ต้นเดือน พ.ย. หลังจากที่ผมกลับมาจากเที่ยวเชียงใหม่ได้ไม่นาน เพื่อนคนหนึ่งได้โทรมาชวนว่า พาไปเที่ยวธรรมชาติหน่อยครับ อยากได้ธรรมชาติ ขับรถเที่ยวกันใช้ความเร็วไม่มาก มีเวลาสองวันกับหนึ่งคืน
ตอนแรกผมวางแผนว่าจะพาไปน้ำตกจ๊อกกระดิ่น อช.ทองผาภูมิโน่นเลย แต่ดูเวลากับระยะทางสี่ร้อยกว่ากิโลเมตร (จากอยุธยา) แล้วนั้น ดูท่าจะเหนื่อยมากกว่าสนุกเป็นแน่ จึงเปลี่ยนแผนไป อช.แม่วงก์ ตะลุย "ช่องเย็น" กันดีกว่า เพราะห่างจากสิงห์บุรีบ้านผมแค่สามร้อยกว่า กม. เท่านั้น
พาหนะในการเดินทางครั้งนี้คือ ฮอนด้าแฟนท่อม 200 รุ่นที่ 2 ปี 2547 Over hual มาทั้งระบบ ชุดขับเคลื่อนและช่วงล่างได้รับการเปลี่ยนอะไหล่ทดแทนไปจนหมด จึงพร้อมลุยเป็นอย่างมาก
ส่วนอีกสองคัน เป็นสตาร์เลี่ยน เซนทอร์ 150 ที่ตกแต่งจนกลายเป็นรถแนว Scramble (น่าจะใช่) เพราะเจ้าของชอบความคลาสสิกมากกว่าความเร็ว ผมนัดทั้งสองคันให้มาเจอผมที่ริม ถ.สายเอเซีย อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ตอน 06.00 น. ในเช้าวันเสาร์ที่ 15 พ.ย. 58 ที่ผ่านมา (นัดเขามาหาตัวเองที่บ้าน ง่ายดี อิอิ)
เราทั้งสามคันสถาปนาตัวเองเป็นรถ Cruiser แบบเล็ก ๆ เอาน่า เวลาเราวิ่งบนถนนเรารู้สึกว่าเรา "ยิ่งใหญ่" เราจึงต้องวิ่งไหล่ทางและขอบทางด้านซ้าย อิอิ
06.00 ตรงเวลา สตาร์เลี่ยนสองคันก็วิ่งเข้ามาจอดศาลาริมทาง ถ.สายเอเซีย จุดนัดพบ เราทั้งสามคันเริ่มออกเดินทางทันที โดยมีแฟนท่อมเป็นรถนำขบวน ใช้ความเร็วในการเดินทางอยู่ที่ 90 - 100 กม.ต่อชั่วโมง เราทิ้งระยะทางต่อคันเกือบสิบเมตร วิ่งในช่องทางด้านซ้ายบ้าง ไหล่ทางบ้าง วันนี้รถขาขึ้นยังไม่มากนัก เราขับกันได้แบบสบาย ๆ พักกันทุก ๆ 1 ชม. หรือเมื่อผมอยากจะพัก เพราะผมเป็นคนเดียวในกลุ่มที่อายุมากที่สุด (เกือบสี่สิบ) ต้องพักบ่อยหน่อย อิอิ
เรามาถึงนครสวรรค์เมื่อเวลาประมาณเก้าโมงครึ่ง เส้นทางจากนครสวรรค์ไปกำแพงเพชรนั้น ยังเหมือนเดิมเหมือนเมื่อเดือนก่อนที่ผมไปเชียงใหม่ไม่เปลี่ยนแปลง เราต้องขับรถมัดระวังมากขึ้น สตาร์เลี่ยนสองคันนั่นไม่ค่อยจะยี่หระสภาพถนนสักเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะขนาดวงล้อหน้าที่ทั้งสองคันเปลี่ยนมาใช้นั้นขนาดใหญ่กว่าของเดิมอย่างมาก ตกหลุมไม่ค่อยมีผลอะไร ต่างจากรถผมที่ยางหน้ามันขนาด 90 เท่านั้นเอง
เรามาถึงแยกสลกบาตรในเวลา 11.00 น. และเลี้ยวซ้ายเข้าสู่แม่วงก์ เราแวะตลาดเพื่อซื้ออาหารเตรียมพร้อม ตอนนี้แดดยังแรงอยู่ เราเลยขับรถเลยเข้าไปเที่ยว อช.คลองลาน เที่ยวชมน้ำตกคลองลานสักนิด
