เราตั้งกระทู้ไม่ค่อยเป็น ถ้าผิดพลาดประการใด เราขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ที่เราตั้งกระทู้นี้ไว้เนี่ย เผื่อน้องๆคนไหนสนใจคณะนี้ เราหวังว่ามันอาจจะเป็นประโยชน์กับการเลือกคณะเลือกที่เรียนให้ได้นะ เพราะตอนเราอยู่ม.ปลาย เรจำได้ว่าหาข้อมูลที่ประกอบการตัดสินใจของเราได้น้อยมากๆ
คณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นคณะใหม่ที่เพิ่งจะก่อตั้งเมื่อปี48นี้เองค่ะ
แต่ความจริงแล้วคณะนี้เป็นสาขาหนึ่งของคณะมนุษยศาสตร์ค่ะ แล้วมีมานานมากๆแล้วด้วย แค่เราเพิ่งแยกตัวออกมาแต่นั้นเองค่ะ เพราะมีชื่อเสียงเกินไปที่จะเป็นแค่เมเจอร์ค่ะ เป็นคณะเลยดีกว่าเฟี้ยวฟ้าวดี555555
คณะการสื่อสารมวลชน เราเรียกสั้นๆว่าแมสคอม มีอยู่7สาขาด้วยกัน
JR-สาขาวิชาหนังสือพิมพ์
เน้นการทำข่าว การเขียน และการทำหนังสือพิมพ์ อยากทำข่าวต้องสาขานี้เท่านั้นค่ะ
DRAMA-สาขาวิชาสื่อสารการแสดง
เน้นการแสดง การเขียนบท การกำกับการแสดง ได้ทำตัวจบเป็นละครเวทีด้วย อลังมากๆ
TV-สาขาวิชาวิทยุโทรทัศน์
การกำกับ มุมกล้องต่างๆ เขียนบท ทำรายการ
NEW-MEDIA-สาขาวิชาสื่อใหม่
การทำสื่อออนไลน์ ซึ่งเป็นสื่อที่คนเราเสพมากที่สุดในปัจจุบัน และจะมากไปอีกในอนาคต
MAGAZINE- สาขาวิชาวารสาร นิตยสาร
จะได้เรียนรู้งานทุกส่วนจริงๆ ของการทำนิตยสารหนึ่งเล่ม
RD-สาขาวิทยุกระจายเสียง
เน้นเรื่องการพูดค่ะ เหมือนวาทวิทยา และยังจะได้ทำรายการวิทยุอีก
PR-สาขาวิชาการโฆษณาและการประชาสัมพันธ์
จะแบ่งออกเป็น2ส่วนอีกคือ PR การประชาสัมพันธ์ การสื่อสารองค์กร ดูแลภาพลักษณ์ต่างๆ
และ PR-AD ที่เน้นการทำโฆษณาในรูปแบบต่างๆ
เราจะได้เลือกสาขาวิชากันตอนจะขึ้นปีสองนะคะ ตอนปีหนึ่งจะมีเวลาให้เราคิด มีข้อมูลต่างๆประกอบการตัดสินใจ และยังได้เรียนวิชาพื้นฐานที่ทำให้เราเข้าใจการทำงานของแต่ละส่วนแบบคร่าวๆ
ตอนนี้มีโครงการสองปริญญา ซึ่งเป็นการร่วมมือกันของ mass-com กับ E-con
คือจะได้เรียนสิ่งที่เด็กเศรษฐศาสตร์เรียนด้วย จบมาก็รับสองใบแบบเกร๋ๆค่ะ คือนิเทศศาตรบัณฑิตกับเศรษฐศาสตรบัณฑิต สองคณะนี้เค้าเคลมว่า เรียนโครงการนี้จบไปมีงานทำแน่นอน
