เปิดใจ3พระเอกสุดฮอตแห่งปีกับชีวิตวันนี้ของ‘เจมส์-พุฒ-ไมค์’



  ปีมะแมที่ผ่านมามีสตาร์เกิดขึ้นในวงการมากมาย แต่ถ้าจะนึกถึงดาวดังของปี 2555 คงจะหนีไม่พ้น 3 พระเอกสุดฮอตได้แก่ “เจมส์ มาร์” พระเอกหนุ่มตี๋จากวิกสามพระรามสี่ ที่สร้างกระแส “พ่อเหม” จากละคร “ข้าบดินทร์” ละครนอกสายตาในตอนแรก คนถัดมาคือ  “พุฒ” พุฒิชัย เกษตรสิน ที่หอบความฮอตขึ้นหิ้ง กับกระแส “พี่เสือฟีเวอร์” จากซีรีส์ “รักนะเป็ดโง่” คนสุดท้ายคือพระเอกดาวรุ่งมาแรงของช่อง 7 สี “ไมค์” ภัทรเดช สงวนความดี ที่ความดังของเขาโดดเด้งขึ้นมาในปีนี้ วันนี้ “บันเทิงคม ชัด ลึก” จะมาเปิดใจ 3 หนุ่มฮอตกัน

 

“เจมส์ มาร์” : “หนุ่มฮอตม้ามืด”

@@ ปี 2558 ดูจะเป็นปีทองของเจมส์ ละครดัง กระแสดี แถมเรียนจบด้วย

          เรียกว่าเป็นปีที่ทำอะไรได้สำเร็จหลายๆ อย่าง ทั้งเรื่องของการเรียนจบ ละครเรื่องที่ 2 อย่างเรื่อง ข้าบดินทร์ ออนแอร์แล้วได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาดมากจากคนดู แต่ในส่วนของงาน ผมว่าคนดูชอบในเรื่องของเนื้อหาละครทั้งหมด เราในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของละครเรื่องนี้ก็ดีใจและภูมิใจ ผมว่าตัวละครทุกท่านในเรื่องนี้ได้รับความสำเร็จด้วยกันทั้งหมด ในส่วนตัวละครพ่อเหม ที่ผมแสดง ต้องขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่ให้การตอบรับที่ดี ตัวผมไม่ได้มีโซเชียล ไม่รู้ว่าตอนนั้นกระแสแรงแค่ไหน มีแต่คนมาบอก ทุกๆ ครั้งที่มีคนมาบอกก็จะดีใจและภูมิใจ ไม่ใช่เพราะตัวละครนี้กระแสดี แต่เพราะเราและทีมงานทุกคนตั้งใจทำออกมาให้ดีที่สุด

 
@@กระแสดีขนาดนี้เลยถูกยกให้เป็นหนุ่มฮอตมาแรงแห่งปี

          จริงเหรอ ไม่ได้ฮอตหรอกมั้ง (ยิ้มเขิน) ผมว่าเป็นปีที่ผลงานเราออนแอร์ด้วยมากกว่า และอาจจะเพราะคนดูไม่ได้เห็นผลงานของผมมานานประมาณ 1 ปี แล้วด้วยละครเรื่องนี้กระแสดี ทำให้เรามีแฟนคลับ แฟนละครเพิ่มมากขึ้น มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ต้องขอบคุณแฟนๆ มากกว่าที่ให้การต้อนรับดีขนาดนี้ เมื่อไม่นานมานี้ผมจัดมีทแอนด์กรีท ก็มีแฟนๆ เพิ่มมากขึ้น โดยรวมสำหรับผมปีนี้เป็นปีที่ประสบความสำเร็จ แต่ถ้าบอกว่าเป็นปีที่ฮอต สำหรับผมไม่ขอใช้คำว่าฮอตแล้วกัน เรียกว่าเป็นปีที่สนุกขึ้นแล้วกัน เพราะถ้าจะให้เรามาชมตัวเองว่าเป็นปีที่ฮอตก็ดูจะไม่ใช่ (หัวเราะ)


