รู้สึกอัดอั้นมากเลยต้องมาตั้งกระทู้ คนเขียนบททั้งคู่ และทีมจากรากไม้ไม่ทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ ละครมีรายละเอียดลึกมาก
ตั้งแต่คาแรคเตอร์ของตัวละครหลักแต่ละตัว ที่ต้องผ่านบาดแผลที่เจ็บปวดในอดีต จากชีวิตที่เคยได้ยิ้มสดใสมองโลกนี้ในแง่บวก
ถูกประสบการณ์ที่เลวร้ายหล่อหลอมให้แกร่งขึ้นจนกลายมาเป็นมังกรทั้งหกตัวที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ทุกคนต่างวาดฝันถึงโลกใบใหม่
ของชองโดจอน ที่จะสามารถ"หนี" จากความจริงอันแสนโหดร้ายของโครยอที่แสนเน่าเฟะนี้ไปได้
ในขณะที่เหมือนกับว่ามังกรทั้งหกตัวจะมุ่งหน้ามองไปในทิศทางเดียวกัน ตัวละครหลักอีกตัวอย่างอีบังวอนก็กำลังต่อสู้กับ"หนอน" ที่กัดกินในใจ เป็นเสมือนระเบิดเวลาที่ไม่รู้จะเผยด้านมืด (ที่ในเรื่องชองโดจอนกล่าวว่ามนุษย์มีด้านมืดด้วยกันทุกคน) ขึ้นมาเมื่อไหร่ ด้วยนิสัยมุทะลุดุดัน กล้าตัดสินใจ และพร้อมจะทำอะไรห่ามๆได้เสมอ อีบังวอนแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่ควบคุมได้ยาก หรือถึงขั้นควบคุมไม่ได้เลย ความหยิ่งทะนงในตัวเอง และการไม่ลังเลที่จะขจัดความชั่วแม้จะต้องทำเรื่องเลวร้ายเป็นลางบอกเหตุว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ซึ่งชองโดจอนก็ตระหนักถึงข้อนี้ดีและพยายามเก็บบังวอนไว้ข้างตัวจึงเป็นที่น่าสนใจว่าอีบังวอนที่เห็นในเรื่องตอนนี้จะกลายไปเป็นผู้โหดร้ายและกระหายอำนาจตามประวัติศาสตร์ได้อย่างไร
ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในเรื่องมักจะมาจากแนวความคิดที่ไม่ตรงกัน ขัดแย้งกันจนบางทีต้องเกิดการนองเลือด หรือเกิดความทุกข์ทรมาน
ท่ามกลางเสียงโหยหวนและคราบน้ำตาของผู้ด้อยอำนาจ ซึ่งมักจะโดนกระทำเสมอ และมักจะโดนลูกหลงของความขัดแย้งจากเบื้องบน
ไม่ว่าจะในสมัยนั้น หรือในตอนนี้ก็ยังมีอยู่
ละครเรื่องนี้เสนอแนวความคิดเอาไว้แทบจะทุกฉากทุกตอน ประมาณว่าเขียนถึงทั้งวันก็ยังไม่หมด ก็ถือเป็นอาหารสมองดีๆให้กับผู้ชม เพราะไม่เพียงแต่ละครจะมันส์โคตรๆ แต่ยังได้ใช้ความคิดตลอดเวลาว่าความคิดฝ่ายไหนที่เป็นฝ่ายถูกหรือผิด หรือจริงๆแล้วมันก็ไม่ได้มีฝ่ายใดที่ถูกหรือผิดเลย อยู่ที่ว่าจะเลิอกเชื่อแบบไหนเท่านั้น
แนวความคิดที่น่าสนใจที่ผมอยากยกมา
- เหตุใดชเวยองและโพอึนถึงได้แต่พร่ำบอกทั้งตัวเองและผู้อื่นว่าเราต้องปกป้องโครยอจนถึงที่สุด ไม่ว่าโครยอจะเน่าเฟะขนาดไหน จะมีกษัตริย์ที่อ่อนแอและไม่เอาถ่านเพียงใดก็ต้องรับใช้ให้ถึงที่สุด ภักดีต่อสิ่งที่เชื่อจนกลายเป็น blind faith คงจะมีซักครั้งที่พวกเขานึกถามตัวเองว่าความภักดีที่มีนั้นท้ายที่สุดจะนำไปสู้สิ่งใด โครยอที่ใกล้พังสลายต่อหน้าต่อตา