อ่านย้อนหลังวันที่ 1: http://ppantip.com/topic/34632740
อ่านย้อนหลังวันที่ 2: http://ppantip.com/topic/34635753
อ่านย้อนหลังวันที่ 3: http://ppantip.com/topic/34635933
----------------------------------------------------------------
วันที่ 1 วันที่ 29 เม.ย. Munich – Schwangau-Fussen มิวนิค - ชวานเกา-ฟุสเซ่น
วันที่ 2 วันที่ 30 เม.ย. Schwangau – Neuschwanstein  – Innsbruck ชวานเกา - นิวชะวานซะไต- อิ้นบลูค
วันที่ 3 วันที่ 1 พ.ค. Innsbruck – Hallstatt อิ้นบลูค - ฮอลสแตท
วันที่ 4 วันที่ 2 พ.ค. Hallstatt – Ceskey Krumlov ฮอลสแตท - เชสกี้ ครุมลอฟ
วันที่ 5 วันที่ 3 พ.ค. Ceskey Krumlov – Prague เชสกี้ ครุมลอฟ – ปาร์ค
วันที่ 6 วันที่ 4 พ.ค. Prague ปาร์ค
วันที่ 7 วันที่ 5 พ.ค. Prague –แวะ Karlovy Vary -Rothenburg ob der Tauber ปาร์ค -แวะที่คาร์โรวี่วารี่- โรเทนบวร์ก
วันที่ 8 วันที่ 6 พ.ค. Rothenburg ob der Tauber - Munich โรเทนบวร์ก - มิวนิค
วันที่ 9 วันที่ 7 พ.ค. Munich มิวนิค
วันที่ 10 วันที่ 8 พ.ค. ขึ้นเครื่องกลับบ้าน
--------------------------------------------------------------------

เริ่มด้วยภาพมุมยอดนิยมของ Hallstatt
===========================================================
วันที่ 4 ของการเดินทาง 2 พ.ค. Hallstatt – Ceskey Krumlov ฮอลสตัท-เชสกี้ ครุมลอฟ

06.00 น ตื่นนอนมาคุณป้าจัดเตรียมอาหารเช้าให้ ด้วยเครื่องครัวจาน- ชามลายเข้าชุดน่ารักมากๆ กาแฟ ไข่ต้ม ขนมปัง แบบง่ายๆ
ออกมานั่งสูดอากาศหน้าบ้าน ที่อากาศออกจะหนาวสั่น หงั่กๆๆๆๆ เนื่องจากบ้านคุณป้าอยู่ติดภูเขาสูง



08.00 น  
เดินไปเรื่อยๆจากบ้านคุณป้า จะเจอสถานีรถรางเพื่อนำนักท่องเที่ยวขึ้นไปชมวิวของทะเลสาบ Hallstatt ในมุมสูง



ซื้อตั๋วขึ้นรถรางสูงๆไต่เขาเข้าไปชมเหมืองเกลือกันค่ะ
รถรางจะค่อยๆพาเราไต่ระดับความสูงขึ้นไปช้า ๆ



เราค่อยๆ เห็นหมู่บ้านด้านล่างห่างออกไปในมุมสูง สูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นภาพที่สวยงามไปอีกแบบของ Hallstatt
แต่ถ้าใครเป็นโรคกลัวความสูงคงเสียดายแย่ วิวสวยๆแบบนี้รอดูจากภาพถ่ายแทนนะคะ
เพราะทางขึ้นนั้นชันมาก ๆคงต้องหลับตาไปจนถึงยอดเขาเลยทีเดียว
(แต่คนในรถรางก็ดูสนุกกันทุกคนนะคะ หน้าชะโงกติดกระจกกันทุกคน ไม่เห็นมีใครกลัว)

เราจะมองเห็นถนนทางเดินค่อยๆเลาะเลี้ยวไป-มา เหมือนงูเลื้อยขึ้นมาเรื่อยๆ
ริมทะเลสาบถูกเกาะขอบด้วยหมู่บ้านเล็กๆกระจุกตัวอยู่ นั่นคือ Hallstatt ทั้งเมืองมีแค่นั้นจริงๆ
เมืองนี้ยังเป็นที่นิยมในการเที่ยวแนว Outdoor สำหรับ Trekking อีกด้วยค่ะ





