เป็นแค่บันทึกการเดินทางรูปแบบสารคดีนะครับ ไม่ได้มาริวิวอะไรทั้งนั้น งานเขียนนี้เป็นเรื่องราวของอารมณ์ ความคิด และความรู้สึกทั้งหมดจริงๆ
วัฒนธรรมอาหารของมนุษย์เริ่มต้นไม่ต่างจากสัตว์ทั่วไปที่นิยมกินของสดทั้งพืชและสัตว์ จนเมื่อมนุษย์คนพบไฟการปรุงแต่งอาหารก็เปลี่ยนแปลงขึ้นและยิ่งมนุษย์ค้นพบสิ่งใหม่ๆหรือมนุษย์มีความต้องการใหม่ๆความหลากหลายของอาหารการกินก็ไม่เคยหยุดนิ่ง สถานที่ท่องเที่ยวก็เหมือนกัน จากแรกเริ่มที่ดิบเถื่อน มนุษย์เราก็เขาไปปรุงแต่ง เค็มบ้าง หวานบ้าง เปรี้ยวบ้าง เผ็ดบ้าง มันบ้าง ทั้งหมดนี้ก็อยู่ที่ความต้องการของมนุษย์ที่เดินทางท่องเที่ยวทุกคน
ปีใหม่ที่ผ่านมาผมเดินทางไป "วังเวียง" แห่ง สปป.ลาว จากคำเชิญชวนของเพื่อนในกลุ่ม "วัฒนะกรุ๊ป" ซึ่งพวกเราจะเที่ยวกันทุกปีโดยจะมีทริปใหญ่ ๒ ครั้ง คือหน้าร้อน ๑ ครั้ง หน้าหนาว ๑ ครั้ง และทริปเล็กๆแล้วแต่ความต้องการของกลุ่ม "วัฒนะกรุ๊ป" พวกเราเริ่มเที่ยวกันแต่งแต่ปี ๔๘ นับจากวันนั้นถึงวันนี้พวกเราอายุ ๒๘+ กันแล้วทั้งนั้น พวกเราผ่านการท่องเที่ยวมาแล้วทุกรูปแบบ ในขณะที่ "วังเวียง" ในปี ๕๘ นี้เป็นการรื้อฟื้นความทรงจำในรอบ ๑๐ ปีที่เราเริ่มแบกเป้เที่ยวและนั่งรถทัวร์
วังเวียงเคี่ยวนานจัง
สำหรับทริปวังเวียงครั้งนี้ "วัฒนะกรุ๊ป" พร้อมใจกันว่างแค่ ๘ คน พวกเราเริ่มต้นเดินทางที่นครชัยแอร์จากกรุงเทพฯในเวลา ๙ โมงครึ่งของวันที่ ๓๐ ธ.ค. ๕๘ วันนี้แม้รถจากกรุงเทพฯจะเดินทางออกต่างจังหวัดไม่หนาแน่นมาก แต่พวกเราก็มาถึงอุดรธานีเมื่อเวลาทุ่มยี่สิบ พวกเราช้าไปเกือบ ๒ ชั่วโมง ร่วมเวลาการนั่งรถไปอุดรฯราว ๑๐ ชั่วโมง ที่อุดรฯเราแวะหาของกินที่พักและรอการเดินทางต่อไปในย่ำรุ่ง
รูปขณะรอรถที่อุดรธานี
รูปขณะรอรถที่อุดรธานี
ย่ำรุ่งของวันที่ ๓๑ ธ.ค. ๕๘ ที่สถานีขนส่งอุดรธานีพวกเราตื่นกันตั้งแต่ตีห้าต้นๆ ในใจพวกเรามุ่งหวังว่าพวกเราจะได้คิวแรกๆเพราะเราไปรอเช้ามากก่อนที่รถเที่ยวแรกและเที่ยวเดียวที่ไปวังเวียงจะออกในเวลา ๘ โมงเช้า
