ความเดิมตอนที่เเล้ว
DAY 1 & DAY 2 : ดอยอินทนนท์ กิ่วแม่ปาน สถานีเกษตรหลวงดอยอินทนนท์
http://ppantip.com/topic/34610720
DAY 2 & DAY 3 : วัดถ้ำเชียงดาว พระธาตุดอยสุเทพ พระตำหนักภูพิงค์ ดอยปุย
วันนี้เราจะขึ้นดอยเชียงดาวกันค่ะ แพลนที่วางไว้คือ จะไปวัดถ้ำเชียงดาว กับบ้านระเบียงดาว ทั้งหมดสองที่
++ การเดินทางไปที่ดอยเชียงดาว : นั่งสองแถวแดงไปลงที่ขนส่งช้างเผือกก่อน
แล้วต่อรถเมล์สายเชียงใหม่ - เชียงดาว หรือเชียงใหม่ - ท่าตอน ก็ได้ค่ะ แล้วให้ลงที่โลตัสเชียงดาว
จากนั้นก็เหมารถขึ้นไป (แนะนำว่าถ้าขับมอเตอร์ไซต์แข็งๆ ให้เช่าไปดีกว่าค่ะ ค่าเหมารถแพงมาก) ++
ก่อนจะไปเชียงดาวเรานั่งรถแดงไปกินข้าวเช้ากันที่ตลาดวโรรสค่ะ เราไปร้านโกเหน่งค่ะ
อยู่ตรงซอยข้างธนาคารธนชาติค่ะ ไปถึงคือเเปดโมงกว่าๆ ถึงขั้นต่อเเถวเเล้วค่ะ ยิ่งสายคนยิ่งเยอะค่ะร้านนี้
ถ้ามาสายมากปาท่องโก๋ที่เป็นรูปสัตว์ก็จะหมดอดกินนะจ๊ะ แนะนำว่าให้ไปไม่เกินเก้าโมงค่ะ
เพราะวันก่อนกลับเราไปถึงเกือบเก้าโมงสัตว์ทั้งหลายได้หมดลงเเล้วค่ะ
เรามีขั้นตอนการทำไดโนเสาร์มาฝากด้วย เขาปั้นตัวต่อตัวไม่มีบล็อคไม่มีพิมพ์กดค่ะ งานละเอียดค่ะบอกเลย
ละเอียดเเค่ไหนดูตรงตาไดโนเสาร์สิ เขาเอางาดำมาเเปะเป็นตาด้วยค่ะ น่ารักมากเลย
เเล้วรสชาติคืออร่อยค่ะ กรอบนอกนุ่มใน ชอบมากๆจนต้องกลับไปกินซ้ำค่ะ
อันนี้เป็นน้ำเต้าหู้ทรงเครื่องค่ะ ตอนเเรกก็นึกว่าเเค่ใส่เครื่องเเบบปกติที่เรากินกันในกรุงเทพ
เเต่ไม่ใช่ค่ะมาเป็นถ้วย เครื่องเยอะมากๆ ทั้งพุทรา ลูกเดือย เมล็ดบัว ถั่วเเดง
มีหลายอย่างค่ะคุ้มค่าเเก่ราคามากเลยค่ะ
พอกินเสร็จเราก็นั่งรถเเดงมาที่ขนส่งช้างเผือก และนั่งรถเมล์สายเชียงใหม่ - ท่าตอน
ไปลงที่โลตัสกเชียงดาวค่ะ แล้วก็แวะทานข้าวขาหมูอันเลื่องชื่อก่อน เค้าว่าขาหมูเชียงดาวอร่อยค่ะ
ร้านนี้อยู่ฝั่งเดียวกับโลตัส เดินเลยมานิดนึงก็จะเจอค่ะ รสชาติของขาหมูร้านนี้จะออกหวานๆ
เนื้อนุ่มมากกกกก รสชาติจะไม่เหมือนที่เรากินที่กรุงเทพค่ะ เเนะนำว่าต้องลอง ! เด็ดมากๆค่ะ
พอทานเสร็จแล้วก็จะขึ้นไปวัดถ้ำเชียงดาวค่ะ ตอนนี้ผู้ร่วมทริปมีด้วยกัน 4 คน
ซึ่งราคาเหมาขึ้นวัดถ้ำเชียงดาวจะอยู่ที่ 300 บาท แต่ถ้าขึ้นไปถึงบ้านระเบียงดาวจะ 1200 บาทค่ะ
