บันทึกการเดินทาง ทริปหน้าชาขาชาตูดชาไอนั่นก็ชา เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน 7คืน8วัน
คิดอยู่นานเหมือนกันว่าจะทำรีวิวเที่ยวของตัวเองดีไหม เพราะ ปัจจุบันก็มีคนรีวิวเยอะอยู่แล้ว
ยิ่งจังหวัดที่ไปก็มีรีวิวเยอะอีกตังหาก
เเต่ สุดท้าย ตัดสินใจเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาจนได้ เอาเป็นว่า อ่านสนุกๆ
เปลี่ยนจากรีวิว เป็นบันทึกการเดินทางละกัน
ผิดพลาดประการใดขออภัยนะคะ พึ่งตั้งกระทู้ครั้งแรก
เริ่ม
ปิดเทอมแล้ว หาที่ปลดปล่อยซะ !
หน้าหนาวแบบนี้ ขึ้นเหนือสิ่ดี !
เที่ยวก่อนหยุดยาวละกัน คนจะได้ไม่เยอะเกิน
เริ่มทริป วันแรก
16 ธ.ค 58 เชียงใหม่
หอบสัมภาระไปตั้งหลักที่เชียงใหม่ก่อน ลงรถที่อาเขต เดินตรงดิ่งไปเช่ารถมอเตอร์ไซด์
เช่า PCX 150 cc ที่ร้าน bikky สาขาอาเขต
ทีแรกกังวลมากเลย ว่าเช่าเกียร์ออโต้จะไหวไหม ลงเขาเยอะอยู่เหมือนกัน จะเป็นไรไหม สัมภาระก็หนักเอาการ กี่cc ถึงจะพอนะ
สุดท้ายพอศึกษาข้อมูลจากกระทู้พันทิปเก่าๆ เห็นบอกว่า PCX 150cc สบายๆ หายห่วง
ประกอบกับถามพี่ที่ร้าน bikky เขาก็บอกโอเค สบายๆ เราก็เลยสบายใจ เช่ามันสะเลย
ค่าเช่า PCX 150 cc
วันละ 600 เช่าหนึ่งอาทิตย์ ฟรีหนึ่งวัน
มัดจำ 4000 บาท
เช่ารถเสร็จ ตรงดิ่งไปหาที่นอน พักผ่อนเลย ชาตพลังสำหรับวันพรุ่ง
คืนนี้เรานอนกันที่ โรงแรม him nimman
คืนละ 550 มัดจำกุญแจ 200 บาท
ห้องโอเคดี ไม่กว้างมาก มีชั้นวางของได้เยอะดี
วันที่ 2
17 ธ.ค 58 จากเชียงใหม่ สู่ แม่ฮ่องสอน
ตื่นประมาน 7 โมง
เริ่มเดินทางประมาณ 9 โมง ข้าวเช้ายังไม่ได้กิน ตื่นเต้น จนลืมหิว
แต่งตัวกันจัดเต็ม ปกป้อง ป้องกัน มลภาวะเต็มที่
ภาพนี้คือภาพที่จอดระหว่างทาง เพราะสัมภาระที่มัดกับท้ายเบาะมันจะหล่น
แล้วก็จอดแก้มัดกันหลายรอบมาก เพราะรถมันไม่มีที่เกี่ยว สัมภาระก็หนั๊กกกก หนัก
มีกระเป๋าของข้าพเจ้าเองคนเดียว + เต็นท์ +เก้าอี้สนาม + ถุงนอน1ถุง (อีกหนึ่งถึงยัดเข้าใต้เบาะ)
รวมๆกันประมาน 25 กิโล
แก้ปัญหาโดย .... แบกมันซะเลย !
ถามว่า หนักไหม ตอบเลยว่ามาก !!!
แต่ขอโทษ เรื่องนี้ทำไรพี่ไม่ได้หรอก หาได้เป็นอันใดไม่ จิ๊บๆ ลุย !!!