น้ำตกคลองลานในวันนี้ นักท่องเที่ยวเยอะมากครับ อาจจะเป็นเพราะเป็นแหล่งคลายความร้อนยอดนิยมของชาวกำแพงเพชร อากาศร้อนอบอ้าวสุด ๆ ทั้งที่นี่มันกลางเดือน พ.ย. มันน่าจะหนาวได้แล้ว แต่ผิดคาด มีแต่แดดและเค้าฝนครับ
เพราะว่าร้อนมาก ผมจึงต้องอัดคาเฟอีนเข้าร่างกายสักหน่อย ก็ได้ร้านกาแฟสวัสดิการของอุทยานนี่เองช่วยชีวิตไว้ รสชาติดีครับ
ออกจากน้ำตกคลองลานตอนบ่ายสองโมงกว่า ๆ เติมน้ำมันที่ปั๊มในตัวอำเภอ (มีปั๊มเดียวนี่แหละก่อนถึงแม่วงก์) จากนั้นขับยาว 46 กม. เข้าสู่ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ผืนป่าอันยิ่งใหญ่
ผมมาเยือนที่นี่บ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มาด้วยมอเตอร์ไซค์ มันน่าตื่นเต้นไม่น้อย เนื่องจากตอนนี้เป็นถนนสองเลนสวนกัน ผมจึงระมัดระวังมากขึ้นไปอีก เพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรโผล่มาข้างทางหรือไม่ รถคนอื่นจะล้ำเลนมาชนเราหรือเปล่า และแล้วเราก็มาถึงด่านเก็บเงิน ถ่ายภาพเป็นหลักฐานกันก่อน
จากนั้นเราก็ขับขึ้นไปที่ทำการอุทยานเพื่อลงทะเบียน เสียเงินค่ากางเต๊นท์ และเช่าแผนรองนอนครับ
เมื่อถึงที่ทำการ ฯ จนท.ผู้หญิงท่าทางห้าว ๆ หน่อย (น่าจะเจอกันทุกคนที่ไป เพราะหลายปีที่ผ่านมาผมก็ไปมาหลายครั้งก็ยังเจอเจ๊อยู่) แจ้งว่า ที่กางเต๊นท์บนช่องเย็นน่าจะไม่พอนะ เพราะมีคณะล่วงหน้าคุณขึ้นไปแล้วหลายคณะเลย มี นศ.มาทำกิจกรรมอีก คุณนอนแค่ขุนน้ำเย็นดีกว่า เจ๊แกแนะนำมาแบบนี้
ผมกล่าวขอบคุณพร้อมกับออกเดินทางต่อ เส้นทางต่อไปนี้จะมีแต่ทางคด ๆ โค้ง ๆ ไม่แพ้ทางขึ้นทองผาภูมิเลยทีเดียว
ทางโค้งบนแม่วงก์ขับรถได้สนุกมากครับ แต่ต้องระมัดระวัง ไม่ใช้ความเร็วมากเกินไป ความเร็วที่ผมใช้บนนี้คือ 60 กม.ต่อชั่วโมงครับ
เราจอดรถปรึกษากันว่า เราจะนอนกันที่ไหนดี ระหว่างช่องเย็นกับขุนน้ำเย็นที่ห่างกันประมาณสองกิโลเมตร
แต่เนื่องจากสมาชิกในคณะสองคันไม่เคยมาที่นี่เลย ผมตัดสินใจพาคณะขึ้นไปเสี่ยงที่ช่องเย็น และก็ไม่ผิดหวังครับ ช่องเย็นคนไม่เยอะอย่างที่คิด เพราะคณะใหญ่ที่ขึ้นมาล่วงหน้านั้น ได้กางเต๊นท์นอนที่ขุนน้ำเย็น (เพราะห้องน้ำมากกว่า) เราเลยได้กางเต๊นท์ที่ช่องเย็นสมใจ
เราเลือกที่กางเต๊นท์ได้แล้ว ก็จัดการเตรียมอาหารเย็น จะมีอะไรสุขโขกว่า มาม่าร้อน ๆ ต้มกาแฟนั่งคุยกันกลางบรรยากาศที่เริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ ฝนตกปรอย ๆ บ้าง หยุดบ้าง
ระหว่างนั้น จนท.ก็ถือโทรโข่งประกาศกฎเหล็กของ อช.เช่นเรื่องดื่มสุรา เรื่องทิ้งขยะ เรื่องการใช้ห้องน้ำ เรื่องการส่งเสียงดัง คณะผมเป็นคณะที่ไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่กันอยู่แล้ว สบายไป
