คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
เครือข่าย Network ก็มี เขียนโปรแกรม http://coffeeiam.com/uploads/books/cover/102.jpg
คอมพิวเตอร์ หนี การเขียนโปรแกรม ไม่พ้น ถ้า จะทำงาน ไอที หนี การเขียนโปรแกรม ไม่พ้น
ทำงาน จริง ไม่มีใคร มา นั่งชี้แนะ ได้ ตลอดเวลา ต้อง ศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเอง ให้ เยอะ
Network Administrator ทำหน้าที่คล้าย ๆ กับ System Administrator แต่จะเน้นทางด้านระบบเครือข่าย
หน้าที่ของ Network Administrator
หน้าที่ของ Network Administrator โดยรวม ๆ ก็คือการติดตั้งควบคุมดูแลระบบเครือข่ายและอุปกรณ์เครือข่ายขององค์กรให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหน้าที่มีดังต่อไปนี้
. ออกแบบติดตั้งและดูแลระบบเครือข่ายขององค์กรทั้งภายในและภายนอก ซึ่งได้แก่ระบบ LAN(ทั้งระบบ แบบไร้สายและใช้สาย), การเชื่อมต่อ Leased Line ระหว่างสำนักงานใหญ่และสาขา,การเชื่อมต่อผ่าน VPN, การเชื่อมต่อแบบ Remote Access และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เป็นต้น
. ออกแบบติดตั้งและดูแลระบบป้องกันการบุกรุกหรือโจมตีทางเครือข่าย ซึ่งได้แก่ระบบป้องกัน Firewall(Network Firewall), Network Intrusion Detection/Prevention System และการเซ็ตอัพ Access Control List ในอุปกรณ์ Router เป็นต้น
. ติดตั้งและดูแลระบบป้องกันไวรัส ซึ่งรวมถึง Malware ประเภทต่าง ๆ เช่น ม้าโทรจันหรือสปายแวร์ โดยทั่วไประบบป้องกันไวรัสจะแบ่งเป็น 2 ประเภท
. ประเภทแรกคือ เป็นโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งลงไปในเครื่องแต่ละเครื่องเลย เช่น โปรแกรมTrend Micro PC-Cillin Internet Security, Norton Internet Security และ McAfee Internet Security เป็นต้น โปรแกรมประเภทนี้เป็นโปรแกรมเดี่ยว ๆ เวลาจะอัพเดทฐานข้อมูลจะใช้วิธีอัพเดทผ่านอินเทอร์เน็ตโดยตรงจากเว็บไซต์ของผู้ผลิตนิยมใช้ในเครื่องตามบ้าน (Home user) และโน้ตบุ๊ค
. ประเภทที่สองคือ เป็นโปรแกรมที่ใช้ในองค์กรใหญ่ ๆ ซึ่งเป็นแบบ Client-Server กล่าวคือผู้ดูแลสามารถควบคุมเครื่องทุก ๆ เครื่องในองค์กรได้จากจุด ๆ เดียวโดยผ่าน Central Management Server การอัพเดทฐานข้อมูลสามารถทำได้จากเครื่องเซิร์ฟเวอร์เพียงเครื่องเดียวจากนั้นจึงกระจายต่อให้กับเครื่องอื่น ๆ ทั้งหมดในองค์กร ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ของบริษัท Trend Micro มีชื่อว่า NeatSuite ที่รวมเอาผลิตภัณฑ์หลาย ๆ ตัวเข้าไว้ด้วยกันอย่างครบสูตรคือ InterScan, ScanMail, ServerProtect และ OfficeScan เป็นต้น สำหรับประเภทที่สองนี้มักจะควบคุมดูแลโดย Network Administrator ในขณะที่ประเภทแรกนั้นจะดูแลโดย System Administrator
. ติดตั้งและดูแลฮาร์ดแวร์หรืออุปกรณ์เครือข่ายทุกประเภท เช่น Hub/Switch, Router และอุปกรณ์สำเร็จรูปที่ทำหน้าที่ต่าง ๆ เช่น Network Firewall หรือ Network Intrusion Detection/Prevention System ให้สามารถทำงานได้ตลอดเวลา