ซึ่งหน้าซีดกันหมดแล้วหลังจากฟังราคามา คำนวนเงินในกระเป๋าคร่าวๆกับวันที่ต้องเที่ยวต่อก็เลยตัดใจ
ไปแค่วัดถ้ำพอค่ะ สรุปเเพลนล่มไปครึ่งนึงเลย แนะนำว่าถ้าจะไปบ้านระเบียงดาวให้ขนคนมาเยอะๆเพื่อหารค่ารถค่ะ
เเละเเล้วเราก็มาถึงวัดถ้ำเขียงดาวลานด้านหน้าจะเป็นสระน้ำค่ะ สีเขียวมรกตสวยงามมาก
มีปลาว่ายอยู่เต็มไปหมด ซึ่งปลาที่นี่ตัวใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มดีจริงๆ ใหญ่แบบฟาดคอหักได้เลย
เดินเข้ามาจะเป็นบันไดทางขึ้นค่ะ เป็นทางขึ้นเข้าชมถ้ำ ซึ่งจะเสียค่าเข้าคนละ 20 บาท
ด้านในถ้ำจะแบ่งเป็นสองส่วนค่ะ ก็คือส่วนที่มีไฟฟ้า กับส่วนที่ไม่มีไฟฟ้า โดยส่วนที่มีไฟฟ้าเนี่ย
เราจะสามารถเดินชมถ้ำด้วยตัวเองได้ เพราะจะมีไฟติดให้ตลอดทาง แต่ว่าอีกส่วนหนึ่งที่ไม่มีไฟฟ้า
เราจะต้องให้ไกด์เป็นคนพาไปค่ะ ไกด์จะหิ้วตะเกียงพาเราเข้าชมในถ้ำส่วนที่ไม่มีไฟฟ้า
ซึ่งไหนๆก็มาแล้ว เราก็เลยขอดูในส่วนที่ไม่มีไฟฟ้าด้วยค่ะ ก็จะเสียค่าบำรุงตะเกียงกลุ่มละ 100 บาท
(กลุ่มนึงเค้าจะไม่ให้ไปกันเยอะค่ะ) แล้วก็ต้องมีติ๊บให้ไกด์ด้วย ตามแต่เราให้เลยค่ะ
ระหว่างทางไกด์คนนี้ที่พาเราเข้ามาเค้าจะมีเรื่องมาเล่าตลอดทางเลยค่ะ เล่าเชื่อมโยงเกี่ยวกับพวกหินที่งอกขึ้นมาในถ้ำ
ต้องบอกก่อนเลยว่าพวกหินงอกหินย้อยในถ้ำมืดนี่สวยๆจริงๆค่ะ ถ้าไปก็อยากให้ลองไปดูกัน
พี่ไกด์คนนี้ชอบเล่นมุกหน้านิ่งค่ะ ไม่รู้ว่าฮาเพราะตลกหน้านิ่งหรือฮามุกนะคะ อย่างตอนนึงมันทางแยกออกไปสองทาง
พี่ไกด์บอกเราว่า ทางนี้เรียกว่าถ้ำลันตูค่ะ แต่เราจะไม่ไปทางนี้กันนะคะ เราจะไปอีกทางนึง…
เพื่อนเราก็สงสัยค่ะว่าทำไมถึงไม่ไปทางนั้น ก็เลยถามพี่ไกด์ไป พอพี่ไกด์ตอบมาทีนี่ถึงบางอ้อเลยค่ะ
อ๋อ...เพราะรูมันตันค่ะ... (ลันตู รูตัน555 ขำยันทุกวันนี้ค่ะ) มีอีกหลายมุกมากๆที่พี่ไกด์เล่น บางทีถ้าเราไม่ถาม แกก็ไม่เฉลยนะคะ
อย่างอันนี้พี่เขาบอกว่าเป็นรูปดอกบัวตูม ที่ยังโผล่ไม่พ้นโคลนตมค่ะ
ส่วนอันนี้เป็นรูปสัตว์อะไรสักอย่างค่ะ จำไม่ได้เเล้ว เเหะๆ
พื้นภายในทำจะเป็นหลุมเป็นบ่อเป็นคล้ายๆคลื่นค่ะ บางจุดก็ลื่นต้องเดินอย่างระวังระวังค่ะ
อันนี้เป็นเเม่ช้างที่ถูกฆ่าตายค่ะ โดยปอดเเละหัวใจถูกยักษ์นำไปกิน