การจะเข้าโครงการนี้มีสองวิธีนะคะ คือ สอบตรง กับ เข้ามาเรียนแมสคอมหรือไม่ก็อีค่อนก่อน แล้วช่วงรับน้องจะมีการเปิดรับสมัครและสอบสัมภาษณ์ค่ะ โครงการนี้เข้าง่ายแต่เรียนหนักมากกกกก มีคนถอนตัวจากสองปริญญาเยอะพอสมควร เพราะนอกจากต้องเรียนตัวยากๆเพิ่ม อีเด็กโครงการนี้ต้องลงจนเต็มหน่วยกิตทุกเทอม ไม่เหมือนชาวบ้านที่ลงไม่เต็มก็ได้ แถมยังต้องเรียนซัมเมอร์ทุกปี และจบ4ปีครึ่ง รวมฝึกงานก็5ปีค่ะ
ถ้าติดเอฟ หรือดรอป ก็คือเป้อได้ง่ายๆ อาจจบพร้อมหมอ5555555555
แต่คุ้มนะคะ ค่าเทอมเท่าปริญญาเดียว ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
คนอาจจะมองว่าสองคณะนี้ไม่เข้ากัน ทำไมมาเรียนด้วยกัน จริงๆการเรียนสองคณะนี้จบไปมันทำอะไรได้มากมายจริงๆนะคะ การเป็นนักข่าว ที่ไม่เข้าใจถึงระบบการเงิน เศรษฐกิจของประเทศ ตีความเก่ง แต่ไม่เข้าใจไม่สื่อสารได้ลึกซึ้ง มันเป็นปัญหาของประเทศมากนะคะเกิดมาหลายครั้งด้วยที่รัฐบาลปรับนโยบาย ประชาชนไม่เชื่อมั่น ทำให้นโยบายที่วางไว้มันทำไม่ได้ หรือถ้าไปอยู่องค์กรสื่อต่างๆทั้งนสพ. วิทยุโทรทัศน์ หรือเป็นนักพีอาร์ ทำการตลาดแต่มองเศรษฐกิจไม่เป็น อ่านเกมไม่ออกก็แย่นะคะ
ทั้งนี้ก็แล้วแต่ว่าอยากเป็นอะไรนะคะ เพราะถ้าสิ่งที่เราอยากทำไม่ได้เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ อยากเป็นผู้กำกับ เป็นคอลัมนิสต์ อยากทำหนัง เขียนบท แล้วมาเรียนสองปริญญา มันเป็นการเรียนที่ไม่คุ้มค่าค่ะ เพราะเราต้องเสียเวลากับสิ่งที่ไม่ได้ใช่ สู้เอาเวลาไปใช้กับสิ่งที่ชอบดีกว่า ไม่งั้นเกรดพังก็จบค่ะ555555
เราเคยเห็นกระทู้สักอย่างที่ถามว่าที่นี่ได้เรียนถ่ายภาพมั้ย ได้เรียนค่ะ หรือถ้าคนชอบถ่ายรูปจริงๆ จะเรียนไมเนอร์ตัวของวิจิตรที่เป็นการถ่ายภาพก็ได้ รุ่นพี่เราจบไปเป็นช่างภาพมีเยอะเลยล่ะ แต่ถ้าจะถ่ายรูปอย่างเดียวแบบโปรโพดๆ ชอบแบบงานศิลป์จัดๆ ไม่ได้สนใจด้านอื่นก็วิจิตรศิลป์น่าจะเหมาะกว่า
ปีหนึ่งเราจะได้เรียนวิชาพื้นฐาน และตัวนอกคณะเป็นส่วนใหญ่ การเรียนรู้พื้นฐานของสายอื่นๆเป็นสิ่งที่ทุกคนควรมีโดยเฉพาะอย่างเรา ไม่งั้นเวลาทำงานจบไปเราจะกลวง ส่วนปีสองปีสามปีสี่งานจะเยอะเพิ่มเป็นลำดับ
เพราะตัวในคณะอ่ะ งานเยอะจริงจัง ปีสี่เราจะได้ทำตัวจบ และเทอมสุดท้ายต้องไปฝึกงาน
พูดเรื่องวิชาการไปคร่าวๆแล้ว จบไป มาพูดเรื่องสังคมของที่นี่กัน