. ติดตั้งและดูแลเซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการประเภทต่าง ๆ เช่น Mail Server (POP3 และ SMTP Server), Exchange Server, Antivirus Server, Proxy Server และ Web Server เป็นต้น สำหรับหน้าที่นี้บางทีอาจจะทำโดย System Administrator ก็ได้ เนื่องจาก System Administrator จะทำการติดตั้งระบบปฏิบัติการในเครื่องเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ให้อยู่แล้ว
. ติดตั้งและดูแลระบบสาธารณูปโภคทางด้านอินเทอร์เน็ต เช่น การเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต(ISP) ติดตั้งและดูแลระบบการแชร์อินเทอร์เน็ต กำหนดนโยบายและควบคุมดูแลการใช้งานระบบเครือข่ายและอินเทอร์เน็ต เช่น ห้ามไม่ให้มีการดาวน์โหลดไฟล์ในช่วงเวลางาน ห้ามเข้าเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมหรือไม่เกี่ยวข้องกับงานในหน้าที่ เป็นต้น
. ตรวจสอบและเฝ้าติดตามระบบเครือข่าย (Network Monitoring) ให้ทำงานปกติตลอดเวลา ซึ่งอาจต้องใช้เครื่องมือหลาย ๆ ตัวช่วย เช่น Network Intrusion Detection/Prevention System, NMS(Network Management System) หรือ Packet Sniffer ซึ่งหากพบว่าระบบเครือข่ายมีปัญหาก็ต้องแก้ไขให้เร็วที่สุด
. ดำเนินการติดตั้งและเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายภายนอก การเชื่อมต่อระหว่างสาขาและสำนักงานใหญ่และการเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต โดยทั่วไปจะใช้วิธีการเชื่อมต่อผ่านวงจรเช่าหรือ Leased Line ในขั้นตอนการติดตั้งจะต้องคำนวณ Bandwidth ที่เหมาะสมหากคำนวณเผื่อไว้มากเกินไปก็จะทำให้เสียค่าบริการรายเดือนในอัตราสูงโดยไม่จำเป็น หรือคำนวณไว้ต่ำไปก็จะทำให้การรับส่งข้อมูลเกิดความล่าช้า โดยในบางครั้งข้อมูลที่รับส่งมีความสำคัญและหยุดรอไม่ได้ก็อาจต้องพิจารณาให้มี Leased Line หรือวงจรเช่าจากผู้ให้บริการรายอื่นสำรองไว้อีก 1 วงจร
. วางแผนการอัพเกรดระบบเครือข่ายภายในหรือระบบ LAN ให้เหมาะสมกับการใช้งานและต้องสามารถรองรับปริมาณการใช้งานได้โดยไม่เกิดความล่าช้า เช่น อาจพิจารณาให้มีการอัพเกรดระบบ LAN ภายในจากความเร็ว 100 Mbps เป็น Gigabit Ethernet เป็นต้น
. กำหนดนโยบาย IP Address และการจัดสรร IP Address ให้กับเครื่องของผู้ใช้ต่าง ๆ ในองค์กร เช่น การกำหนด IP Address แบบค่าคงที่ (Static IP Address) ให้กับเครื่องเซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ การติดตั้งและควบคุมดูแล DHCP Server การเลือกใช้ช่วง IP Address ให้เหมาะสมกับขนาดเครือข่าย เช่น หากเครือข่ายมีขนาดใหญ่ก็ควรจะเลือกช่วง IP Address ใน Class B หรือ Class A แต่ถ้าเครือข่ายมีขนาดเล็กก็อาจเลือกใช้เพียงแค่ Class C ก็ได้
. จดทะเบียนโดเมนเนมและดูแลเว็บไซต์ขององค์กรให้สามารถเปิดให้บริการได้ตลอดเวลา
. ในกรณีที่องค์กรมีการทำธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ก็อาจต้องติดต่อกับ Certificate Authority (CA) เช่น VeriSign, Entrust หรือ Thawte เพื่อขอซื้อบริการ SSL Certificate ให้กับเว็บเซิร์ฟเวอร์และรับผิดชอบในการติดตั้งด้วย
. ประสานงานกับบริษัทผู้ให้บริการในกรณีที่เกิดปัญหาทางด้านเครือข่ายหรืออินเทอร์เน็ต เช่น ในกรณีที่มีปัญหาด้านวงจรเช่า (Leased Line) ก็ต้องติดต่อกับผู้ให้บริการ เช่น TOT, True หรือ DataNet เป็นต้น หากมีปัญหาทางด้านอินเทอร์เน็ตก็ต้องติดต่อกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP)
