(Review) ครั้งหนึ่งในชีวิตกับการ Countdown ในคืนข้ามปีที่ London



สวัสดีปีใหม่ 2559 ค่ะ เนื่องจากกระทู้นี่เป็นกระทู้แรกของเรา การโพสรูป แท๊กห้อง และพิมพ์อาจดูงงๆพอสมควร
และรูปอาจจะมือสมัครเล่นไปหน่อย ขออภัยมา ณ ที่นี้นะคะ

ปีนี้เป็นปีที่ 2 ของเราที่มาเรียนที่ประเทศอังกฤษ แต่ว่าเราไม่ได้เรียนที่ลอนดอน
และถ้าไม่ได้ต่อโทหรืออะไร อาจจะเป็นปีสุดท้าย
เราเลยตัดสินใจว่า เอาก็เอาวะ ไหนๆมาเรียนที่นี่ทั้งที
ไม่ได้เคาท์ดาว์นที่ลอนดอน เดี๋ยวจะรู้สึกขาดๆอะไรไป

งานเคาท์ดาวน์ของลอนดอน ต้องจองตั๋วก่อนเป็นเดือน
ถ้าไปหาเอาหน้างานอาจจะยากหน่อย แต่เราก็แอบเห็นคนมาขายต่อ
ซึ่งน่าจะโก่งราคาแน่ๆไม่แนะนำให้ไปหาเอาดาบหน้า
ตั๋วราคา  £10 ต่อใบ ซึ่งจองผ่านเว็บ seetickets.com
มี 4 สถานที่ชมวิว ให้เลือก ได้แก่
1. Victoria Embankment ระหว่างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Westminster และ Embankment (Blue Area)
2.Victoria Embankment ระหว่างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Embankment และ Temple (Red Area)
3.Southbank หลัง London Eye (Green Area)
4. Westminster Bridge (White Area).
(ข้อมูลจาก http://www.timeout.com/london/things-to-do/new-years-eve-fireworks-in-london-how-to-get-tickets)

และด้วยเนื่องจาก จขทก. ไม่ได้เป็นคนจองตั๋วเอง เพื่อนเป็นคนจองให้
ดังนั้นจึงไม่ได้แคปรูปหน้าเว็บตอนจองไว้
ต้องขอโทษด้วยนะคะ

โซนที่เราจองคือ blue area ดังนั้นเราจึงนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปลงสถานี Embankment
(สถานีใต้ดิน Westminster ปิด)
พอถึงสถานี ก็เดินตามทาง สอบถามตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ได้เลย
ซึ่งตำรวจและเจ้าหน้าที่เยอะมาก ไม่แน่ใจว่าเพราะปีนี้ดูอันตรายกว่าทุกปี
หรือว่าเขาดูแลความปลอดภัยเป็นแบบนี้ทุกปี แอบระแวงเหมือนกัน
ประตูเริ่มเปิดตอนทุ่มนึง
ตลอดทางเดินจะเห็นว่าคนเยอะมากกกกก โซนเราแอบเดินไกลนิดนึง
พอถึงแล้ว ต้องเดินหาหางแถวอีก
หางแถวนี่ยาวเกือบถึง Buckingham Palace เลยทีเดียว ขนาดมาถึงตอนเกือบ 2 ทุ่ม


อันนี้คือภาพตอนต่อแถวแล้ว จะเห็นว่าซุ้มโค้งๆข้างหน้าคือหน้าแถว ซึ่งไกลมาก แทบจะหันไปเยาะเย้ยคนที่กำลังเดินสวนหาหางแถวว่า ก็ไม่รู้สินะ
(ว่ากว่าจะเดินถึงหางแถวได้มันไกลแค่ไหน)


ส่วนอันนี้คือหน้าตาของบัตร (ขอปิดชื่อไว้นะคะ)