จะบอกว่าตอนมาที่นี่อาทิตย์แรกนี่ร้องไห้ทุกวันเลยค่ะ55555 ไม่ใช่ว่าที่นี่ไม่ดีนะคะ แต่เพื่อนทุกคนพูดมากกกกก และมีเอเนอจี่สูงมากค่ะ555555 พวกนางเอาพลังมาจากไหนเนี่ยยย คือตอนอยู่รร.คนที่มีเอเนอจี่คือเราค่ะ เราพูดมากสุด แต่พอมาที่นี่คือพูดไม่ทันเพื่อน ไม่รู้จะพูดไร เลยเงียบค่ะ ตอนนั้นเครียดนะ แบบนี่ไม่ใช่ที่ของเราอ่ะ แต่พอมาอาทิตย์ที่4ที่5 รู้เลย นี่แหละ ที่ของตรู55555555
สันทนาการคณะนี้สนุกมากคะ สนุกสุดละในมช นี่พูดเลย5555 คือมันจะมีวันที่รับน้องรวม ไปคณะอื่นๆ คือสันทนาการเขามันยมอ่ะ (ยมภาษาเหนือแปลว่า เบื่อ หรือ ของที่กรอบๆเจอลมแล้วนิ่มอ่ะ เรียนรู้ไว้ๆ)
เพื่อนที่ได้มาคณะเราก็บอกว่าสันคณะเราอ่ะ สนุก
เด็กคณะนี้ได้ยินเสียงเพลงไม่ได้ค่ะ เต้นแหลก55555 เต้นแบบจะเอาโล่ เต้นเหมือนพรุ่งนี้จะตายถ้าไม่เต้น
แล้วเต้นทุกคนจริงๆ เพลงสันคณะนี้เยอะและมีท่าเต้นทุกเพลง แต่มีเพลงหากินเพลงนึง ที่เด็กทั้งมอจะรู้จักและอาจร้องตามได้55555
วิศวะคนนึงได้กล่าวไว้ว่า เด็กแมสคอม20คนอยู่ด้วยกันเสียงดังเหมือนอยู่กันทั้งคณะ555555
ใครไม่ชอบความวุ่นวาย ชอบเก็บตัว อยู่ที่นี่คุณจะกลายเป็นคนพูดมากค่ะ
มชจะมีสิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของมอเลย คือการเข้าวินัยและการใส่ซอค(เราคิดว่าน่าจะมาจากคำว่าsocietyนะ ไม่เคยถามใครแฮะ555 ) เป็นกฎระเบียบที่เฟรชชี่ปีหนึ่งทุกคนควรทำ ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่นะคะว่าคณะไหนให้ทำอะไร นานแค่ไหน อันนี้ต้องมาสัมผัสกันเอง ซึ่งมันไม่ได้เคร่งครัดกฎโหดอะไรขนาดนั้น ทุกอย่างมันมีเหตุผลแหละว่าทำไมเราควรทำ อย่าอคติ
ที่นี่เราอยู่กับแบบพี่น้องมากค่ะ จะได้ช่วยงานพี่ๆตลอด ทั้งกิจกรรม ทั้งงานต่างๆทำให้เรารู้จักกัน
งานของคณะก็จะมี งานกาดหมั้วแมสคอม การแสดงไคล์แมกซ์ของคณะที่ไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่อง การแสดงขึ้นดอย และงานที่ใหญ่ที่สุดของคณะเราที่ทำร่วมกันทั้ง4ชั้นปีคือละครเวทีขยับปีกค่ะ
เราไม่ได้อยู่กันแบบต่างคนต่างเรียน เรามีไรเราช่วยเหลือกันจริงๆ เด็กต่างจังหวัดที่กลัวว่ามาที่นี่จะไม่มีเพื่อน หรือห่างบ้านแล้วกังวล ที่นี่ไม่มีไรให้เครียดนอกจากเรื่องเรียนค่ะ5555 อ่ออ อาจจะมีเรื่องความรักด้วยมั้งคะ คณะนี้เก้วบ่อย555 (เก้วแปลว่าอกหักค่ะ ) เรื่องเพื่อนนี่ไม่ต้องเครียด พี่ๆเพื่อนๆนิสัยดีมากก ที่เที่ยวเยอะ ของกินเพียบ อากาศดี
