เคยอ่านกระทู้แบบนี้ในพันทิพมาหลายครั้ง เมื่อโดนกับตัวเองถึงได้รู้ว่ามันเจ็บปวด กระวนกระวาย จิตตก จึงขอเป็นอีกกระทู้ที่เป็นอุทาหรณ์ครับ
เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาได้เจอเพื่อสนิทที่ห่างหายกันไปนาน ผมเรียนบัญชี(ปัจจุบันเป็นมนุษย์เงินเดือน) ส่วนเพื่อมผมเรียนเคมีวิศวกรรม (ปัจจุบันเป็นติวเตอร์ รับสอนเด็กที่จะสอบเข้ามหาลัย) จึงได้มานั่งพูดคุยอัพเดทชีวิตกัน ชีวิตแต่ละคนสรุป ของผมเป็นมนุษย์เงินเดือน ใช้รถขนส่งสาธารณะ ส่วนเพื่อนผมมีรถขับ รายได้สอนต่อเดือน 50,000 บาทup (โดยให้เหตุผลว่าถ้าเป็นมนุษย์เงินเดือนไม่พอใช้) ซึ่งความเป็นเพื่อนเมื่อได้พูดคุยกันก็สนิทกันอย่างง่ายดาย หลังจากวันนั้นผ่านไปสักระยะเพื่อนก็โทรมาคุยขอให้เราช่วยค้ำประกันเงินกู้ให้เนื่องจากตอนนี้ธุรกิจส่วนตัวขาดเงินเนื่องจากตอนนี้แม่ป่วยเป็นเบาหวาน ยายก็ป่วยเป็นมะเร็งต้องใช้เงินรักษาตัวสูง. ผมก็ได้บอกไปว่าเรื่องค้ำประกันไม่ได้จริงๆ แต่ตอนนี้มีเงินที่ได้จากโบนัสและโอทีที่ได้เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา 47,000 บาท(ไปซื้อสลากออมสินไว้) เพื่อนเลยขอยืมทั้งหมด วันรุ่งขึ้นเอาสลากออมสินไปขายและโดนหักเงินเนื่องจากฝากไม่ครบปี และโอนเงินให้เพื่อนทันที 43,000 บาท ด้วยกลัวว่าเพื่อนจะลำบาก เพื่อนสัญญาว่าจะคืนเงินให้13,000/15,000/15,000 ในเดือนต.ค/พ.ย/ธ.ค.(พอจะให้เซ็นสัญญา กลับบอกว่าไม่ว่างติดสอน)ด้วยความเชื่อใจก็ไม่ติดใจอะไร แต่เมื่อถึงสิ้นเดือนต.ค.กลับโอนเงินมาคืนเพียง 4,000 บาท ผมก็โทรไปถามกลับไม่รับสาย แต่ได้ส่งข้อความกลับมาว่าถ้ามีเงินจะโอนมาคืนอีก หลังจากนั้น 2-3 วันก็โอนมาคืนอีก 3,000 บาท โทรไปไม่เคยรับสายแต่จะส่งเป็นข้อความมาว่าติดสอน หลังจากนั้นผมได้มีโทรไปที่บ้าน แม่ของเพื่อนรับสาย จึงได้บอกแม่ไปว่าเพื่อนยืมเงินไปและยังคืนไม่ครบ แม่ก็บอกว่าจะตามให้ แต่หลังจากนั้นเพื่อนได้ส่งข้อความมาต่อว่าผม ว่าไปบอกแม่เค้าเลยทำให้เครียดจนแม่ต้องเข้า ร.พ.ต้องใช้เงินในเดือนนี้จึงไม่มีเงินคืนให้อีก พอถึงสิ้นเดือน พ.ย.ไม่มีการคืนเงิน โทรไปไม่ติด ไม่มีการส่งข้อความ ผมเลยโทรไปที่บ้านอีกครั้งเพื่อนผมก็รับสายขอให้ผมช่วยค้ำประกันเงินกู้อีกครั้งและจะคืนเงินให้ทั้งหมด แต่ผมก็ได้ปฏิเสธไป หลังจากนั้นก็ไม่มีการคืนเงินให้อีกเลย จนกระทั่งโทรไปที่บ้านอีก แม่เค้ารับสายและพูดกับผมว่า"ไม่ต้องโทรมาที่นี่อีกแล้วน่ะเพราะ...ไม่อยู่ที่นี่แล้ว"และวางสายไป พอรู้ว่าโดนเข้าแล้ว รู้สึกเจ็บปวดที่โดนเพื่อนสนิทหลอกเงิน(และจะหลอกให้เซ็นสัญญาค้ำประกัน) รู้สึกกระวนกระวายและจิตตกในช่วงเวลาที่ผ่านมาที่ต้องติดตามทวงถามตลอด เมื่อปีใหม่ที่ผ่านมาได้มีโอกาสสวดมนต์ข้ามปีและตั้งอธิษฐานจิตขอให้ปีนี้พบแต่สิ่งที่ดีงาม สิ่งที่ผ่านไปแล้วจะไม่ยึดติด ถ้ายิ่งคิดคนที่จะเป็นทุกข์ก็คือเราเอง จึงอยากให้เป็นอุทาหรณ์ของทุกท่านว่าเงินสามารถทำลายมิตรภาพลงได้อย่างง่ายดาย