บรรยากาศตอนนี้สวยมาก อากาศก็ดีมากครับ
เดี๋ยวฝนก็มา
เดี๋ยวแดดก็มา
คืนนั้นเรานอนหลับกันอย่างมีความสุข ตื่นขึ้นมาตอนเช้า อากาศหนาวมาก ๆ เลยครับเย็นเจี๊ยบ
เราเก็บเต๊นท์ เก็บสัมภาระเตรียมลง วันนี้เราต้องกลับกันแล้ว เราลงไปถ่ายภาพที่กิ่วกระทิง
ระหว่างขาลงนั้น ผมก็มองกระจกหลังเรื่อย ๆ เพื่อดูสมาชิก และแล้วก็เกิดเหตุขึ้น รถในคณะหายไป 1 คัน ผมจึงจอดรอข้างทาง เผื่อตามกันไม่ทัน และแล้วรถคันที่มีปัญหาก็ค่อย ๆ ตามมาจนทัน ปัญหานั้นคือ สายน้ำมันเบรคหลังของสตาร์เลี่ยนคันหนึ่งแตก ทำให้เบรคไม่ได้ ต้องใช้เบรคหน้าอย่างเดียว เราจึงขับกันมาที่ตัวอำเภอแม่วงก์ หาร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน
เมื่อแก้ไขเสร็จเรียบร้อย เราจึงมุ่งหน้าต่อไปที่อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ผมเป็นครูประวัติศาสตร์ที่หลงไหลในศิลปะด้านนี้เอามาก ๆ เดือนที่แล้วก็เพิ่งไปสุโขทัยมา ซึ่งอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร เป็นอุทยานประวัติศาสตร์ที่เป็นมรดกโลกกลุ่มเดียวกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและศรีสัชนาลัย
สิ่งที่อยากจะแนะนำทุกท่านเวลามาเที่ยวอุทยานประวัติศาตร์ อยากให้ท่านแวะมาศูนย์บริการนักท่องเที่ยวก่อนนะครับ มาชมนิทรรศการเพื่อสรุปความคิดรวบยอดก่อน และท่านจะเที่ยวได้สนุกขึ้นครับ ที่อุทยานแห่งนี้จัดการระบบได้ดีมาก ๆ ผมยังอยากจะพาเด็กนักเรียนมาเลย ติดว่าไกลไปหน่อย
เมื่อเราชมนิทรรศการแล้ว เราจึงแจ้ง จนท.ว่า เราอยากจะนั่งรถรางพร้อมไกด์สักคนหนึ่งเพื่อชมโบราณสถาน แต่ จนท.แจ้งว่า รถรางบางส่วนซ่อมและบางส่วนส่งไปเตรียมการที่สุโขทัย เพราะจะมีงานลอยกระทง จนท.จึงแนะนำให้เราขับมอเตอร์ไซค์นี่แหละเที่ยวแทน
เราทั้งสามคันจึงขับมาเรื่อย ๆ จนทั่ว ผมประทับใจที่นี่และสุโขทัยมาก (ผิดกับอยุธยาที่ผมทำงานอยู่แบบคนละเรื่องเลย) ที่นี่สะอาดมาก จัดระบบการจราจร จัดแม่ค้าพ่อค้าได้ดีมากทีเดียว
เมื่อออกจากอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร เราจึงมุ่งหน้ากลับบ้านที่สิงห์บุรี และอยุธยา ผมถึงบ้านเวลา 19.00 น.ส่วนสตาร์เลี่ยนทั้งสิงคันถึงบ้านที่อยุธยาเวลาประมาณ 21.00 น. ปลอดภัย มีความสุขกันทั่วหน้า
วันนี้จบการนำเสนอเพียงเท่านี้นะครับ จบแบบดื้อ ๆ นี่แหละ
สวัสดีครับ
ปล. เวลามากำแพงเพชร มีใครไม่ยอมแวะร้านแบบนี้บ้างครับ อิอิ แต่ผมชอบนะ ซื้อกระจายเลย
กระทู้เก่าครับ