ลูกช้างที่อดนมตาย เพราะว่าเเม่ช้างถูกฆ่าตายค่ะ
อันนี้เป็นประตูเเรกที่เราต้องมุดเข้าไป ความลำบากเเค่ระดับที่ 1 เท่านั้น
พี่ไกด์บอกว่ารูนี้เหมือนถูกไฟเผาแต่จริงๆเเล้วเกิดจากธรรมชาติล้วนๆเลย
ตอนเเรกที่เห็นก็นึกว่ามีคนเอาไฟมาเผาจริงๆ อีกหนึ่งความเเปลกของธรรมชาติค่ะ
พี่ไกด์เล่าว่าอันนี้คือเเม่ไก่ที่ตายเพราะสู้กับอะไรสักอย่าง เราจำไม่ได้เเหะๆ
อันนี้เป็นประตูที่สองค่ะ ความลำบากระดับ 5 ประตูเเรกเเค่ก้มเเบบมากๆ
อันนี้กึ่งก้มกึ่งคลานเเล้วค่ะ ยากอยู่สำหรับผู้มีปัญหาเข่าเเบบเรา เเต่ลุ้นดีค่ะ
อันนี้พี่ไกด์บอกว่าเป็นเครื่องในของเเม่ช้างที่โดนยักษ์เอามากินค่ะ ซึ่งยักษ์กินไม่หมด
ซึ่งฟังเเล้วตลกดีค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องเล่าจริงๆหรือพี่ไกด์เเต่งเอง เเต่ชอบค่ะสนุก 55555
หลังจากนั้นก็เดินออกจากถ้ำค่ะ ตอนออกจากถ้ำก็อย่าลืมติ๊บให้พี่ไกด์ด้วยนะคะ
หลังจากส่วนถ้ำมืดแล้ว ก็ยังมีส่วนที่เป็นทางไฟฟ้าอีกค่ะ อันนี้เราก็ต้องเดินกันเอง
เข้าไปก็จะมีพระตามจุดต่างๆให้เราไหว้กันค่ะ
ส่วนต่อไปเป็นด้านนอกถ้ำนะคะ ก็จะมีพระให้เรากราบไว้ ทำบุญ กันด้วยค่ะ
จากนั้นก็กลับค่ะ เรานั่งรถลงจากวัดถ้ำเชียงดาวมาที่เดิมค่ะ
ก่อนเข้าตัวเมืองเราก็เเวะกินข้าวขาหมูอีกเจ้ากันค่ะ ร้านจะอยู่อีกฝั่งเยื้องๆกับร้านเดิมค่ะ
ร้านนี้เหมือนเขาตุ๋นขาหมูด้วยเตาถ่าน คือขาหมูหอมมาก ชอบมากๆเลยค่ะ
หลังจากนั้นก็นั่งรถกลับไปที่ขนส่งช้างเผือกเหมือนเดิม
บ๊ายบายเชียงดาว สัญญาว่าจะมาใหม่
พอเรากลับมาถึงตัวเมืองเราก็กลับไปเก็บของที่โรงเเรม พักผ่อนเล็กน้อย
เสร็จแล้วเราก็ไปเที่ยวหลัง มช. กันค่ะ ตลาดบนถนนฟุตบาทหลัง มช.
ร้านของกินเยอะมากกก แล้วทุกร้านน่ากินหมดเลย เเถมราคาถูกอีก
ก็เลยแวะไปซื้อชีสบอลมากินกัน ที่นี่ขายลูกละ 5 บาทเองค่ะ ถ้าเป็นในกรุงเทพบ้านเราลูกละ 8 - 10 บาทแน่ะ
แล้วที่ร้านนี้ชีสเยิ้มมาก เยอะจริงๆ ตอนนั้นเราซื้อเค้า 3 ลูกค่ะ ในราคา 15 บาท พี่คนขายก็ยังใจดี
แถมฟรีมาให้อีกลูกนึง น่ารักมากๆจริงๆ TT แล้วเราก็หาอะไรแถวนั้นค่ะ ร้านของกินเยอะมาก ชอบบบ555
หลังจากกินกันอิ่มแล้ว เราก็กลับที่พักนอนเพื่อเตรียมลุยวันพรุ่งนี้ต่อกันเลย!!!