มีอีกเรื่องที่เราอยากแสดงความเห็นคือการเข้าวีนของมชค่ะ
เราไม่รู้ว่าการเข้าวีนต้องเจออะไรบ้างนะคะ แต่สำหรับคนที่มอง สำหรับเด็กมชที่ไม่ได้เข้า เอาเป็นความเห็นของเราก็ได้ค่ะ เพศที่สามเป็นเพศที่ไม่ค่อยได้รับการยอมรับใช่มั้ยคะ (ไม่ได้หมายถึงเรานะ) การเข้าวีนเหมือนเป็นการทำให้กระเทยดูมีคุณค่าขึ้นค่ะ สำหรับเรา ทำให้กระเทยเก่งขึ้นอ่ะ ทำให้เขาทำอะไรได้มากกว่าผู้ชายและผู้หญิง เราว่าเป็นสิ่งที่ดีนะ เรายังอยากเข้าเลยอ่ะ ความเห็นส่วนตัวนะเพราะเราไม่ได้เป็นคนตรงนั้นจริงๆ
ไม่ได้พูดเพราะอยากโจมตีอะไร เผื่อใครไม่อยากเข้ามชเพราะวีน เป็นเรื่องน่าเสียดายอยู่นะเราว่า
สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจเลือกคณะแล้วดันไม่ตรงใจกับครอบครัวนะคะ
อย่าลืมว่าพ่อกับแม่หวังดีนะคะ พ่อแม่ไม่ได้อยากเห็นแค่ว่าเรามีความสุขนะคะ แต่พวกท่านอยากวางใจว่าถ้าไม่มีพวกท่าน เราจะอยู่ได้ดี เราจะไม่ลำบาก เพราะถ้าเราเลือกสิ่งที่เรารัก มันเป็นความรับผิดชอบที่เราต้องมีให้ตัวเองและพ่อแม่ว่าเราจะต้องเก่งจริงๆ พิสูจน์ให้ท่านเห็นว่าเราเลือกไม่ผิด เราเลือกสิ่งที่รักและเราก็ประสบความสำเร็จกับมัน แต่ถ้าเราต้องเรียนในสิ่งที่ไม่ชอบเลย อยู่กับมันไม่ได้แน่ๆ ก็อย่าฝืนเลยค่ะ
ทั้งนี้ทั้งนั้นการซิ่วยังเป็นทางออกให้เราเสมอ 55555555
พ่อแม่ที่เข้ามาอ่านก็ อยากบอกว่าการเลือกคณะสำหรับบางคนมันยากและกดดันมากนะคะ ถ้าลูกเรียนในสิ่งที่ท่านอยากให้เรียน แล้วลูกตั้งใจเรียนไม่มากพอเพราะลูกไม่ชอบ การโดนรีไทร์มันง่ายมากค่ะ เดวถ้าลูกเรียนไปไม่มีความสุข คนเป็นพ่อแม่นี่แหละค่ะ ที่อยากให้ลูกซิ่วเอง
เราเรียนจบสายวิทย์นะคะ พ่อแม่อยากให้เรียนสายวิทย์สุขภาพมาตลอด สิ่งสุดท้ายที่พ่ออยากให้เรียนคือแมสคอม ทะเลาะกันตีกันมาตั้งนานละคะ ถ้าเราไปบังคับลูกมากๆแล้วลูกต่อต้านมันจะแย่กว่าเดิมนะคะ ให้คำแนะนำลูก แล้วส่งเสริมให้ลูกทำสิ่งที่ลูกชอบดีกว่า ถ้าเราเข้าใจกันไม่ว่าจะทำอะไรมันดีกว่าเยอะเลยค่ะ ตอนนี้เราก็เข้าใจกับที่บ้านดีละคะ
โอเคเราอาจจะพูดมากไป5555 ยังไงก็ถ้ากระทู้นี้ไร้สาระ ยาวไปไม่อ่านก็ขอโทษนะคะ อยากให้มันเป็นประโยชน์จริงๆ
มีคลิปที่เด็กคณะเราทำด้วยน่าจะมีสาระกว่ากระทู้เรา
ยังไงก็ฝากคณะนี้ไว้เป็นอีกตัวเลือกนึงเน๊าะ
ม้าที่ว่าเร็วแล้วยังต้องแพ้ลา เพราะตอนนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีค่ะะ55555