เมื่อเพื่อนสนิทโกงเงิน(โดนกับตัวเองถึงจะจำ)
เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาได้เจอเพื่อสนิทที่ห่างหายกันไปนาน ผมเรียนบัญชี(ปัจจุบันเป็นมนุษย์เงินเดือน) ส่วนเพื่อมผมเรียนเคมีวิศวกรรม (ปัจจุบันเป็นติวเตอร์ รับสอนเด็กที่จะสอบเข้ามหาลัย) จึงได้มานั่งพูดคุยอัพเดทชีวิตกัน ชีวิตแต่ละคนสรุป ของผมเป็นมนุษย์เงินเดือน ใช้รถขนส่งสาธารณะ ส่วนเพื่อนผมมีรถขับ รายได้สอนต่อเดือน 50,000 บาทup (โดยให้เหตุผลว่าถ้าเป็นมนุษย์เงินเดือนไม่พอใช้) ซึ่งความเป็นเพื่อนเมื่อได้พูดคุยกันก็สนิทกันอย่างง่ายดาย หลังจากวันนั้นผ่านไปสักระยะเพื่อนก็โทรมาคุยขอให้เราช่วยค้ำประกันเงินกู้ให้เนื่องจากตอนนี้ธุรกิจส่วนตัวขาดเงินเนื่องจากตอนนี้แม่ป่วยเป็นเบาหวาน ยายก็ป่วยเป็นมะเร็งต้องใช้เงินรักษาตัวสูง. ผมก็ได้บอกไปว่าเรื่องค้ำประกันไม่ได้จริงๆ แต่ตอนนี้มีเงินที่ได้จากโบนัสและโอทีที่ได้เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา 47,000 บาท(ไปซื้อสลากออมสินไว้) เพื่อนเลยขอยืมทั้งหมด วันรุ่งขึ้นเอาสลากออมสินไปขายและโดนหักเงินเนื่องจากฝากไม่ครบปี และโอนเงินให้เพื่อนทันที 43,000 บาท ด้วยกลัวว่าเพื่อนจะลำบาก เพื่อนสัญญาว่าจะคืนเงินให้13,000/15,000/15,000 ในเดือนต.ค/พ.ย/ธ.ค.(พอจะให้เซ็นสัญญา กลับบอกว่าไม่ว่างติดสอน)ด้วยความเชื่อใจก็ไม่ติดใจอะไร แต่เมื่อถึงสิ้นเดือนต.ค.กลับโอนเงินมาคืนเพียง 4,000 บาท ผมก็โทรไปถามกลับไม่รับสาย แต่ได้ส่งข้อความกลับมาว่าถ้ามีเงินจะโอนมาคืนอีก หลังจากนั้น 2-3 วันก็โอนมาคืนอีก 3,000 บาท โทรไปไม่เคยรับสายแต่จะส่งเป็นข้อความมาว่าติดสอน หลังจากนั้นผมได้มีโทรไปที่บ้าน แม่ของเพื่อนรับสาย จึงได้บอกแม่ไปว่าเพื่อนยืมเงินไปและยังคืนไม่ครบ แม่ก็บอกว่าจะตามให้ แต่หลังจากนั้นเพื่อนได้ส่งข้อความมาต่อว่าผม ว่าไปบอกแม่เค้าเลยทำให้เครียดจนแม่ต้องเข้า ร.พ.ต้องใช้เงินในเดือนนี้จึงไม่มีเงินคืนให้อีก พอถึงสิ้นเดือน พ.ย.ไม่มีการคืนเงิน โทรไปไม่ติด ไม่มีการส่งข้อความ ผมเลยโทรไปที่บ้านอีกครั้งเพื่อนผมก็รับสายขอให้ผมช่วยค้ำประกันเงินกู้อีกครั้งและจะคืนเงินให้ทั้งหมด แต่ผมก็ได้ปฏิเสธไป หลังจากนั้นก็ไม่มีการคืนเงินให้อีกเลย จนกระทั่งโทรไปที่บ้านอีก แม่เค้ารับสายและพูดกับผมว่า"ไม่ต้องโทรมาที่นี่อีกแล้วน่ะเพราะ...ไม่อยู่ที่นี่แล้ว"และวางสายไป พอรู้ว่าโดนเข้าแล้ว รู้สึกเจ็บปวดที่โดนเพื่อนสนิทหลอกเงิน(และจะหลอกให้เซ็นสัญญาค้ำประกัน) รู้สึกกระวนกระวายและจิตตกในช่วงเวลาที่ผ่านมาที่ต้องติดตามทวงถามตลอด เมื่อปีใหม่ที่ผ่านมาได้มีโอกาสสวดมนต์ข้ามปีและตั้งอธิษฐานจิตขอให้ปีนี้พบแต่สิ่งที่ดีงาม สิ่งที่ผ่านไปแล้วจะไม่ยึดติด ถ้ายิ่งคิดคนที่จะเป็นทุกข์ก็คือเราเอง จึงอยากให้เป็นอุทาหรณ์ของทุกท่านว่าเงินสามารถทำลายมิตรภาพลงได้อย่างง่ายดาย