เลือดเปื้อนปานามา (ตอนที่ 1)

อารัมภบท
ข้อมูลนี้เป็นการนำเอาเรื่องราวของความขัดเเย้งในการเมืองประเทศปานามาและสหรัฐอเมริกา เพื่อนำเสนอข้อมูลทางทหาร โดยมิได้มีเจตนาเพื่อการปลุกปั่นหรือยุยงให้เกิดความแตกแยกใดใด
        สวัสดี มิตรสหายชาวพันทิปทุกๆท่าน วันนี้ข้าพเจ้ามีความรู้มาแบ่งปัน เป็นความรู้ที่ได้มาจากการค้นหาข้อมูลจากวิกิพีเดียและเว็บไซต์ต่างประเทศ เพื่อรวบรวมข้อมูล ณ ช่วงเวลาหนึ่ง อันเป็นชนวนเหตุนำไปสู่การโจมตีประเทศปานามาโดยกองทัพสหรัฐฯในช่วงปลายปี ค.ศ. 1989 ถึงต้นปี ค.ศ. 1990 อนึ่ง บทความต่อไปนี้ ข้าพเจ้าได้นำไปโพสต์ยังเพจ"เมื่อมอดไหม้ ไฟสงคราม"อยู่ก่อนหน้านี้ โดยหวังว่าข้อมูลดังต่อไปนี้ อาจเป็นอีกช่องทางหนึ่งแก่ท่านผู้สนใจใคร่ศึกษา หากแต่ข้อมูลและบทความนี้มีข้อผิดพลาดประการใดแล้วไซร้ ข้าพเจ้าจึงขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
https://www.facebook.com/%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%89-%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1-180066308851476/

มีคำกล่าวติดหูว่า "ถ้าคุณอยากรู้ว่าสงครามที่อิรักเกิดขึ้นด้วยเหตุใด ให้ย้อนกลับไปดูสงครามที่เกิดกับปานามา"
ปานามา ชื่อนี้คงคุ้นหูใครหลายๆคน หรืออาจฟังดูแปลกพิกลกันอยู่บ้าง ถ้าเปรียบไปแล้วประเทศปานามาคงเหมือนกับดินแดนแห่งสวรรค์บนพื้นโลก ที่ตั้งอยู่ใต้สุดของอเมริกากลางเชียวล่ะ เรามาทำความรู้จักกับประเทศนี้กันหน่อยดีกว่า
     เมื่อกล่าวถึงปานามาในข้อมูลด้านนิรุกติศาสตร์ ได้มีการกล่าวอ้างในหลายทฤษฎีถึงความเป็นมาของชื่อประเทศนี้ โดยชนพื้นเมืองเรียกชื่อปานามาตามชื่อของพันธุ์ไม้ที่ขึ้นอุดมสมบูรณ์ บ้างก็ว่า ปานามา คือชื่อของฝูงผีเสื้อในภาษาพื้นเมือง แต่ทฤษฎีการเรียกชื่อประเทศปานามา อันเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากที่สุด โดยชาวประมงและชาวพื้นเมืองใกล้เคียงกล่าวว่า ปานามา คือชื่อเรียกของ"ดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยปลา" และด้วยความที่เป็นดินแดนซึ่งถูกขนาบข้างด้วยน้ำทะเลนี้แหละครับ จึงทำให้ดินแดนแห่งนี้ถูกค้นพบโดยนักเดินเรือจนได้ จะว่าไปแล้ว ช่วงยุคแห่งการบุกเบิกดินแดนต่างๆนั้น ก็สืบเนื่องมาจากกลุ่มประเทศมหาอำนาจในสมัยนั้นแข่งขันกันล่าอาณานิคม และปัญหาการล่องเรือที่ต้องใช้ระยะทางอันแสนไกลนี่เองแหละ จึงทำให้กลุ่มนักเดินเรือต่างๆ ใช้โอกาสนี้ในการสำรวจพื้นที่ดินแดนเหล่านั้นไปด้วยเลย เนื่องจากปัญหาการถูกโจมตีโดยโจรสลัดอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงเรื่องระยะทางเดินเรือแทบจะอ้อมโลก จึงเป็นอุปสรรคสำคัญยิ่งต่อราชสำนักสเปน ที่ต้องการแผ่ขยายอำนาจเข้าไปยังดินแดนของเปรูและหมู่เกาะอันไกลโพ้นต่างๆ ดังนั้น ในช่วงราวๆ ค.