พอเกือบถึงหน้างานก็จะมีการตรวจกระเป๋า


แล้วก็เดินต่อไป เข้าแถวอีก เพื่อแสกนบาร์โค้ดเข้างาน


แล้วก็เดินเข้างานกันเลยยย ไม่ใช่ผ่านประตูละถึงเลยนะต้องเดินมาอีก
ยิ่งเดินคนยิ่งคึกคัก พอเดินมาถึง London eye นี่บอกเลยว่าตื่นเต้นมาก
เห็นฟ้าๆนั่นมั้ยยยยยยยยย


คนเริ่มทยอยมา นี่คือบรรยากาศตอน 2 ทุ่มกว่าๆ




หน้าที่ของเราตอนนี้คือพยายามจับจองพื้นที่เพื่อให้ได้วิวที่ดีที่สุด
ตอนแรกพอได้ละนั่งบนฟุตบาท แต่มีเจ้าหน้าที่เดินมาบอกว่าห้ามนั่ง
ซึ่งหมายความว่า จากนาทีนี้จนถึงเคาท์ดาว์นคือยืนล้วนๆ
นวดขารอ บอกเลย

4 ชั่วโมงของการรอคอยที่ยาวนาน
แถมวันนี้ อากาศที่ลอนดอนดันหนาวขึ้นกะทันหัน ยืนไปนี่สั่นกึกๆ
พอหิว จะออกไปกินก็ไม่ได้ เพราะคนเยอะมากกกกก เพื่อนบอกว่าแมคคนเยอะมาก
และถ้าออกไปนี่ ไม่มีทางหาเจอกันแน่ๆ เพราะยิ่งดึกคนยิ่งเยอะ
ส่วนเรื่องห้องน้ำ ก่อนมานี่ ไปกินร้านอาหารไทย ถามพี่ที่ร้านเรื่องมาเคาท์ดาวน์
พี่เขาบอกว่า โหน้อง คนเยอะมากกกกก ห้องน้ำก็หายาก พยายามอย่ากินน้ำเยอะ
มีห้องน้ำเป็นตู้คอนเทนเนอร์เล็กๆมาเรียงๆ ขนาดประมาณคนเดียวเข้าไปยืนละแทบขยับไม่ได้ และต่อคิวยาว ความสะอาดไม่ต้องพูดถึง

ระหว่างการรอคอย ก็จะมีเปิดเพลงตามลำโพงและมีดีเจ
ซึ่งเพลงก็สนุกดี และมีดีเจ (ที่พูดวนไปมา ไม่รู้จะมีทำไม 5555555)
เอาจริงคือ ถ้ามีคอนเสิร์ตอะไรบ้าง จะดีมาก
แต่เราไม่แน่ใจว่า โซนอื่นมีคอนเสิร์ตอะไรรึเปล่า
ตอนรอนี่เบื่อมาก เมื่อยด้วย หิวด้วย อยากเข้าห้องน้ำด้วย กลัวโดนแย่งที่ถ้าขยับตัว
มือถือก็เล่นไม่ได้ คนเยอะทำให้สัญญาณเนตไม่ดี (ค่ายมือถือเราน่าจะเนตกากด้วย)
คิดในแง่ดีก็คือได้คุยกับเพื่อนแทนก้มหน้ามองจอ
เต้นฆ่าเวลาก็แล้ว เมาท์จนไม่มีเรื่องจะเมาท์ก็แล้ว ยืนดูฝรั่งข้างหน้าจูบกันเป็นร้อยๆรอบก็แล้ว ก็ยังไม่ถึงเวลาสักที ได้แต่ดูไฟ London eye เปลี่ยนสีด้วยความหรรษาเบาๆ


คือถ้าถ่ายด้วยไอโฟน อาจเห็น London eye เต็มเป็นคอลเลคชั่น

มีการสลับเป็นสองสีสร้างความตื่นเต้น

การสลับสีนี่เป็นความตื่นเต้นอย่างเดียวจากการรอคอยที่ยาวนาน
สังเกตจากทุกคนที่ต้องหยิบกล้องขึ้นมาถ่าย

