[CR] เดินช้าๆ ฝ่าลมหนาวที่สวิส เยอรมัน และออสเตรีย ตอนที่ 1

1.    บทนำ

หลังจากปีที่แล้วไปเที่ยวยุโรปกับบริษัทแบบแพ็คเกจยอดนิยมคือ 9 วัน (เดินทางก็ 2 วันไปละ) ไปทั้งหมด 7 ประเทศ ซึ่งเวลาเที่ยวแค่ 7 วันกับ 7 ประเทศนี่คืออยู่ในแต่ละประเทศไม่นาน อีกทั้งต้องเปลี่ยนที่นอนทุกคืน นั่นหมายความว่าต้องแพ็คกระเป๋าเก็บของทุกคืนรู้สึกว่าตารางการท่องเที่ยวมันถูกบีบบังคับเกินไป แวะแต่ละสถานที่ก็แป๊บๆ ลำพังแค่ถ่ายรูปก็หมดเวลาละ จนคืนหนึ่งระหว่างช่วงเวลาที่ไปกับทัวร์ตอนที่กำลังรอลิฟท์เพื่อเข็นกระเป๋าขึ้นโรงแรมในออสเตรีย ภรรยาก็บอกว่าคราวต่อไปไม่มากับทัวร์แบบนี้แล้วนะเพราะรู้สึกว่าเหนื่อย และคิดว่าเที่ยวได้ไม่เต็มอิ่มเลย  ไอ้ตัวผมก็เออออไป เพราะว่าอยากจะนอนเต็มแก่ เพลียมากหลังจากที่นั่งรถกันมาครึ่งค่อนวัน แต่การไปเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ก็ได้บรรยากาศของการท่องเที่ยวอีกแบบนะครับแต่อาจจะเหมาะกับผู้สูงอายุ หรือมากันเป็นครอบครัวที่ประกอบด้วยคนหลากหลายวัยซึ่งสะดวกกว่า และอีกอย่างคือเหมาะกับคนที่อัธยาศัยดีระดับหนึ่งด้วยครับ คนทีชอบกินข้าวเงียบๆ คงไม่ชอบแน่นอน

หลังจากที่ผ่านทริปยุโรปคราวนั้นมาผมก็ลืมๆ เรื่องที่คุยกับภรรยาไปแล้ว จนวันหนึ่งภรรยาผมนำหัวข้อนี้มาเป็นประเด็นระหว่างทานอาหารเย็นมื้อหนึ่งซึ่งผมก็เห็นดีเห็นงามด้วยเช่นกัน เพราะใจจริงก็อยากลองไปเที่ยวเองบ้าง  หลังอาหารเย็นมื้อนั้นเป็นต้นมา ภรรยาผมเริ่มหยิบหนังสือเกี่ยวกับการท่องเที่ยวยุโรปมาอ่าน ไปร้านหนังสือที่ไหนก็แวะเปิดๆ อ่าน เล่มไหนเข้าท่าก็ซื้อกลับมากองเป็นตั้งๆ ค่อยๆ อ่านไป โดยที่ตัวผมก็ช่วยซื้อหนงสือกับช่วยหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตไปด้วย จนทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางตอนเดือนพฤษภาคม ซึ่งกำหนดแผนการเดินทางว่าจะไปประเทศไหน เมืองไหนบ้างโดยเอาความอยากไปกับความอยากเก็บเกี่ยวอะไรเพิ่มเติมจากครั้งที่แล้วเป็นหลัก ดังนั้น หลายสถานีที่จึงเป็นที่ที่เราสองคนไปมาแล้วในปีที่แล้วแต่รู้สึกว่ายังไม่จุใจ โดยวันไป-กลับที่กำหนดกันก็ตามตารางข้างล่างนี้


หลายคนอาจจะคิดว่าทำไมพวกเราต้องเดินทางกลับไปกลับมาระหว่างสวิตเซอร์แลนด์ข้ามไปเยอรมันจากนั้นไปออสเตรีย และวกกลับมาปิดทริปที่สวิตเซอร์แลนด์อีกก็เพราะเหตุผลตามที่บอกไปในย่อหน้าที่แล้วว่าเอาความอยากของทั้งภรรยา และตัวผมเป็นที่ตั้ง ประกอบกับตั๋วเครื่องบินที่อยากได้ในราคาประมาณ 25,000 บาทต่อคน เราสองคนเลือกมิวนิค และอินเทอร์ลาเก้นเป็นฐานในการเที่ยวเมืองรอบๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องย้ายโรงแรมบ่อยๆ ซึ่งจากโปรแกรมที่วางไว้ก็ครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวที่อยากไปเกือบครบแล้วในความคิดของเราสองคน โดยต้องตัดบางเมืองในสวิตเซอร์แลนด์ไปเนื่องจากเวลาไม่ได้

เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางภรรยาผมมาบอกว่าการไปเที่ยวคราวนี้จะขอพาแม่ไปด้วยนะ ซึ่งตอนแรกผมก็กังวลใจมากพอสมควรเลยเพราะแม่ภรรยาผมอายุ 60 และไม่ค่อยแข็งแรง เดินได้ไม่เร็วนักกลัวจะลำบากเพราะรู้ว่าการไปเที่ยวคราวนี้ไม่เหมือนการไปเที่ยวแต่เป็นการออกไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ มากกว่า จึงกังวลว่าแม่ภรรยาหรือแม่ยายผมจะลำบาก อีกทั้งโปรแกรมกับแผนการเดินทางที่ผมกับภรรยาวางไว้ก็ค่อนข้างโหดเอาเรื่องโดยเฉพาะเรื่องของการเดินทางที่ต้องขึ้น ลงรถไฟ และเปลี่ยนขบวนกันค่อนข้างบ่อยพอสมควร แต่หลังจากที่พูดคุยกันระดับหนึ่งให้แม่ยายรับทราบเบื้องต้นถึงการผจญภัยแล้วท่านก็บอกว่าเราไปแบบไหนท่านก็ไปแบบนั้นแหละ แค่ขอให้เดินช้าๆ กันหน่อยละกัน นั่นแหละจึงเป็นที่มาของชื่อของบันทึกการเดินทางครั้งนี้ “เดินช้าๆ ฝ่าลมหนาวที่สวิต เยอรมัน และออสเตรีย”


2.    เตรียมตัว

แผนการเดินทางลงตัวแล้วระบุวันไป-กลับแล้วก็เริ่มศึกษาการขอวีซ่าเชงเก้นกันก่อนเลยโดยเริ่มจากการที่ปีก่อนหน้านี้ไปยื่นขอวีซ่าเชงเก้นเพื่อไปยุโรปคราวที่แล้วที่ TLS Contact และด้วยความที่คราวนี้พวกเราจะไปอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์มากกว่าประเทศอื่นๆ และเป็นประเทศแรกที่ไปถึงกับเป็นประเทศสุดท้ายที่พวกเราใช้เดินทางออกจากลุ่มเชงเก้น เราทั้งสองคนก็เลยเข้าไปหาข้อมูลในเว็บของ TLS Contact ที่รับหน้าที่แทนสถานฑูตในการรับเรื่องการขอวีซ่าเชงเก้นไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และอีกหลายประเทศกันก่อน ประกอบกับหาข้อมูลจากเพื่อนๆ นักเดินทางใจดีทั้งหลายที่นำประสบการณ์มาแบ่งปันในเว็บบอร์ดต่างๆ โดยเฉพาะใน pantip ที่นึกอะไรไม่ออกหรืออยากรู้เรื่องอะไรก็เข้ากูเกิลแล้วพิมพ์สิ่งที่ต้องการรู้ เคาะ 1 ครั้งจากนั้นก็ปิดท้ายด้วย pantip เท่านี้ความสงสัยต่างๆ ก็จะมีคำตอบขึ้นมาให้เราอ่านทำความเข้าใจเอาเอง ซึ่งขั้นตอนในการยื่นขอวีซ่าก็ค่อนข้างสับสนเล็กน้อยสำหรับมือใหม่อย่างเราสองคน แต่หลังจากที่อ่านข้อกำหนดต่างๆ แล้วจึงรู้ว่าต้องเริ่มที่การจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรมต่างๆ ก่อนจึงจะนำเอกสารต่างๆ เหล่านี้รวมทั้งเอกสารส่วนตัวไปยื่นเรื่องเพื่อขอวีซ่าได้