@@ คิดว่าเสน่ห์ความเป็นหนุ่มฮอตของ “เจมส์” อยู่ตรงไหน

          เอาจริงนะ ผมเขิน เวลาที่มีคนมาบอกว่าผมเป็นหนุ่มฮอต ผมไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้คนคิดว่าผมฮอต พอมองกลับมาที่ตัวเอง เลยแอบเขินๆ ถามว่าเสน่ห์ของผมอยู่ตรงไหน ผมว่าเป็นเรื่องของผลงานละครมากกว่า เพราะด้วยกระแสละครที่ดีทำให้คนรู้จักเรามากขึ้น มาสนใจเรามากขึ้น อยากที่จะมาเจอเรา มาติดตามเรามากขึ้น ซึ่งมันไม่ได้เกิดที่ตัวเราโดยตรง แต่มันเกิดจากผลงานของเรามากกว่า เพราะถ้าให้พูดถึงเสน่ห์อย่างอื่น ผมคิดไม่ออกเลย เพราะว่าผมในตอนนี้ก็ยังเป็นคนหนึ่งที่ทำงาน ยังตาตี่เหมือนเดิม (หัวเราะ)


@@ ปีที่ผ่านมามีแฟนคลับเพิ่มขึ้นจากเดิมมากแค่ไหน

          ให้ตีเป็นตัวเลขไม่ได้ จากที่สังเกตน่าจะเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเป็นเท่าตัว ในส่วนของแฟนคลับต่างประเทศ คือผมไม่แน่ใจ เพราะว่าผมไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง คือไม่ได้เจอเขาจริงๆ จังๆ ได้ยินจากการบอกเล่ามากกว่า เลยไม่กล้าที่จะฟันธง แต่ถ้ามีจริงๆ ก็ขอบคุณและดีใจมากๆ สำหรับผมไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับประเทศไทยหรือต่างประเทศ ต่างก็เป็นกำลังใจของผมด้วยกันทั้งนั้น แล้วขอบคุณที่ชื่นชอบและคอยติดตามผมไปในทุกๆ ที่ ทุกๆ ผลงาน จริงๆ อาจจะไม่ต้องมาเป็นแฟนคลับก็ได้ แค่ผมเจอใครแล้ว มาบอกว่าชื่นชอบละคร ผมก็ถือว่าเป็นกำลังใจให้ผมแล้ว

 
@@ อยากบอกอะไรแฟนๆ กับความนิยมในปีนี้ที่ได้รับมา

          คงไม่มีอะไรที่จะบอกนอกจากคำว่าขอบคุณมากๆ ที่รอผลงานเรื่องที่สองของผมอย่างเรื่อง ข้าบดินทร์ มานาน 1 ปี และให้การตอบรับที่ดีมากขนาดนี้ ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้ ผมคงไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้ ผมสัญญาว่าผมจะเก็บความทรงจำทุกๆ เรื่องราวในปีนี้ไว้ เก็บกำลังใจที่ทุกคนให้มาเป็นพลังในการทำงานในปีต่อๆ ไป


พุฒ” พุฒิชัย : “หนุ่มฮอตฟีเวอร์”

@@ ปีนี้เป็นปีของพุฒ รู้สึกยังไงบ้าง

          ดีใจที่เป็นปีที่มีอะไรหลายๆ อย่างในชีวิตเรา ทั้งเรื่องส่วนตัว เรื่องงานมันเปลี่ยนไปในทางที่ดี ปีนี้ทำงานหนักมาก เป็นปีที่เรามีวันหยุดไปทำเรื่องส่วนตัว หรือดูแลตัวเองน้อยมากถ้าเทียบกับปีก่อน ครึ่งปีหลังเราถ่ายละครเยอะมาก ทั้งละครยาว ละครสั้น คลับฟรายเดย์ มันอยู่ในช่วงนี้ เป็นปีที่เราทำงานหนักจริงๆ ในแง่ของละคร ส่วนดีเจ ก็ยังทำอยู่เพราะว่าเราลาเยอะมากในปีนี้ และจะมีงานข้างนอกด้วย ทั้งงานพรีเซ็นเตอร์ และอีเวนท์ ณ ตอนนี้ืทำสิ่งที่ต้องทำให้มีคุณภาพและดีที่สุด เรามีสิ่งที่เป็นคติเตือนใจว่า ถ้าขึ้นสูง ยิ่งต้องติดดิน


