[เรื่องที่ 117] The Boy and The Beast/Bakemono no ko ; (Mamoru Hosoda, 2015)
คะแนน : 9/10
เรื่องราวว่าด้วยเด็กหนุ่มผู้หนีออกจากบ้าน 'เร็น/เคียวตะ' ได้จับพลัดจับผลูมาเป็นศิษย์ของอสูรหมีสุดถ่อยไม่มีใครเอาอย่าง 'คุมะเท็ตสึ' ที่กำลังอยู่ระหว่างท้าชิงตำแหน่งประมุขคนต่อไปของอาณาจักรสัตว์ .. การผจญภัยใสๆก้าวพ้นข้ามวัยของคู่หูต่างเผ่าพันธ์จึงเกิดขึ้น
ต้องขอชื่นชมว่าทำผลงานได้ดีเกินคาดมาก ตัวพล็อตและเส้นเรื่องของหนังเองยังคงมีความเป็นหนังเด็กสูงแต่ก็มีเกร็ดสร้อยทั้งหลายที่ทำให้ผู้ใหญ่อย่างเราๆเอ็นจอยได้ไม่ยาก โดยเฉพาะอารมขันที่หนังสอดแทรกเข้ามาได้อย่างพอเหมาะพอควรผสมผสานกับตัวละครที่มีเสน่ห์กลมกลืนไปกับหนังได้ดี
ซึ่งส่วนที่สนุกของเรื่องก็หนีไม่พ้นการพัฒนาการตัวละครที่ถ่ายทอดออกมาได้ดีงามชนิดว่าดูไม่เบื่อ เน้นย้ำไปช่วงที่คุมะเท็ตสึดูแลเคียวตะตั้งแต่เป็นเด็กจนโต ขอบอกเลยว่าการความสัมพันธ์ในช่วงนี้มันพาพีคมาก ,พีคจนให้ความรู้สึกอบอุ่นดีจนน่าประหลาดใจ โดยเฉพาะโมเม้นต์ที่เคียวตะพยายามเลียนแบบการเคลื่อนไหวของคุมะนี่คือแบบว่าน่ารักมากกกก ไม่คิดว่าตัวเองจะเหลือต่อมอินโนเซนส์พอที่จะเอ็นจอยกับอะไรแบบนี้ จนถึงแม้ช่วงเอื่อยเฉื่อยที่เคึยวตะได้มาเจอนางเอกมันจะยืดยาวไปนิดและไม่ราบรื่นน่าดูเท่าไหร่ แต่ก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่พาเราไปเรียนรู้อุปนิสัยของตัวละครมากขึ้น
ส่วนที่ชอบที่สุดของหนังกลับกลายเป็นสองตัวละครประกอบที่โคตรจะสำคัญอย่างอสูรลิงและนักบวชหมูที่มันให้อารมณ์ 'ร่วมหัวจมท้าย' ได้ดี (คือวันๆก็อยู่ด้วยกันนี่แหละ ดูไปดูมานึกว่าไซอิ๋ว) ซึ่งทั้งคู่มักจะได้รับหน้าที่เป็นกรรมการห้ามศึกทุกครั้งที่เคียวตะกับคุมะตีกันเสมอ รวมถึงเฝ้าดูการเจริญเติบโตของตัวเอกทั้งสองอยู่ห่างๆสมดังคำพูดของทั้งคู่ในตอนท้ายเรื่อง .. ถึงแม้ตัวละครทั้งคู่จะไม่ได้มีบทบาทสำคัญอะไรขนาดที่จะส่งผลกระทบพล็อตเรื่องก็เถอะ ก็แต่เป็นองค์ประกอบแก่นที่ทำให้สายสัมพันธ์ของตัวละครมันแน่นแฟ้นจนกินใจได้ขนาดนี้