ศ. 1514 “เปดราเรียส ดาวิลล่า” (Pedrarias Dávila) บุรุษนักรบผู้ดูแลระบบอาณานิคมของสเปน จึงมีคำสั่งให้ทหารและนักเดินเรือทั้งหลายทำการสำรวจดินแดนในแถบอเมริกากลาง ค้นหาเส้นทางเดินเรือใหม่อันสามารถย่นระยะทางการล่องเรือ เพื่อใช้สำหรับการเตรียมเดินทัพไปทำสงครามกับเปรู
ลุ ถึงปี ค.ศ.1515 ช่วงเดือนพฤศจิกายน “กัปตันกูซแมน” (Antonio Tello de Guzmán) อีกหนึ่งคณะผู้สำรวจหาเส้นทางใหม่ ก็ล่องเรือมาถึงดินแดนแห่งหนึ่ง ซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยปลาใหญ่ ฝูงผีเสื้อหลากสี ผืนป่าใหญ่อันรกทึบ และที่สำคัญ "ยุง" นี่ชุมบรรลัยพะยะค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.....ภายหลังจากการยืนอึ้งไปพักหนึ่ง กัปตันและทหารบางส่วนจึงได้จัดแจงขนสัมภาระลงเรือเล็ก และเตรียมเข้าสำรวจดินแดนอันน่าพิศวงแห่งนี้ เมื่อทุกอย่างพร้อมสรรพแล้ว ฝีพายทั้งหมดก็ค่อยๆล่องเรือหายเข้าไปในคลองเล็กๆที่ทอดตัวยาวเข้าไปในป่า สองฟากข้างยังถูกปกคลุมไปด้วยไอเย็นและสายหมอกหนาที่โรยตัวเรี่ยผิวน้ำ แนวป่าซึ่งรกทึบจนแสงจากดวงตะวันแทบจะทอดลงมาไม่ถึงพื้นดิน มันสร้างความวังเวงจิตให้แก่คณะผู้เดินทางอย่างยิ่ง ไม่นานนัก คณะสำรวจก็พบกับชาวพื้นเมืองซึ่งมีผิวสีดุจน้ำผึ้ง สวมผ้านุ่งแต่เพียงครึ่งท่อนล่าง และห้อยเครื่องประดับเงินร้อยด้วยด้ายหลากสี แลดูหน้าตาคมคายยืนอยู่ที่ริมน้ำ ในขณะที่เรือก็ค่อยๆล่องเข้าไปใกล้กลุ่มของชนพื้นเมือง ทั้งสองฝ่ายต่างสบตาประสานกันอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ในความคำนึงของชนทั้งสองกลุ่มคงภาวนาหวังว่า อีกฝ่ายมันคงกินเนื้อสัตว์เป็นอาหารแทนเนื้อคนด้วยกันนะ หลังจากทั้งสองฝ่ายอึ้งกันไปพักหนึ่ง กัปตันกูซแมนผู้กล้าหาญจึงเสนอตัวอาสาฯ ขึ้นฝั่งไปคุยกับชนพื้นเมืองด้วยตัวของเค้าเอง โดยมีกลุ่มทหารเดินตามติดไปเป็นโขยง จากการสนทนากันคนละภาษาอยู่นานสองนาน ซึ่งแน่นอนว่าคุยกันไม่รู้เรื่อง ด้วยความฉลาดของกัปตันจึงได้สั่งทหารให้จัดหาล่ามซึ่งเป็นชาวประมงใกล้เคียงมาแปลภาษาให้ จึงพอทราบความว่าดินแดนแห่งนี้ถูกเรียกว่า ปานามา.....