@@ ที่ผ่านมาเคยได้ยินคำว่า “พุฒ มาไกล” บ้างไหม

          มีมาตลอดว่า โห้มันมาไกล ซึ่งคำว่ามาไกลในที่นี้มันก็มีหลายอย่างทั้งหน้าตามาไกล เรื่องงานมาไกล เรื่องชื่อเสียงมาไกล หลายๆ คนที่มีประโยคว่า ไม่น่าเชื่อว่าผมจะมาได้ขนาดนี้ ซึ่งเราก็ยังไม่เชื่อตัวเอง เรายังคิดอยู่เลยว่า เราเป็นแค่ดีเจพุฒธรรมดา ตัวเราก็จะพูดออกมาว่ามันไม่เหมือนเดิมแล้ว จะไปไหนก็ต้องดูแลตัวเองเยอะขึ้น ระวังตัวมากขึ้น คนเข้าหาเยอะ เราต้องยิ้ม เราเป็นคนของประชาชน เป็นคนมอบความสุขให้คนที่พบเจอ ถ้าอยากเหนื่อยให้ไปเหนื่อยที่บ้าน


@@ ปีที่ผ่านมาคนยกให้เป็นที่สุดแห่งปี

          มันแทบไม่น่าเชื่อข่าวที่ลง ไม่เชื่อโซเชียลเน็ตเวิร์กที่หลายๆ คนแท็กมา หรือส่งมา เราจะคิดว่าจริงเหรอ เวลาเราไปเทียบกับคนอื่นๆ เรายังเห็นคนอื่นที่ดีกว่าเรามากมาย บางทีเราก็นั่งหาเหตุผลว่าทำไมคนถึงให้ว่าเป็นที่สุดแห่งปี ก็ยังสงสัยในตัวเอง เราพยายามหาเหตุผลว่า อ๋อ มันคงมาจากละครที่เล่นมั้ง และตอนที่เราย้อนกลับไปตอนเล่น เราก็ไม่คิดว่ามันจะดัง หรือเป็นที่รู้จักมากขนาดนี้ มันไม่มีหลักสูตรของความสำเร็จในเรื่องละครเลย บางเรื่องโปรดักชั่นดีมาก งบเป็น 10 ล้าน กับกองละครหรือซีรีส์ที่งบนิดเดียว แต่ทำด้วยใจ งานที่ออกมา ผลถึงต่างกันขนาดนี้


@@ หลายคนอยากเดินตามรอยของพุฒ อยากบอกอะไรเขา

          ใครที่อยากเดินตามทางพุฒ เราต้อง Strong (เข้มแข็ง) เราต้องตั้งใจ เราต้องเคารพงานที่เราทำ เราต้องทำงานคุณภาพ เราต้องไม่เห็นแก่ตัว และเราต้องเป็นคนที่ไม่ทำลายคนอื่น ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็แล้วแต่ เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด บางอย่างอาจจะต้องใช้เวลานาน บางอย่างอาจจะมาเร็วโดยไม่ทันตั้งตัว แต่ถ้าเราตั้งใจจริงๆ เรามีความฝันจริงๆ เราพยายามจริงๆ เดี๋ยวสิ่งที่ทุกคนต้องการอยากจะได้ มันจะค่อยๆ มาของมันเอง แต่ก่อนเคยใจร้อน คิดว่าทำไมไม่มีงานเยอะแยะเหมือนคนอื่น แต่ความจริงแล้วคือ ให้เราทำสิ่งที่เราทำอยู่ จากสิ่งเล็กๆ มันดีหรือยัง ถ้ามันดีแล้ว เดี๋ยวสิ่งเล็กๆ มันจะกลายไปสู่สิ่งใหญ่ๆ เอง ขอแค่ตั้งใจและให้เกียรติมัน

 
@@ อยากบอกอะไรกับคนที่เป็นกำลังใจ

          อยากขอบคุณคนรอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นคนที่ให้โอกาสเรา แม่แอ๊ดผู้จัดการ หรือแฟนคลับ ถ้าไม่มีบุคคลเหล่านี้เราคงไม่ได้มายืนอยู่ในจุด ที่คนรู้จักเราเยอะแยะมากมาย ทุกวันนี้เราให้ความเคารพและดูแลทุกคนให้ดีที่สุด แต่มันอาจจะไม่ดีที่สุดทั้งหมด แต่ใจของเรายังคงเป็นดีเจพุฒคนเดิม

