ฝากเพจด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/AETOURBYYOURSELF (ไม่ใช่บริษัททัวร์นะครับ พอดีใช้ชื่อนี้เพราะตอนนำครอบครัวไปเที่ยวยุโรปครั้งแรก แล้วญาติตั้งให้)
กระทู้ก่อนหน้า
Part ึ7 จุดหมายในฝัน หนึ่งเดียวในอเมริกา Harry Potter@ Orlando
http://ppantip.com/topic/34641279
Part 5 Chicago เมืองชิคๆ ที่ไม่ได้อยากมา แต่...
http://ppantip.com/topic/34612352
Part 4 Autumn in Yosemite National Park & Lake Tahoe
http://ppantip.com/topic/34443866
Part 3 Maui, Hawaii เกาะสวรรค์ (เหมือนขึ้นไปบนสวรรค์จริงๆ)
http://ppantip.com/topic/34358475
Part 2 Highway no.1 ถนนที่สวยที่สุดชายฝั่งตะวันตกของอเมริกา
http://ppantip.com/topic/34277681
Part 1 San Francisco
http://ppantip.com/topic/34228981
Part เสริม Disneyland LA และการเล่นเครื่องเล่นสำคัญๆใน Park ให้ครบภายใน 1 วัน
http://ppantip.com/topic/34277393
ทริปสุดท้ายของปี 2558 เป็นทริปที่ยาวเหยียด และยาวนานที่สุดของเรา คือกว่า 2 อาทิตย์ เราวางแผนทริปนี้กันมานาน จริงๆแล้วผมวางแผนทริปนี้ก่อนมาอยู่ USA ด้วยซ้ำ เพราะที่การมา Orlando คือที่ใฝ่ฝันแห่งเดียวที่ทำให้ผมอยากมาที่อเมริกา เพราะที่นี่มีสวนสนุกระดับโลกอย่าง Universal Studio ที่มี Harry Potter ที่สมบูรณ์แบบที่สุด และที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่นี่ แต่สำหรับ Universal เดี๋ยวจะเขียนเป็นกระทู้ถัดไปนะครับ Plan ของเราก็คือ อยู่เที่ยว Florida ประมาณ 8 วัน แล้วมาฉลองคริสมาสตร์กับเพื่อนที่ Las Vegas แล้วจึงบินกลับ San Francisco
เนื่องจากเราอยู่กันฝั่ง West ของอเมริกา แต่ Florida อยู่ฝั่ง South East คือคนละฟากกันเลย ทำให้ค่าเดินทางมาที่นี่ก็ไม่ใช่ธรรมดาเหมือนกัน พยายามหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกที่สุดเป็นปัจจัยหลัก ไม่ดูอย่างอื่นเลย ซึ่งนั่นเป็นเรื่องหนึ่งที่ผมพลาดอย่างมาก สายการบินที่เราจองไปคือ Frontier Airline โดยไปต่อเครื่องที่ Denver เพื่อไปลงที่ Orlando จากนั้นกลับจาก Orlando ไปต่อเครื่องที่ Chicago เพื่อไป Las vegas ด้วยสายการบิน Spirit Air สุดท้ายกลับจาก Las Vegas ไปลง San Francisco ด้วยสายการบิน Frontier ที่ผมพลาดก็คือ ผมจองสายการบินเหล่านี้ แบบเอาถูกเข้าว่า โดยไม่ดูรายละเอียดอะไรเลย พอเช็คดูจริงๆ สายการบินพวกนี้ต้องซื้อกระเป๋าเพิ่มทั้งหมดทั้ง Carry on หรือ แบบ Checked Baggage (โหลดใต้เครื่อง) ไปๆมาๆ ต้องซื้อกระเป๋าเพิ่ม ราคาค่าตั๋วเลยพอๆกับพวก American Airline , Jet Blue, United Airline ฯลฯ รวมทั้งไม่มีฟรีอาหาร เครื่องดื่มให้เลย ที่นั่งก็แบบแข็งๆ ปรับเอนไม่ได้ คือเป็นสายการบิน low cost ที่ไม่ Low Cost จริง ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตและกัน
เราบินจาก San Fran ตอนเย็นๆ ไปต่อเครื่องที่ Denver ตอนดึกๆ แล้วไปถึง Orlando ประมาณตี 5 ผมจองรถเช่าไว้ตอนประมาณ 6 โมง ราคาค่าเช่าไม่แพงมาก แต่ค่าประกันรถสิครับ เป็นอีกเรื่องที่ผมพลาด ราคาเจ็บมาก ปกติผมชอบเช้ารถผ่าน Website www.carrentals.com ซึ่งมันมักมีส่วนลดให้ และคราวนี้ก็ได้ส่วนลดของ Budget ไป 30% ราคารถ 2 วันได้ประมาณวันละ $30 แต่ค่าประกันรถสิครับ โดนไปวันละ $40 เพราะที่นี่เค้าบังคับให้ทำประกันครอบคลุมรถบุคคลที่ 3 ด้วย (เป็นกฎหมายของรัฐนี้ จนท.Budget อ้างว่ายังงั้น) แต่ไม่เจ็บใจเท่ากับราคาประกันรถของเราเองราคาซัดไป $26/วัน รู้งี้ซื้อมาก่อนเช่าก็ดี ราคาค่าประกันรถของรัฐนี้ทำเอาอึ้งมาก
ออกจากสนามบินก็ไปกินข้าว กาแฟร้านใกล้ๆสนามบินเล็กน้อย แล้วจึงขับมุ่งตรงไป Miami Beach กันเลย ระยะประมาณ 370 กม. ใช้เวลาขับประมาณ 3.30 ชม. ถึง 4 ชม.
แต่ผมใช้เวลามากกว่านั้น เพราะ พอขับออกจาก Orlando ไปประมาณ 30 นาที ปรากฏว่ามีเครื่องหมายแปลกๆขึ้นบนหน้าจอรถ เป็นรูปคีม เลยหาปั๊มจอดรถหาข้อมูลด่วน ปรากฏว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับระบบขับเคลื่อนหรือระบบพวกมาลัย เรื่องใหญ่ครับ เลยต้องโทรกลับไปหาศูนย์เช่ารถ ขอกลับไปเปลี่ยนรถ ต้องเสียเวลาไปกลับเปลี่ยนรถประมาณชั่วโมงกว่า กว่าจะขับรถไปถึง Miami Beach ก็ปาไป 4 โมงเย็นเลยครับ เสียเวลามากๆ
ที่ Miami Beach เราพักกันที่ Casa Victoria Orchid ครับ อยู่ใจกลาง Miami Beach เลย อยู่ห่างจากชายหาดเดินไปประมาณ 15 นาที
แต่ที่โรงแรมไม่มีที่จอดรถครับ ต้องไปหาที่จอดรถข้างถนนเอาเอง และที่จอดรถข้างถนนบริเวณนั้นทุกที่จะต้องเสียเงินแพงมากกกก หรือจอดได้เวลาจำกัด ซึ่งก็ถามพนักงานครับว่ามีที่จอดรถตรงไหนบ้าง เค้าก็แนะนำให้ไปจอดอาคารจอดรถใกล้ๆ ซึ่งก็ต้องเสียตังค่าจอดอยู่ดี ปรากฏว่าพอไปที่อาคารจอดรถที่พนักงาน ร.ร.แนะนำราคาแพงมากกก คือคิดราคา Flat Rate 12 ชม. ราคา $20 อันนี้ไม่ไหว แพงเกิน เพราะถ้าจอดตอนที่เราไปถึง ไปเอาตอนเช้าจะ $40 กันเลยทีเดียว เราเลยหาที่จอดแถว ร.ร.ก่อน 2 ชม. $4 แล้วค่อยหาที่จอดใหม่ ปรากฏว่าใน Yelp ช่วยได้เยอะ ไม่ไกลนักประมาณ 700 เมตรจากที่พักมีอาคารจอดรถคิดราคาเป็นชั่วโมง ไม่เกิน 15 ชั่วโมง คิดแค่ $15 เท่านั้น ยอมเดินไกลนิดนึง แต่ราคาพอรับได้ กว่าจะได้ที่จอด เล่นเอาแทบกระอักเลือด
ก่อนจะได้ที่จอด ช่วง 2 ชม.ที่เราเสีย $4 จอดรถใกล้ ร.ร. เราไปเดินเลนชายหาด Miami Beach กันก่อน ชายหาดของที่นี่ไม่ได้ครึ่งของที่ไทยซักนิด ไม่สวยเลย
หลังจากถ่ายรูปชายหาดกันจนหนำใจแล้ว ก็ได้เวลาที่เราเอาไปจอด ซึ่งระหว่างทางที่เราเดินกลับนั้น จะผ่าน Lincoln Road Mall ถนนที่มีร้านค้า ร้านอาหาร และลานการแสดงมากมาย ก็แวะดูดนตรีและนั่งกินข้าวกันที่นี่ก่อนกลับโรงแรมกันซะเลย แนะนำร้าน Pizza ร่นนึงครับชื่อ Pizza Rustica ถูกและอร่อย
[CR] In America - เที่ยวไปเรื่อยๆ ใน 1 ปี...Part 6 ใต้สุดของอเมริกา Key West กับเมืองชายหาดอันโด่งดัง Miami Beach
ฝากเพจด้วยนะครับ https://www.facebook.com/AETOURBYYOURSELF (ไม่ใช่บริษัททัวร์นะครับ พอดีใช้ชื่อนี้เพราะตอนนำครอบครัวไปเที่ยวยุโรปครั้งแรก แล้วญาติตั้งให้)
กระทู้ก่อนหน้า
Part ึ7 จุดหมายในฝัน หนึ่งเดียวในอเมริกา Harry Potter@ Orlando http://ppantip.com/topic/34641279
Part 5 Chicago เมืองชิคๆ ที่ไม่ได้อยากมา แต่... http://ppantip.com/topic/34612352
Part 4 Autumn in Yosemite National Park & Lake Tahoe http://ppantip.com/topic/34443866
Part 3 Maui, Hawaii เกาะสวรรค์ (เหมือนขึ้นไปบนสวรรค์จริงๆ) http://ppantip.com/topic/34358475
Part 2 Highway no.1 ถนนที่สวยที่สุดชายฝั่งตะวันตกของอเมริกา http://ppantip.com/topic/34277681
Part 1 San Francisco http://ppantip.com/topic/34228981