เส้นทางที่เลือกไปคือ ผ่านขึ้นไปทางดอยอินทนนท์ แม่แจ่ม เข้าขุนยวม
ระยะทาง ประมาณ 260 กิโลเมตร
เราใช้เวลาเดินทางกันประมาน 5 ชั่วโมง
พักก้น เติมยาง แถวดอยอินทนนนท์
เดินทางต่อ ....
หยุดเช็คแผนที่
3 ชั่วโมงผ่านไป นี่เราออกจากเชียงใหม่หรือยังหนอ ....
อ่าว ยังอีกหรือ ????
พักอีกที เติมพลัง ปตท แถว แม่แจ่ม
ไปต่อ .... ลมโกรกหน้า กับ วิว สวยๆ
แวะพัก เติมน้ำมันอีกที กับปั๊มหลอด
"อีกไกลแค่ไหนจนกว่าฉันจะใกล้ บอกที"
กางแผนที่ถามทางแม่ค้า ชาวเขา เพราะไม่มีสัญญานโทรศัพท์
เปิดแผนที่ในโทรศัพท์ไม่ได้
ชอบจริงๆเลย วิถีอนาล็อก เนี่ย
ได้ความว่า อีกไกลโขอยู่ กว่าจะถึงตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ค่ำก่อนแน่ๆ
เลยตกลงกันว่า คืนนี้นอนขุนยวมละกัน ค่อยไปหาที่นอนกันที่นั่นอีกที
เมื่อพร้อมแล้วก็ ป่ะ !
ถึงแล้วขุนยวม หิวนะ เมื่อยด้วย พักกินข้าวก่อน ค่อยไปหาที่นอนทีหลัง
จะเอาอะไรหะ เจ้าหมา
เขียนนั่น จดนี่ไปเรื่อย อยากจดก็จดไป
เรามาแวะกินสเต็กกัน แล้วเรื่องราวดีๆ ก็เกิดขึ้นที่นี่ ....
ในขณะที่เราสองคนกำลังนั่งรออาหารอยู่นั้น ก็มีลูกค้ากลุ่มหนึ่งเดินเข้าร้านมาสั่งอาหาร
แล้วในขณะที่คุณอาท่านหนึ่งเดินผ่านโต๊ะพวกเรานั้น เขาก็ได้หันมายิ้ม เหมือนเป็นการทักทายกัน
เพื่อนเรา อัธยาศัยดีเป็นเลิศ ก็ยิ้มตอบกลับไปในทันใด
บทสนทนาก็เริ่มต้นขึ้น ...
คุณอาท่านนี้ก็ถามแบบทั่วไปว่า มาเที่ยวหรอ มาจากไหน ขี่รถมาเส้นไหน จะไปเที่ยวไหนบ้าง
พวกเราก็ตอบๆๆ ตามคำถามไป
ผลัดกันถามผลัดกันตอบสักสองสามประโยค คุณอาเลยพูดว่า
ท่าทางจะคุยกันยาว มานั่งคุยนั่งกินด้วยกันเลยมา
คุณอาก็เลยชวนมานั่งด้วยกัน ลากโต๊ะมาต่อกันเลย ละก็นั่งเม้าส์นั่งคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้
เราได้ข้อคิดจากการพูดคุยกับคุณลุง คุณอา แล้วก็พี่อีกคนเยอะมาก เพราะ3คน 3สไตล์เลย
แล้วโปรไฟล์แต่ละคนนั้นก็ไม่ธรรมดา ทำธุรกิจทำโปรเจคกันหลายร้อยล้านอยู่ (จากที่ฟังมา)
เราจึงได้มุมมองในการทำงาน การใช้ชีวิต เพิ่มขึ้น กว้างขึ้น ได้ส่วนผสมในการปรุงวิถีการใช้ชีวิตของเราเพิ่มขึ้น
สักพัก คุณลุงลุกออกไปรับโทรศัพท์ แล้วก็กลับมา บอกอา กับพี่อีกคนว่า งานผ่านไปด้วยดีสำเร็จ (เราป่าวเผือกนะ เขาพูดกันดัง :3 )
จากนั้นพวกอาๆ ก็อารมณ์ดี เลี้ยงอาหารพวกเรามื้อนั้นกับที่พักคืนนั้นเลย