Winter advanture Part II : สวัสดีวัดถ้ำเชียงดาว ดอยสุเทพ รถแดงมหาภัย !
ความเดิมตอนที่เเล้ว
DAY 1 & DAY 2 : ดอยอินทนนท์ กิ่วแม่ปาน สถานีเกษตรหลวงดอยอินทนนท์
http://ppantip.com/topic/34610720
DAY 2 & DAY 3 : วัดถ้ำเชียงดาว พระธาตุดอยสุเทพ พระตำหนักภูพิงค์ ดอยปุย
วันนี้เราจะขึ้นดอยเชียงดาวกันค่ะ แพลนที่วางไว้คือ จะไปวัดถ้ำเชียงดาว กับบ้านระเบียงดาว ทั้งหมดสองที่
++ การเดินทางไปที่ดอยเชียงดาว : นั่งสองแถวแดงไปลงที่ขนส่งช้างเผือกก่อน
แล้วต่อรถเมล์สายเชียงใหม่ - เชียงดาว หรือเชียงใหม่ - ท่าตอน ก็ได้ค่ะ แล้วให้ลงที่โลตัสเชียงดาว
จากนั้นก็เหมารถขึ้นไป (แนะนำว่าถ้าขับมอเตอร์ไซต์แข็งๆ ให้เช่าไปดีกว่าค่ะ ค่าเหมารถแพงมาก) ++
ก่อนจะไปเชียงดาวเรานั่งรถแดงไปกินข้าวเช้ากันที่ตลาดวโรรสค่ะ เราไปร้านโกเหน่งค่ะ
อยู่ตรงซอยข้างธนาคารธนชาติค่ะ ไปถึงคือเเปดโมงกว่าๆ ถึงขั้นต่อเเถวเเล้วค่ะ ยิ่งสายคนยิ่งเยอะค่ะร้านนี้
ถ้ามาสายมากปาท่องโก๋ที่เป็นรูปสัตว์ก็จะหมดอดกินนะจ๊ะ แนะนำว่าให้ไปไม่เกินเก้าโมงค่ะ
เพราะวันก่อนกลับเราไปถึงเกือบเก้าโมงสัตว์ทั้งหลายได้หมดลงเเล้วค่ะ
เรามีขั้นตอนการทำไดโนเสาร์มาฝากด้วย เขาปั้นตัวต่อตัวไม่มีบล็อคไม่มีพิมพ์กดค่ะ งานละเอียดค่ะบอกเลย
ละเอียดเเค่ไหนดูตรงตาไดโนเสาร์สิ เขาเอางาดำมาเเปะเป็นตาด้วยค่ะ น่ารักมากเลย
เเล้วรสชาติคืออร่อยค่ะ กรอบนอกนุ่มใน ชอบมากๆจนต้องกลับไปกินซ้ำค่ะ
อันนี้เป็นน้ำเต้าหู้ทรงเครื่องค่ะ ตอนเเรกก็นึกว่าเเค่ใส่เครื่องเเบบปกติที่เรากินกันในกรุงเทพ
เเต่ไม่ใช่ค่ะมาเป็นถ้วย เครื่องเยอะมากๆ ทั้งพุทรา ลูกเดือย เมล็ดบัว ถั่วเเดง
มีหลายอย่างค่ะคุ้มค่าเเก่ราคามากเลยค่ะ
พอกินเสร็จเราก็นั่งรถเเดงมาที่ขนส่งช้างเผือก และนั่งรถเมล์สายเชียงใหม่ - ท่าตอน
ไปลงที่โลตัสกเชียงดาวค่ะ แล้วก็แวะทานข้าวขาหมูอันเลื่องชื่อก่อน เค้าว่าขาหมูเชียงดาวอร่อยค่ะ
ร้านนี้อยู่ฝั่งเดียวกับโลตัส เดินเลยมานิดนึงก็จะเจอค่ะ รสชาติของขาหมูร้านนี้จะออกหวานๆ
เนื้อนุ่มมากกกกก รสชาติจะไม่เหมือนที่เรากินที่กรุงเทพค่ะ เเนะนำว่าต้องลอง ! เด็ดมากๆค่ะ
พอทานเสร็จแล้วก็จะขึ้นไปวัดถ้ำเชียงดาวค่ะ ตอนนี้ผู้ร่วมทริปมีด้วยกัน 4 คน
