คุณกำลังประสบปัญหา “ช่วงสิ้นปี… ยังไม่มีที่เที่ยว” ใช่ หรือไม่ ?
อยากไปเที่ยว แต่ก็ไม่อยากไปแย่งกันกิน แย่งกันใช้ ตามสถานที่ท่องเที่ยวในภาคเหนือ ใช่ หรือไม่ ?
เราขอเสนอ ทริป
“วันเดียว… เที่ยวลพบุรี” ทางเลือกดีๆ ให้ทุกคนมีที่เที่ยวสิ้นปีนี้ค่ะ!
ทั้งถ่ายรูปกับทุ่งดอกทานตะวัน นั่งกินข้าวกันที่อ่างเก็บน้ำซับเหล็ก ปิดท้ายด้วยการใกล้ชิดฝูงลิง ที่พระปรางค์สามยอด…
ทั้งหมดนี่แค่ 700 บาท เจ็ด-ร้อย-บาท ตาไม่ได้ฝาดหรอกคุณ !
ทริปนี้จะคุ้มค่าขนาดไหน ไปดูกันเล้ยยยยยยยยยยย
ป.ล. ใครไม่อยากอ่านเยอะ ไปอ่านสรุปการเดินทาง + ค่าใช้จ่าย ตอนท้ายได้เลยค่ะ
ความฝันพลังทลายค่ะเมื่อรู้ว่าทุ่งทานตะวัน ที่ “ไร่มณีศร จ.นครราชสีมา (โคราช)” ตอนนี้เหี่ยวหมดแล้วววววววววว T_T
เปิดตัวในโลกออนไลน์ได้พีคมาก แต่ก็ไปไวมากเช่นกัน… ไม่กี่วันมานี้ ฟ้าได้ประทานทุ่งทานตะวันอีกแห่งมาให้พวกเราค่ะ
นั่นก็คือ “ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล จ.ลพบุรี” ซึ่งมีพื้นที่กว่า 1,400 ไร่ และห่างจากตัวเมืองลพบุรีแค่ 10 กิโลเมตร เท่านั้นเอง
ที่สำคัญ… เข้าชมฟรีจนถึงวันที่ 2 ม.ค. 2559 ค่ะ (หลังจากนี้ก็ไปได้อยู่น้า แค่เสียค่าเข้าคนละ 20 บาท) ของฟรีนี่ไม่ต้องคิดเยอะค่ะ ไปเลย!
การเดินทางในทริปนี้ง่ายและสะดวกสบายมากค่ะ ไม่ต้องมีรถยนต์ส่วนตัวก็ไปได้
เริ่มจากไป
ขึ้นรถตู้ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ บริเวณข้างโรงพยาบาลราชวิถี ค่ารถ 120 บาท ใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมง ก็ถึงตัวเมืองลพบุรีแล้วค่ะ
ส่วนรถตู้ที่ไปแยกพัฒนานิคม ต้องไปขึ้นที่ซอยราชวิถี 1 ค่ารถประมาณ 160 บาท ค่ะ
จากนั้น
มี 3 วิธี (เลือกวิธีใดวิธีหนึ่งนะ) ในการเดินทางไปทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล และอ่างเก็บน้ำซับเหล็ก ค่ะ คือ
1. ลงรถตู้ตรงแยกพัฒนานิคม -> นั่งมอเตอร์ไซต์เข้าไปถึงทุ่งทานตะวัน ประมาณ 80 บาท -> เดินไปอ่างเก็บน้ำ 2 กม. หรือ เรียกรถมอเตอร์ไซต์ ประมาณ 20 บาท หรือให้พี่ทหารที่เขาจีนแลไปส่งหน้าทางเข้าวัด -> กลับไปรอรถเข้าเมือง ที่แยกพัฒนานิคม