นอกเหนือไปจากพล็อตของการต่อสู้/ฝึกวิชาแล้ว หนังก็ยังให้เวลาสอดแทรกให้เราได้ไปเรียนรู้เกี่ยวกับ 'ความแข็งแกร่งที่แท้จริง' ผ่านเหล่าประมุขของประเทศต่างๆ ซึ่งต่างคนต่างก็มีคำตอบที่น่าสนใจเป็นของตัวเอง น่าเสียดายที่เนื่อเรื่องในส่วนนี้ไม่ค่อยได้ถูกเน้นย้ำเท่าไหร่ โดยส่วนตัวคิดว่าถ้าลดน้ำหนักในประเด็นครอบครัวมาโปะส่วนนี้บ้างอาจจะทำให้เนื้อเรื่องมัน smooth กว่านี้ก็ได้
ส่วนที่ไม่ถูกใจก็คงเป็นพาร์ทของตัวร้ายของเรื่องที่ไม่ค่อยถูกให้ความสำคัญเท่าไหร่ รวมไปถึงบารมีของตัวละครเองก็ไม่ได้มีเสน่ห์ขนาดนั้น ทำให้ช่วงตอนท้ายมันไม่มีน้ำหนักเท่าที่ควรผิดกับช่วงแรกของหนังรวมๆแล้วมันให้อารมณ์รวบรัดเกินไปนิดนึง
... โดยสรุปแล้ว The Boy and The Beast ก็เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมที่มีกลุ่มตลาดกว้างตั้งแต่เด็กน้อยจนถึงผู้ใหญ่ มีทั้งแกนเรื่องหลักรองให้ผู้ชมได้บันเทิงไปกับมันได้ไม่ยาก อีกทั้งงานอนิเมที่อยู่ในระดับที่สวยงามบวกกับซาวน์แทร็กที่ขานรับกับความเป็นแฟนตาซีมากๆก็ช่วยผลักดันให้มันเป็นอนิเมชั่นน้ำดีได้ไม่ยาก คุ้ม!
ขอเชิญติดตามรีวิว/ข่าวสารและร่วมกันพูดคุยเรื่องหนังได้ที่เพจครับ :
https://www.facebook.com/expensivemovie
[รีวิวเรื่องที่ 117] The Boy and The Beast/Bakemono no ko
[เรื่องที่ 117] The Boy and The Beast/Bakemono no ko ; (Mamoru Hosoda, 2015)
คะแนน : 9/10
เรื่องราวว่าด้วยเด็กหนุ่มผู้หนีออกจากบ้าน 'เร็น/เคียวตะ' ได้จับพลัดจับผลูมาเป็นศิษย์ของอสูรหมีสุดถ่อยไม่มีใครเอาอย่าง 'คุมะเท็ตสึ' ที่กำลังอยู่ระหว่างท้าชิงตำแหน่งประมุขคนต่อไปของอาณาจักรสัตว์ .. การผจญภัยใสๆก้าวพ้นข้ามวัยของคู่หูต่างเผ่าพันธ์จึงเกิดขึ้น
ต้องขอชื่นชมว่าทำผลงานได้ดีเกินคาดมาก ตัวพล็อตและเส้นเรื่องของหนังเองยังคงมีความเป็นหนังเด็กสูงแต่ก็มีเกร็ดสร้อยทั้งหลายที่ทำให้ผู้ใหญ่อย่างเราๆเอ็นจอยได้ไม่ยาก โดยเฉพาะอารมขันที่หนังสอดแทรกเข้ามาได้อย่างพอเหมาะพอควรผสมผสานกับตัวละครที่มีเสน่ห์กลมกลืนไปกับหนังได้ดี
ซึ่งส่วนที่สนุกของเรื่องก็หนีไม่พ้นการพัฒนาการตัวละครที่ถ่ายทอดออกมาได้ดีงามชนิดว่าดูไม่เบื่อ เน้นย้ำไปช่วงที่คุมะเท็ตสึดูแลเคียวตะตั้งแต่เป็นเด็กจนโต ขอบอกเลยว่าการความสัมพันธ์ในช่วงนี้มันพาพีคมาก ,พีคจนให้ความรู้สึกอบอุ่นดีจนน่าประหลาดใจ โดยเฉพาะโมเม้นต์ที่เคียวตะพยายามเลียนแบบการเคลื่อนไหวของคุมะนี่คือแบบว่าน่ารักมากกกก