บางทีก็มีรูปปากบนตึกขยับตามเพลงเพิ่มความเร้าใจขึ้นมาบ้าง


ดีเจบอก กำลังถ่ายทอดสด อ่าววว ยกมือถือเปิดแฟลชขึ้นมาโบกหน่อยเร้ววววว




และแล้วนาทีที่ตื่นเต้นที่สุด คือตอนที่บนตึกขึ้นนับถอยหลัง 60 วินาที







นาที่นั้นคือ ยิ่งใกล้เวลา มือนี่สั่น รูปอะไรนี่ถ่ายไม่ไหว พอ 5 4 3 2 1
เสียงจากนาฬิกา big ben ดัง ตึ๊ง ตึ๊ง ติ๊ง รู้สึกขลังมากกกกกกก
ละคือพลุจุดตามเสียงตึ๊งของนาฬิกาเป็นจังหวะ และตู้มมมมม


อลังการงานสร้างมาก










ที่น่าเสียอารมณ์ของ selfie stick ของคนเกาหลีข้างหน้า จริงๆคือเขามาแทรกเราด้วย
คือโอป้าคะ ถ้าโอป้าจะยืนถ่ายวิดิโอตั้งแต่ต้นจนจบ ยืนข้างหลังก็ได้มั้ยโอป้า
ใช้ไม้คือถ่ายยังไงก็เห็น ดังนั้นจะเห็นไม้ของโอป้าทุกรูปที่เราถ่าย
ถ้าขยับไป จะเจอไม้ของลุงข้างๆอีก
(แถมด้านหลังมีไม้อีก 3 ไม้ ศึกไม้เซลฟี่จริงๆ)











รูปที่ใช้ได้ของเราค่อนข้างน้อย เพราะมือสั่นมาก และเราถ่ายรูปไม่ค่อยเก่ง เป็นมือสมัครเล่น รูปที่ใช้ได้เลยมีไม่กี่รูป
และเหนือเหตุผลอื่นใด คือมันสวยมาก อลังการมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
จนคุณแทบจะลืมไปเลยว่าถือกล้องอยู่
คือตามองแต่นอกจอ ลืมไปว่าต้องรัวชัตเตอร์ต้องถือกล้องมุมไหน ถ่ายรูปจุดไหน
ยิ่งนาทีสุดท้าย คือพลุเต็มท้องฟ้าจนมองไม่เห็นท้องฟ้า
(ตอนนั้นเรามัวหันไปถ่ายเซลฟี่กะพลุ พอหันมาคือเห็นพลุแทนที่ท้องฟ้า และมัวอ้าปากค้างจนถ่ายไม่ทัน)



สรุปแล้ว พลุมีประมาณ 13 นาที จากการดูจากหน้าจอการอัดวิดิโอของโอป้าข้างหน้า
แต่นาทีนั้นคือรู้สึกมันแปปเดียวมากๆ มันสวย อลังการจนพูดไม่ถูก
คือจากตอนยืนรอที่บ่น โอ้ยเมื่อย โอ้ยง่วง โอ้ยปวดฉี่ โอ้ยหิว
นาทีนั่นลืมไปทุกอย่าง
พอพลุจบลง เพลง Auld lang syne ก็ดังนั้น
นาทีนั้นคือปริ่มมากกกกกกกก ทุกคนบริเวณเรา กอดคอกันแล้วโยกตามจังหวะเพลง
จากเวอร์ชั่นช้า ตามมาด้วยเวอร์ชั่นเร็ว

คือถ้าทุกคนได้ยืนอยู่ที่ตรงนั้น จะรู้สึกถึงความปริ่ม
คำว่า Happy new year ที่พูดคือ Happy แบบจากใจ
คนไม่รู้จักกัน ตะโกน happy new year ให้กัน เดินมากอด
(แต่ต้องระวังคนเมาหน่อย)
ตอนนั้นคิดเลยว่า นี่ถ้าไม่ได้มา คงเสียใจไปทั้งชีวิตแน่ๆ