เราสองคนจึงเริ่มที่การหาตั๋วเครื่องบินกันก่อนซึ่งใช้เวลาเป็นอาทิตย์เพราะหลายๆ อย่างที่ไม่ลงตัวโดยเฉพาะเรื่องของราคาที่สูงเกินไป รวมทั้งการต่อเครื่องบินที่ใช้เวลานานเกินไป บางสายการบินต้องรอเปลี่ยนเครื่องตั้ง 8 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งเราทั้งสองคนเห็นว่านานเกินไป สายการบินที่บินตรงก็ราคาสูงเกินตัดใจ อีกทั้งพวกเราต้องการสายการบินที่แบ่งการบินออกเป็น 2 ช่วงเพื่อให้แม่ยายผมสามารถยืดแข้งยืดขาได้บ้าง (จริงๆ แล้วพวกผม 2 คนก็ต้องการแบบนั้นเหมือนกัน แต่กลัวจะโดนล้อว่าแก่จึงยกแม่ยายมาอ้างเวลาคนถามเรื่องการจองตั๋วเครื่องบิน) ตอนปีที่แล้วบินกับสายการบิน Emirates แล้วรู้สึกประทับใจระดับหนึ่ง รวมทั้งเครื่องบินที่ใช้บินก็ขนาดมหึมาเพราะบิน Airbus A380 เลยทีเดียว แต่พอจะจองเองกลับคิดว่าค่าตั๋วแพงเกินไป จนสุดท้ายมาตัดสินใจเลือก Aeroflot ของรัสเซียแทนโดยการจองตั๋วเครื่องบินคราวนี้พวกเราใช้บริการผ่านเว็บ Cheaptickets ซึ่งเมื่อตัดสินใจซื้อแล้วเขาจะขายคู่ประกันชีวิตที่สามารถใช้ยื่นของวีซ่าเชงเก้นได้เลย โดยประกันที่ได้เป็นของ New Hampshire Insurance เครือ AIG หรือที่คนไทยติดปากว่า AIA นั่นแหละ โดยค่าตั๋วเครื่องบินทีได้มีราคา 2,057.67 ดอลล่าร์สหรัฐคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 74,076 บาทสำหรับ 3 คนรวมไปและกลับ ค่าธรรมเนียมของเว็บตั๋วถูกอีก 63.58 ดอลล่าร์สหรับหรือประมาณ 2,289 บาท รวมทั้งสองอย่างก็ 76,365 บาทตกคนละ 25,455 บาทตามที่ต้องการเลย ส่วนเรื่องของประกันการเดินทางเพื่อใช้ประกอบการยื่นขอวีซ่าเชงเก้นก็อยู่ที่ 3,173 บาทรวมทั้งหมด 3 คนนะครับโดยเขาจะระบุชื่อมาในกรมธรรม์เลยครับตามรายชื่อที่เราใช้ในการซื้อตั๋วเครื่องบิน และเงื่อนในกรมธรรม์ก็ครอบคลุมตามข้อกำหนดที่ระบุในเอกสารจาก TLS Contact ช่วยประหยัดเวลาในการเลือกซื้อประกันไปได้เยอะเลย อ้อ พวกเราตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินก่อนเลยนะครับแม้ว่าในเอกสารของ TLS จะระบุชัดเจนว่าไม่ควรซื้อตั๋วเครื่องบินหรือจ่ายเงินค่าโรงแรมก่อนที่จะได้วีซ่า แต่เราสองคนมั่นใจว่าวีซ่าพวกเราน่าจะผ่านได้แบบไม่มีปัญหาใดๆ จึงตัดสินแบบนี้ ซึ่งประหยัดไปได้อีกเยอะเลยเช่นกัน แต่ก็แอบหวั่นใจลึกๆ อยู่เหมือนกัน