คืนนั้นพวกเราได้นอนรีสอร์ตแถวนั้น (เจ้าของเป็นเพื่อนกับคุณลุง) เป็นบ้านหลังๆ มีแอร์ มีเตียงนุ่มๆ
คุณลุงสละบ้านหลังนี้ให้พวกเรา แล้วพวกเขาก็ไปนอนด้วยกัน3คน อีกบ้านหลังหนึ่ง (ซึ่งหลังใหญ่กว่า)
พวกเราเกรงใจมากๆๆๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ทัน เพราะแกพูดดักคอ ประกอบกับเม้าส์กันดึกแล้วด้วย คงหาที่พักเองยากแล้ว เลยตัดสินใจไปนอน
ก่อนจะแยกย้ายไปนอน พวกคุณลุงก็กำชับว่า ห้ามเราเปิดประตูรับใครทั้งนั้น ดึกๆห้ามออกจากตัวบ้านเด็ดขาด
พอเขาพูดอย่างนี้พวกเราก็สบายใจขึ้นมาหน่อย
คืนนั้นพวกเราก็คุยกันว่า ทำไมพวกคุณลุง คุณอา คุณพี่ จะต้องทำดีกับพวกเราขนาดนี้ด้วย
พึ่งเจอกันแท้ๆ เขาคงไม่ได้หวังอะไรจากตัวเราใช่ไหม พวกเราก็เริ่มจินตนาการไปเรื่อย 555555
แต่ก็นะ พวกเเกคงเอ็นดูพวกเรา เพราะจากการพูดคุยกันหลายๆเรื่อง มันทำให้พวกเราก็ไว้ใจพวกเเกได้อยู่
รุ่งขึ้น วันที่ 3
18 ธ.ค 58 ขุนยวม ไป ปางอุ๋ง
ตื่นมา อาบน้ำแต่งตัว เก็บของ แล้วก็เดินไปกินกาแฟหน้าบ้าน กับพวกคุณลุง คุณอา
นั่งพูดคุยกันสักพัก ก็แยกย้ายกัน
ก่อนจาก เพื่อนเรา ผู้อัธยาศัยดีเลิศ ก็ได้แลกข้อมูลติดต่อกับพวกเขาไว้
แถมโดนกำชับว่า มาเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอนคราใด ให้กริ๊งกร๊างไปหาด้วย 55555
เอ้ออ ลืมเล่า เมื่อคืน คุณลุงแกรู้ว่าพวกเราจะไปปางอุ๋ง
แกเลยโทรติดต่อรีสอร์ตที่ดีๆ ราคาสูงแห่งหนึ่งให้พวกเราในราคาพิเศษมากๆ
แกบอกจะมีลูกสาวไปเที่ยว หาห้องให้พวกเราด้วย 5555
สุดท้ายพวกเราปฏิเสธไป บอกว่าอยากนอนเต้นท์ อยากใกล้ชิดกับธรรมชาติ 555
จริงๆอีกอย่างคือ เกรงใจจะแย่อยู่แล้วค่าาา ><
10.30 ออกเดินทาง จาก ขุนยวมไปปางอุ๋ง
ระยะทางประมาณ 103 กิโลเมตร พวกเราใช้เวลาในการเดินทาง ประมาณ 4 ชั่วโมงถึง เพราะ
แวะสระผมกันที่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอนก่อน คันหัวมากกก ไม่ไหวแล้ว
มันทรมานตรงที่ใส่หมวกกันน็อคอยู่แล้วก็คัน แล้วมันก็เกาไม่ได้ไง
คือทำได้เพียงเกาหมวกกันน็อคกันไป 5555555
นึกถึงแล้วหงุดหงิด 5555555
จากนั้นเดินทางกันต่อ
แวะพักอีกครั้งละกัน ดื่มน้ำดื่มท่า เข้าห้องน้ำ ยืดเส้นกันหน่อย
จุดชมวิว ผาบ่อง
ของจริงคือสวยมาก แต่มิมีความสามารถถ่ายทอดภาพออกมาได้
คือมันจะเป็นภูเขาสลับซับซ้อนกัน ทอดยาวออกไปในแนวลึก
มองดูคล้ายกับต่างประเทศเลย
แชะมันทุกที่
ป่ะ ไปต่อ !!
