวนมึน ซึ่งนับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกมากๆ เพราะต้องไม่ลืมว่า โทนหนังเป็นแบบเบาๆสบายๆไม่เครียดมาตลอดทั้งเรื่อง ต้องคุมโทนไว้ จะได้ไม่เป๋ ไม่ดู Awkward ในสายตาคนดู เพราะนี้ไม่ใช่หนังผู้ใหญ่จ๋าแบบที่ถ้าหักมุมหรือเปลี่ยนโทนกะทันหันแล้วจะดูเท่ห์ จะดูฉลาด)

อีกทั้งยังมีเนื้อหาตลกร้ายแนวเหน็บแนมว่า พอคนหนึ่งเกิดเป็นคนดังขึ้นมา จะทำอะไรก็ดูเจ๋งดูดีไปซะหมดทั้งๆที่เจ้าตัวก็แค่ดำเนินชีวิตไปตามปกติแบบที่ทำอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนมีชื่อเสียง (อันนี้ประชดได้ฮามากกกกก ผู้ใหญ่ที่ไปดูน่าจะชอบเป็นพิเศษ) แล้วภาพยนตร์ก็ยังใจดีอธิบายเหตุการณ์นี้ผ่านคำพูดง่ายๆ(เผื่อเด็กที่ไปดูไม่เข้าใจที่พยายามจะสอนหรือตามมุกไม่ทัน) จากฉากที่ชาร์ลี บราวพูดว่า ฉันไม่รู้ว่าผู้คนชอบฉันเพราะ Who I am หรือเพราะ Who they think I am

เอาเป็นว่า The Peanuts Movie เป็นภาพยนตร์การ์ตูนที่ได้ใจไปเต็มๆเลยค่ะ เป็นการ์ตูน Feel Good ที่ดูจบแล้วรู้สึกดี มีความสุข เพลงประกอบเพราะมาก ทั้งเพลง Better When I’m Dancin’ และ Good To Be Alive ทั้งสองเพลงร้องโดย Meghan Trainor ค่ะ อยากให้สร้างภาคต่อไวๆ ที่สำคัญ ด้วยอารมณ์และโทนหนังในแบบเดิมนะ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่