2. ลงรถตู้ตรงแยกพัฒนานิคม -> รอรถโดยสารสีเขียว ค่ารถประมาณ 30 บาท ลงหน้าทางเข้าวัดเวฬุวัน แล้วเราต้องเดินต่อไปอีกหน่อยจะถึงทุ่งทานตะวัน -> เดินไปอ่างเก็บน้ำ 2 กม. หรือ เรียกรถมอเตอร์ไซต์ ประมาณ 20 บาท หรือให้พี่ทหารที่เขาจีนแลไปส่งหน้าทางเข้าวัด -> กลับไปรอรถเข้าเมือง ที่แยกพัฒนานิคม
3. คือวิธีที่เราเลือก ลงรถตู้ตรงคิวรถตู้ข้างวัดมหาธาตุ ->
เหมารถยนต์ไปทุ่งทานตะวัน + อ่างเก็บน้ำ และกลับมาส่งในตัวเมืองลพบุรี ราคา 600 บาท ถ้าไปกันหลายคน หารกันจะคุ้มมาก เพราะสะดวก และใช้เวลาน้อยกว่ารถโดยสาร เราไปกัน 2 คน หารกันแล้วตกคนละ 300 บาท ค่ะ
นี่คือ คิวรถตู้ข้างวัดมหาธาตุ ค่ะ ฝั่งตรงข้ามเป็นเซเว่น และเหล่าพี่วินมอเตอร์ไซต์
หลังจากที่เราได้ทำการดีลราคากับพี่รถเหมาไปแล้ว พี่เขาก็ไปเอารถมารับค่ะ
เปิดประตูรถมาปุ๊ป คำแรกที่พูดกับพี่เขา คือ แหมะ… ชมพูเลยนะพี่นะ
ออกจากตัวเมืองลพบุรี ประมาณ 20 นาที ก็ถึง
“ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล” ค่ะ
ช่วงนี้เขาไม่คิดค่าเข้าชมรายบุคคล แต่จะมีค่าจอดรถ 20 บาท / คัน
ข้างทุ่งทานตะวันจะมีร้านค้าเปิดเรียงกันอยู่ค่ะ ทั้งของกิน ของใช้ ของฝาก
ที่สำคัญมีคุณลุงดีเจ เปิดเพลง ชวนคุย สร้างความคึกครื้นตลอดด้วย อย่างว่าค่ะ คนไทย กับ ความบันเทิง เป็นของคู่กัน
ถึงแล้วววววววววววว ทุ่งทานตะวันนนนนนนนนนนนน เหลืองซะไม่มี…
ถ่ายรูปกันให้พอใจค่ะ เอาให้คุ้มๆๆ จะถ่ายใกล้ ถ่ายไกล ถ่ายเผลอๆ หรือถ่ายเซลฟี่ เอาเลยค่ะ
ดอกทานตะวันตอนแดดไม่ออก ก็เหมือนพวกเราในบ่ายวันทำงานค่ะ… คอ ตก
เดี๋ยวจะไม่จุใจ ขอนั่ง
รถไฟเข้าไปชมทุ่งด้านในซะหน่อย
รถคันนี้จะพาเราเข้าไปถ่ายรูปกับทุ่งทานตะวันในบริเวณที่เราเดินเท้าเข้าไปไม่ได้ (จริงๆก็เดินได้ค่ะ แต่ต้องเป็นคนที่ทนแดดมากมากกกกกกก) ซึ่งดอกทานตะวันจะเยอะกว่าด้านนอก สวยกว่าด้านนอก และเห็นวิวภูเขาเรียงตัวสลับกันหลายๆสี คิดซะว่าเสียเงินซื้อความสุขอีก
20 บาท แล้วกันค่ะ
สวยมากเลยยยยยย น่าเสียดายให้เวลาแป๊ปเดียวเอง
เอ้อ ที่นี่เค้ามีให้ถ่ายรูปกับม้าด้วยนะ
Back Drop ขนาดย่อมนี้ จะทำให้คุณหมดกังวลเรื่องเซลฟี่ไม่ติดยอดเขา หมดห่วงเรื่องถ่ายออกมาแล้วดอกทานตะวันเหี่ยว
หรือ ใครที่อยากถ่ายรูปกับทุ่งทานตะวัน แต่ทนแดด ทนร้อนไม่ไหว… เรียนเชิญ
เราใช้เวลาอยู่ที่ทุ่งทานตะวันประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาทีค่ะ จากนั้นก็นั่งรถไปกินข้าวกลางวัน และถ่ายรูปเล่นที่