แต่เหนือตี ๕ ต้นๆคงมีตี ๔ ต้นๆเพราะเมื่อเราไปถึงสถานีขนส่งกระเป๋านับ ๓๐ ใบก็เรียงรายเย้ยเราเหมือนผู้ชนะ แต่ในใจของผู้แพ้ยอมมีความหวังเพราะรถเที่ยวไปวังเวียงมี ๔๐ ที่นั่ง พวกเราจึงเอากระเป๋าต่อแถวอย่างมีระเบียบต่อไป และไปหาอาหารเช้ากินรออย่างใจเย็น
จนเวลา ๖.๔๕ คนเริ่มทยอยมาอย่างโกลาหล กระเป๋าที่ต่อคิวอย่างสงบดูเหมือนจะไร้ความหมายเพราะ ณ ตอนนั้นเราก็ไม่รู้กระเป๋าใครต่อใครมั่วไปหมด แต่โชคดีที่คนมีจิตสำนึกมากกว่าคนที่เอาเปรียบ ในขณะที่ทางสถานีขนส่งจัดรถเสริมให้อีกหนึ่งเที่ยว ทุกคนจึงได้ไปกันทั้งหมดเมื่อตั๋วถูกเปิดขายในเวลา ๗ โมงเป๊ะ หลังจากนั้นล้อรถก็หมุนในเวลา ๘.๒๐ น. และมาถึงวังเวียงเมื่อเวลาสี่โมงเย็นนิดๆ โดยก่อนที่จะถึงวังเวียงรถโดยสารจะจอดให้เราทำธุระระบายทุกข์หาข้าวหาน้ำราว ๒๐ นาที ในตอนเกือบบ่ายสอง ทั้งหมดนี้พวกเราใช้เวลานั่งรถจากกรุงเทพฯวังเวียงอย่างสาหัสเกือบ ๑๘ ชั่วโมงกว่าจะพบเธอ "วังเวียง"
รูปรถจากอุดรฯไปวังเวียง
รูปร้านอาหารที่แวะพักระหว่างอุดรฯ-วังเวียง
บันทึกการเดินทางปีใหม่ ๕๙ "วังเวียงไม่มีรส" (๒๘+)
วัฒนธรรมอาหารของมนุษย์เริ่มต้นไม่ต่างจากสัตว์ทั่วไปที่นิยมกินของสดทั้งพืชและสัตว์ จนเมื่อมนุษย์คนพบไฟการปรุงแต่งอาหารก็เปลี่ยนแปลงขึ้นและยิ่งมนุษย์ค้นพบสิ่งใหม่ๆหรือมนุษย์มีความต้องการใหม่ๆความหลากหลายของอาหารการกินก็ไม่เคยหยุดนิ่ง สถานที่ท่องเที่ยวก็เหมือนกัน จากแรกเริ่มที่ดิบเถื่อน มนุษย์เราก็เขาไปปรุงแต่ง เค็มบ้าง หวานบ้าง เปรี้ยวบ้าง เผ็ดบ้าง มันบ้าง ทั้งหมดนี้ก็อยู่ที่ความต้องการของมนุษย์ที่เดินทางท่องเที่ยวทุกคน
ปีใหม่ที่ผ่านมาผมเดินทางไป "วังเวียง" แห่ง สปป.ลาว จากคำเชิญชวนของเพื่อนในกลุ่ม "วัฒนะกรุ๊ป" ซึ่งพวกเราจะเที่ยวกันทุกปีโดยจะมีทริปใหญ่ ๒ ครั้ง คือหน้าร้อน ๑ ครั้ง หน้าหนาว ๑ ครั้ง และทริปเล็กๆแล้วแต่ความต้องการของกลุ่ม "วัฒนะกรุ๊ป" พวกเราเริ่มเที่ยวกันแต่งแต่ปี ๔๘ นับจากวันนั้นถึงวันนี้พวกเราอายุ ๒๘+ กันแล้วทั้งนั้น พวกเราผ่านการท่องเที่ยวมาแล้วทุกรูปแบบ ในขณะที่ "วังเวียง" ในปี ๕๘ นี้เป็นการรื้อฟื้นความทรงจำในรอบ ๑๐ ปีที่เราเริ่มแบกเป้เที่ยวและนั่งรถทัวร์