เปลี่ยนอารมณ์ เป็นเคลื่อนไหวบ้าง
เสียงแตกเฉยเลย ช่างมัน
พอขึ้นเขาก็ไม่เร็วนะจ๊ะ 40 กม : ชม
ไม่ใช่อะไรหรอก หนักกระเป๋า - .,-
เหยยยย ใกล้แล้วพ่อจ๋าแม่จ๋า
12 กิโลสุดท้าย ฉันก็ไม่ไหวจริงๆ ตะคริวจะกิน ฉันขอพักเถิด นะพ่อนะ
นี่เริ่มใกล้ถึงแล้ว ปางอุ๋ง ....
ใกล้ถึงละ
(ทางค่อนข้างเล็ก ค่อยๆขับนะคะถ้ามา)
ใกล้ละ
ผ่านหมู่บ้าน ชาวเขาเข้าไปก่อน
มันปิ้ง ไข่ปิ้ง น้ำขิง รอฉันก่อนนะ
เข้ามาเขตอุทยานแล้ว
เสียค่าเข้าพัก คืนละ 60 บาท ต่อ คน
เสร็จแล้วขี่รถตรงเข้ามาอีกหน่อย ...
ฮ้าาา ถึงแล้ว ฐานที่มั่นของเรา
จัดแจงแบ่งหน้าที่กันไป
สหายข้า เจ้ามีหน้าที่ กางเต็นท์ไป ส่วนข้า จะคอยทำหน้าที่ นั่งดูและส่งกำลังใจให้เจ้าเอง
แทนแท๊นนน ที่นอนพวกเราเสร็จแล้ว
ที่นี่มีให้เช่าทุกอย่างครบครันเลย
หมอน ใบละ 10 บาท
เบาะรองนอน เบาะละ 20 บาท
เสื่อ ผืนละ 50 บาท
ตะเกียงหลอดไฟ อันละ 100 บาท ต่อคืน
ฝากชาตแบต พาวเวอร์แบงค์ เครื่องละ 60 บาท
ชอบที่นี่มาก บรรยากาศ เรื่อยๆ สงบนะทั้งที่มีคน
คือเหมาะแก่การนั่งพิงเก้าอี้สนามตัวนั้น
พร้อมกับอ่านหนังสือที่ชอบสักเล่ม
มีน้ำขิงอุ่นๆให้จิบไปพลาง โอ่ยยยยย
สุดท้าย ปางอุ๋งนอนสองคืนนะ
จากแผนเดิมที่นอนสถานที่ละคืน 555555
จัดเตรียมที่พักเสร็จก็ออกไปหาอะไรกินกัน
ไปตรงหมู่บ้านที่ผ่านมาตอนขาเข้า
สำรวจๆ
นั่นรถเร่ เบอร์ 35 สงสัยนะว่า มีทั้งหมดกี่คัน กี่เบอร์
ทำกันเป็นเหมือนธุรกิจเครือข่ายหรือป่าว
เบอร์35 นี่เลขประจำตัวสมาชิกใช่หรือไม่
ถ้าไม่ใช่ แล้วทำไมต้องเลข 35
ได้แต่คิดในใจ ไม่ได้ถามออกมา
ใครไปแล้วเจอฝากถามทีนะคะ มันคาใจอิฉันจริงๆค่ะ
หลังจากเดินไปด้อมๆมองๆสินค้า ก็นึกขึ้นได้ว่าหิวนี่นา เลยเดินไปหาข้าวกินดีกว่า .... -..-
เดี๋ยวมาต่อค่ะ
(เพราะโลกนี้มันกว้าง) บันทึกท่องเที่ยว Backpack 7 คืน 8 วัน เชียงใหม่ - แม่ฮ่องสอน โดยรถมอเตอร์ไซค์
คิดอยู่นานเหมือนกันว่าจะทำรีวิวเที่ยวของตัวเองดีไหม เพราะ ปัจจุบันก็มีคนรีวิวเยอะอยู่แล้ว
ยิ่งจังหวัดที่ไปก็มีรีวิวเยอะอีกตังหาก
เเต่ สุดท้าย ตัดสินใจเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาจนได้ เอาเป็นว่า อ่านสนุกๆ
เปลี่ยนจากรีวิว เป็นบันทึกการเดินทางละกัน
ผิดพลาดประการใดขออภัยนะคะ พึ่งตั้งกระทู้ครั้งแรก
เริ่ม
ปิดเทอมแล้ว หาที่ปลดปล่อยซะ !