 
@@ ยอมรับกับคำว่าซูเปอร์สตาร์ได้หรือยัง

          ไม่เอาๆ อ่ะ (หัวเราะ) ผมยังเป็นดีเจพุฒคนเดิม คำนี้มันดูน่ากลัว มันต้องเป็นเหมือนพี่เบิร์ด (ธงไชย แมคอินไตย์) พี่อั้ม (พัชราภา ไชยเชื้อ) ณเดชน์ คูกิมิยะ เจมส์จิ (จิรายุ ตั้งศรีสุข) เรายังรู้สึกว่ายังเป็นดีเจพุฒที่เล่นละครได้ไม่ดีเลย หรือยังเล่นละคร ยังทำอะไรหลายๆ อย่างได้ไม่บรรลุกับผลที่เราตั้งเป้าหมายเอาไว้เลย



“ไมค์” ภัทรเดช : หนุ่มฮอตมาแรง

@@ ตอนแรกคาดหวังหรือไม่ว่าละครเรื่อง “รอยรักแรงแค้น” กระแสดีขนาดนี้ไหม

          ไม่เคยคิดและไม่กล้าหวังด้วยนะ เพราะว่าละครเรื่องรอยรักแรงแค้น เป็นละครเรื่องแรกของทางช่อง 7 ที่ทำแนวนี้ เอาจริงๆ ใจผมก็กล้าๆ กลัวๆ นะ คือคิดแค่ว่าไม่เปรี้ยงก็ดับ มีแค่ 2 ทางเท่านั้น แต่พอกระแสมา กระแสดีมาก ผมดีใจมาก (เน้นเสียง) ต้องบอกว่าละครที่ทำให้ทุกคนรู้จักผมก็คือเรื่องนี้เลย ไปไหนมาไหนทุกวันนี้คนยังเรียกผมว่าคิมหันต์อยู่เลย ถ้าถามผมว่าคนจำผมจากเรื่องอื่นมาก่อนหน้านี้มั้ย ผมก็ไม่แน่ใจนะ แต่รู้แค่ว่าพอเรื่องรอยรักแรงแค้นออกอากาศไปสักพัก คนก็เรียกผมว่าคิมหันต์ เรื่องก่อนๆ ที่ผ่านมา ก็ไม่มีใครมาเรียกชื่อตัวละครมากขนาดนี้นะ (ยิ้ม) ต้องบอกว่าด้วยเรื่องนี้มันเนื่อหาที่เข้มข้นมากเลยนะ และผมตั้งใจกับมันมาก ผมถ่ายทอดออกมาได้ดี เอาจริงๆ มันมีหลายฉากที่ผมชอบมากเลยนะ อย่างฉากเลิฟซีนกับนางเอกที่กำลังกุ๊กกิ๊ก ฉากมีความรัก หรือแม้แต่ฉากที่ตัวเองอกหัก รวมไปถึงฉากที่ผมต้องไปกวนพี่โน้ต (วัชรบูล ลี้สุวรรณ) พูดจาถากถางต่างๆ นานา

@@ มองว่าตัวเองมาถึงจุดสูงสุดของการเป็นนักแสดงหรือยัง

          โอ้ย..ย ยังเลย ผมว่ามันยังเหลือเส้นทางอีกเยอะเลยนะ ผมเล่นเรื่องรอยรักแรงแค้น ผมได้อะไรมาหลายอย่างมากเลยนะ ทำให้รู้ตัวว่าเราจะต้องแก้และปรับปรุงตรงจุดไหน ในเรื่องของการแสดง คิดว่าในอนาคตการแสดงของผมมันจะต้องดีขึ้นเรื่อยๆ นะ

 
@@ มักมีคำพูดว่า “ยิ่งสูง ยิ่งหนาว” เชื่อในคำพูดนี้ไหม

          เอาจริงๆ ยังไม่รู้หรอก (ยิ้ม) เพราะยังรู้สึกว่าตัวผมเองไม่ได้อยู่บนที่สูงอะไร แต่ถ้าถามว่าผมเชื่อในคำพูดเหล่านี้ไหม ผมก็ไม่เชื่ออีกนั่นแหละ ผมยังใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิมทุกอย่าง บางคนขึ้นสูงแล้ว รู้สึกว่าหนาว เขาคนนั้นคงถีบตัวเองให้ไปไกลจากคนอื่น แล้วก็ยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว แต่ถ้าเรายังเหมือนเดิม เป็นกับคนรอบข้างเหมือนเดิม ไม่ว่าเราจะมีชื่อเสียงขนาดไหนเราก็ยังรู้สึกอบอุ่นเหมือนเดิมนะ 