รันอิน z250sl เที่ยวเชียงใหม่ สุโขทัย
http://ppantip.com/topic/34353290
เมื่อ Cruiser คันน้อย ๆ สามคัน ตะลุยแม่วงก์ - กำแพงเพชร
ตอนแรกผมวางแผนว่าจะพาไปน้ำตกจ๊อกกระดิ่น อช.ทองผาภูมิโน่นเลย แต่ดูเวลากับระยะทางสี่ร้อยกว่ากิโลเมตร (จากอยุธยา) แล้วนั้น ดูท่าจะเหนื่อยมากกว่าสนุกเป็นแน่ จึงเปลี่ยนแผนไป อช.แม่วงก์ ตะลุย "ช่องเย็น" กันดีกว่า เพราะห่างจากสิงห์บุรีบ้านผมแค่สามร้อยกว่า กม. เท่านั้น
พาหนะในการเดินทางครั้งนี้คือ ฮอนด้าแฟนท่อม 200 รุ่นที่ 2 ปี 2547 Over hual มาทั้งระบบ ชุดขับเคลื่อนและช่วงล่างได้รับการเปลี่ยนอะไหล่ทดแทนไปจนหมด จึงพร้อมลุยเป็นอย่างมาก
ส่วนอีกสองคัน เป็นสตาร์เลี่ยน เซนทอร์ 150 ที่ตกแต่งจนกลายเป็นรถแนว Scramble (น่าจะใช่) เพราะเจ้าของชอบความคลาสสิกมากกว่าความเร็ว ผมนัดทั้งสองคันให้มาเจอผมที่ริม ถ.สายเอเซีย อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ตอน 06.00 น. ในเช้าวันเสาร์ที่ 15 พ.ย. 58 ที่ผ่านมา (นัดเขามาหาตัวเองที่บ้าน ง่ายดี อิอิ)
เราทั้งสามคันสถาปนาตัวเองเป็นรถ Cruiser แบบเล็ก ๆ เอาน่า เวลาเราวิ่งบนถนนเรารู้สึกว่าเรา "ยิ่งใหญ่" เราจึงต้องวิ่งไหล่ทางและขอบทางด้านซ้าย อิอิ
06.00 ตรงเวลา สตาร์เลี่ยนสองคันก็วิ่งเข้ามาจอดศาลาริมทาง ถ.สายเอเซีย จุดนัดพบ เราทั้งสามคันเริ่มออกเดินทางทันที โดยมีแฟนท่อมเป็นรถนำขบวน ใช้ความเร็วในการเดินทางอยู่ที่ 90 - 100 กม.ต่อชั่วโมง เราทิ้งระยะทางต่อคันเกือบสิบเมตร วิ่งในช่องทางด้านซ้ายบ้าง ไหล่ทางบ้าง วันนี้รถขาขึ้นยังไม่มากนัก เราขับกันได้แบบสบาย ๆ พักกันทุก ๆ 1 ชม. หรือเมื่อผมอยากจะพัก เพราะผมเป็นคนเดียวในกลุ่มที่อายุมากที่สุด (เกือบสี่สิบ) ต้องพักบ่อยหน่อย อิอิ
เรามาถึงนครสวรรค์เมื่อเวลาประมาณเก้าโมงครึ่ง เส้นทางจากนครสวรรค์ไปกำแพงเพชรนั้น ยังเหมือนเดิมเหมือนเมื่อเดือนก่อนที่ผมไปเชียงใหม่ไม่เปลี่ยนแปลง เราต้องขับรถมัดระวังมากขึ้น สตาร์เลี่ยนสองคันนั่นไม่ค่อยจะยี่หระสภาพถนนสักเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะขนาดวงล้อหน้าที่ทั้งสองคันเปลี่ยนมาใช้นั้นขนาดใหญ่กว่าของเดิมอย่างมาก ตกหลุมไม่ค่อยมีผลอะไร ต่างจากรถผมที่ยางหน้ามันขนาด 90 เท่านั้นเอง
เรามาถึงแยกสลกบาตรในเวลา 11.00 น. และเลี้ยวซ้ายเข้าสู่แม่วงก์ เราแวะตลาดเพื่อซื้ออาหารเตรียมพร้อม ตอนนี้แดดยังแรงอยู่ เราเลยขับรถเลยเข้าไปเที่ยว อช.คลองลาน เที่ยวชมน้ำตกคลองลานสักนิด