. ให้บริการแก้ไขปัญหาทางด้านเทคนิคต่าง ๆ ให้กับผู้ใช้หรือตอบคำถามทางด้านเทคนิค
. จัดเก็บและจัดทำเอกสารอ้างอิงที่เกี่ยวกับอุปกรณ์เครือข่ายและซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับระบบเครือข่ายพร้อมด้วยแผนภาพระบบเครือข่ายขององค์กร หรือ Network Configuration ขององค์กรเพื่อใช้เป็นแนวทางในการกำหนดแผนการทำ Maintenance ประจำปีพร้อมกับการทำงบประมาณเพื่อนำเสนอต่อผู้บริหาร
. ประสานงานกับฝ่ายต่าง ๆ เช่น System Administrator, System Programmer, Database Administrator, Computer Operator, Application Programmer, System Analyst, User และอื่น ๆ
. งานอื่น ๆ ที่กำหนดไว้ใน Job Description ของแต่ละองค์กร
สรุปได้ว่าทั้ง System Administrator และ Network Administrator อาจจะมีงานที่คาบเกี่ยวหรือที่ต้องประสานงานกันอยู่บ้าง ซึ่งคงจะยึดเป็นหลักตายตัวไม่ได้แน่ชัดขึ้นอยู่กับแต่ละองค์กร บางองค์กรก็อาจจะยุบรวมงานทั้ง 2 ตำแหน่งเข้าไปไว้ในคน ๆ เดียว และในแต่ละองค์กรก็ยังอาจมีหน้าที่พิเศษที่มอบหมายให้เพิ่มเติม เช่น งานทางด้านของการเขียนโปรแกรมหรือสคริปต์ต่าง ๆ หรือการจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เป็นต้น
คอมพิวเตอร์ หนี การเขียนโปรแกรม ไม่พ้น ถ้า จะทำงาน ไอที หนี การเขียนโปรแกรม ไม่พ้น
ทำงาน จริง ไม่มีใคร มา นั่งชี้แนะ ได้ ตลอดเวลา ต้อง ศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเอง ให้ เยอะ
Network Administrator ทำหน้าที่คล้าย ๆ กับ System Administrator แต่จะเน้นทางด้านระบบเครือข่าย
หน้าที่ของ Network Administrator
หน้าที่ของ Network Administrator โดยรวม ๆ ก็คือการติดตั้งควบคุมดูแลระบบเครือข่ายและอุปกรณ์เครือข่ายขององค์กรให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหน้าที่มีดังต่อไปนี้
. ออกแบบติดตั้งและดูแลระบบเครือข่ายขององค์กรทั้งภายในและภายนอก ซึ่งได้แก่ระบบ LAN(ทั้งระบบ แบบไร้สายและใช้สาย), การเชื่อมต่อ Leased Line ระหว่างสำนักงานใหญ่และสาขา,การเชื่อมต่อผ่าน VPN, การเชื่อมต่อแบบ Remote Access และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เป็นต้น
. ออกแบบติดตั้งและดูแลระบบป้องกันการบุกรุกหรือโจมตีทางเครือข่าย ซึ่งได้แก่ระบบป้องกัน Firewall(Network Firewall), Network Intrusion Detection/Prevention System และการเซ็ตอัพ Access Control List ในอุปกรณ์ Router เป็นต้น
. ติดตั้งและดูแลระบบป้องกันไวรัส ซึ่งรวมถึง Malware ประเภทต่าง ๆ เช่น ม้าโทรจันหรือสปายแวร์ โดยทั่วไประบบป้องกันไวรัสจะแบ่งเป็น 2 ประเภท
. ประเภทแรกคือ เป็นโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งลงไปในเครื่องแต่ละเครื่องเลย เช่น โปรแกรมTrend Micro PC-Cillin Internet Security, Norton Internet Security และ McAfee Internet Security เป็นต้น โปรแกรมประเภทนี้เป็นโปรแกรมเดี่ยว ๆ เวลาจะอัพเดทฐานข้อมูลจะใช้วิธีอัพเดทผ่านอินเทอร์เน็ตโดยตรงจากเว็บไซต์ของผู้ผลิตนิยมใช้ในเครื่องตามบ้าน (Home user) และโน้ตบุ๊ค