 
@@ การใช้ชีวิตเปลี่ยนไปมากน้อยขนาดไหน

          ไม่เปลี่ยนนะ ทุกอย่างยังเหมือนเดิมเลย ผมเคยกินข้าวอย่างไร ชอบนั่งร้านลาบ ผมก็ยังไปนั่งกินอยู่ เคยใกล้ชิดกับแฟนคลับ เคยกอดทุกคนอย่างไร ถ้ายังมีโอกาสที่จะกอด ได้ใกล้ชิดผมก็ยังทำเหมือนเดิม แต่มันก็ต้องมีบางเรื่องที่เปลี่ยน ผมต้องบอกว่าตัวตนของเราไม่มีวันเปลี่ยนได้ แต่สิ่งที่ต้องเปลี่ยนมันน่าจะเรื่องของการที่เราจะต้องรู้จักกาลเทศะมากขึ้น การที่รู้จักดูแลตัวเองมากขึ้น เช่นการแต่งตัว เวลาจะออกนอกบ้านจะมาปล่อยเซอร์เลยมันก็ไม่ใช่นะ แล้วผมใส่ใจเรื่องรองเท้ามากนะ เคยลากแตะออกนอกบ้าน เราก็เปลี่ยนเป็นรองเท้าผ้าใบแทน เพื่อให้ดูสุภาพมากขึ้น หน้าตาก็ต้องดูแลมากขึ้นด้วยนะ เราก็อยากเป็นเหมือนพระเอกคนอื่นๆ ที่เขาดูแลตัวเอง ต้องดูดีขึ้นบ้าง


@@ถูกยกให้เป็นพระเอกรุ่นน้องที่มาแทนที่พระเอกรุ่นพี่แล้ว กดดันไหม

          ไม่กดดันนะ เราก็เต็มที่ของเรา ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณมากๆ ที่ทุกคนให้โอกาสผมเปิดใจรับผม และทุกๆ คำชมนะ ทุกอย่างมันคงมาจากที่การแสดงละคร ผู้ใหญ่คงเห็นฝีมือของผม และมองว่าผมจะเป็นอนาคตต่อไปของช่องได้ ผมต้องขอบคุณมากๆ ส่วนเรื่องที่จะมาแทนกัน ผมบอกตรงนี้เลยว่ามันไม่มีใครมาแทนกันได้ พระเอกในช่องทุกคนก็มีลุคเป็นของตัวเอง จะให้ผมเล่นละครเหมือนพี่เวียร์ (ศุกลวัฒน์ คณารส) ผมก็ไม่สามารถทำได้ ท้ายที่สุดผมก็แสดงละครออกมาในสไตล์ไมค์ ภัทรเดช


@@ มองว่าจะสามารถรักษาคำว่า “ความฮอต” ไว้ได้อย่างไร

          ผมไม่มีวิธีอะไรหรอกนะ แต่เราต้องไม่หยุดพัฒนาตัวเอง ต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ ถ้าเรามัวแต่ยืนอยู่จุดเดิมๆ แล้วความน่าสนใจมันจะอยู่ตรงไหนล่ะ มันไม่มีความน่าสนใจหรอกนะ เราต้องพัฒนาตัวเองมากขึ้น มันรวมไปถึงเรื่องของหน้าตา หุ่นที่ต้องดูแลควบคู่กันไปด้วย และผมไม่อยากให้คนมาจำกัดผมด้วยคำว่าพระเอกนะ แต่อยากให้มองผมว่าเป็นนักแสดงคนหนึ่งที่อยากพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ

 
          นี่แหละสามหนุ่มแห่งปี 2558


ที่มา บันเทิง คม ชัด ลึก 2 มกราคม 2559
http://www.komchadluek.net/detail/20160102/219718.html

ปล.สิ่งที่รูสึกได้จากทั้งสามคนคือความเป็นตัวของตัวเอง ความถ่อมตนและมีความพยายามที่จะพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาอมยิ้ม04
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่