รูปนี้คือสถานีรถราง เมื่อขึ้นมาถึงด้านบนแล้ว


หลังจากขึ้นมาถึงตรงนี้ เราต้องเดินเชื่อมต่อไปยังทางเข้าสู่เหมืองเกลือโบราณ
ซึ่งต้องมุดเข้าไปในภูเขาซึ่งเคยถูกขุดเจาะทะลุเป็นอุโมงค์ เป็นทางเข้าเหมือง

เกลือในสมัยนั้นมีค่ามากทั้งในภาวะปกติ และภาวะสงคราม
เนื่องจากเกลือนอกจากจะใช้สำหรับการถนอมอาหารที่สำคัญแล้ว
เหตุผลอื่นๆคงมีอีกนานานับประการ (ต้องหาข้อมูลเพิ่มค่ะ)
สมัยอดีตเมือง Hallstatt ฮอลสแตทจึงเป็นเมืองที่ร่ำรวย มั่งคั่งมาก
ถ้าเทียบกับสมัยนี้ก็คล่ายๆ เมืองแห่งเศรษฐีน้ำมันน่ะค่ะ

เหมืองเกลือที่นี่ไม่ได้เกิดจากการนำน้ำทะเลมาตากแห้ง แบบที่ดิฉันเข้าใจนะคะ อิอิ
เพราะถูกโอบล้อมด้วยเทือกเขา Alps แอลป์ หิมะ
แล้วทะเลมาจากไหน? งงเลย!!!
เหมืองเกลือมันอยู่ใต้ดินค่ะ อยู่ใต้หุบเขาลงไปอีกน่ะค่ะ
ต้องมีการขุดอุโมงค์ทำเป็นทางรถไฟเล็กๆเพื่อขนเกลือบริสุทธิ์ออกมา

ประวัติการเกิดเหมืองที่นี่น่าทึ่งมาก ควรค่าแก่การเข้าชมอย่างยิ่ง
จะทำให้เราเข้าใจว่า "โลกนี้มีเกิดมีดับ ไม่มีอะไรจีรัง ทุกอย่างมีวัฐจักรของมัน"




11.00 ออกจากเหมืองเกลือ เราเดินเล่นชมฮอลสแตทกันอีกครั้ง ก่อนบอกลาคุณป้า Lidy


















เดินทางไปยังจุดหมายต่อไปของเราคือเมือง Cesky Krumlov (เชสกี้ ครุมลอฟ)
เมืองเก่าแก่เมืองหนึ่งของสาธารณรัฐเช็ก เส้นทางการขับรถไปยัง เซสกี ครุมลอฟ สาธารณรัฐเช็ก 2-3ชั่วโมง

13.00 เราพกพวกแซนวิช พิซซ่า ที่ซื้อมาจากฮอลสแตท
มานั่งทานกันริมทะเลสาบระหว่างทาง ซึ่งที่จุดนี้มีห้องน้ำบริการฟรี แถมสะอาดอีกด้วย
นับว่าเป็นสิ่งต้องชื่นชมประเทศออสเตรียจริง ๆ ที่ให้ความสำคัญกับสวัสดิการขั้นพื้นฐานของประชาชน
รวมถึงความมีจิตสาธารณของชาวออสเตรียด้วยที่ช่วยกันรักษาความสะอาดของทรัพย์สินสาธารณะ
นั่งไปก็ชักจะสั่นๆ หนาวค่ะ เข้าไปทานในรถดีกว่า

หลังจากขับผ่านทะเลสาบได้ไม่นาน GPS จะนำเราเข้าสู่ Autobahn ซึ่งเส้นทางกว้างขวางสะดวกสบาย
ไม่แพ้ถนนของเยอรมัน วิวสองข้างทางแม้ไม่สวยเท่าช่วงแรก แต่ก็ได้เห็นทุ่งดอกไม้สีเหลือง
เพิ่งทราบชื่อว่าคือดอกเรฟซีด เขาปลูกกันมากเป็นพื้นที่สุดลูกหูลูกตา มันเป็นอุตสาหกรรมค่ะ
เพราะเมล็ดของมันจะนำมาใช้สกัดน้ำมัน ช่วงนี้กำลังออกดอกเหลืองอร่าม
แต่ถ้าได้ลงไปใกล้ๆจะได้กล่ินแบบยังไงดีล่ะ คล้ายๆกลิ่นน้ำลายบูดที่อยู่บนปลอกหมอนอ่ะค่ะ
จินตนาการดิฉันเป็นไง เห็นภาพไหมคะ? ลองไปดมดู อิอิ