หน้าหนาวแบบนี้ ขึ้นเหนือสิ่ดี !
เที่ยวก่อนหยุดยาวละกัน คนจะได้ไม่เยอะเกิน
เริ่มทริป วันแรก
16 ธ.ค 58 เชียงใหม่
หอบสัมภาระไปตั้งหลักที่เชียงใหม่ก่อน ลงรถที่อาเขต เดินตรงดิ่งไปเช่ารถมอเตอร์ไซด์
เช่า PCX 150 cc ที่ร้าน bikky สาขาอาเขต
ทีแรกกังวลมากเลย ว่าเช่าเกียร์ออโต้จะไหวไหม ลงเขาเยอะอยู่เหมือนกัน จะเป็นไรไหม สัมภาระก็หนักเอาการ กี่cc ถึงจะพอนะ
สุดท้ายพอศึกษาข้อมูลจากกระทู้พันทิปเก่าๆ เห็นบอกว่า PCX 150cc สบายๆ หายห่วง
ประกอบกับถามพี่ที่ร้าน bikky เขาก็บอกโอเค สบายๆ เราก็เลยสบายใจ เช่ามันสะเลย
ค่าเช่า PCX 150 cc
วันละ 600 เช่าหนึ่งอาทิตย์ ฟรีหนึ่งวัน
มัดจำ 4000 บาท
เช่ารถเสร็จ ตรงดิ่งไปหาที่นอน พักผ่อนเลย ชาตพลังสำหรับวันพรุ่ง
คืนนี้เรานอนกันที่ โรงแรม him nimman
คืนละ 550 มัดจำกุญแจ 200 บาท
ห้องโอเคดี ไม่กว้างมาก มีชั้นวางของได้เยอะดี
วันที่ 2
17 ธ.ค 58 จากเชียงใหม่ สู่ แม่ฮ่องสอน
ตื่นประมาน 7 โมง
เริ่มเดินทางประมาณ 9 โมง ข้าวเช้ายังไม่ได้กิน ตื่นเต้น จนลืมหิว
แต่งตัวกันจัดเต็ม ปกป้อง ป้องกัน มลภาวะเต็มที่
ภาพนี้คือภาพที่จอดระหว่างทาง เพราะสัมภาระที่มัดกับท้ายเบาะมันจะหล่น
แล้วก็จอดแก้มัดกันหลายรอบมาก เพราะรถมันไม่มีที่เกี่ยว สัมภาระก็หนั๊กกกก หนัก
มีกระเป๋าของข้าพเจ้าเองคนเดียว + เต็นท์ +เก้าอี้สนาม + ถุงนอน1ถุง (อีกหนึ่งถึงยัดเข้าใต้เบาะ)
รวมๆกันประมาน 25 กิโล
แก้ปัญหาโดย .... แบกมันซะเลย !
ถามว่า หนักไหม ตอบเลยว่ามาก !!!
แต่ขอโทษ เรื่องนี้ทำไรพี่ไม่ได้หรอก หาได้เป็นอันใดไม่ จิ๊บๆ ลุย !!!