น้ำตกคลองลานในวันนี้ นักท่องเที่ยวเยอะมากครับ อาจจะเป็นเพราะเป็นแหล่งคลายความร้อนยอดนิยมของชาวกำแพงเพชร อากาศร้อนอบอ้าวสุด ๆ ทั้งที่นี่มันกลางเดือน พ.ย. มันน่าจะหนาวได้แล้ว แต่ผิดคาด มีแต่แดดและเค้าฝนครับ
เพราะว่าร้อนมาก ผมจึงต้องอัดคาเฟอีนเข้าร่างกายสักหน่อย ก็ได้ร้านกาแฟสวัสดิการของอุทยานนี่เองช่วยชีวิตไว้ รสชาติดีครับ
ออกจากน้ำตกคลองลานตอนบ่ายสองโมงกว่า ๆ เติมน้ำมันที่ปั๊มในตัวอำเภอ (มีปั๊มเดียวนี่แหละก่อนถึงแม่วงก์) จากนั้นขับยาว 46 กม. เข้าสู่ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ผืนป่าอันยิ่งใหญ่
ผมมาเยือนที่นี่บ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มาด้วยมอเตอร์ไซค์ มันน่าตื่นเต้นไม่น้อย เนื่องจากตอนนี้เป็นถนนสองเลนสวนกัน ผมจึงระมัดระวังมากขึ้นไปอีก เพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรโผล่มาข้างทางหรือไม่ รถคนอื่นจะล้ำเลนมาชนเราหรือเปล่า และแล้วเราก็มาถึงด่านเก็บเงิน ถ่ายภาพเป็นหลักฐานกันก่อน
จากนั้นเราก็ขับขึ้นไปที่ทำการอุทยานเพื่อลงทะเบียน เสียเงินค่ากางเต๊นท์ และเช่าแผนรองนอนครับ
เมื่อถึงที่ทำการ ฯ จนท.ผู้หญิงท่าทางห้าว ๆ หน่อย (น่าจะเจอกันทุกคนที่ไป เพราะหลายปีที่ผ่านมาผมก็ไปมาหลายครั้งก็ยังเจอเจ๊อยู่) แจ้งว่า ที่กางเต๊นท์บนช่องเย็นน่าจะไม่พอนะ เพราะมีคณะล่วงหน้าคุณขึ้นไปแล้วหลายคณะเลย มี นศ.มาทำกิจกรรมอีก คุณนอนแค่ขุนน้ำเย็นดีกว่า เจ๊แกแนะนำมาแบบนี้
ผมกล่าวขอบคุณพร้อมกับออกเดินทางต่อ เส้นทางต่อไปนี้จะมีแต่ทางคด ๆ โค้ง ๆ ไม่แพ้ทางขึ้นทองผาภูมิเลยทีเดียว
ทางโค้งบนแม่วงก์ขับรถได้สนุกมากครับ แต่ต้องระมัดระวัง ไม่ใช้ความเร็วมากเกินไป ความเร็วที่ผมใช้บนนี้คือ 60 กม.ต่อชั่วโมงครับ
เราจอดรถปรึกษากันว่า เราจะนอนกันที่ไหนดี ระหว่างช่องเย็นกับขุนน้ำเย็นที่ห่างกันประมาณสองกิโลเมตร
แต่เนื่องจากสมาชิกในคณะสองคันไม่เคยมาที่นี่เลย ผมตัดสินใจพาคณะขึ้นไปเสี่ยงที่ช่องเย็น และก็ไม่ผิดหวังครับ ช่องเย็นคนไม่เยอะอย่างที่คิด เพราะคณะใหญ่ที่ขึ้นมาล่วงหน้านั้น ได้กางเต๊นท์นอนที่ขุนน้ำเย็น (เพราะห้องน้ำมากกว่า) เราเลยได้กางเต๊นท์ที่ช่องเย็นสมใจ
เราเลือกที่กางเต๊นท์ได้แล้ว ก็จัดการเตรียมอาหารเย็น จะมีอะไรสุขโขกว่า มาม่าร้อน ๆ ต้มกาแฟนั่งคุยกันกลางบรรยากาศที่เริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ ฝนตกปรอย ๆ บ้าง หยุดบ้าง
ระหว่างนั้น จนท.ก็ถือโทรโข่งประกาศกฎเหล็กของ อช.เช่นเรื่องดื่มสุรา เรื่องทิ้งขยะ เรื่องการใช้ห้องน้ำ เรื่องการส่งเสียงดัง คณะผมเป็นคณะที่ไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่กันอยู่แล้ว สบายไป