“อ่างเก็บน้ำซับเหล็ก”
ซึ่ง
ห่างจากทุ่งทานตะวันแค่นิดเดียวค่ะ
ขับไปไม่เกิน 10 นาที ก็ถึงแล้ว
อ่างเก็บน้ำซับเหล็ก เป็นทะเลน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลาง มีเนื้อที่ประมาณ 1,760 ไร่ รอบอ่างเป็นบ้านเรือน และแพร้านอาหารค่ะ
มีให้เลือกหลายร้านนะ แต่นี่ไม่ได้เลือก พี่คนขับเขาเลือกให้ จัดไปค่ะ ที่ “ครัวศศิธร”
วิวดี ลมตีหน้า… โลเคชั่นนี้ถือว่าใช้ได้เลยค่ะ
เราสั่งอาหารมา 3 อย่างค่ะ ต้มจืด ข้าวผัดหมู และ ข้าวผัดไก่ + ไข่ดาว รสชาติกลางๆไม่มีอะไรพิเศษ
แต่ราคา 225 บาท (ตกคนละประมาณ 110 บาท) ถือว่าน่าคบหา
ชิลอยู่ที่อ่างเก็บน้ำประมาณ 1 ชั่วโมง พวกเราก็กลับเข้าเมืองลพบุรีค่ะ
พี่รถเหมาส่งพวกเราข้าง “ศาลพระกาฬ” จ่ายค่าโดยสารเสร็จก็บ๊ายบายคนขับ กับ รถคิตตี้ของพี่แก
“ศาลพระกาฬ” เป็นที่เคารพสักการะของคนลพบุรีและนักท่องเที่ยว ในวิหารประดิษฐานพระนารายณ์ยืน 2 องค์ ค่ะ
องค์เล็กเป็นแบบเทวรูปเก่าในประเทศไทย องค์ใหญ่เป็นประติมากรรมแบบลพบุรี
ศาลนี้มีลิงอาศัยอยู่จำนวนมาก เวลาคนเอาอาหารหรือผลไม้มาแก้บน ลิงพวกนี้ก็จะเข้ามากิน
แต่ที่ช็อคสุดคือ มันกินดอกไม้ อยู่ดีๆฉกดอกดาวเรืองจากพวงมาลัยเราไปกินเฉย… งงใจ
จาก “ศาลพระกาฬ” ข้ามถนนมานิดนึงก็จะเจอ
“พระปรางค์สามยอด” ค่ะ ตามชื่อเลย คือ เป็นปรางค์เรียงต่อกัน 3 องค์
แต่ก่อนที่นี่เป็นเทวสถานของขอม จนสมเด็จพระนารายณ์ฯ ได้บูรณปฏิสังขรณ์ให้เป็นวัดในพุทธศาสนา
“พระปรางค์สามยอด”
เปิด 06.00-18.00 น. ทุกวันค่ะ ยกเว้นวันจันทร์-อังคาร ค่าเข้าชมแค่คนละ 10 บาท
แต่ถ้าเข้าไปในวิหารด้วยจะ 20 บาท ถือว่าคุ้มเกินคุ้ม แลกกับการชมสถาปัตยกรรม และฝูงลิง พร้อมๆกัน
เข้ามาแล้วก็ต้องระวังตัว ระวังสิ่งของมีค่ากันนิดนึง เพราะลิงที่นี่ฉลาด และค่อนข้างซนค่ะ
มันจะกระโดดมาเกาะเราตอนไหนก็ไม่รู้ ทางที่ดีเดินตามพี่ที่ถือไม้ยาวๆไว้ จะปลอดภัยที่สุด
เออ มันไม่กลัวคนเลยเนอะ
อาหารที่คนเอามาให้น้องจ๋อก็จะเป็นข้าวโพด กระถิน และ น้ำแดง ค่ะ
ตอนเราไปนี่มีฝรั่งคนนึงโดนลิงขโมยแว่นค่ะ ฮีโร่คนนี้เขาก็เอาคืนมาให้ได้
จากการสอบถามฮีโร่ว่า “พี่คะ ลิงที่นี่มันเรียนรู้ที่จะกลัวไม้หรอ”
ก็ได้คำตอบว่า “อ้อ มันเรียนรู้ที่จะกลัวผม ถ้าพรุ่งนี้ผมถือหนังยางเส้นเดียว มันก็กลัว”
เท่ห์กว่าพี่ก็ Iron Man แล้ว...