Part เสริม Disneyland LA และการเล่นเครื่องเล่นสำคัญๆใน Park ให้ครบภายใน 1 วัน http://ppantip.com/topic/34277393
ทริปสุดท้ายของปี 2558 เป็นทริปที่ยาวเหยียด และยาวนานที่สุดของเรา คือกว่า 2 อาทิตย์ เราวางแผนทริปนี้กันมานาน จริงๆแล้วผมวางแผนทริปนี้ก่อนมาอยู่ USA ด้วยซ้ำ เพราะที่การมา Orlando คือที่ใฝ่ฝันแห่งเดียวที่ทำให้ผมอยากมาที่อเมริกา เพราะที่นี่มีสวนสนุกระดับโลกอย่าง Universal Studio ที่มี Harry Potter ที่สมบูรณ์แบบที่สุด และที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่นี่ แต่สำหรับ Universal เดี๋ยวจะเขียนเป็นกระทู้ถัดไปนะครับ Plan ของเราก็คือ อยู่เที่ยว Florida ประมาณ 8 วัน แล้วมาฉลองคริสมาสตร์กับเพื่อนที่ Las Vegas แล้วจึงบินกลับ San Francisco
เนื่องจากเราอยู่กันฝั่ง West ของอเมริกา แต่ Florida อยู่ฝั่ง South East คือคนละฟากกันเลย ทำให้ค่าเดินทางมาที่นี่ก็ไม่ใช่ธรรมดาเหมือนกัน พยายามหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกที่สุดเป็นปัจจัยหลัก ไม่ดูอย่างอื่นเลย ซึ่งนั่นเป็นเรื่องหนึ่งที่ผมพลาดอย่างมาก สายการบินที่เราจองไปคือ Frontier Airline โดยไปต่อเครื่องที่ Denver เพื่อไปลงที่ Orlando จากนั้นกลับจาก Orlando ไปต่อเครื่องที่ Chicago เพื่อไป Las vegas ด้วยสายการบิน Spirit Air สุดท้ายกลับจาก Las Vegas ไปลง San Francisco ด้วยสายการบิน Frontier ที่ผมพลาดก็คือ ผมจองสายการบินเหล่านี้ แบบเอาถูกเข้าว่า โดยไม่ดูรายละเอียดอะไรเลย พอเช็คดูจริงๆ สายการบินพวกนี้ต้องซื้อกระเป๋าเพิ่มทั้งหมดทั้ง Carry on หรือ แบบ Checked Baggage (โหลดใต้เครื่อง) ไปๆมาๆ ต้องซื้อกระเป๋าเพิ่ม ราคาค่าตั๋วเลยพอๆกับพวก American Airline , Jet Blue, United Airline ฯลฯ รวมทั้งไม่มีฟรีอาหาร เครื่องดื่มให้เลย ที่นั่งก็แบบแข็งๆ ปรับเอนไม่ได้ คือเป็นสายการบิน low cost ที่ไม่ Low Cost จริง ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตและกัน
เราบินจาก San Fran ตอนเย็นๆ ไปต่อเครื่องที่ Denver ตอนดึกๆ แล้วไปถึง Orlando ประมาณตี 5 ผมจองรถเช่าไว้ตอนประมาณ 6 โมง ราคาค่าเช่าไม่แพงมาก แต่ค่าประกันรถสิครับ เป็นอีกเรื่องที่ผมพลาด ราคาเจ็บมาก ปกติผมชอบเช้ารถผ่าน Website www.carrentals.com ซึ่งมันมักมีส่วนลดให้ และคราวนี้ก็ได้ส่วนลดของ Budget ไป 30% ราคารถ 2 วันได้ประมาณวันละ $30 แต่ค่าประกันรถสิครับ โดนไปวันละ $40 เพราะที่นี่เค้าบังคับให้ทำประกันครอบคลุมรถบุคคลที่ 3 ด้วย (เป็นกฎหมายของรัฐนี้ จนท.Budget อ้างว่ายังงั้น) แต่ไม่เจ็บใจเท่ากับราคาประกันรถของเราเองราคาซัดไป $26/วัน รู้งี้ซื้อมาก่อนเช่าก็ดี ราคาค่าประกันรถของรัฐนี้ทำเอาอึ้งมาก
ออกจากสนามบินก็ไปกินข้าว กาแฟร้านใกล้ๆสนามบินเล็กน้อย แล้วจึงขับมุ่งตรงไป Miami Beach กันเลย ระยะประมาณ 370 กม. ใช้เวลาขับประมาณ 3.30 ชม. ถึง 4 ชม.