ซึ่งราคาเหมาขึ้นวัดถ้ำเชียงดาวจะอยู่ที่ 300 บาท แต่ถ้าขึ้นไปถึงบ้านระเบียงดาวจะ 1200 บาทค่ะ
ซึ่งหน้าซีดกันหมดแล้วหลังจากฟังราคามา คำนวนเงินในกระเป๋าคร่าวๆกับวันที่ต้องเที่ยวต่อก็เลยตัดใจ
ไปแค่วัดถ้ำพอค่ะ สรุปเเพลนล่มไปครึ่งนึงเลย แนะนำว่าถ้าจะไปบ้านระเบียงดาวให้ขนคนมาเยอะๆเพื่อหารค่ารถค่ะ
เเละเเล้วเราก็มาถึงวัดถ้ำเขียงดาวลานด้านหน้าจะเป็นสระน้ำค่ะ สีเขียวมรกตสวยงามมาก
มีปลาว่ายอยู่เต็มไปหมด ซึ่งปลาที่นี่ตัวใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มดีจริงๆ ใหญ่แบบฟาดคอหักได้เลย
เดินเข้ามาจะเป็นบันไดทางขึ้นค่ะ เป็นทางขึ้นเข้าชมถ้ำ ซึ่งจะเสียค่าเข้าคนละ 20 บาท
ด้านในถ้ำจะแบ่งเป็นสองส่วนค่ะ ก็คือส่วนที่มีไฟฟ้า กับส่วนที่ไม่มีไฟฟ้า โดยส่วนที่มีไฟฟ้าเนี่ย
เราจะสามารถเดินชมถ้ำด้วยตัวเองได้ เพราะจะมีไฟติดให้ตลอดทาง แต่ว่าอีกส่วนหนึ่งที่ไม่มีไฟฟ้า
เราจะต้องให้ไกด์เป็นคนพาไปค่ะ ไกด์จะหิ้วตะเกียงพาเราเข้าชมในถ้ำส่วนที่ไม่มีไฟฟ้า
ซึ่งไหนๆก็มาแล้ว เราก็เลยขอดูในส่วนที่ไม่มีไฟฟ้าด้วยค่ะ ก็จะเสียค่าบำรุงตะเกียงกลุ่มละ 100 บาท
(กลุ่มนึงเค้าจะไม่ให้ไปกันเยอะค่ะ) แล้วก็ต้องมีติ๊บให้ไกด์ด้วย ตามแต่เราให้เลยค่ะ
ระหว่างทางไกด์คนนี้ที่พาเราเข้ามาเค้าจะมีเรื่องมาเล่าตลอดทางเลยค่ะ เล่าเชื่อมโยงเกี่ยวกับพวกหินที่งอกขึ้นมาในถ้ำ
ต้องบอกก่อนเลยว่าพวกหินงอกหินย้อยในถ้ำมืดนี่สวยๆจริงๆค่ะ ถ้าไปก็อยากให้ลองไปดูกัน
พี่ไกด์คนนี้ชอบเล่นมุกหน้านิ่งค่ะ ไม่รู้ว่าฮาเพราะตลกหน้านิ่งหรือฮามุกนะคะ อย่างตอนนึงมันทางแยกออกไปสองทาง
พี่ไกด์บอกเราว่า ทางนี้เรียกว่าถ้ำลันตูค่ะ แต่เราจะไม่ไปทางนี้กันนะคะ เราจะไปอีกทางนึง…
เพื่อนเราก็สงสัยค่ะว่าทำไมถึงไม่ไปทางนั้น ก็เลยถามพี่ไกด์ไป พอพี่ไกด์ตอบมาทีนี่ถึงบางอ้อเลยค่ะ
อ๋อ...เพราะรูมันตันค่ะ... (ลันตู รูตัน555 ขำยันทุกวันนี้ค่ะ) มีอีกหลายมุกมากๆที่พี่ไกด์เล่น บางทีถ้าเราไม่ถาม แกก็ไม่เฉลยนะคะ
อย่างอันนี้พี่เขาบอกว่าเป็นรูปดอกบัวตูม ที่ยังโผล่ไม่พ้นโคลนตมค่ะ
ส่วนอันนี้เป็นรูปสัตว์อะไรสักอย่างค่ะ จำไม่ได้เเล้ว เเหะๆ
พื้นภายในทำจะเป็นหลุมเป็นบ่อเป็นคล้ายๆคลื่นค่ะ บางจุดก็ลื่นต้องเดินอย่างระวังระวังค่ะ