แนะแนว คณะการสื่อสารมวลชน มช
ที่เราตั้งกระทู้นี้ไว้เนี่ย เผื่อน้องๆคนไหนสนใจคณะนี้ เราหวังว่ามันอาจจะเป็นประโยชน์กับการเลือกคณะเลือกที่เรียนให้ได้นะ เพราะตอนเราอยู่ม.ปลาย เรจำได้ว่าหาข้อมูลที่ประกอบการตัดสินใจของเราได้น้อยมากๆ
คณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นคณะใหม่ที่เพิ่งจะก่อตั้งเมื่อปี48นี้เองค่ะ
แต่ความจริงแล้วคณะนี้เป็นสาขาหนึ่งของคณะมนุษยศาสตร์ค่ะ แล้วมีมานานมากๆแล้วด้วย แค่เราเพิ่งแยกตัวออกมาแต่นั้นเองค่ะ เพราะมีชื่อเสียงเกินไปที่จะเป็นแค่เมเจอร์ค่ะ เป็นคณะเลยดีกว่าเฟี้ยวฟ้าวดี555555
คณะการสื่อสารมวลชน เราเรียกสั้นๆว่าแมสคอม มีอยู่7สาขาด้วยกัน
JR-สาขาวิชาหนังสือพิมพ์
เน้นการทำข่าว การเขียน และการทำหนังสือพิมพ์ อยากทำข่าวต้องสาขานี้เท่านั้นค่ะ
DRAMA-สาขาวิชาสื่อสารการแสดง
เน้นการแสดง การเขียนบท การกำกับการแสดง ได้ทำตัวจบเป็นละครเวทีด้วย อลังมากๆ
TV-สาขาวิชาวิทยุโทรทัศน์
การกำกับ มุมกล้องต่างๆ เขียนบท ทำรายการ
NEW-MEDIA-สาขาวิชาสื่อใหม่
การทำสื่อออนไลน์ ซึ่งเป็นสื่อที่คนเราเสพมากที่สุดในปัจจุบัน และจะมากไปอีกในอนาคต
MAGAZINE- สาขาวิชาวารสาร นิตยสาร
จะได้เรียนรู้งานทุกส่วนจริงๆ ของการทำนิตยสารหนึ่งเล่ม
RD-สาขาวิทยุกระจายเสียง
เน้นเรื่องการพูดค่ะ เหมือนวาทวิทยา และยังจะได้ทำรายการวิทยุอีก
PR-สาขาวิชาการโฆษณาและการประชาสัมพันธ์
จะแบ่งออกเป็น2ส่วนอีกคือ PR การประชาสัมพันธ์ การสื่อสารองค์กร ดูแลภาพลักษณ์ต่างๆ
และ PR-AD ที่เน้นการทำโฆษณาในรูปแบบต่างๆ
เราจะได้เลือกสาขาวิชากันตอนจะขึ้นปีสองนะคะ ตอนปีหนึ่งจะมีเวลาให้เราคิด มีข้อมูลต่างๆประกอบการตัดสินใจ และยังได้เรียนวิชาพื้นฐานที่ทำให้เราเข้าใจการทำงานของแต่ละส่วนแบบคร่าวๆ
ตอนนี้มีโครงการสองปริญญา ซึ่งเป็นการร่วมมือกันของ mass-com กับ E-con
คือจะได้เรียนสิ่งที่เด็กเศรษฐศาสตร์เรียนด้วย จบมาก็รับสองใบแบบเกร๋ๆค่ะ คือนิเทศศาตรบัณฑิตกับเศรษฐศาสตรบัณฑิต สองคณะนี้เค้าเคลมว่า เรียนโครงการนี้จบไปมีงานทำแน่นอน