เส้นทางที่เลือกไปคือ ผ่านขึ้นไปทางดอยอินทนนท์ แม่แจ่ม เข้าขุนยวม
ระยะทาง ประมาณ 260 กิโลเมตร
เราใช้เวลาเดินทางกันประมาน 5 ชั่วโมง
พักก้น เติมยาง แถวดอยอินทนนนท์
เดินทางต่อ ....
หยุดเช็คแผนที่
3 ชั่วโมงผ่านไป นี่เราออกจากเชียงใหม่หรือยังหนอ ....
อ่าว ยังอีกหรือ ????
พักอีกที เติมพลัง ปตท แถว แม่แจ่ม
ไปต่อ .... ลมโกรกหน้า กับ วิว สวยๆ
แวะพัก เติมน้ำมันอีกที กับปั๊มหลอด
"อีกไกลแค่ไหนจนกว่าฉันจะใกล้ บอกที"
กางแผนที่ถามทางแม่ค้า ชาวเขา เพราะไม่มีสัญญานโทรศัพท์
เปิดแผนที่ในโทรศัพท์ไม่ได้
ชอบจริงๆเลย วิถีอนาล็อก เนี่ย
ได้ความว่า อีกไกลโขอยู่ กว่าจะถึงตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ค่ำก่อนแน่ๆ
เลยตกลงกันว่า คืนนี้นอนขุนยวมละกัน ค่อยไปหาที่นอนกันที่นั่นอีกที
เมื่อพร้อมแล้วก็ ป่ะ !
ถึงแล้วขุนยวม หิวนะ เมื่อยด้วย พักกินข้าวก่อน ค่อยไปหาที่นอนทีหลัง
จะเอาอะไรหะ เจ้าหมา
เขียนนั่น จดนี่ไปเรื่อย อยากจดก็จดไป
เรามาแวะกินสเต็กกัน แล้วเรื่องราวดีๆ ก็เกิดขึ้นที่นี่ ....
ในขณะที่เราสองคนกำลังนั่งรออาหารอยู่นั้น ก็มีลูกค้ากลุ่มหนึ่งเดินเข้าร้านมาสั่งอาหาร
แล้วในขณะที่คุณอาท่านหนึ่งเดินผ่านโต๊ะพวกเรานั้น เขาก็ได้หันมายิ้ม เหมือนเป็นการทักทายกัน
เพื่อนเรา อัธยาศัยดีเป็นเลิศ ก็ยิ้มตอบกลับไปในทันใด
บทสนทนาก็เริ่มต้นขึ้น ...
คุณอาท่านนี้ก็ถามแบบทั่วไปว่า มาเที่ยวหรอ มาจากไหน ขี่รถมาเส้นไหน จะไปเที่ยวไหนบ้าง
พวกเราก็ตอบๆๆ ตามคำถามไป
ผลัดกันถามผลัดกันตอบสักสองสามประโยค คุณอาเลยพูดว่า
ท่าทางจะคุยกันยาว มานั่งคุยนั่งกินด้วยกันเลยมา
คุณอาก็เลยชวนมานั่งด้วยกัน ลากโต๊ะมาต่อกันเลย ละก็นั่งเม้าส์นั่งคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้
เราได้ข้อคิดจากการพูดคุยกับคุณลุง คุณอา แล้วก็พี่อีกคนเยอะมาก เพราะ3คน 3สไตล์เลย
แล้วโปรไฟล์แต่ละคนนั้นก็ไม่ธรรมดา ทำธุรกิจทำโปรเจคกันหลายร้อยล้านอยู่ (จากที่ฟังมา)
เราจึงได้มุมมองในการทำงาน การใช้ชีวิต เพิ่มขึ้น กว้างขึ้น ได้ส่วนผสมในการปรุงวิถีการใช้ชีวิตของเราเพิ่มขึ้น
สักพัก คุณลุงลุกออกไปรับโทรศัพท์ แล้วก็กลับมา บอกอา กับพี่อีกคนว่า งานผ่านไปด้วยดีสำเร็จ (เราป่าวเผือกนะ เขาพูดกันดัง :3 )
จากนั้นพวกอาๆ ก็อารมณ์ดี เลี้ยงอาหารพวกเรามื้อนั้นกับที่พักคืนนั้นเลย