ออกจาก “พระปรางค์สามยอด” ข้ามถนนมาก็จะเจอคิวรถตู้กลับกรุงเทพฯค่ะ ค่ารถ 120 บาท เหมือนเดิม
หรือถ้าใครอยากเที่ยวต่อที่ “วัดมหาธาตุ” ก็ได้ค่ะ เดินเรียบทางรถไฟขึ้นไปอีกหน่อย แล้วก็ไปขึ้นรถตู้กลับกรุงเทพฯ ข้างวัดได้เลย (คิวที่เรานั่งมาลง)
สรุปค่าใช้จ่าย + การเดินทาง
1. ค่ารถตู้ ไป – กลับ กรุงเทพฯ – ลพบุรี 120 ฿ x 2 = 240 บาท
2. ค่ารถเหมา ไป – กลับ ตัวเมืองลพบุรี – ทุ่งทานตะวัน + อ่างเก็บน้ำ 600 ฿ / 2 คน = 300 ฿
3. ค่าจอดรถที่ทุ่งทานตะวัน 20 ฿
4. ค่านั่งรถไฟชมทุ่งทานตะวัน 20 ฿
5. ค่าอาหารกลางวันที่อ่างเก็บน้ำ 110 ฿
6. ค่าเข้าชมพระปรางค์สามยอด 10 ฿
** ทั้งหมด 700 บาท ไม่ขาดไม่เกิน**
หวังว่ากระทู้นี้จะช่วยให้หลายๆคนมีที่ไปในช่วงสิ้นปีค่ะ ใครที่มีที่ไปอยู่แล้ว ก็ขอให้เที่ยวให้สนุก
แล้วทริปหน้าเราจะพาไปเที่ยวไหน ติดตามได้ใน
http://blissoutthere.com/ และ
https://www.facebook.com/BlissOutThere ค่ะ
ขอบคุณค่า <3
[CR] วันเดียว เที่ยวลพบุรี ด้วยงบ 700 ฿ : ชมทุ่งทานตะวันเขาจีนแล–ชิลที่อ่างเก็บน้ำซับเหล็ก–สนุกกับฝูงลิงที่พระปรางค์สามยอด
อยากไปเที่ยว แต่ก็ไม่อยากไปแย่งกันกิน แย่งกันใช้ ตามสถานที่ท่องเที่ยวในภาคเหนือ ใช่ หรือไม่ ?
เราขอเสนอ ทริป “วันเดียว… เที่ยวลพบุรี” ทางเลือกดีๆ ให้ทุกคนมีที่เที่ยวสิ้นปีนี้ค่ะ!
ทั้งถ่ายรูปกับทุ่งดอกทานตะวัน นั่งกินข้าวกันที่อ่างเก็บน้ำซับเหล็ก ปิดท้ายด้วยการใกล้ชิดฝูงลิง ที่พระปรางค์สามยอด…
ทั้งหมดนี่แค่ 700 บาท เจ็ด-ร้อย-บาท ตาไม่ได้ฝาดหรอกคุณ !
ทริปนี้จะคุ้มค่าขนาดไหน ไปดูกันเล้ยยยยยยยยยยย
ป.ล. ใครไม่อยากอ่านเยอะ ไปอ่านสรุปการเดินทาง + ค่าใช้จ่าย ตอนท้ายได้เลยค่ะ
ความฝันพลังทลายค่ะเมื่อรู้ว่าทุ่งทานตะวัน ที่ “ไร่มณีศร จ.นครราชสีมา (โคราช)” ตอนนี้เหี่ยวหมดแล้วววววววววว T_T
เปิดตัวในโลกออนไลน์ได้พีคมาก แต่ก็ไปไวมากเช่นกัน… ไม่กี่วันมานี้ ฟ้าได้ประทานทุ่งทานตะวันอีกแห่งมาให้พวกเราค่ะ
นั่นก็คือ “ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล จ.ลพบุรี” ซึ่งมีพื้นที่กว่า 1,400 ไร่ และห่างจากตัวเมืองลพบุรีแค่ 10 กิโลเมตร เท่านั้นเอง
ที่สำคัญ… เข้าชมฟรีจนถึงวันที่ 2 ม.ค. 2559 ค่ะ (หลังจากนี้ก็ไปได้อยู่น้า แค่เสียค่าเข้าคนละ 20 บาท) ของฟรีนี่ไม่ต้องคิดเยอะค่ะ ไปเลย!