และพอนาทีปลื้มปริ่มจบไป เริ่มก้าวขาเตรียมกลับ
ตอนแรกมัวปริ่ม ไม่ได้โฟกัสไปที่ร่างกายตัวเองเท่าไร
พอก้าวขาเท่านั้นแหละ รู้สึกเลย แบบโอ้ยยยยยยยยยยยยยย
คือถ้าทุกคนได้ลองยืนที่เดิม เน้นว่ายืนเป็นเวลา 4 ชั่วโมง
โดยไม่ได้เดินหรือนั่งอะไร จะรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แบบสุดทีนมาก
แล้วคือดันอยากสวยใส่บูทไปด้วยไง เจ็บทั้งเท้า ทั้งขา ทั้งหลัง แต่ก็ยังปริ่มไม่เลิก
อารมณ์ดีถึงกลับตะโกน Happy new year ใส่คนที่เดินผ่าน
ขากลับคนเยอะตามท้องเรื่อง กว่าจะกลับถึงห้องก็เกือบตี 3

ความประทับใจของการ Countdown ที่ลอนดอนคือ พลุสวยมากกกกก อลังการมากกกกก ปริ่มจนไม่รู้จะพูดยังไง บรรยายมาเป็นคำพูดไม่ถูก ในตัวตอนนั้นคือ เหมือนอยู่ในดินแดนเทพนิยายสักเรื่อง คือเราไม่เคย countdown ที่ไทย เลยไม่รู้จะเปรียบเทียบยังไง แต่ขอบอกว่า สมกับเป็นลอนดอน
ถ้าทุกคนมีโอกาสสักครั้ง มาที่นี่จะไม่เสียใจเลย

ส่วนเรื่องที่ควรระวังและเตรียมคือ
1. อย่างที่บอกว่าห้องน้ำค่อนข้างไม่โอเคเท่าไร พยายามอย่าเข้าห้องน้ำในงาน
2.ควรมาไวที่สุดเพื่อมาจับจองทำเล ยิ่งมาไว ตอนนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมา คนก็ยิ่งน้อย (ตอนเรามารถไฟใต้ดินคนไม่เยอะเท่าไร ออกมาตอน 1 ทุ่มจากที่พัก)
3.ด้วยความที่รอนานมาก ควรเตรียมอะไรมากิน เพราะการออกไปซื้อมันยาก และกว่าจะถึงเวลาอาจจะหิว
4.คนเยอะมาก ระวังทรัพย์สินส่วนตัวเอาไว้ให้ดีๆอาจมีคนฉวยโอกาสตอนคนเยอะๆล้วงได้ (โดยส่วนตัวค่อนข้างคิดว่าอังกฤษเป็นประเทศที่ปลอดภัย หลังจากเพิ่งไปฝรั่งเศสมาตอนไม่กี่อาทิตย์ที่แล้วแล้วต้องระวังทุกฝีก้าว แต่ระวังตัวไว้ก่อนดีที่สุด)
5.ใส่รองเท้าสบายๆไปดีที่สุด ถ้าใส่บูทหนังแล้วยืน 4 ชมแบบเรา จะรู้สึกทรมาณมาก และกว่าจะเดินถึงที่ กว่าจะต่อแถว กว่าจะเดินกลับมันเดินเยอะมาก ถนอมเท้าไว้ก่อนดีที่สุด

และนี่คือประสบการณ์การ Countdown ครั้งแรกของเราที่ London และถ้ามีโอกาสอีกครั้ง จะไม่ยอมพลาดอีกแน่นอน เป็นการเริ่มต้นปีที่ประทับใจมาก และรู้สึกมีความสุขสุดๆตั้งแต่ตั้นปี (นึกถึงเวลานั้นตอนพิมยังนั่งยิ้มเหมือนคนบ้า) ดังนั้น ถ้าทุกคนมีโอกาส มา Countdown ที่ London สักครั้ง จะรู้สึกไม่เสียใจเลย ภาพที่เราถ่ายออกมา บอกตรงๆไม่ได้ครึ่งของความสวยจริงๆ อวยมากไปรึเปล่า 555555 แต่เราประทับใจมากจริงๆ

สุดท้ายนี้ Happy new year 2016 นะคะ



คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
edit: มาแปะวิดิโอของ BBC เพิ่มค่ะ อยากให้เห็นเป็นภาพเคลื่อนไหวว่าอลังการขนาดไหน
ที่มา : BBC
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่