การจะเข้าโครงการนี้มีสองวิธีนะคะ คือ สอบตรง กับ เข้ามาเรียนแมสคอมหรือไม่ก็อีค่อนก่อน แล้วช่วงรับน้องจะมีการเปิดรับสมัครและสอบสัมภาษณ์ค่ะ โครงการนี้เข้าง่ายแต่เรียนหนักมากกกกก มีคนถอนตัวจากสองปริญญาเยอะพอสมควร เพราะนอกจากต้องเรียนตัวยากๆเพิ่ม อีเด็กโครงการนี้ต้องลงจนเต็มหน่วยกิตทุกเทอม ไม่เหมือนชาวบ้านที่ลงไม่เต็มก็ได้ แถมยังต้องเรียนซัมเมอร์ทุกปี และจบ4ปีครึ่ง รวมฝึกงานก็5ปีค่ะ
ถ้าติดเอฟ หรือดรอป ก็คือเป้อได้ง่ายๆ อาจจบพร้อมหมอ5555555555
แต่คุ้มนะคะ ค่าเทอมเท่าปริญญาเดียว ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
คนอาจจะมองว่าสองคณะนี้ไม่เข้ากัน ทำไมมาเรียนด้วยกัน จริงๆการเรียนสองคณะนี้จบไปมันทำอะไรได้มากมายจริงๆนะคะ การเป็นนักข่าว ที่ไม่เข้าใจถึงระบบการเงิน เศรษฐกิจของประเทศ ตีความเก่ง แต่ไม่เข้าใจไม่สื่อสารได้ลึกซึ้ง มันเป็นปัญหาของประเทศมากนะคะเกิดมาหลายครั้งด้วยที่รัฐบาลปรับนโยบาย ประชาชนไม่เชื่อมั่น ทำให้นโยบายที่วางไว้มันทำไม่ได้ หรือถ้าไปอยู่องค์กรสื่อต่างๆทั้งนสพ. วิทยุโทรทัศน์ หรือเป็นนักพีอาร์ ทำการตลาดแต่มองเศรษฐกิจไม่เป็น อ่านเกมไม่ออกก็แย่นะคะ
ทั้งนี้ก็แล้วแต่ว่าอยากเป็นอะไรนะคะ เพราะถ้าสิ่งที่เราอยากทำไม่ได้เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ อยากเป็นผู้กำกับ เป็นคอลัมนิสต์ อยากทำหนัง เขียนบท แล้วมาเรียนสองปริญญา มันเป็นการเรียนที่ไม่คุ้มค่าค่ะ เพราะเราต้องเสียเวลากับสิ่งที่ไม่ได้ใช่ สู้เอาเวลาไปใช้กับสิ่งที่ชอบดีกว่า ไม่งั้นเกรดพังก็จบค่ะ555555
เราเคยเห็นกระทู้สักอย่างที่ถามว่าที่นี่ได้เรียนถ่ายภาพมั้ย ได้เรียนค่ะ หรือถ้าคนชอบถ่ายรูปจริงๆ จะเรียนไมเนอร์ตัวของวิจิตรที่เป็นการถ่ายภาพก็ได้ รุ่นพี่เราจบไปเป็นช่างภาพมีเยอะเลยล่ะ แต่ถ้าจะถ่ายรูปอย่างเดียวแบบโปรโพดๆ ชอบแบบงานศิลป์จัดๆ ไม่ได้สนใจด้านอื่นก็วิจิตรศิลป์น่าจะเหมาะกว่า
ปีหนึ่งเราจะได้เรียนวิชาพื้นฐาน และตัวนอกคณะเป็นส่วนใหญ่ การเรียนรู้พื้นฐานของสายอื่นๆเป็นสิ่งที่ทุกคนควรมีโดยเฉพาะอย่างเรา ไม่งั้นเวลาทำงานจบไปเราจะกลวง ส่วนปีสองปีสามปีสี่งานจะเยอะเพิ่มเป็นลำดับ
เพราะตัวในคณะอ่ะ งานเยอะจริงจัง ปีสี่เราจะได้ทำตัวจบ และเทอมสุดท้ายต้องไปฝึกงาน
พูดเรื่องวิชาการไปคร่าวๆแล้ว จบไป มาพูดเรื่องสังคมของที่นี่กัน