. ประเภทที่สองคือ เป็นโปรแกรมที่ใช้ในองค์กรใหญ่ ๆ ซึ่งเป็นแบบ Client-Server กล่าวคือผู้ดูแลสามารถควบคุมเครื่องทุก ๆ เครื่องในองค์กรได้จากจุด ๆ เดียวโดยผ่าน Central Management Server การอัพเดทฐานข้อมูลสามารถทำได้จากเครื่องเซิร์ฟเวอร์เพียงเครื่องเดียวจากนั้นจึงกระจายต่อให้กับเครื่องอื่น ๆ ทั้งหมดในองค์กร ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ของบริษัท Trend Micro มีชื่อว่า NeatSuite ที่รวมเอาผลิตภัณฑ์หลาย ๆ ตัวเข้าไว้ด้วยกันอย่างครบสูตรคือ InterScan, ScanMail, ServerProtect และ OfficeScan เป็นต้น สำหรับประเภทที่สองนี้มักจะควบคุมดูแลโดย Network Administrator ในขณะที่ประเภทแรกนั้นจะดูแลโดย System Administrator
. ติดตั้งและดูแลฮาร์ดแวร์หรืออุปกรณ์เครือข่ายทุกประเภท เช่น Hub/Switch, Router และอุปกรณ์สำเร็จรูปที่ทำหน้าที่ต่าง ๆ เช่น Network Firewall หรือ Network Intrusion Detection/Prevention System ให้สามารถทำงานได้ตลอดเวลา
. ติดตั้งและดูแลเซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการประเภทต่าง ๆ เช่น Mail Server (POP3 และ SMTP Server), Exchange Server, Antivirus Server, Proxy Server และ Web Server เป็นต้น สำหรับหน้าที่นี้บางทีอาจจะทำโดย System Administrator ก็ได้ เนื่องจาก System Administrator จะทำการติดตั้งระบบปฏิบัติการในเครื่องเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ให้อยู่แล้ว
. ติดตั้งและดูแลระบบสาธารณูปโภคทางด้านอินเทอร์เน็ต เช่น การเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต(ISP) ติดตั้งและดูแลระบบการแชร์อินเทอร์เน็ต กำหนดนโยบายและควบคุมดูแลการใช้งานระบบเครือข่ายและอินเทอร์เน็ต เช่น ห้ามไม่ให้มีการดาวน์โหลดไฟล์ในช่วงเวลางาน ห้ามเข้าเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมหรือไม่เกี่ยวข้องกับงานในหน้าที่ เป็นต้น
. ตรวจสอบและเฝ้าติดตามระบบเครือข่าย (Network Monitoring) ให้ทำงานปกติตลอดเวลา ซึ่งอาจต้องใช้เครื่องมือหลาย ๆ ตัวช่วย เช่น Network Intrusion Detection/Prevention System, NMS(Network Management System) หรือ Packet Sniffer ซึ่งหากพบว่าระบบเครือข่ายมีปัญหาก็ต้องแก้ไขให้เร็วที่สุด
. ดำเนินการติดตั้งและเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายภายนอก การเชื่อมต่อระหว่างสาขาและสำนักงานใหญ่และการเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต โดยทั่วไปจะใช้วิธีการเชื่อมต่อผ่านวงจรเช่าหรือ Leased Line ในขั้นตอนการติดตั้งจะต้องคำนวณ Bandwidth ที่เหมาะสมหากคำนวณเผื่อไว้มากเกินไปก็จะทำให้เสียค่าบริการรายเดือนในอัตราสูงโดยไม่จำเป็น หรือคำนวณไว้ต่ำไปก็จะทำให้การรับส่งข้อมูลเกิดความล่าช้า โดยในบางครั้งข้อมูลที่รับส่งมีความสำคัญและหยุดรอไม่ได้ก็อาจต้องพิจารณาให้มี Leased Line หรือวงจรเช่าจากผู้ให้บริการรายอื่นสำรองไว้อีก 1 วงจร
. วางแผนการอัพเกรดระบบเครือข่ายภายในหรือระบบ LAN ให้เหมาะสมกับการใช้งานและต้องสามารถรองรับปริมาณการใช้งานได้โดยไม่เกิดความล่าช้า เช่น อาจพิจารณาให้มีการอัพเกรดระบบ LAN ภายในจากความเร็ว 100 Mbps เป็น Gigabit Ethernet เป็นต้น