เหตุใดจึงไม่ยอม"เปลี่ยน" เพื่อสิ่งที่ดีกว่า เพียงเพราะความภักดีคำเดียวเท่านั้น อาจจะเพราะไม่อยากโดนตราหน้าว่าเป็นคนทรยศต่อแผ่นดิน สุดท้ายแล้วบางทีคนเราก็ไม่เคยตั้งคำถามต่อสิ่งที่ไม่เข้าใจว่าทำมันไปทำไม เพราะไม่อยากโดนตราหน้าว่าเป็นคนขวางโลก หรืออาจจะไม่เคยตั้งคำถามต่อสิ่งที่ทำอยู่ โดยปิดตามองแต่ด้านที่ดีของมัน(หรือสิ่งที่ตัวเองเชื่อว่าดี) โดยมองข้ามด้านไม่ดีไป
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชองโดจอนมุ่งเน้นเพื่อประชาชนเป็นหลัก เหตุใดชเวยองจึงยอมทิ้งประชาชนห้าหมื่นคนส่งไปทำสงครามที่ไม่อาจเอาชนะได้ เพียงเพื่อต้องการอำนาจสูงสุด (ด้วยการคืนอำนาจให้ King ที่ตนขึ้นตรงอยู่) โดยอ้างว่าหากชนะสงครามจะเป็นความภูมิใจครั้งใหญ่ของโครยอ เพื่ออนุชนรุ่นหลัง เพื่อประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่แสนน่าภูมิใจ แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตประชาชนมากมายที่ไม่ได้มีใจไปรบ เพราะรู้ว่ายังไงก็เหมือนไปตายอยู่ดี
- ในวิกฤติที่คนไม่มีอำนาจโดนคนมีอำนาจข่มเหงจะมีคนอยู่สองอย่างคือ คนที่ไหลไปตามน้ำ และคนที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับความอยุติธรรม คนที่ไหลไปตามน้ำก็จะพยายามโอนอ่อนต่อผู้มีอำนาจ ไม่หือไม่อือ การต่อสู้กับความอยุติธรรมอันโหดร้ายนั้นอาจจะใหญ่เกินไปสำหรับชีวิตตัวเอง จึงปล่อยเลยตามเลย เพราะชีวิตตัวเองและคนรอบข้างสำคัญที่สุด ซึ่งมันก็จริงในส่วนนึง จะมีซักกี่คนกันที่จะลุกขึ้นมาสู้กับสิ่งที่ตนเห็นว่าไม่ถูก ถ้าการต่อสู้นั้นจะต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดต่อตนเองและคนใกล้ตัว และพอลองต่อสู้จริงๆก็อาจจะยอมแพ้ตั้งแต่เนิ่นๆเมื่อต้องมาเจอความทรมานด้วยตนเอง เหมือนอย่างที่ฮงอินบังเจอ เราๆท่านๆก็อาจจะพูดได้ว่าในเวลาแบบนั้นเราจะสู้เพื่อความถูกต้องเสมอ แต่ใครจะรู้เมื่อต้องเจอความเป็นปวดทั้งร่างกายจิตใจ และต่อคนรอบข้าง เราอาจจะรีบเปลี่ยนความคิดเลยก็ได้ และพวกคนไร้อำนาจที่แย่ที่สุด (อ้างอิงบุนอี) คือพวกไร้อำนาจที่เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสที่ตนเองจะได้ข่มเหงคนที่อ่อนแอยิ่งกว่า เหมือนอย่างที่บริวารของฮงอินบังคนนั้นข่มขืนคนไม่มีทางสู้อย่างยอนฮี และปล้นเอาที่ดินของชาวบ้านอย่างป่าเถื่อน ทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องฆ่าก็ฆ่าอย่างสะใจ และด้านตังเซก็ให้ความเห็นอย่างน่าสนใจว่า ในแง่หนึ่งคนพวกนี้ก็อยู่ใต้อำนาจของชนชั้นสูงอีกที ก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือในการโกงกินชาวบ้านของคนชั้นสูงพวกนี้ สิ่งที่ทำได้ก็แค่การเป็นคนอ่อนแอไหลไปตามกระแสของอำนาจ เพื่อความอยู่รอดและปากท้อง พอหมดวันอำนาจ(ที่เหมือนจะมีหน่อยๆ) ที่ใช้เอาไปข่มเหงชาวบ้านก็หมดลง กลายเป็นคนธรรมดา เป็นพ่อของลูก เป็นลูกของแม่ คนที่จิตใจอ่อยแอต่อสิ่งชั่วร้ายจึงตกใต้อำนาจของโลกที่เน่าเฟะนี้ ตังเซพูดได้น่าสนใจ แม้อาจจะมีคนไม่เห็นด้วยก็ตาม