ไม่คิดว่าตัวเองจะเหลือต่อมอินโนเซนส์พอที่จะเอ็นจอยกับอะไรแบบนี้ จนถึงแม้ช่วงเอื่อยเฉื่อยที่เคึยวตะได้มาเจอนางเอกมันจะยืดยาวไปนิดและไม่ราบรื่นน่าดูเท่าไหร่ แต่ก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่พาเราไปเรียนรู้อุปนิสัยของตัวละครมากขึ้น
ส่วนที่ชอบที่สุดของหนังกลับกลายเป็นสองตัวละครประกอบที่โคตรจะสำคัญอย่างอสูรลิงและนักบวชหมูที่มันให้อารมณ์ 'ร่วมหัวจมท้าย' ได้ดี (คือวันๆก็อยู่ด้วยกันนี่แหละ ดูไปดูมานึกว่าไซอิ๋ว) ซึ่งทั้งคู่มักจะได้รับหน้าที่เป็นกรรมการห้ามศึกทุกครั้งที่เคียวตะกับคุมะตีกันเสมอ รวมถึงเฝ้าดูการเจริญเติบโตของตัวเอกทั้งสองอยู่ห่างๆสมดังคำพูดของทั้งคู่ในตอนท้ายเรื่อง .. ถึงแม้ตัวละครทั้งคู่จะไม่ได้มีบทบาทสำคัญอะไรขนาดที่จะส่งผลกระทบพล็อตเรื่องก็เถอะ ก็แต่เป็นองค์ประกอบแก่นที่ทำให้สายสัมพันธ์ของตัวละครมันแน่นแฟ้นจนกินใจได้ขนาดนี้
นอกเหนือไปจากพล็อตของการต่อสู้/ฝึกวิชาแล้ว หนังก็ยังให้เวลาสอดแทรกให้เราได้ไปเรียนรู้เกี่ยวกับ 'ความแข็งแกร่งที่แท้จริง' ผ่านเหล่าประมุขของประเทศต่างๆ ซึ่งต่างคนต่างก็มีคำตอบที่น่าสนใจเป็นของตัวเอง น่าเสียดายที่เนื่อเรื่องในส่วนนี้ไม่ค่อยได้ถูกเน้นย้ำเท่าไหร่ โดยส่วนตัวคิดว่าถ้าลดน้ำหนักในประเด็นครอบครัวมาโปะส่วนนี้บ้างอาจจะทำให้เนื้อเรื่องมัน smooth กว่านี้ก็ได้
ส่วนที่ไม่ถูกใจก็คงเป็นพาร์ทของตัวร้ายของเรื่องที่ไม่ค่อยถูกให้ความสำคัญเท่าไหร่ รวมไปถึงบารมีของตัวละครเองก็ไม่ได้มีเสน่ห์ขนาดนั้น ทำให้ช่วงตอนท้ายมันไม่มีน้ำหนักเท่าที่ควรผิดกับช่วงแรกของหนังรวมๆแล้วมันให้อารมณ์รวบรัดเกินไปนิดนึง
... โดยสรุปแล้ว The Boy and The Beast ก็เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมที่มีกลุ่มตลาดกว้างตั้งแต่เด็กน้อยจนถึงผู้ใหญ่ มีทั้งแกนเรื่องหลักรองให้ผู้ชมได้บันเทิงไปกับมันได้ไม่ยาก อีกทั้งงานอนิเมที่อยู่ในระดับที่สวยงามบวกกับซาวน์แทร็กที่ขานรับกับความเป็นแฟนตาซีมากๆก็ช่วยผลักดันให้มันเป็นอนิเมชั่นน้ำดีได้ไม่ยาก คุ้ม!
ขอเชิญติดตามรีวิว/ข่าวสารและร่วมกันพูดคุยเรื่องหนังได้ที่เพจครับ : https://www.facebook.com/expensivemovie