คืนนั้นพวกเราได้นอนรีสอร์ตแถวนั้น (เจ้าของเป็นเพื่อนกับคุณลุง) เป็นบ้านหลังๆ มีแอร์ มีเตียงนุ่มๆ
คุณลุงสละบ้านหลังนี้ให้พวกเรา แล้วพวกเขาก็ไปนอนด้วยกัน3คน อีกบ้านหลังหนึ่ง (ซึ่งหลังใหญ่กว่า)
พวกเราเกรงใจมากๆๆๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ทัน เพราะแกพูดดักคอ ประกอบกับเม้าส์กันดึกแล้วด้วย คงหาที่พักเองยากแล้ว เลยตัดสินใจไปนอน
ก่อนจะแยกย้ายไปนอน พวกคุณลุงก็กำชับว่า ห้ามเราเปิดประตูรับใครทั้งนั้น ดึกๆห้ามออกจากตัวบ้านเด็ดขาด
พอเขาพูดอย่างนี้พวกเราก็สบายใจขึ้นมาหน่อย
คืนนั้นพวกเราก็คุยกันว่า ทำไมพวกคุณลุง คุณอา คุณพี่ จะต้องทำดีกับพวกเราขนาดนี้ด้วย
พึ่งเจอกันแท้ๆ เขาคงไม่ได้หวังอะไรจากตัวเราใช่ไหม พวกเราก็เริ่มจินตนาการไปเรื่อย 555555
แต่ก็นะ พวกเเกคงเอ็นดูพวกเรา เพราะจากการพูดคุยกันหลายๆเรื่อง มันทำให้พวกเราก็ไว้ใจพวกเเกได้อยู่
รุ่งขึ้น วันที่ 3
18 ธ.ค 58 ขุนยวม ไป ปางอุ๋ง
ตื่นมา อาบน้ำแต่งตัว เก็บของ แล้วก็เดินไปกินกาแฟหน้าบ้าน กับพวกคุณลุง คุณอา
นั่งพูดคุยกันสักพัก ก็แยกย้ายกัน
ก่อนจาก เพื่อนเรา ผู้อัธยาศัยดีเลิศ ก็ได้แลกข้อมูลติดต่อกับพวกเขาไว้
แถมโดนกำชับว่า มาเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอนคราใด ให้กริ๊งกร๊างไปหาด้วย 55555
เอ้ออ ลืมเล่า เมื่อคืน คุณลุงแกรู้ว่าพวกเราจะไปปางอุ๋ง
แกเลยโทรติดต่อรีสอร์ตที่ดีๆ ราคาสูงแห่งหนึ่งให้พวกเราในราคาพิเศษมากๆ
แกบอกจะมีลูกสาวไปเที่ยว หาห้องให้พวกเราด้วย 5555
สุดท้ายพวกเราปฏิเสธไป บอกว่าอยากนอนเต้นท์ อยากใกล้ชิดกับธรรมชาติ 555
จริงๆอีกอย่างคือ เกรงใจจะแย่อยู่แล้วค่าาา ><
10.30 ออกเดินทาง จาก ขุนยวมไปปางอุ๋ง
ระยะทางประมาณ 103 กิโลเมตร พวกเราใช้เวลาในการเดินทาง ประมาณ 4 ชั่วโมงถึง เพราะ
แวะสระผมกันที่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอนก่อน คันหัวมากกก ไม่ไหวแล้ว
มันทรมานตรงที่ใส่หมวกกันน็อคอยู่แล้วก็คัน แล้วมันก็เกาไม่ได้ไง
คือทำได้เพียงเกาหมวกกันน็อคกันไป 5555555
นึกถึงแล้วหงุดหงิด 5555555
จากนั้นเดินทางกันต่อ
แวะพักอีกครั้งละกัน ดื่มน้ำดื่มท่า เข้าห้องน้ำ ยืดเส้นกันหน่อย
จุดชมวิว ผาบ่อง
ของจริงคือสวยมาก แต่มิมีความสามารถถ่ายทอดภาพออกมาได้
คือมันจะเป็นภูเขาสลับซับซ้อนกัน ทอดยาวออกไปในแนวลึก
มองดูคล้ายกับต่างประเทศเลย
แชะมันทุกที่
ป่ะ ไปต่อ !!
