แบกเป้ออกไปถ่ายภาพ สังขละบุรี - เมืองพญาตองซู


ประเดิมกันด้วยภาพแรก สะพานมอญ อำเภอสังขละบุรียามเช้าครับ

ทริปนี้เป็นทริปแบกเป้ไปลุยครับ กว่าจะขออณุญาตผู้ปกครองไปได้ก็ยากเหมือนกัน
พอดีอยู่ในช่วงสอบเสร็จแล้วด้วย หยุดปีใหม่นี้มันว่าง ๆ และส่วนตัวก็อยากจะพัฒนาการถ่ายภาพของตัวเอง
ถ้ามัวหมกอยู่แต่ในบ้านก็ไม่ได้ภาพอะครับ ก็หาข้อมูลการเดินทาง รวบรวมความกล้าแล้วออกไปลุยครับ


อีกหนึ่งจุดที่หน้าสนใจของสะพานมอญที่นี่ก็คือ "มัคคุเทศก์ตัวน้อย" นี่แหละครับ
น้อง ๆ จะเดินเข้ามาถามเลยว่า ไม่ทราบว่าพี่ทราบประวัติของสะพานมอญนี้หรือยังครับ ผมตอบว่า
พี่รู้แล้วครับ ก่อนเดินทางมาพี่ศึกษามาบ้างแล้ว มัคคุเทศก์น้อยของเราตอบกลับมาว่า
"ไม่เป็นครับ หลวงพ่อสอนมาว่าเราต้องช่วยเหลือผู้อื่นครับ" น้องก็เล่าประวัติสะพานมอญจากท้ายสะพาน
จนเกือบสุดสะพาน ก่อนไปผมก็ให้ค่าขนมไป 20 บาท แต่อยากจะบอกว่าน้องข้อมูลแน่นมากครับ ฮ่า ๆ

ผมไปพักในฝั่งมอญครับ พอดีเพื่อนที่ไปด้วยแนะนำมา มีหมู่บ้านมอญเปิดเป็นโฮมสเตย์อยู่เยอะเหมือนกัน
ค่าที่พักก็ไม่แพงครับ พวกผมพักที่วิกานดา จริง ๆ ห้องเขาคิดราคา 500 บาท ครับ แต่พอดีพวกเรามากันสองคน
พี่เขาเลยให้คนละ 200 บาท ต่อคืน เช็คเอ้าท์ออกตอนไหนก็ได้ไม่จำเป็นต้องก่อนเที่ยง ตอนเช้ามีปาท่องโก๋
กาแฟ และขนมครกให้ด้วยครับ


ในหมู่บ้านมอญก็มีวิถีชีวิตของชาวมอญที่หาไม่ได้ในไทยครับ อย่างร้านนี้ คือ ร้านขายหมาก
ที่ยืนสังเกตุอยู่พักหนึ่ง ชาวมอญนิยมทานหมากนะครับ มีชาวมอญแวะมาอยู่เรื่อย ๆ บ้างก็ยืนเคี้ยวที่ร้านเลย
บ้างก็ซื้อกลับไป มีคนแวะมาเรื่อย ๆ ไม่ขาดสายจริง ๆ ครับ อารมณ์เหมือนมาซื้อไอติมกันถ้าเป็นแถวบ้านผม


บนสะพานมอญช่วงเช้า ๆ บรรยากาศดีมากครับ พวกผมเดินเล่นไปกลับกันหลายรอบอยู่
พอดีไปเจอป้าขายเปาะเปี๊ยะ จริง ๆ ก็ไม่ทราบว่าขนมนี้เรียกอะไรเพราะว่าป้าเขาพูดไทยไม่ได้
เพื่อนผมก็ซื้อมาถุงนึง 20 บาท ได้เยอะมากจนกินไม่หมด ผมก็กินกับเพื่อนตามเคย ของฟรีมีเกียรติครับ ฮ่า ๆ


วันที่ 2 ของทริป เพื่อนอีกคนเพิ่งมาถึงครับ พอดีไม่ได้มาด้วยกันเพราะว่าติดส่งงานอาจารย์ที่ ม.
หลังจากที่คุยกัน และหาข้อมูล พวกเราสุปได้ว่า วันนี้จะไปพม่ากันครับ แรก ๆ ก็กะจะเช่ามอไซค์ไปจอดด่านเจดีย์สามองค์
แต่ไม่เอาดีกว่า ไม่ชำนาญทาง เดี๋ยวจะเฟี้ยวเกิน สุดท้ายก็นั่งรถสองแถวไปครับ 35 บาท ถือว่าถูกนะครับถ้าเทียบกับระยะทางแล้ว


ขอสารภาพว่าก่อนไปไม่รู้จริง ๆ นะว่าเจดีย์สามองค์เป็นยังไง แต่ในจินตนาการคือมันต้องใหญ่มากแน่ ๆ
ก็เพราะจินตนาการนี่แหละเลยทำให้อยากไป จินตนาการสำคัญกว่าความรู้จริง ๆ ฮ่า ๆ