ส่วนคนที่ต่อสู้กับความอยุติธรรมและโลกที่บิดเบี้ยวก็น่ายกย่องมาก เหมือนเหล่าหกมังกร แม้จะต้องแลกกับการสูญเสียก็ตาม อย่างแม่ทัพอีซองกเยที่อาจต้องสูญเสียครอบครัวถ้าเลือกความปลอดภัยของประชาชน และที่สุดแล้วถ้าสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้จริงๆ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าสิ่งที่เคยคิดว่าจะดีมันกลับไม่ดีอย่างที่คิดไว้ ประชาชนก็ยังเป็นมนุษย์ ควบคุมได้ยาก ทั้งความโลภ ความชั่วร้ายในจิตใจที่อาจจะยังไม่แสดงออก สมมติถ้าคิดว่าเปลี่ยนโลกได้แล้วแต่วงจรอุบาทยังคอยกลับมาหลอกหลอนอยู่ สุดท้ายแล้วเมื่อต้องดีลกับคนที่มีความต้องการไม่สิ้นสุด และมีความอ่อนแอภายในจิตใจ เราจะควบคุมให้มันเป็นไปอย่างที่เราต้องการได้ยังไง และคนที่เปลี่ยนแปลงจะรู้สึกผิดหวังมากไหมถ้าความฝันที่เคยวาดไว้มันไม่ได้สวยงามอย่างที่เคยหวัง
ว่าจะเขียนต่อ แต่แค่นี้ก็ยาวไปละ ยกยอดไปพูดกระทู้หน้าๆๆๆดีกว่า แต่เรื่องนี้ฉากบู๊ epic จริมๆๆ ยิ่งกว่ารากไม้อีก อยากพูดถึงตัวละครให้เยอะกว่านี้ และตอนที่ชอบ แต่แค่นี้คนก็จะไม่อ่านละ 555
น้ำตาจะไหล หกมังกรบิน epic มากกก!! (spoiled)
ตั้งแต่คาแรคเตอร์ของตัวละครหลักแต่ละตัว ที่ต้องผ่านบาดแผลที่เจ็บปวดในอดีต จากชีวิตที่เคยได้ยิ้มสดใสมองโลกนี้ในแง่บวก
ถูกประสบการณ์ที่เลวร้ายหล่อหลอมให้แกร่งขึ้นจนกลายมาเป็นมังกรทั้งหกตัวที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ทุกคนต่างวาดฝันถึงโลกใบใหม่
ของชองโดจอน ที่จะสามารถ"หนี" จากความจริงอันแสนโหดร้ายของโครยอที่แสนเน่าเฟะนี้ไปได้
ในขณะที่เหมือนกับว่ามังกรทั้งหกตัวจะมุ่งหน้ามองไปในทิศทางเดียวกัน ตัวละครหลักอีกตัวอย่างอีบังวอนก็กำลังต่อสู้กับ"หนอน" ที่กัดกินในใจ เป็นเสมือนระเบิดเวลาที่ไม่รู้จะเผยด้านมืด (ที่ในเรื่องชองโดจอนกล่าวว่ามนุษย์มีด้านมืดด้วยกันทุกคน) ขึ้นมาเมื่อไหร่ ด้วยนิสัยมุทะลุดุดัน กล้าตัดสินใจ และพร้อมจะทำอะไรห่ามๆได้เสมอ อีบังวอนแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่ควบคุมได้ยาก หรือถึงขั้นควบคุมไม่ได้เลย ความหยิ่งทะนงในตัวเอง และการไม่ลังเลที่จะขจัดความชั่วแม้จะต้องทำเรื่องเลวร้ายเป็นลางบอกเหตุว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ซึ่งชองโดจอนก็ตระหนักถึงข้อนี้ดีและพยายามเก็บบังวอนไว้ข้างตัวจึงเป็นที่น่าสนใจว่าอีบังวอนที่เห็นในเรื่องตอนนี้จะกลายไปเป็นผู้โหดร้ายและกระหายอำนาจตามประวัติศาสตร์ได้อย่างไร
ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในเรื่องมักจะมาจากแนวความคิดที่ไม่ตรงกัน ขัดแย้งกันจนบางทีต้องเกิดการนองเลือด หรือเกิดความทุกข์ทรมาน
ท่ามกลางเสียงโหยหวนและคราบน้ำตาของผู้ด้อยอำนาจ ซึ่งมักจะโดนกระทำเสมอ และมักจะโดนลูกหลงของความขัดแย้งจากเบื้องบน
ไม่ว่าจะในสมัยนั้น หรือในตอนนี้ก็ยังมีอยู่
ละครเรื่องนี้เสนอแนวความคิดเอาไว้แทบจะทุกฉากทุกตอน ประมาณว่าเขียนถึงทั้งวันก็ยังไม่หมด ก็ถือเป็นอาหารสมองดีๆให้กับผู้ชม เพราะไม่เพียงแต่ละครจะมันส์โคตรๆ แต่ยังได้ใช้ความคิดตลอดเวลาว่าความคิดฝ่ายไหนที่เป็นฝ่ายถูกหรือผิด หรือจริงๆแล้วมันก็ไม่ได้มีฝ่ายใดที่ถูกหรือผิดเลย อยู่ที่ว่าจะเลิอกเชื่อแบบไหนเท่านั้น
แนวความคิดที่น่าสนใจที่ผมอยากยกมา
- เหตุใดชเวยองและโพอึนถึงได้แต่พร่ำบอกทั้งตัวเองและผู้อื่นว่าเราต้องปกป้องโครยอจนถึงที่สุด ไม่ว่าโครยอจะเน่าเฟะขนาดไหน จะมีกษัตริย์ที่อ่อนแอและไม่เอาถ่านเพียงใดก็ต้องรับใช้ให้ถึงที่สุด ภักดีต่อสิ่งที่เชื่อจนกลายเป็น blind faith คงจะมีซักครั้งที่พวกเขานึกถามตัวเองว่าความภักดีที่มีนั้นท้ายที่สุดจะนำไปสู้สิ่งใด โครยอที่ใกล้พังสลายต่อหน้าต่อตา เหตุใดจึงไม่ยอม"เปลี่ยน" เพื่อสิ่งที่ดีกว่า เพียงเพราะความภักดีคำเดียวเท่านั้น อาจจะเพราะไม่อยากโดนตราหน้าว่าเป็นคนทรยศต่อแผ่นดิน สุดท้ายแล้วบางทีคนเราก็ไม่เคยตั้งคำถามต่อสิ่งที่ไม่เข้าใจว่าทำมันไปทำไม เพราะไม่อยากโดนตราหน้าว่าเป็นคนขวางโลก หรืออาจจะไม่เคยตั้งคำถามต่อสิ่งที่ทำอยู่ โดยปิดตามองแต่ด้านที่ดีของมัน(หรือสิ่งที่ตัวเองเชื่อว่าดี) โดยมองข้ามด้านไม่ดีไป
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชองโดจอนมุ่งเน้นเพื่อประชาชนเป็นหลัก เหตุใดชเวยองจึงยอมทิ้งประชาชนห้าหมื่นคนส่งไปทำสงครามที่ไม่อาจเอาชนะได้ เพียงเพื่อต้องการอำนาจสูงสุด (ด้วยการคืนอำนาจให้ King ที่ตนขึ้นตรงอยู่) โดยอ้างว่าหากชนะสงครามจะเป็นความภูมิใจครั้งใหญ่ของโครยอ เพื่ออนุชนรุ่นหลัง เพื่อประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่แสนน่าภูมิใจ แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตประชาชนมากมายที่ไม่ได้มีใจไปรบ เพราะรู้ว่ายังไงก็เหมือนไปตายอยู่ดี