วังเวียงเคี่ยวนานจัง
สำหรับทริปวังเวียงครั้งนี้ "วัฒนะกรุ๊ป" พร้อมใจกันว่างแค่ ๘ คน พวกเราเริ่มต้นเดินทางที่นครชัยแอร์จากกรุงเทพฯในเวลา ๙ โมงครึ่งของวันที่ ๓๐ ธ.ค. ๕๘ วันนี้แม้รถจากกรุงเทพฯจะเดินทางออกต่างจังหวัดไม่หนาแน่นมาก แต่พวกเราก็มาถึงอุดรธานีเมื่อเวลาทุ่มยี่สิบ พวกเราช้าไปเกือบ ๒ ชั่วโมง ร่วมเวลาการนั่งรถไปอุดรฯราว ๑๐ ชั่วโมง ที่อุดรฯเราแวะหาของกินที่พักและรอการเดินทางต่อไปในย่ำรุ่ง
รูปขณะรอรถที่อุดรธานี
รูปขณะรอรถที่อุดรธานี
ย่ำรุ่งของวันที่ ๓๑ ธ.ค. ๕๘ ที่สถานีขนส่งอุดรธานีพวกเราตื่นกันตั้งแต่ตีห้าต้นๆ ในใจพวกเรามุ่งหวังว่าพวกเราจะได้คิวแรกๆเพราะเราไปรอเช้ามากก่อนที่รถเที่ยวแรกและเที่ยวเดียวที่ไปวังเวียงจะออกในเวลา ๘ โมงเช้า
แต่เหนือตี ๕ ต้นๆคงมีตี ๔ ต้นๆเพราะเมื่อเราไปถึงสถานีขนส่งกระเป๋านับ ๓๐ ใบก็เรียงรายเย้ยเราเหมือนผู้ชนะ แต่ในใจของผู้แพ้ยอมมีความหวังเพราะรถเที่ยวไปวังเวียงมี ๔๐ ที่นั่ง พวกเราจึงเอากระเป๋าต่อแถวอย่างมีระเบียบต่อไป และไปหาอาหารเช้ากินรออย่างใจเย็น
จนเวลา ๖.๔๕ คนเริ่มทยอยมาอย่างโกลาหล กระเป๋าที่ต่อคิวอย่างสงบดูเหมือนจะไร้ความหมายเพราะ ณ ตอนนั้นเราก็ไม่รู้กระเป๋าใครต่อใครมั่วไปหมด แต่โชคดีที่คนมีจิตสำนึกมากกว่าคนที่เอาเปรียบ ในขณะที่ทางสถานีขนส่งจัดรถเสริมให้อีกหนึ่งเที่ยว ทุกคนจึงได้ไปกันทั้งหมดเมื่อตั๋วถูกเปิดขายในเวลา ๗ โมงเป๊ะ หลังจากนั้นล้อรถก็หมุนในเวลา ๘.๒๐ น. และมาถึงวังเวียงเมื่อเวลาสี่โมงเย็นนิดๆ โดยก่อนที่จะถึงวังเวียงรถโดยสารจะจอดให้เราทำธุระระบายทุกข์หาข้าวหาน้ำราว ๒๐ นาที ในตอนเกือบบ่ายสอง ทั้งหมดนี้พวกเราใช้เวลานั่งรถจากกรุงเทพฯวังเวียงอย่างสาหัสเกือบ ๑๘ ชั่วโมงกว่าจะพบเธอ "วังเวียง"
รูปรถจากอุดรฯไปวังเวียง
รูปร้านอาหารที่แวะพักระหว่างอุดรฯ-วังเวียง