เปลี่ยนอารมณ์ เป็นเคลื่อนไหวบ้าง
เสียงแตกเฉยเลย ช่างมัน
พอขึ้นเขาก็ไม่เร็วนะจ๊ะ 40 กม : ชม
ไม่ใช่อะไรหรอก หนักกระเป๋า - .,-
เหยยยย ใกล้แล้วพ่อจ๋าแม่จ๋า
12 กิโลสุดท้าย ฉันก็ไม่ไหวจริงๆ ตะคริวจะกิน ฉันขอพักเถิด นะพ่อนะ
นี่เริ่มใกล้ถึงแล้ว ปางอุ๋ง ....
ใกล้ถึงละ
(ทางค่อนข้างเล็ก ค่อยๆขับนะคะถ้ามา)
ใกล้ละ
ผ่านหมู่บ้าน ชาวเขาเข้าไปก่อน
มันปิ้ง ไข่ปิ้ง น้ำขิง รอฉันก่อนนะ
เข้ามาเขตอุทยานแล้ว
เสียค่าเข้าพัก คืนละ 60 บาท ต่อ คน
เสร็จแล้วขี่รถตรงเข้ามาอีกหน่อย ...
ฮ้าาา ถึงแล้ว ฐานที่มั่นของเรา
จัดแจงแบ่งหน้าที่กันไป
สหายข้า เจ้ามีหน้าที่ กางเต็นท์ไป ส่วนข้า จะคอยทำหน้าที่ นั่งดูและส่งกำลังใจให้เจ้าเอง
แทนแท๊นนน ที่นอนพวกเราเสร็จแล้ว
ที่นี่มีให้เช่าทุกอย่างครบครันเลย
หมอน ใบละ 10 บาท
เบาะรองนอน เบาะละ 20 บาท
เสื่อ ผืนละ 50 บาท
ตะเกียงหลอดไฟ อันละ 100 บาท ต่อคืน
ฝากชาตแบต พาวเวอร์แบงค์ เครื่องละ 60 บาท
ชอบที่นี่มาก บรรยากาศ เรื่อยๆ สงบนะทั้งที่มีคน
คือเหมาะแก่การนั่งพิงเก้าอี้สนามตัวนั้น
พร้อมกับอ่านหนังสือที่ชอบสักเล่ม
มีน้ำขิงอุ่นๆให้จิบไปพลาง โอ่ยยยยย
สุดท้าย ปางอุ๋งนอนสองคืนนะ
จากแผนเดิมที่นอนสถานที่ละคืน 555555
จัดเตรียมที่พักเสร็จก็ออกไปหาอะไรกินกัน
ไปตรงหมู่บ้านที่ผ่านมาตอนขาเข้า
สำรวจๆ
นั่นรถเร่ เบอร์ 35 สงสัยนะว่า มีทั้งหมดกี่คัน กี่เบอร์
ทำกันเป็นเหมือนธุรกิจเครือข่ายหรือป่าว
เบอร์35 นี่เลขประจำตัวสมาชิกใช่หรือไม่
ถ้าไม่ใช่ แล้วทำไมต้องเลข 35
ได้แต่คิดในใจ ไม่ได้ถามออกมา
ใครไปแล้วเจอฝากถามทีนะคะ มันคาใจอิฉันจริงๆค่ะ
หลังจากเดินไปด้อมๆมองๆสินค้า ก็นึกขึ้นได้ว่าหิวนี่นา เลยเดินไปหาข้าวกินดีกว่า .... -..-
เดี๋ยวมาต่อค่ะ