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.....ภายหลังจากการสนทนากันเป็นวรรคเป็นเวร ระหว่างกัปตันกูซแมน ล่ามชาวประมง และชนพื้นเมือง จึงพอทราบความว่าดินแดนแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า"ปานามา" และกลุ่มของกัปตันกลับไม่ใช่กลุ่มแรกที่เดินทางมาสำรวจดินแดนแห่งนี้ แต่ก่อนหน้านั้นมันเคยถูกค้นพบโดยเจ้าชาย"เอนรีเก(Infante D. Henrique) ดยุกอินฟันเตแห่งราชวงศ์อาวิซจักรวรรดิ์โปรตุเกส ตั้งแต่ปี 1430 จากนั้นมาก็มักมีนักเดินเรือจากสัญชาติต่างๆ แวะเวียนเข้ามาตกปลา เหล่หญิงที่นี่อยู่บ่อยครั้ง รวมถึงนักเดินเรือสำรวจผู้ยิ่งใหญ่อย่าง ”คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส” (Christopher Columbus) ก็แวะเวียนมาเหล่หญิงแถวๆปานามาด้วยเช่นกัน ภายหลังจากที่คณะสำรวจของกัปตันกูซแมนได้ใช้เวลาถึงสามสัปดาห์ ในการสำรวจภูมิทัศน์ในเบื้องต้นแล้ว เขาพบว่าที่นี่มีลักษณะเป็นคอคอด คั้นกลางระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิคและทะเลแคริบเบียน มันเป็นการค้นพบสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง และในขณะที่กลุ่มของกัปตันกำลังเดินสำรวจพื้นที่ไปเรื่อยๆนั้น พวกเขาก็ต้องหยุดชะงักขบวนสำรวจลงอย่างกระทันหัน เมื่อพบเข้ากับแสงที่วับๆแวมๆ เล็ดลอดออกมาจากเรือนของชาวพื้นเมือง เอ๊ะ! มันคืออะไรฮื้อ.... ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทำให้กลุ่มนักสำรวจเดินเลียบเคียงเข้าไปดูใกล้ๆ มันคือสินแร่ทองคำ และทุกบ้านก็มีทองคำ กัปตันกูซแมนและทหารต่างสบตาส่งกระแสจิตเข้าหากันจนพอทราบความใน เมื่อเหลียวซ้ายแลขวาเห็นมีแต่เพียงคนป่าที่มีกำลังอ่อนด้อย นักเดินเรือในคราบโจรทั้งหลายก็เริ่มออกลายทันที ภายหลังจากภารกิจสำรวจผืนป่านั้นสำเร็จผลแล้ว หัวหน้าและลูกสมุนก็เดินทางออกมาจากปานามา พร้อมกับทองคำที่มีมูลค่ากว่าหนึ่งหมื่นเปโซ เมื่อกัปตันได้เดินทางกลับเข้ามายังแอนติกาแล้ว ก็ได้เข้ารายงานผลการสำรวจให้เปดราเรียสเจ้าคุมอาณานิคมทราบ ถึงการดำรงอยู่ซึ่งดินแดนคอคอดในปานามา แต่รายงานดังกล่าวของกัปตันกูซแมนเอง ต้องรอผลสำรวจเส้นทางคณะกัปตันของท่านอื่นๆ อีกหลายคนที่ได้ออกสำรวจเช่นกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ลุ ถึงปี ค.ศ. 1517 เปดราเรียสจึงได้ชักชวนนักสำรวจผู้มีนามว่า”เอสปิโนซา” (Gaspar de Espinosa)ให้ออกเดินทางไปยังปานามาด้วยกัน เมื่อกองกำลังทหารของเปดราเรียสเดินทางมาถึงปานามาแล้ว ก็เข้าล้อมจับตัวชาวพื้นเมืองจากเผ่าต่างๆกว่า 4,000 คนโดยบังคับแรงงานชาวพื้นเมืองให้ชักลากหินจากแม่น้ำ นำมาบดอัดผสมกับดินเหนียวสร้างเป็นเส้นทางตัดผ่านขึ้นไปยังภูเขา โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้รับการสนับสนุนจากทางการสเปน ซึ่งบัดนี้ทางการได้ส่งทหารและผู้เชี่ยวชาญต่างๆ รวมถึงแรงงานทาสนิโกรเข้ามายังปานามาเพิ่มเติม จนถึงในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 ถนนพื้นเรียบที่ทอดตัวผ่านป่าเข้ามายังท่าเรือยุทธศาสตร์ รวมถึงงานผังเมืองต่างๆในปานามา ก็สำเร็จผล ถนนเส้นนี้มันถูกใช้งานนานกว่าสามศตวรรษ โดยมีชื่อเรียกว่า "El Camino Real" (The King's Highway) เป็นระยะทางยาวกว่า 50 ไมล์ โดยเชื่อมต่อกับถนนตัดเข้ายังเมืองปานามาและปอร์เตเบโล สำหรับแวะพักขนถ่ายสินค้า หรือ ยักย้ายสมบัติจากเปรู จากแปซิฟิกกับแอตแลนติกเพื่อส่งเข้าไปยังราชอาณาจักรสเปน ดังนั้น ปานามาในสมัยนั้นจึงเป็นดินแดนศูนย์กลางทางการค้าสำหรับอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 - 17 นี้ จึงเป็นดั่งยุคทอง และยุคแห่งการค้นพบ (Age of Discovery) ของอาณาจักรสเปน ระหว่างรัชสมัยที่ยาวนานของกษัตริย์สเปนแห่งราชวงศ์ฮับสบูร์ก ซึ่งได้ส่งทหารและพ่อค้าจำนวนมากเข้าไปในทวีปอเมริกาเหนือ เพื่อยึดครองดินแดนและอาณานิคมมากมาย ทั้งอเมริกากลางและอเมริกาใต้ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ลุ ถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 17 อาณาจักรสเปนจึงค่อยๆเสื่อมอำนาจลง จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ การเมืองการสังคมเริ่มระส่ำระส่าย เพราะการแย่งชิงราชสมบัติจากเชื้อพระวงศ์ต่างๆ และสงครามจากการรุกรานของฝรั่งเศส ดังนั้นในช่วง ค.ศ. 1808 - 1814 จึงถือเป็นการเปิดโอกาส ให้อาณานิคมในทวีปอเมริกาเริ่มปลดปล่อยตัวเองเป็นอิสระจากสเปน และเมื่อสิ้นสุดคริสต์ศตวรรษที่ 19 สเปนก็ทยอยสูญเสียดินแดนในแถบทะเลแคริบเบียนและ เอเชียแปซิฟิกทั้งหมด..... ลมทะเลและสายหมอกบางๆ พัดหอบเอาละอองน้ำเย็นลอยย้อนเวลากลับมายังช่วง ปี ค.ศ. 1713 ภายหลังจากสงครามสืบราชบัลลังก์สเปนได้ยุติลงแล้วนั้น ผลพวงของสงครามดังกล่าวเป็นที่มาของการแข็งเมือง อาณานิคมต่างๆเริ่มทำสงครามปลดปล่อยตนเองจากสเปน ในห้วงเวลาดังกล่าวนั้น กองเรือสมบัติของสเปนก็มักถูกโจรสลัดเข้าโจมตีอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งราชสำนักสเปนเพ่งเล็งไปยังกลุ่มโจรสลัดสัญชาติอังกฤษ อีกทั้งเรือสินค้าและเรือรบแห่งราชนาวีอังกฤษมักลอยลำเข้ามาใกล้ในเขตน่านน้ำของสเปนมากขึ้นเรื่อยๆ และอังกฤษมีความพยายามเจรจาเพื่อขอใช้เส้นทางเดินเรือเล็ก ในการบรรทุกสินค้าผ่านคลองคอคอดเล็กๆในปานามา ซึ่งสเปนก็ยินยอมให้ใช้เส้นทางเดินเรือเล็กได้แต่เพียงบางส่วนเท่านั้น อีกทั้งยังมีข้อบังคับกฎเกณฑ์หลายประการค้ำคออังกฤษไว้ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเหตุแห่งสงครามระหว่าง อังกฤษ-สเปน ในปี ค.ศ. 1585-1604 (Anglo-Spanish War) เมื่อกองเรือรบราชนาวีอังกฤษเคยเผากองเรืออาร์มาดาของสเปน วอดอยู่กลางช่องแคบมาแล้วในอดีต[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่