แต่เมื่อเริ่มเข้าสู่ประเทศเช็ก เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ก่อนถึงเมือง Cesky Krumlov เล็กน้อย ถนนแคบมากจนเรียกได้ว่าวิ่งได้คันเดียว
ต้องจิตแข็งมั่นคงมาก และเชื่อตาม GPS ไปเรื่อยๆ
เมือง Cesky Krumlov (เชสกี้ ครุมลอฟ) เป็นเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO

ถึงเมือง Cesky Krumlov ถนนเข้าเมืองสวยดี ข้างทางด้านนึงคือลำธารไหล
อีกด้านคือหน้าผามีต้นไม้ เปิดกระจกอากาศมีกล่ินสดชื่นมาก

ขับวนหาโรงแรมตาม GPS จนเจอ จะเรียกว่าโรงแรมก็ไม่ถนัดปากนัก
ลักษณะคล้ายอพาร์เม้นต์มากกว่า ไม่มีที่จอดรถเป็นเรื่องเป็นราว
เราจอดริมถนนเอาค่ะ

18.00 เช็คอินห้องพัก ณ โรงแรม Penzion Svet ที่นี่ไม่มีลิฟท์ค่ะ
ต้องลากกระเป๋าไต่บันไดแคบๆเดินสวนกันไม่ได้
แต่ภายในห้องกลับเพี้ยบพร้อมสะดวกสบาย Heater ครบครันเหมือนที่พักดีๆเลย
รีบเก็บกระเป๋ากัน จัดเตรียมอาหารค่ำแบบทำเองให้ท่านผู้สูงวัยทาน
และพวกเราก็ออกไปเดินชมเมืองยามค่ำคืนกันค่ะ



ลักษณะตึกอาคารในเมือง ประตูทางเข้าแบบต้องก้มหัว เดินเข้าสู่อุโมงค์ยังไงไม่รู้
อาจเพราะด้วยอากาศที่หนาวเย็นกระมัง แต่หลังจากที่เราเดินเข้าประตูเล็กๆมาได้
ด้านในตัวอาคาร พื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง โอฬารมากๆ





คนดูแลที่พัก แนะนำร้านอาหารอร่อยๆให้หลายร้านเลย
เพื่อจะได้ไม่ต้องไปกินร้านอาหารรสชาติแบบทั่วไปที่นักท่องเที่ยวมักเจอ
เราไปร้านอาหารริมแม่น้ำในคลุมลอฟตามคำแนะนำ และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ
อร่อยสุดๆรสชาติดีมาก ไม่น่าเชื่อว่าอาหารยุโรปจะถูกปากคนที่รักอาหารไทยอย่างเราได้
เริ่ดคร่า!! ได้สเต็กปลาเทราต์ย่างห๊อม หอม มาพร้อมมันฝรั่ง
กะเนื้ออบนุ่มลิ้นสุดขีด วางคู่กับขนมปังแผ่นหอมกลิ่นอะไรไม่รู้ค่ะ
ทำไมอาหารที่นี่อร่อยจัง! ถามใคร? เปล่าค่ะ เป็นคำพรรณนา พร่ำเพ้อ



ต่อด้วยเบียร์สักนิดพอให้รู้รส Krumlov ครุมลอฟ ที่ร้านเสริฟขนมให้ฟรี
บอกว่าอยากให้ชิมดูว่าชอบไหม? ถ้าไม่ชอบจะไม่คิดตังส์ เออ! เห้ย! อารายฟระ?
พอชิมไปสักพัก เพิ่งมาเฉลยว่ามันคือขนมโรยเมล็ดดอกป๊อปปี้





ดอกป๊อปปี้!!!!! ก็ดอกฝิ่นอ่ะซิ!!!!! ถึงว่าหัวเราะกันกระจาย
ด้วยสติยังพอมีสตังส์ยังอยู่ครบ จึง Stop!!!! หยุดกินทันที

อิ่มค่ะ .....เดินกลับที่พักตัวสั่นเลย อากาศหนาวมากๆๆๆๆ
รีบนอนดีกว่า พรุ่งนี้จะไปลุย Krumlov ครุมลอฟ เมืองมรดกโลกกันแบบเต็มๆตาสว่างๆ zzZZZZZ