การเดินทางในทริปนี้ง่ายและสะดวกสบายมากค่ะ ไม่ต้องมีรถยนต์ส่วนตัวก็ไปได้
เริ่มจากไปขึ้นรถตู้ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ บริเวณข้างโรงพยาบาลราชวิถี ค่ารถ 120 บาท ใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมง ก็ถึงตัวเมืองลพบุรีแล้วค่ะ
ส่วนรถตู้ที่ไปแยกพัฒนานิคม ต้องไปขึ้นที่ซอยราชวิถี 1 ค่ารถประมาณ 160 บาท ค่ะ
จากนั้นมี 3 วิธี (เลือกวิธีใดวิธีหนึ่งนะ) ในการเดินทางไปทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล และอ่างเก็บน้ำซับเหล็ก ค่ะ คือ
1. ลงรถตู้ตรงแยกพัฒนานิคม -> นั่งมอเตอร์ไซต์เข้าไปถึงทุ่งทานตะวัน ประมาณ 80 บาท -> เดินไปอ่างเก็บน้ำ 2 กม. หรือ เรียกรถมอเตอร์ไซต์ ประมาณ 20 บาท หรือให้พี่ทหารที่เขาจีนแลไปส่งหน้าทางเข้าวัด -> กลับไปรอรถเข้าเมือง ที่แยกพัฒนานิคม
2. ลงรถตู้ตรงแยกพัฒนานิคม -> รอรถโดยสารสีเขียว ค่ารถประมาณ 30 บาท ลงหน้าทางเข้าวัดเวฬุวัน แล้วเราต้องเดินต่อไปอีกหน่อยจะถึงทุ่งทานตะวัน -> เดินไปอ่างเก็บน้ำ 2 กม. หรือ เรียกรถมอเตอร์ไซต์ ประมาณ 20 บาท หรือให้พี่ทหารที่เขาจีนแลไปส่งหน้าทางเข้าวัด -> กลับไปรอรถเข้าเมือง ที่แยกพัฒนานิคม
3. คือวิธีที่เราเลือก ลงรถตู้ตรงคิวรถตู้ข้างวัดมหาธาตุ -> เหมารถยนต์ไปทุ่งทานตะวัน + อ่างเก็บน้ำ และกลับมาส่งในตัวเมืองลพบุรี ราคา 600 บาท ถ้าไปกันหลายคน หารกันจะคุ้มมาก เพราะสะดวก และใช้เวลาน้อยกว่ารถโดยสาร เราไปกัน 2 คน หารกันแล้วตกคนละ 300 บาท ค่ะ
นี่คือ คิวรถตู้ข้างวัดมหาธาตุ ค่ะ ฝั่งตรงข้ามเป็นเซเว่น และเหล่าพี่วินมอเตอร์ไซต์
หลังจากที่เราได้ทำการดีลราคากับพี่รถเหมาไปแล้ว พี่เขาก็ไปเอารถมารับค่ะ
เปิดประตูรถมาปุ๊ป คำแรกที่พูดกับพี่เขา คือ แหมะ… ชมพูเลยนะพี่นะ
ออกจากตัวเมืองลพบุรี ประมาณ 20 นาที ก็ถึง “ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล” ค่ะ
ช่วงนี้เขาไม่คิดค่าเข้าชมรายบุคคล แต่จะมีค่าจอดรถ 20 บาท / คัน
ข้างทุ่งทานตะวันจะมีร้านค้าเปิดเรียงกันอยู่ค่ะ ทั้งของกิน ของใช้ ของฝาก
ที่สำคัญมีคุณลุงดีเจ เปิดเพลง ชวนคุย สร้างความคึกครื้นตลอดด้วย อย่างว่าค่ะ คนไทย กับ ความบันเทิง เป็นของคู่กัน