อันนี้เป็นเเม่ช้างที่ถูกฆ่าตายค่ะ โดยปอดเเละหัวใจถูกยักษ์นำไปกิน
ลูกช้างที่อดนมตาย เพราะว่าเเม่ช้างถูกฆ่าตายค่ะ
อันนี้เป็นประตูเเรกที่เราต้องมุดเข้าไป ความลำบากเเค่ระดับที่ 1 เท่านั้น
พี่ไกด์บอกว่ารูนี้เหมือนถูกไฟเผาแต่จริงๆเเล้วเกิดจากธรรมชาติล้วนๆเลย
ตอนเเรกที่เห็นก็นึกว่ามีคนเอาไฟมาเผาจริงๆ อีกหนึ่งความเเปลกของธรรมชาติค่ะ
พี่ไกด์เล่าว่าอันนี้คือเเม่ไก่ที่ตายเพราะสู้กับอะไรสักอย่าง เราจำไม่ได้เเหะๆ
อันนี้เป็นประตูที่สองค่ะ ความลำบากระดับ 5 ประตูเเรกเเค่ก้มเเบบมากๆ
อันนี้กึ่งก้มกึ่งคลานเเล้วค่ะ ยากอยู่สำหรับผู้มีปัญหาเข่าเเบบเรา เเต่ลุ้นดีค่ะ
อันนี้พี่ไกด์บอกว่าเป็นเครื่องในของเเม่ช้างที่โดนยักษ์เอามากินค่ะ ซึ่งยักษ์กินไม่หมด
ซึ่งฟังเเล้วตลกดีค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องเล่าจริงๆหรือพี่ไกด์เเต่งเอง เเต่ชอบค่ะสนุก 55555
หลังจากนั้นก็เดินออกจากถ้ำค่ะ ตอนออกจากถ้ำก็อย่าลืมติ๊บให้พี่ไกด์ด้วยนะคะ
หลังจากส่วนถ้ำมืดแล้ว ก็ยังมีส่วนที่เป็นทางไฟฟ้าอีกค่ะ อันนี้เราก็ต้องเดินกันเอง
เข้าไปก็จะมีพระตามจุดต่างๆให้เราไหว้กันค่ะ
ส่วนต่อไปเป็นด้านนอกถ้ำนะคะ ก็จะมีพระให้เรากราบไว้ ทำบุญ กันด้วยค่ะ
จากนั้นก็กลับค่ะ เรานั่งรถลงจากวัดถ้ำเชียงดาวมาที่เดิมค่ะ
ก่อนเข้าตัวเมืองเราก็เเวะกินข้าวขาหมูอีกเจ้ากันค่ะ ร้านจะอยู่อีกฝั่งเยื้องๆกับร้านเดิมค่ะ
ร้านนี้เหมือนเขาตุ๋นขาหมูด้วยเตาถ่าน คือขาหมูหอมมาก ชอบมากๆเลยค่ะ
หลังจากนั้นก็นั่งรถกลับไปที่ขนส่งช้างเผือกเหมือนเดิม
บ๊ายบายเชียงดาว สัญญาว่าจะมาใหม่
พอเรากลับมาถึงตัวเมืองเราก็กลับไปเก็บของที่โรงเเรม พักผ่อนเล็กน้อย
เสร็จแล้วเราก็ไปเที่ยวหลัง มช. กันค่ะ ตลาดบนถนนฟุตบาทหลัง มช.
ร้านของกินเยอะมากกก แล้วทุกร้านน่ากินหมดเลย เเถมราคาถูกอีก
ก็เลยแวะไปซื้อชีสบอลมากินกัน ที่นี่ขายลูกละ 5 บาทเองค่ะ ถ้าเป็นในกรุงเทพบ้านเราลูกละ 8 - 10 บาทแน่ะ
แล้วที่ร้านนี้ชีสเยิ้มมาก เยอะจริงๆ ตอนนั้นเราซื้อเค้า 3 ลูกค่ะ ในราคา 15 บาท พี่คนขายก็ยังใจดี
แถมฟรีมาให้อีกลูกนึง น่ารักมากๆจริงๆ TT แล้วเราก็หาอะไรแถวนั้นค่ะ ร้านของกินเยอะมาก ชอบบบ555
หลังจากกินกันอิ่มแล้ว เราก็กลับที่พักนอนเพื่อเตรียมลุยวันพรุ่งนี้ต่อกันเลย!!!