. กำหนดนโยบาย IP Address และการจัดสรร IP Address ให้กับเครื่องของผู้ใช้ต่าง ๆ ในองค์กร เช่น การกำหนด IP Address แบบค่าคงที่ (Static IP Address) ให้กับเครื่องเซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ การติดตั้งและควบคุมดูแล DHCP Server การเลือกใช้ช่วง IP Address ให้เหมาะสมกับขนาดเครือข่าย เช่น หากเครือข่ายมีขนาดใหญ่ก็ควรจะเลือกช่วง IP Address ใน Class B หรือ Class A แต่ถ้าเครือข่ายมีขนาดเล็กก็อาจเลือกใช้เพียงแค่ Class C ก็ได้
. จดทะเบียนโดเมนเนมและดูแลเว็บไซต์ขององค์กรให้สามารถเปิดให้บริการได้ตลอดเวลา
. ในกรณีที่องค์กรมีการทำธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ก็อาจต้องติดต่อกับ Certificate Authority (CA) เช่น VeriSign, Entrust หรือ Thawte เพื่อขอซื้อบริการ SSL Certificate ให้กับเว็บเซิร์ฟเวอร์และรับผิดชอบในการติดตั้งด้วย
. ประสานงานกับบริษัทผู้ให้บริการในกรณีที่เกิดปัญหาทางด้านเครือข่ายหรืออินเทอร์เน็ต เช่น ในกรณีที่มีปัญหาด้านวงจรเช่า (Leased Line) ก็ต้องติดต่อกับผู้ให้บริการ เช่น TOT, True หรือ DataNet เป็นต้น หากมีปัญหาทางด้านอินเทอร์เน็ตก็ต้องติดต่อกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP)
. ให้บริการแก้ไขปัญหาทางด้านเทคนิคต่าง ๆ ให้กับผู้ใช้หรือตอบคำถามทางด้านเทคนิค
. จัดเก็บและจัดทำเอกสารอ้างอิงที่เกี่ยวกับอุปกรณ์เครือข่ายและซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับระบบเครือข่ายพร้อมด้วยแผนภาพระบบเครือข่ายขององค์กร หรือ Network Configuration ขององค์กรเพื่อใช้เป็นแนวทางในการกำหนดแผนการทำ Maintenance ประจำปีพร้อมกับการทำงบประมาณเพื่อนำเสนอต่อผู้บริหาร
. ประสานงานกับฝ่ายต่าง ๆ เช่น System Administrator, System Programmer, Database Administrator, Computer Operator, Application Programmer, System Analyst, User และอื่น ๆ
. งานอื่น ๆ ที่กำหนดไว้ใน Job Description ของแต่ละองค์กร
สรุปได้ว่าทั้ง System Administrator และ Network Administrator อาจจะมีงานที่คาบเกี่ยวหรือที่ต้องประสานงานกันอยู่บ้าง ซึ่งคงจะยึดเป็นหลักตายตัวไม่ได้แน่ชัดขึ้นอยู่กับแต่ละองค์กร บางองค์กรก็อาจจะยุบรวมงานทั้ง 2 ตำแหน่งเข้าไปไว้ในคน ๆ เดียว และในแต่ละองค์กรก็ยังอาจมีหน้าที่พิเศษที่มอบหมายให้เพิ่มเติม เช่น งานทางด้านของการเขียนโปรแกรมหรือสคริปต์ต่าง ๆ หรือการจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เป็นต้น
แสดงความคิดเห็น
อยากได้คำแนะนำ ในการมุ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งไปเลยครับ
ซึ่งผมมองระยะยาวแล้ว (ส่วนตัวเป็นคนชอบ หาความรู้ด้าน IT อยู่แล้ว) ผมคิดจะทำอาชีพที่ใดอาชีพหนึ่งในด้าน IT ไปเลย
แล้วอย่างเก่งเฉพาะทางไปเลย
สิ่งที่ผมจะปรึกษาก็คือ ผมพอมีทักษะด้านภาษาอังกฤษในเกณฑ์ที่สื่อสารได้ ไม่ถึงขึ้น expert แต่ก้อใช้ทุกวัน
อยากทราบว่างานสายไหนในด้าน IT ที่ได้ภาษาแล้ว จะทำเรามีโอกาสก้าวหน้ามากขึ้น คือผมก็พอเข้าใจว่า อาจจะทุกอาชีพ
แต่ เผื่อมีท่านไหนอาจมองว่า อาจมีด้านใดด้านหนึ่งที่ไปได้ไกลกว่า สายอื่น ๆ
ปล.1 ตอนนี้ผมสนใจด้าน network administrator ผมพอรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสายงานนี้ แต่อยากทราบว่าการทำงานจริงเป็นอย่างไรบ้างครับ
ปล.2 ผมไม่ได้เก่งด้าน coding จ๋า ๆ เท่าไหร่ แต่ที่ถนัดสุดก้อ php กับ sql ซึ่งส่วนมากผมศึกษานอกห้องเอาเอง ลองเขียนเว็ปเอง
ขอบคุณมากนะครับ