บรรยากาศตอนนี้สวยมาก อากาศก็ดีมากครับ
เดี๋ยวฝนก็มา
เดี๋ยวแดดก็มา
คืนนั้นเรานอนหลับกันอย่างมีความสุข ตื่นขึ้นมาตอนเช้า อากาศหนาวมาก ๆ เลยครับเย็นเจี๊ยบ
เราเก็บเต๊นท์ เก็บสัมภาระเตรียมลง วันนี้เราต้องกลับกันแล้ว เราลงไปถ่ายภาพที่กิ่วกระทิง
ระหว่างขาลงนั้น ผมก็มองกระจกหลังเรื่อย ๆ เพื่อดูสมาชิก และแล้วก็เกิดเหตุขึ้น รถในคณะหายไป 1 คัน ผมจึงจอดรอข้างทาง เผื่อตามกันไม่ทัน และแล้วรถคันที่มีปัญหาก็ค่อย ๆ ตามมาจนทัน ปัญหานั้นคือ สายน้ำมันเบรคหลังของสตาร์เลี่ยนคันหนึ่งแตก ทำให้เบรคไม่ได้ ต้องใช้เบรคหน้าอย่างเดียว เราจึงขับกันมาที่ตัวอำเภอแม่วงก์ หาร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน
เมื่อแก้ไขเสร็จเรียบร้อย เราจึงมุ่งหน้าต่อไปที่อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ผมเป็นครูประวัติศาสตร์ที่หลงไหลในศิลปะด้านนี้เอามาก ๆ เดือนที่แล้วก็เพิ่งไปสุโขทัยมา ซึ่งอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร เป็นอุทยานประวัติศาสตร์ที่เป็นมรดกโลกกลุ่มเดียวกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและศรีสัชนาลัย
สิ่งที่อยากจะแนะนำทุกท่านเวลามาเที่ยวอุทยานประวัติศาตร์ อยากให้ท่านแวะมาศูนย์บริการนักท่องเที่ยวก่อนนะครับ มาชมนิทรรศการเพื่อสรุปความคิดรวบยอดก่อน และท่านจะเที่ยวได้สนุกขึ้นครับ ที่อุทยานแห่งนี้จัดการระบบได้ดีมาก ๆ ผมยังอยากจะพาเด็กนักเรียนมาเลย ติดว่าไกลไปหน่อย
เมื่อเราชมนิทรรศการแล้ว เราจึงแจ้ง จนท.ว่า เราอยากจะนั่งรถรางพร้อมไกด์สักคนหนึ่งเพื่อชมโบราณสถาน แต่ จนท.แจ้งว่า รถรางบางส่วนซ่อมและบางส่วนส่งไปเตรียมการที่สุโขทัย เพราะจะมีงานลอยกระทง จนท.จึงแนะนำให้เราขับมอเตอร์ไซค์นี่แหละเที่ยวแทน
เราทั้งสามคันจึงขับมาเรื่อย ๆ จนทั่ว ผมประทับใจที่นี่และสุโขทัยมาก (ผิดกับอยุธยาที่ผมทำงานอยู่แบบคนละเรื่องเลย) ที่นี่สะอาดมาก จัดระบบการจราจร จัดแม่ค้าพ่อค้าได้ดีมากทีเดียว
เมื่อออกจากอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร เราจึงมุ่งหน้ากลับบ้านที่สิงห์บุรี และอยุธยา ผมถึงบ้านเวลา 19.00 น.ส่วนสตาร์เลี่ยนทั้งสิงคันถึงบ้านที่อยุธยาเวลาประมาณ 21.00 น. ปลอดภัย มีความสุขกันทั่วหน้า
วันนี้จบการนำเสนอเพียงเท่านี้นะครับ จบแบบดื้อ ๆ นี่แหละ
สวัสดีครับ
ปล. เวลามากำแพงเพชร มีใครไม่ยอมแวะร้านแบบนี้บ้างครับ อิอิ แต่ผมชอบนะ ซื้อกระจายเลย
กระทู้เก่าครับ
รันอิน z250sl เที่ยวเชียงใหม่ สุโขทัย http://ppantip.com/topic/34353290