ถึงแล้วววววววววววว ทุ่งทานตะวันนนนนนนนนนนนน เหลืองซะไม่มี…
ถ่ายรูปกันให้พอใจค่ะ เอาให้คุ้มๆๆ จะถ่ายใกล้ ถ่ายไกล ถ่ายเผลอๆ หรือถ่ายเซลฟี่ เอาเลยค่ะ
ดอกทานตะวันตอนแดดไม่ออก ก็เหมือนพวกเราในบ่ายวันทำงานค่ะ… คอ ตก
เดี๋ยวจะไม่จุใจ ขอนั่งรถไฟเข้าไปชมทุ่งด้านในซะหน่อย
รถคันนี้จะพาเราเข้าไปถ่ายรูปกับทุ่งทานตะวันในบริเวณที่เราเดินเท้าเข้าไปไม่ได้ (จริงๆก็เดินได้ค่ะ แต่ต้องเป็นคนที่ทนแดดมากมากกกกกกก) ซึ่งดอกทานตะวันจะเยอะกว่าด้านนอก สวยกว่าด้านนอก และเห็นวิวภูเขาเรียงตัวสลับกันหลายๆสี คิดซะว่าเสียเงินซื้อความสุขอีก 20 บาท แล้วกันค่ะ
สวยมากเลยยยยยย น่าเสียดายให้เวลาแป๊ปเดียวเอง
เอ้อ ที่นี่เค้ามีให้ถ่ายรูปกับม้าด้วยนะ
Back Drop ขนาดย่อมนี้ จะทำให้คุณหมดกังวลเรื่องเซลฟี่ไม่ติดยอดเขา หมดห่วงเรื่องถ่ายออกมาแล้วดอกทานตะวันเหี่ยว
หรือ ใครที่อยากถ่ายรูปกับทุ่งทานตะวัน แต่ทนแดด ทนร้อนไม่ไหว… เรียนเชิญ
เราใช้เวลาอยู่ที่ทุ่งทานตะวันประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาทีค่ะ จากนั้นก็นั่งรถไปกินข้าวกลางวัน และถ่ายรูปเล่นที่ “อ่างเก็บน้ำซับเหล็ก”
ซึ่งห่างจากทุ่งทานตะวันแค่นิดเดียวค่ะ ขับไปไม่เกิน 10 นาที ก็ถึงแล้ว
อ่างเก็บน้ำซับเหล็ก เป็นทะเลน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลาง มีเนื้อที่ประมาณ 1,760 ไร่ รอบอ่างเป็นบ้านเรือน และแพร้านอาหารค่ะ
มีให้เลือกหลายร้านนะ แต่นี่ไม่ได้เลือก พี่คนขับเขาเลือกให้ จัดไปค่ะ ที่ “ครัวศศิธร”
วิวดี ลมตีหน้า… โลเคชั่นนี้ถือว่าใช้ได้เลยค่ะ
เราสั่งอาหารมา 3 อย่างค่ะ ต้มจืด ข้าวผัดหมู และ ข้าวผัดไก่ + ไข่ดาว รสชาติกลางๆไม่มีอะไรพิเศษ
แต่ราคา 225 บาท (ตกคนละประมาณ 110 บาท) ถือว่าน่าคบหา
ชิลอยู่ที่อ่างเก็บน้ำประมาณ 1 ชั่วโมง พวกเราก็กลับเข้าเมืองลพบุรีค่ะ
พี่รถเหมาส่งพวกเราข้าง “ศาลพระกาฬ” จ่ายค่าโดยสารเสร็จก็บ๊ายบายคนขับ กับ รถคิตตี้ของพี่แก
“ศาลพระกาฬ” เป็นที่เคารพสักการะของคนลพบุรีและนักท่องเที่ยว ในวิหารประดิษฐานพระนารายณ์ยืน 2 องค์ ค่ะ
องค์เล็กเป็นแบบเทวรูปเก่าในประเทศไทย องค์ใหญ่เป็นประติมากรรมแบบลพบุรี
ศาลนี้มีลิงอาศัยอยู่จำนวนมาก เวลาคนเอาอาหารหรือผลไม้มาแก้บน ลิงพวกนี้ก็จะเข้ามากิน