แต่ผมใช้เวลามากกว่านั้น เพราะ พอขับออกจาก Orlando ไปประมาณ 30 นาที ปรากฏว่ามีเครื่องหมายแปลกๆขึ้นบนหน้าจอรถ เป็นรูปคีม เลยหาปั๊มจอดรถหาข้อมูลด่วน ปรากฏว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับระบบขับเคลื่อนหรือระบบพวกมาลัย เรื่องใหญ่ครับ เลยต้องโทรกลับไปหาศูนย์เช่ารถ ขอกลับไปเปลี่ยนรถ ต้องเสียเวลาไปกลับเปลี่ยนรถประมาณชั่วโมงกว่า กว่าจะขับรถไปถึง Miami Beach ก็ปาไป 4 โมงเย็นเลยครับ เสียเวลามากๆ
ที่ Miami Beach เราพักกันที่ Casa Victoria Orchid ครับ อยู่ใจกลาง Miami Beach เลย อยู่ห่างจากชายหาดเดินไปประมาณ 15 นาที
แต่ที่โรงแรมไม่มีที่จอดรถครับ ต้องไปหาที่จอดรถข้างถนนเอาเอง และที่จอดรถข้างถนนบริเวณนั้นทุกที่จะต้องเสียเงินแพงมากกกก หรือจอดได้เวลาจำกัด ซึ่งก็ถามพนักงานครับว่ามีที่จอดรถตรงไหนบ้าง เค้าก็แนะนำให้ไปจอดอาคารจอดรถใกล้ๆ ซึ่งก็ต้องเสียตังค่าจอดอยู่ดี ปรากฏว่าพอไปที่อาคารจอดรถที่พนักงาน ร.ร.แนะนำราคาแพงมากกก คือคิดราคา Flat Rate 12 ชม. ราคา $20 อันนี้ไม่ไหว แพงเกิน เพราะถ้าจอดตอนที่เราไปถึง ไปเอาตอนเช้าจะ $40 กันเลยทีเดียว เราเลยหาที่จอดแถว ร.ร.ก่อน 2 ชม. $4 แล้วค่อยหาที่จอดใหม่ ปรากฏว่าใน Yelp ช่วยได้เยอะ ไม่ไกลนักประมาณ 700 เมตรจากที่พักมีอาคารจอดรถคิดราคาเป็นชั่วโมง ไม่เกิน 15 ชั่วโมง คิดแค่ $15 เท่านั้น ยอมเดินไกลนิดนึง แต่ราคาพอรับได้ กว่าจะได้ที่จอด เล่นเอาแทบกระอักเลือด
ก่อนจะได้ที่จอด ช่วง 2 ชม.ที่เราเสีย $4 จอดรถใกล้ ร.ร. เราไปเดินเลนชายหาด Miami Beach กันก่อน ชายหาดของที่นี่ไม่ได้ครึ่งของที่ไทยซักนิด ไม่สวยเลย
หลังจากถ่ายรูปชายหาดกันจนหนำใจแล้ว ก็ได้เวลาที่เราเอาไปจอด ซึ่งระหว่างทางที่เราเดินกลับนั้น จะผ่าน Lincoln Road Mall ถนนที่มีร้านค้า ร้านอาหาร และลานการแสดงมากมาย ก็แวะดูดนตรีและนั่งกินข้าวกันที่นี่ก่อนกลับโรงแรมกันซะเลย แนะนำร้าน Pizza ร่นนึงครับชื่อ Pizza Rustica ถูกและอร่อย