จะบอกว่าตอนมาที่นี่อาทิตย์แรกนี่ร้องไห้ทุกวันเลยค่ะ55555 ไม่ใช่ว่าที่นี่ไม่ดีนะคะ แต่เพื่อนทุกคนพูดมากกกกก และมีเอเนอจี่สูงมากค่ะ555555 พวกนางเอาพลังมาจากไหนเนี่ยยย คือตอนอยู่รร.คนที่มีเอเนอจี่คือเราค่ะ เราพูดมากสุด แต่พอมาที่นี่คือพูดไม่ทันเพื่อน ไม่รู้จะพูดไร เลยเงียบค่ะ ตอนนั้นเครียดนะ แบบนี่ไม่ใช่ที่ของเราอ่ะ แต่พอมาอาทิตย์ที่4ที่5 รู้เลย นี่แหละ ที่ของตรู55555555
สันทนาการคณะนี้สนุกมากคะ สนุกสุดละในมช นี่พูดเลย5555 คือมันจะมีวันที่รับน้องรวม ไปคณะอื่นๆ คือสันทนาการเขามันยมอ่ะ (ยมภาษาเหนือแปลว่า เบื่อ หรือ ของที่กรอบๆเจอลมแล้วนิ่มอ่ะ เรียนรู้ไว้ๆ)
เพื่อนที่ได้มาคณะเราก็บอกว่าสันคณะเราอ่ะ สนุก
เด็กคณะนี้ได้ยินเสียงเพลงไม่ได้ค่ะ เต้นแหลก55555 เต้นแบบจะเอาโล่ เต้นเหมือนพรุ่งนี้จะตายถ้าไม่เต้น
แล้วเต้นทุกคนจริงๆ เพลงสันคณะนี้เยอะและมีท่าเต้นทุกเพลง แต่มีเพลงหากินเพลงนึง ที่เด็กทั้งมอจะรู้จักและอาจร้องตามได้55555
วิศวะคนนึงได้กล่าวไว้ว่า เด็กแมสคอม20คนอยู่ด้วยกันเสียงดังเหมือนอยู่กันทั้งคณะ555555
ใครไม่ชอบความวุ่นวาย ชอบเก็บตัว อยู่ที่นี่คุณจะกลายเป็นคนพูดมากค่ะ
มชจะมีสิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของมอเลย คือการเข้าวินัยและการใส่ซอค(เราคิดว่าน่าจะมาจากคำว่าsocietyนะ ไม่เคยถามใครแฮะ555 ) เป็นกฎระเบียบที่เฟรชชี่ปีหนึ่งทุกคนควรทำ ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่นะคะว่าคณะไหนให้ทำอะไร นานแค่ไหน อันนี้ต้องมาสัมผัสกันเอง ซึ่งมันไม่ได้เคร่งครัดกฎโหดอะไรขนาดนั้น ทุกอย่างมันมีเหตุผลแหละว่าทำไมเราควรทำ อย่าอคติ
ที่นี่เราอยู่กับแบบพี่น้องมากค่ะ จะได้ช่วยงานพี่ๆตลอด ทั้งกิจกรรม ทั้งงานต่างๆทำให้เรารู้จักกัน
งานของคณะก็จะมี งานกาดหมั้วแมสคอม การแสดงไคล์แมกซ์ของคณะที่ไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่อง การแสดงขึ้นดอย และงานที่ใหญ่ที่สุดของคณะเราที่ทำร่วมกันทั้ง4ชั้นปีคือละครเวทีขยับปีกค่ะ
เราไม่ได้อยู่กันแบบต่างคนต่างเรียน เรามีไรเราช่วยเหลือกันจริงๆ เด็กต่างจังหวัดที่กลัวว่ามาที่นี่จะไม่มีเพื่อน หรือห่างบ้านแล้วกังวล ที่นี่ไม่มีไรให้เครียดนอกจากเรื่องเรียนค่ะ5555 อ่ออ อาจจะมีเรื่องความรักด้วยมั้งคะ คณะนี้เก้วบ่อย555 (เก้วแปลว่าอกหักค่ะ ) เรื่องเพื่อนนี่ไม่ต้องเครียด พี่ๆเพื่อนๆนิสัยดีมากก ที่เที่ยวเยอะ ของกินเพียบ อากาศดี
มีอีกเรื่องที่เราอยากแสดงความเห็นคือการเข้าวีนของมชค่ะ