น้อง ๆ ชาวพม่าที่เมืองพญาตองซูไม่กลัวกล้องเลย รู้สึกว่าพอน้องเห็นพวกเราเดินถือกล้องเข้ามา น้องก็วิ่งเข้ามาใกล้ ๆ
พอเราจะหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายน้องก็หยุดนิ่งพร้อมยิ้มหวานให้ถ่าย พอเราจะเดินไปก็ยกมือบ๊ายบายให้อีก 5555
หลังจากที่ถ่ายน้องคนนี้เสร็จ เพื่อน ๆ ในกลุ่มก็เล็งปืน (อัดลม) ไปที่น้องแล้วกระหน่ำยิงแบบไม่ยั้ง วิ่งหนีกันจ้าล่ะหวั่นเลยทีเดียว


น้องคนนี้ก็เหมือนกัน ตอนแรก ๆ ก็วิ่งเล่นกับเพื่อน ๆ อยู่ในบ้าน แต่พอเห็นพวกเราเดินมาเท่านั้นแหละ
น้องก็วิ่งออกมาเลย มายืนมอง ผมก็รีบถ่ายภาพเก็บไว้เลยหลายภาพมาก เพราะกลัวว่าถ้าเข้าไปใกล้น้องจะหนี
แต่ไม่เลยผมนี่จะเอาเลนส์ไปจ่อหน้าน้องอยู่แล้วก็ยังยิ้มหวานให้ถ่ายรูปอีก น่ารักจริง ๆ ครับ


นี่เลยน้องคนนี้ผมภูมิใจนำเสนอมาก น้องเห็นพวกเราเดินเข้าไปหมู่บ้านน้องก็วิ่งลงมาหา วิ่งลงเนินด้วยนะ
สูงมากซะด้วย ไอ้เราก็กลัวจะล้ม แต่ยังไม่ลม วิ่งลงมาถึงก็มองเรา แล้วก็ค่อยล้ม ผมนี่ฮามาก ฮ่า ๆ


บางทีก็คิดนะ ว่าเด็ก ๆ มันคิดว่าเราเป็นปะหลาดหรือเปล่า ฮ่า ๆ
ที่นี่น่าจะเป็นสถานรับเลี้ยงเด็ก เพราะว่าข้างในนี้เด็กเยอะมาก


คนนี้ไม่ใช่พม่านะ เพื่อนผมเอง รู้หรือไม่ว่าตอนพวกเราจะเข้าด่านเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยเห็นแล้วทัก
โหวว พกกล้องคนละตัวเลยหรอ ไม่ได้นะ ทางนู้นเขาอณุญาตให้เอากล้องเข้าไปได้กลุ่มละคน
อ่ะ ๆ เอางี้ก็ได้ เข้าไปทีละคน แล้วทิ้งระยะห่างนะ ทำตัวเหมือนไม่รู้จักกัน โอเคปะ โอเคค่ะเพื่อนผมตอบ


ตอนแรก ๆ คุณลุงเขาก็อยู่ในบ้านนะ แต่พอพวกเราเดินผ่านหน้าบ้านเท่านั้นแหละ คุณลุงก็วิ่งออกมาเลย
พร้อมอุ้มไก่ขึ้นมาแล้วชี้ที่ตัวเอง และพูดว่า ก่ายบาม่า บาม่าไก่ พวกเราก็ถ่ายภาพให้คุณลุงไป
อยากเอาภาพนี้ให้คุณลุงมาก แต่ไม่รู้ว่าจะได้ไปอีกทีตอนไหน หรือใครรู้จักผมขอฝากไปด้วยนะครับ


ก็ใช่ว่าชาวพม่าจะชอบถ่ายภาพกันทุกคนนะครับ ดูอย่างเจ้าหนูนี้สิ วิ่งเล่นอยู่ดี ๆ พอเห็นพวกเรากำลังจะถ่ายภาพเท่านั้นแหละ
เอาแผ่นซีดีขึ้นมาปิดหน้าเฉยเลย และเหมือนจะร้องไห้ด้วยมั้ง


ถึงบ้านหลังนี้ผมก็เดินไปเก็บภาพปกติ พร้อมพกรอยยิ้มไปและพยายามใช้ภาษามือ
บังเอิญว่านึกคำว่าสวัสดีเป็นภาษาพม่าออก เลยลองพูดไปว่า "มิงกะลาบา" หนูน้อยและคุณแม่มองหน้ากันแล้วยิ้ม
หลังจากนั้นก็พูดภาษาพม่ากันยาวเลย แต่ก็ตามเคยนะ พอหยิบกล้องขึ้นมาจะถ่ายภาพเท่านั้นแหละ ทุกคนก็หยุดนิ่ง
พร้อมแอคท่าให้ถ่ายเลย


ปกติผมเป็นคนชอบถ่ายภาพ portrait มาก ไปไหนมาไหนกับเพื่อนก็มักจะมีรูปเพื่อนเก็บไว้เยอะมาก
เวลาวันเกิดนะถึงจะได้ใช้ 5555