- ในวิกฤติที่คนไม่มีอำนาจโดนคนมีอำนาจข่มเหงจะมีคนอยู่สองอย่างคือ คนที่ไหลไปตามน้ำ และคนที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับความอยุติธรรม คนที่ไหลไปตามน้ำก็จะพยายามโอนอ่อนต่อผู้มีอำนาจ ไม่หือไม่อือ การต่อสู้กับความอยุติธรรมอันโหดร้ายนั้นอาจจะใหญ่เกินไปสำหรับชีวิตตัวเอง จึงปล่อยเลยตามเลย เพราะชีวิตตัวเองและคนรอบข้างสำคัญที่สุด ซึ่งมันก็จริงในส่วนนึง จะมีซักกี่คนกันที่จะลุกขึ้นมาสู้กับสิ่งที่ตนเห็นว่าไม่ถูก ถ้าการต่อสู้นั้นจะต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดต่อตนเองและคนใกล้ตัว และพอลองต่อสู้จริงๆก็อาจจะยอมแพ้ตั้งแต่เนิ่นๆเมื่อต้องมาเจอความทรมานด้วยตนเอง เหมือนอย่างที่ฮงอินบังเจอ เราๆท่านๆก็อาจจะพูดได้ว่าในเวลาแบบนั้นเราจะสู้เพื่อความถูกต้องเสมอ แต่ใครจะรู้เมื่อต้องเจอความเป็นปวดทั้งร่างกายจิตใจ และต่อคนรอบข้าง เราอาจจะรีบเปลี่ยนความคิดเลยก็ได้ และพวกคนไร้อำนาจที่แย่ที่สุด (อ้างอิงบุนอี) คือพวกไร้อำนาจที่เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสที่ตนเองจะได้ข่มเหงคนที่อ่อนแอยิ่งกว่า เหมือนอย่างที่บริวารของฮงอินบังคนนั้นข่มขืนคนไม่มีทางสู้อย่างยอนฮี และปล้นเอาที่ดินของชาวบ้านอย่างป่าเถื่อน ทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องฆ่าก็ฆ่าอย่างสะใจ และด้านตังเซก็ให้ความเห็นอย่างน่าสนใจว่า ในแง่หนึ่งคนพวกนี้ก็อยู่ใต้อำนาจของชนชั้นสูงอีกที ก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือในการโกงกินชาวบ้านของคนชั้นสูงพวกนี้ สิ่งที่ทำได้ก็แค่การเป็นคนอ่อนแอไหลไปตามกระแสของอำนาจ เพื่อความอยู่รอดและปากท้อง พอหมดวันอำนาจ(ที่เหมือนจะมีหน่อยๆ) ที่ใช้เอาไปข่มเหงชาวบ้านก็หมดลง กลายเป็นคนธรรมดา เป็นพ่อของลูก เป็นลูกของแม่ คนที่จิตใจอ่อยแอต่อสิ่งชั่วร้ายจึงตกใต้อำนาจของโลกที่เน่าเฟะนี้ ตังเซพูดได้น่าสนใจ แม้อาจจะมีคนไม่เห็นด้วยก็ตาม
ส่วนคนที่ต่อสู้กับความอยุติธรรมและโลกที่บิดเบี้ยวก็น่ายกย่องมาก เหมือนเหล่าหกมังกร แม้จะต้องแลกกับการสูญเสียก็ตาม อย่างแม่ทัพอีซองกเยที่อาจต้องสูญเสียครอบครัวถ้าเลือกความปลอดภัยของประชาชน และที่สุดแล้วถ้าสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้จริงๆ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าสิ่งที่เคยคิดว่าจะดีมันกลับไม่ดีอย่างที่คิดไว้ ประชาชนก็ยังเป็นมนุษย์ ควบคุมได้ยาก ทั้งความโลภ ความชั่วร้ายในจิตใจที่อาจจะยังไม่แสดงออก สมมติถ้าคิดว่าเปลี่ยนโลกได้แล้วแต่วงจรอุบาทยังคอยกลับมาหลอกหลอนอยู่ สุดท้ายแล้วเมื่อต้องดีลกับคนที่มีความต้องการไม่สิ้นสุด และมีความอ่อนแอภายในจิตใจ เราจะควบคุมให้มันเป็นไปอย่างที่เราต้องการได้ยังไง และคนที่เปลี่ยนแปลงจะรู้สึกผิดหวังมากไหมถ้าความฝันที่เคยวาดไว้มันไม่ได้สวยงามอย่างที่เคยหวัง
ว่าจะเขียนต่อ แต่แค่นี้ก็ยาวไปละ ยกยอดไปพูดกระทู้หน้าๆๆๆดีกว่า แต่เรื่องนี้ฉากบู๊ epic จริมๆๆ ยิ่งกว่ารากไม้อีก อยากพูดถึงตัวละครให้เยอะกว่านี้ และตอนที่ชอบ แต่แค่นี้คนก็จะไม่อ่านละ 555