จบเรื่องตั๋วเครื่องบินกับประกันก็มาที่เรื่องของโรงแรม โดยมีโจทย์ที่ภรรยาผมระบุมาว่าขอเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาวที่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ และสถานทีท่องเที่ยวในเมืองนั้นๆ โดยภรรยาผมจะไปค้นหาจากรีวิวของเพื่อนๆ นักเดินทางใจดีทั้งหลายที่นำเรื่องราวของตนเองมาแบ่งปัน จากนั้นก็รวบรวมมาคัดสรรกันอีกทีหนึ่งประกอบกับการไล่อ่านรีวิวใน Tripadvisor กับ Booking รวมทั้งค้นหาตำแหน่งของโรงแรมต่างๆ ผ่าน Google Map เพื่อดูตำแหน่งที่ตั้งว่าเดินทางสะดวกมั้ย ใกล้ไกลจากสถานีรถไฟหรือแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ในแต่ละเมืองมากแค่ไหน เนื่องจากเราสองคนคิดว่าต้องเข็นกระเป๋าหนัก 20 กิโลนิดๆ 2 – 3 ใบแน่นอน เพราะว่าช่วงที่ไปอากาศเริ่มหนาวแล้วทั้ง 3 ประเทศคนเมืองร้อนอย่างพวกเราจึงต้องเตรียมเสื้อผ้ากันหนาวไปเกินความจำเป็นแน่นอน เมื่อได้โรงแรมที่มั่นใจว่าคุณภาพใช้ได้จากคะแนน และรีวิวต่างๆ รวมทั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกแล้วก็จองทันทีโดยเลือกเราสองคนเลือกการจองผ่านเว็บ Booking.com ที่สามารถจองแบบยกเลิกได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ไปก่อนเพราะอาจจะมีการเปลี่ยนใจในภายหลัง และในเบื้องต้นนี้เพียงแค่ต้องการหลักฐานของการจองโรงแรมเพื่อนำไปประกอบการขอวีซ่าเท่านั้น โดยโรงแรมที่เลือกมาในเบื้องต้นนี้คือ



หลังจากจองโรงแรมทุกโรงแรมเรียบร้อยแล้วจะได้รับอีเมล์ตอบกลับจากทางเว็บซึ่งเราเลือกที่จะเก็บไว้ในรูปแบบ PDF ก่อนที่จะพิมพ์ออกมาทีเดียวในภายหลัง เพื่อความสะดวกในการเก็บข้อมูลไว้พิจารณาภายหลัง อ้อ แล้วต้องมีชื่อของทุกคนที่เดินทางไปในครั้งนี้อยู่ในเอกสารการจองโรงแรมด้วย ซึ่งผมต้องมาไล่เพิ่มชื่อเข้าไปใหม่ทีละโรงแรมอีกครั้ง เพราะว่าอ่านเอกสารของ TLS ไม่ละเอียด

จบเรื่องเอกสารที่ใช้ยื่นแล้วขั้นต่อไปก็เป็นเรื่องของการจองคิวเพื่อขอยื่นเอกสารกับทาง TLS ซึ่งขั้นตอนต่างๆ นั้นผมไม่ขอพูดถึงเพราะมีระบุไว้อย่างละเอียดแล้วในเว็บของ TLS และมีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หลายคนรีวิวขั้นตอนต่างๆ ไว้มากมายแล้ว แต่ยอมรับวันที่ไปยื่นนั้นไม่ค่อยสบายใจนัก อาจจะเพราะเคยได้ยินมาจากหลายคนว่าการพิจารณาวีซ่าของคนที่ไปเที่ยวเองจะค่อนข้างเข้มงวดกว่าการไปแบบกรุ๊ปทัวร์ค่อนข้างมาก แต่ผิดคาดเพราะพวกเราไปยื่นเอกสารวันพุธปลายเดือนสิงหาคม วันพฤหัสบดีตอนเย็นๆ ก็ได้รับอีเมล์จากทาง TLS ว่าให้มารับพาสสปอร์ตคืนได้แล้ว เพราะปีที่แล้วที่ไปกับบริษัททัวร์นี่ต้องรอเป็นเดือนเลยกว่าจะได้พาสสปอร์ตคืนมา พอวันศุกร์ก็รีบไปรับทันที



ณ ตอนนี้ก็พร้อมจะเดินทางแล้วเพราะว่าได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศเขาแล้ว จากนั้นก็มาปรับเปลี่ยนโรงแรมเล็กน้อยโดยเลือกเป็นแบบจ่ายเงินทันทีซึ่งทำให้ประหยัดไปได้หลายพันบาทเลย รวมทั้งมีการเปลี่ยนโรงแรมที่มิวนิค จาก VI VADI Hotel มาเป็น Hotel Alfa City แทนเพราะว่าใกล้กับสถานีรถไฟมากกว่าแม้ว่าคะแนนใน Tripadvisor กับรีวิวต่างๆ จะด้อยกว่า VI VADI ก็ตาม แต่ก็ขอไปเสี่ยงดูเอาละกัน
ชื่อสินค้า:   การเดินทาท่องเที่ยวในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เยอรมัน และออสเตรียของพวกเรา 3 คน
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่