แต่ที่ช็อคสุดคือ มันกินดอกไม้ อยู่ดีๆฉกดอกดาวเรืองจากพวงมาลัยเราไปกินเฉย… งงใจ
จาก “ศาลพระกาฬ” ข้ามถนนมานิดนึงก็จะเจอ “พระปรางค์สามยอด” ค่ะ ตามชื่อเลย คือ เป็นปรางค์เรียงต่อกัน 3 องค์
แต่ก่อนที่นี่เป็นเทวสถานของขอม จนสมเด็จพระนารายณ์ฯ ได้บูรณปฏิสังขรณ์ให้เป็นวัดในพุทธศาสนา
“พระปรางค์สามยอด” เปิด 06.00-18.00 น. ทุกวันค่ะ ยกเว้นวันจันทร์-อังคาร ค่าเข้าชมแค่คนละ 10 บาท
แต่ถ้าเข้าไปในวิหารด้วยจะ 20 บาท ถือว่าคุ้มเกินคุ้ม แลกกับการชมสถาปัตยกรรม และฝูงลิง พร้อมๆกัน
เข้ามาแล้วก็ต้องระวังตัว ระวังสิ่งของมีค่ากันนิดนึง เพราะลิงที่นี่ฉลาด และค่อนข้างซนค่ะ
มันจะกระโดดมาเกาะเราตอนไหนก็ไม่รู้ ทางที่ดีเดินตามพี่ที่ถือไม้ยาวๆไว้ จะปลอดภัยที่สุด
เออ มันไม่กลัวคนเลยเนอะ
อาหารที่คนเอามาให้น้องจ๋อก็จะเป็นข้าวโพด กระถิน และ น้ำแดง ค่ะ
ตอนเราไปนี่มีฝรั่งคนนึงโดนลิงขโมยแว่นค่ะ ฮีโร่คนนี้เขาก็เอาคืนมาให้ได้
จากการสอบถามฮีโร่ว่า “พี่คะ ลิงที่นี่มันเรียนรู้ที่จะกลัวไม้หรอ”
ก็ได้คำตอบว่า “อ้อ มันเรียนรู้ที่จะกลัวผม ถ้าพรุ่งนี้ผมถือหนังยางเส้นเดียว มันก็กลัว”
เท่ห์กว่าพี่ก็ Iron Man แล้ว...
ออกจาก “พระปรางค์สามยอด” ข้ามถนนมาก็จะเจอคิวรถตู้กลับกรุงเทพฯค่ะ ค่ารถ 120 บาท เหมือนเดิม
หรือถ้าใครอยากเที่ยวต่อที่ “วัดมหาธาตุ” ก็ได้ค่ะ เดินเรียบทางรถไฟขึ้นไปอีกหน่อย แล้วก็ไปขึ้นรถตู้กลับกรุงเทพฯ ข้างวัดได้เลย (คิวที่เรานั่งมาลง)
สรุปค่าใช้จ่าย + การเดินทาง
1. ค่ารถตู้ ไป – กลับ กรุงเทพฯ – ลพบุรี 120 ฿ x 2 = 240 บาท
2. ค่ารถเหมา ไป – กลับ ตัวเมืองลพบุรี – ทุ่งทานตะวัน + อ่างเก็บน้ำ 600 ฿ / 2 คน = 300 ฿
3. ค่าจอดรถที่ทุ่งทานตะวัน 20 ฿
4. ค่านั่งรถไฟชมทุ่งทานตะวัน 20 ฿
5. ค่าอาหารกลางวันที่อ่างเก็บน้ำ 110 ฿
6. ค่าเข้าชมพระปรางค์สามยอด 10 ฿
** ทั้งหมด 700 บาท ไม่ขาดไม่เกิน**
หวังว่ากระทู้นี้จะช่วยให้หลายๆคนมีที่ไปในช่วงสิ้นปีค่ะ ใครที่มีที่ไปอยู่แล้ว ก็ขอให้เที่ยวให้สนุก
แล้วทริปหน้าเราจะพาไปเที่ยวไหน ติดตามได้ใน http://blissoutthere.com/ และ https://www.facebook.com/BlissOutThere ค่ะ
ขอบคุณค่า <3