นัดกับคุณลุงขับรถสองแถวไว้ห้าโมงครึ่ง แต่พวกเราเดินกลับตั้งแต่ห้าโมง เพราะกลัวด่านปิดเดี๋ยวกลับไม่ได้
ขณะเดินออกมาคุณลุงขับรถเขาบอกว่าหาพวกเราอยู่นาน อยากให้รีบกลับเพราะถ้ามืดแล้วมันจะอันตรายมากนะแถวนี้
เพื่อนผมบอกว่าคุณลุงน่ารักมาก ใจดีสุด ๆ เพราะตอนขามาเพื่อนผมก็ต่อรองเวลาเดินรถชนิดแบบแทบอ้อนวอน
ลุงเขาก็สงสารให้ ๆ ไป


หมดเวลาฝั่งพม่า ได้เวลากลับฝั่งไทยแล้ว


หลังจากนั่งสองแถวจากด่านเจดีย์สามองค์ถึงสะพานมอญ พวกเราก็ไม่พลาดที่จะไปเก็บแสงเย็นครับ
ช่วงเย็นคนไม่เยอะครับ ส่วนมากก็จะเป็นเหล่าช่างภาพที่มาช่วงนี้กัน


ไม่ว่าเดินไปที่ไหน ๆ ก็มีแต่คนเดินกันเป็นคู่ครับ เห็นแล้วอิจฉาสุด ๆ


ดีใจนะที่เพื่อน ๆ ชอบถ่ายรูปเหมือนกัน เพราะปกติถ้าไปเที่ยวกับกลุ่มอื่นมันจะเดินอย่างเดียว
ไม่ถ่าย ไม่ไรเลย ไปกับเพือนก็ดีอย่างนะ เวลาเจออะไรประทับใจ เจออะไรสวย ๆ มันสามารถหันมาบอก
เพื่อนข้าง ๆ เราได้ว่า เห้ยย แสงสวยว่ะ เด็กน่ารักว่ะ คืนนี้เมฆเยอะไม่เห็นดาวเลย นี่เป็นสิ่งนี่การไปเที่ยวคนเดียว
ทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ ฮ่า ๆ


จำชื่อน้องไม่ได้แล้ว เพิ่งรู้นะว่าการทาแป้งแบบนี้เค้าเอาไว้กันแดดกัน สังเกตุดูตอนกลางวันเรามักจะเจอชาวพม่า
ชาวมอญทาแป้งแบบนี้ ไม่ได้ทางตอนก่อนนอนเหมือนผม ฮ่า ๆ


เช้าวันรุ่งขึ้น เพื่อนอีกคนจำเป็นต้องกลับก่อน อาจารย์เรียกส่งงานด่วน ก็เลยเหลือพวกเราสองคน
สำหรับวันนี้กำว่าจะล่องเรือไปไหว้พระตามวัดที่จมน้ำกันครับ


ถ้าไปหลายวันมีเวลาก็ลองเดินสำรวจ ๆ ดูนะครับ
มีหลายจุดหลายมุมที่น่าสนใจ โดยเฉพาะฝั่งมอญ


อันนี้เห็นน้องว่า เป็นวัดวิเวการามของหลวงพ่ออุตตะมะเก่านะครับ ที่ตอนหลังย้ายไปแล้ว
น้องบอกว่าชื่อเดิมชื่อภาษามอญว่า วัดวังกะ แต่ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นชื่อไทยแล้ว


มัคคุเทศก์น้อยคนนี้ หลังจากฟังบรรยายเสร็จก็จับมาเป็นแบบถ่ายรูปซะเลย


จากฟังที่น้องบอกที่นี่น้ำท่วมเพราะการสร้างเขื่อนครับ แต่ถ้าช่วงน้ำแล้วเดินได้เลยนะครับ


ร้านตัดผมอยู่ฝั่งมอญนะครับ ไม่แน่ใจว่าราคาเท่าไหร่ แต่แว่ว ๆ มาว่า 30 บาท
คนที่นี่เค้าจะใส่สโหร่งกันครับ ผมก็เอากับเค้าด้วยใส่เดินเที่ยวแถว ๆ นั้น
แต่ไม่กล้าใส่ไปพม่าครับ กลัวกลับไทยไม่ได้ ฮ่า ๆ


ภายในหมู่บ้านมอญมีหลายตรอก หลายซอก หลายซอย
ถ้าว่าง ๆ ก็แนะนำเดิน ๆ ดูนะครับ ถ้าต้องการเก็บภาพแนะนำเดินดีกว่าขี่รถครับ
เพราะระหว่างเจออะไรเยอะมาก แต่พอดีผมถ่ายมาไม่สวยเลยไม่ค่อยได้รูปเท่าไหร่


ภายในหมู่บ้านส่วนมากที่เห็นจะนิยมใช้ไม้แบบนี้มาสร้างบ้านครับ


จากที่สังเกตุดูคนแถวนี้จะให้ความสำคัญ และศรัทธาในพระพุทธศาสนามากครับ
ค่อนข้างเหนียวแน่นเลยทีเดียว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่