เราไม่รู้ว่าการเข้าวีนต้องเจออะไรบ้างนะคะ แต่สำหรับคนที่มอง สำหรับเด็กมชที่ไม่ได้เข้า เอาเป็นความเห็นของเราก็ได้ค่ะ เพศที่สามเป็นเพศที่ไม่ค่อยได้รับการยอมรับใช่มั้ยคะ (ไม่ได้หมายถึงเรานะ) การเข้าวีนเหมือนเป็นการทำให้กระเทยดูมีคุณค่าขึ้นค่ะ สำหรับเรา ทำให้กระเทยเก่งขึ้นอ่ะ ทำให้เขาทำอะไรได้มากกว่าผู้ชายและผู้หญิง เราว่าเป็นสิ่งที่ดีนะ เรายังอยากเข้าเลยอ่ะ ความเห็นส่วนตัวนะเพราะเราไม่ได้เป็นคนตรงนั้นจริงๆ
ไม่ได้พูดเพราะอยากโจมตีอะไร เผื่อใครไม่อยากเข้ามชเพราะวีน เป็นเรื่องน่าเสียดายอยู่นะเราว่า
สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจเลือกคณะแล้วดันไม่ตรงใจกับครอบครัวนะคะ
อย่าลืมว่าพ่อกับแม่หวังดีนะคะ พ่อแม่ไม่ได้อยากเห็นแค่ว่าเรามีความสุขนะคะ แต่พวกท่านอยากวางใจว่าถ้าไม่มีพวกท่าน เราจะอยู่ได้ดี เราจะไม่ลำบาก เพราะถ้าเราเลือกสิ่งที่เรารัก มันเป็นความรับผิดชอบที่เราต้องมีให้ตัวเองและพ่อแม่ว่าเราจะต้องเก่งจริงๆ พิสูจน์ให้ท่านเห็นว่าเราเลือกไม่ผิด เราเลือกสิ่งที่รักและเราก็ประสบความสำเร็จกับมัน แต่ถ้าเราต้องเรียนในสิ่งที่ไม่ชอบเลย อยู่กับมันไม่ได้แน่ๆ ก็อย่าฝืนเลยค่ะ
ทั้งนี้ทั้งนั้นการซิ่วยังเป็นทางออกให้เราเสมอ 55555555
พ่อแม่ที่เข้ามาอ่านก็ อยากบอกว่าการเลือกคณะสำหรับบางคนมันยากและกดดันมากนะคะ ถ้าลูกเรียนในสิ่งที่ท่านอยากให้เรียน แล้วลูกตั้งใจเรียนไม่มากพอเพราะลูกไม่ชอบ การโดนรีไทร์มันง่ายมากค่ะ เดวถ้าลูกเรียนไปไม่มีความสุข คนเป็นพ่อแม่นี่แหละค่ะ ที่อยากให้ลูกซิ่วเอง
เราเรียนจบสายวิทย์นะคะ พ่อแม่อยากให้เรียนสายวิทย์สุขภาพมาตลอด สิ่งสุดท้ายที่พ่ออยากให้เรียนคือแมสคอม ทะเลาะกันตีกันมาตั้งนานละคะ ถ้าเราไปบังคับลูกมากๆแล้วลูกต่อต้านมันจะแย่กว่าเดิมนะคะ ให้คำแนะนำลูก แล้วส่งเสริมให้ลูกทำสิ่งที่ลูกชอบดีกว่า ถ้าเราเข้าใจกันไม่ว่าจะทำอะไรมันดีกว่าเยอะเลยค่ะ ตอนนี้เราก็เข้าใจกับที่บ้านดีละคะ
โอเคเราอาจจะพูดมากไป5555 ยังไงก็ถ้ากระทู้นี้ไร้สาระ ยาวไปไม่อ่านก็ขอโทษนะคะ อยากให้มันเป็นประโยชน์จริงๆ
มีคลิปที่เด็กคณะเราทำด้วยน่าจะมีสาระกว่ากระทู้เรา
ยังไงก็ฝากคณะนี้ไว้เป็นอีกตัวเลือกนึงเน๊าะ
ม้าที่ว่าเร็วแล้วยังต้องแพ้ลา เพราะตอนนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีค่ะะ55555